ไปสู่ความหลัง
ดิฉันเคยอยู่ที่ซอยอินทรพิทักษ์ วงเวียนใหญ่ ธนบุรี นานมาแล้ว...สมัยนั้นยังเป็นซอบแคบๆ นะคะ ไม่ใช่ถนนกว้างขวางผิดหูผิดตาเหมือนสมัยนี้
สมัยนั้น จากปากซอยเข้าไปมีตึกแถวเก่าๆ ทั้งสองฟาก ยาวเป็นช่วงๆ เข้าไปลึกเอาการ กว่าจะถึงบ้านเรือนที่ส่วนมากเป็นเรือนไม้ ตอนกลางวันมีผู้คนเดินเข้าออกไม่ขาดสาย แต่ตอนกลางคืนน่ะ พอเลยค่ำไปแล้วค่อนข้างเปล่าเปลี่ยว บรรยากาศเยือกเย็นน่าดู
ใต้ชายคาของตึกแถวมีฟุตปาธแคบๆ ดิฉันเคยเดินเข้าซอยกับพ่อแม่ตอนกลางคืน ร้านค้าต่างๆ ปิดกันเกือบหมดสิ้น รู้สึกแปลกๆ เหมือนมีสายตาของใครจ้องมองมาอย่างเร้นลับน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
มีซอยแยกเล็กๆ ทั้งซ้ายและขวา ทำให้หวาดระแวงว่าพอเราเดินไปถึงตรงนั้นจะมีอะไรโผล่ออกมาก็ไม่รู้...ทั้งมืดและทั้งเงียบน่าเสียวสันหลัง พูดตรงๆ คือกลัวผีนั่นแหละค่ะ!
ก่อนจะถึงบ้านดิฉัน 3-4 หลังเป็นบ้านของคุณยายอุบล...ที่นั่นเองที่ทำให้ดิฉันเห็นภาพน่าขนหัวลุก ติดหูติดตามาจนถึงทุกวันนี้!
คุณยายอุบลเป็นคนเก่าแก่ก่อนพ่อแม่ดิฉันเสียอีก ครอบครัวเราสนิทกันมาตั้งแต่ดิฉันจำความได้ พ่อแม่เรียกแกว่า "คุณป้า" จนถึงตอนเกิดเหตุหลอนสุดขีดนั้น ดิฉันยังเรียนมัธยมปลาย คุณยายอุบลคงอายุราว 75 ปีได้ค่ะ
ตอนเย็นๆ หลังโรงเรียนเลิก ดิฉันลงรถเมล์ที่วงเวียนใหญ่แล้วเดินเลี้ยวมาเข้าซอย ผู้คนยังหนาตา เด็กๆ วิ่งเล่นเจี๊ยวจ๊าวน่าสนุก...จนกระทั่งถึงบ้านคุณยายอุบล!
มองผ่านรั้วไม้ระแนงที่มีกอกุหลาบบานสะพรั่ง...ที่เฉลียงหน้าบ้านมักจะเห็นคุณยายอุบลนั่งเก้าอี้นวมหลังโต๊ะเล็กๆ ที่เฉลียงร่มรื่น มีแว่นตาวางอยู่บนหนังสือ 2-3 เล่ม ผมสั้นดัดเป็นลอนขาวโพลนเหมือนปุยฝ้าย...นัยน์ตาเหม่อลอยแบบคนช่างคิดช่างฝัน
ตอนนั้นดิฉันอยากรู้จริงๆ ว่าความคิดฝันของคนชราจะมีอะไรบ้างหนอ?
พอแกเหลือบเห็นดิฉัน รอยยิ้มจะผุดขึ้นที่มุมปากจนไฝดำเม็ดเขื่องคล้ายกระตุกกนิดๆ อย่างมีชีวิตชีวา ก่อนจะกวักมือเรียกให้เข้าไปหา
ดิฉันยกมือไหว้นอบน้อม คุณยายอุบลจะลูบหลังลูบไหล่ ชวนให้กินขนมอร่อยๆ บางวันก็เป็นกระท้อนลอยแก้ว ไม่ก็ขนมใส่น้ำแข็งน้ำหวาน ทำให้ชื่นใจดีค่ะ...เสียงแหบพร่านิดๆ ของคุณยายอุบลจะพูดจาชมเชยว่าดิฉันสะสวย น่ารัก พร้อมกับจ้องมองอย่างชื่นชมตลอดเวลา
"เมื่อสาวๆ ยายก็สวยน่ารักนะหนู" เสียงพูดปนหัวเราะขบขัน "ขนาดแก่เฒ่าป่านนี้แล้วยังจำได้เลยว่าตัวเองเคยสะสวยยังไง...หน้าตึง ตาคม แก้มเป็นพวงเหมือนกระติกเลย"
บางวันคุณยายอุบลก็ขอให้ดิฉันยืนหมุนตัวให้ดู ไม่ได้อายหรอกค่ะแต่เขินนิดหน่อยเมื่อเห็นแววตาชื่นชมของคุณยายอุบลผู้จ้องมองแทบไม่วางตา พึมพำว่า...สมัยก่อนยายก็เคยมีรูปร่างอย่างนี้เหมือนกัน!
เดี๋ยวนี้ดิฉันเข้าใจจนซาบซึ้งแล้วค่ะว่าคุณยายอุบลคิดฝันถึงเรื่องอะไร?
วันหนึ่ง เหตุการณ์หลอนสุดขีดก็อุบัติขึ้น!
ปีนั้นฤดูหนาวมาเร็วกว่าปกติ เดือนพฤศจิกายนก็หนาวแล้ว พวกเราต้องสวมเสื้อสเว็ตเตอร์ไปโรงเรียน หลายๆ คนก็ได้โอกาสอวดเสื้อหนาวกันค่ะ
เย็นนั้น ดิฉันเดินเข้าซอยบ้านเหมือนเคย ใจจดจ่ออยู่กับคุณยายอุบลอย่างบอกไม่ถูก...จนกระทั่งมาถึงรั้วไม้ระแนงที่มีกุหลาบแดงบานสะพรั่ง มองเข้าไปก็ต้องย่นคิ้วงุนงง
ไม่มีคุณยายอุบลนั่งอยู่เฉลียง แต่นั่นยังไม่เท่ากับมีหญิงสาวผมดำขลับสวมเสื้อไหมพรมสีเหลืองอร่าม ผ้าพันคอสีฟ้าสด กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ...อาจจะเป็นลูกสาวหลานสาวก็ได้ ดิฉันเกือบจะหันกลับก็พอดีหญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมอง...
คุณพระช่วย! หน้าตาเหมือนคุณยายอุบลเมื่อสาวๆ ดิฉันรู้เพราะเคยดูรูปถ่ายสมัยก่อนของแก...ผู้หญิงคนนั้นกวักมือเรียก รอยยิ้มแตกซ่านจนเห็นไฝดำเม็ดเขื่องเต้นระริก!
"คุณยาย..." ดิฉันอุทาน รู้สึกม่านตาพร่าพรายคล้ายโลกหมุนเร็วขึ้น...ผละออกวิ่งไปบ้านด้วยหัวใจเต้นอึกทึกครึกโครมเหมือนจะแตกทำลายไป...ได้ยินเสียงเรียกชื่อแว่วๆ แต่ไม่ยอมหันไปมอง...ไม่ได้เล่าให้ใครฟังด้วยซ้ำว่าเห็นภาพหลอนสุดขีดมาหยกๆ
เปล่าค่ะ คุณยายอุบลไม่ได้ล้มตายแล้วมาหลอกหลอน ได้ข่าวว่าสุขภาพแกไม่ค่อยดี มีโรคภัยต่างๆ ตามประสาคนแก่...อีกราว 4-5 เดือนต่อมาถึงได้สิ้นใจตายอย่างสงบ
เดี๋ยวนี้ดิฉันย้ายที่อยู่และเกษียณออกมาหลายปีแล้ว ชอบนั่งทอดอารมณ์ที่ระเบียงบ้าน อ่านหนังสือกับมีขนมไว้ให้เด็กสาวๆ ข้างบ้านกิน...คิดถึงความหลังเก่าๆ แล้วรู้สึกกลับเป็นสาวอีกครั้ง...
บางวันเห็นเด็กวัยรุ่นมาหาที่หน้าบ้าน ดิฉันกวักมือเรียกแต่แกกลับผงะหน้า ออกวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงไปเลย...ไม่รู้ว่าแกหวาดกลัวอะไรนะคะ?
thanks
หน้า:
[1]