เจ้าหน้าที่อุทยานผู้น่าสงสาร
"ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลงนิดๆแล้ว ทำให้อดคิดถึงช่วงนี้เมื่อปีที่แล้วไม่ได้"วันนั้นที่บริษัทพาพนักงานไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติที่หนึ่ง เราไปบ้านพักของหลวงสองหลังใกล้ๆกัน พอดีได้แยกชายหญิง แต่พอเอาเข้าจริง ก็เอาเต้นท์มากลางนอนกันที่ลานหน้าบ้านพักกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่อุทยานกันอย่างเคร่งครัด
ในช่วงเย็นของวันที่พวกเราไปถึง น้ำตกข้างๆ ยังพอมีน้ำให้เล่นอยู่ พวกเราต่างก็ลงเล่นน้ำกันเป็นที่สนุกสนาน ถึงแม้น้ำจะเย็นจนสั่นก็ตาม จนเวลาใกล้จะเย็นแล้ว มีเจ้าหน้าที่สองคนเดินเข้ามาบอกให้พวกเราขึ้นจากน้ำได้แล้ว ผมสบตาเข้ากับเจ้าหน้าที่หนุ่มคนหนึ่ง อายุคงพอๆกับผม หน้าตาหล่อมาก บวกกับชุดเครื่องแบบที่ใส่ยิ่งทำให้ดูเทห์เข้าไปใหญ่ ถึงแม้จะดูคล้ำไปหน่อย แต่รอยยิ้มความเป็นกันเองก็ทำให้สาวๆในบริษัทผมจ้องตาไม่กระพริบ ส่วนผมก็ได้แต่แอบมองตอนเดินผ่านขึ้นมาจากน้ำตกเท่านั้น ไม่อยากเข้าข้างตัวเอง เจ้าหน้าที่หนุ่มคนนั้นก็ส่งยิ้มให้ผมเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ในรอยยิ้มชวนให้ค้นหาซะงั้น แต่ผมก็ไม่ได้หวังอะไรมากมาย เพราะโอกาสที่จะได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวคงไม่มี
หลังมื้อเย็นวันนั้น ผมลืมของไว้ที่รถที่จอดไว้ตรงทางเข้าหน้าอาคารสำนักงาน ผมรีบเดินไปเอาซ่ะก่อนที่จะมืด ระหว่างทางขาไป โชคก็เข้าข้างผมอย่างไม่นึกมาก่อน ผมเห็นเจ้าหน้าที่คนนั้นเดินมาออกมาจากทางแยกเล็กๆ เราสองคนต่างยิ้มให้กัน
"จะไปไหนเหรอครับ"
"พอดีผมลืมของไว้ที่รถครับ เพิ่งนึกได้เลยรีบมาเอา กลัวจะมืดซะก่อน"
เราสองคนเดินคุยกันไปจนถึงที่จอดรถ ได้ทำความรู้จักกันพอประมาณ "ต๋อง" คือชื่อของเจ้าหน้าที่รูปหล่อคนนั้น
ผมรีบหยิบของที่ลืมไว้โดยมี ต๋อง อยู่เป็นเพื่อน หลังจากนั้นผมก็ขอตัวกลับที่พัก เพราะฟ้าเริ่มมืดแล้ว ผมบอกตรงๆเลยว่ากลัวมาก ยังไงแล้วต้องมืดระหว่างทางแน่ๆ ต๋องเห็นท่าทีผมแล้วคงรู้ จึงเสนอตัวเดินกลับไปเป็นเพื่อน ผมโล่งอก คลายความกลัวลงไปหมด ต๋องขอตัวไปบอกพี่ๆในสำนักงานก่อน ออกมาต๋องถือไฟฉายมาสองอัน ต๋องส่งมันให้ผมอันนึง แล้วเราสองคนก็เดินกลับ ต๋องเดินช้ามาก ช้าจนผมแปลกใจ ต๋องชวนผมคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ จนถึงทางแยกที่ผมเห็นต๋องเดินออกมาตอนขามา ต๋องบอกขอแวะไปเอาของที่บ้านพักแปป ผมเลยจำต้องเดินตามต๋องไปอย่างไม่มีข้อแม้ พอถึงบ้านพักหลังเล็กๆ ต๋องเปิดประตูเข้าไป แล้วเอ่ยปากชวนผมให้เข้ามา ต๋องให้ผมนั่งเล่นที่เก้าอี้ยาวริมผนัง แล้วต๋องก็เดินมานั่งใกล้ คำแรกที่ต๋องพูดกับผมหลังจากนั้นคือ
"ค้างที่นี่กับผมมั้ยครับ ผมออกเวรพอดี"
ต๋องเล่นเอาผมอึ้งไปชั่วครู่ แต่ผมบอกไปว่า คงไม่ได้เพราะไม่รู้จะเอาเหตุผลไหนไปบอกกับเพื่อนๆที่มาด้วยกัน ต๋องดูซึมไปนิด แต่ก็เข้าใจ
"งั้นคุยกับผมต่ออีกสักพักได้มั้ยครับ แล้วผมจะไปส่ง"
ผมเห็นแววตาของต๋องแล้วใจละลาย ตกลงใจทันที ต๋องบอกว่าอยู่ที่นี่เหงามาก อยากมีใครสักคนคุยด้วย ผมเลยยิ่งสงสาร ใจอ่อนยอมให้ต๋องนั่งกระเถิบเข้ามาจนชิด
"คุณน่ารักจัง ผมอยากรู้จักมากกว่านี้จะได้รึเปล่าครับ"
ผมไม่มีคำตอบ ได้แต่ส่งสายตาตอบรับออกไป ต๋องเอียงหน้ามาประกบปากผม จูบผมอย่างดูดดื่ม เสื้อผ้าหลุดออกจากร่างเราสองคนตอนไหนไม่รู้ ต๋องไซร้ร่างผมจนอ่อนปวกเปียก กอดรัดผมเหมือนกับว่านานมาแล้วที่ห่างหายจากเรื่องนี้ ต๋องไม่ได้ส่งมาแต่ความรู้สึกโหยกระหายเพียงอย่างเดียว แต่ความรู้สึกอบอุ่น และจริงใจที่ต้องได้ส่งผ่านการกอดรัดที่ผมสามารถสัมผัสได้ ต้องพยายามจะล่วงล้ำผม แต่ขาดอุปกรณ์ป้องกัน ผมเลยต้องขอไว้โอกาสหน้า ถึงกระนั้นเราสองคนก็ต่างสำลักความสุขออกมากันอย่างล้นเหลือ เราสองคนนอนกอดก่ายกันอยู่ภายในห้องเล็กๆอย่างมีความสุข จนถึงเวลาที่ผมควรจะกลับได้แล้ว ต๋องเดินจับมือผมไปตลอดทาง ก่อนจะถึงที่พัก เราได้แลกเบอร์โทรกัน และสัญญาว่าเมื่อมีเวลาและโอกาสเราจะได้เจอกันอีก
หลังจากคืนนั้น ผมก็ได้แอบนัดแนะเจอกันที่บ้านพักของต๋องอีกครั้ง พรุ่งนี้เช้าพวกผมก็ต้องกลับกันแล้ว ต๋องกอดผมไว้ในอ้อมกอดอย่างเงียบๆ ผมรับรู้ถึงหยดน้ำใสๆ ที่ไหลออกมาจากสองตาของต๋อง... เรื่องมันช่างเศร้าจริงๆ ขอบคุณครับ เจอแบบนี้ก็เศร้าสิครับ ขอบคุณครับ ความรักที่เกืดขึ้นด้วยความเหงา ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณคับ ขอบคุณครับ ขอบคุนนะคัล อุทยานที่ไหนจะแวะไปปลอบใจให้ครับ ขอบคุณคร้บ ความรัก ขอบคุณคับ ขอบคุณครับ ว๊าวววว ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ