mickyyy โพสต์ 2014-12-28 14:58:24

รุ้งเริงฝน1

ดอกไม้หน้าฝนเริ่มร่วงโรยหล่นทิ้งก้านดอกลงมาซบแนบแอบอิงกับพื้นดินเมื่อสิ้นฝนหยาดสุดท้าย คล้ายเป็นสัญญานบอกให้รู้ว่าฤดูฝนอันชุ่มฉ่ำกำลังจากไป ในขณะที่สายลมหนาวเริ่มพัดแผ่วอ้อยอิ่งเข้ามาแทนที่ ฤดูกาลผันเปลี่ยนไปตามวัฎจักรของมันปีแล้วปีเล่า และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเส้นทางที่มันเดินทางผ่าน

แล้วความเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาก็ก่อให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์อันน่าพิศวงและชวนให้ลุ่มหลงแก่ผมในเช้าวันหนึ่ง
ซึ่งเป็นช่วงที่ลมหนาวกำลังก้าวเข้ามาเยือน หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่แสนสงบในชนบท
ปีนี้ผมอายุ 12 ย่าง 13 (เพราะอีกเพียงไม่กี่เดือนก็จะ 13แล้ว) กำลังเรียนอยู่ระดับชั้นประถมปีสุดท้ายและก็เทอมสุดท้ายด้วย เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรืยนรวมกันทุกระดับชั้นเกือบ 270 คน (จากสองหมู่บ้าน)

สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับผมที่เกริ่นแต่แรกนั่นก็คือ เช้านี้หลังจากสลัดผ้าห่มออกจากร่าง ตัดใจจากความอบอุ่นเพื่อลุกมาอาบน้ำแปรงฟันและเตรียมตัวไปเรียนเหมือนทุก ๆ วัน ภาระกิจแรกที่ทำตอนเข้าห้องน้ำคือเยี่ยวเพราะอั้นมาทั้งคืน ล้วงกระเจี้ยวออกมาและแอ่นตัวไปข้างหน้าตามเคยชิน ปรกติก็ไม่ค่อยได้สนใจอะไรมากนัก แต่วันนี้รู้สึกผิดสังเกต เอ๊ะทำไมกระเจี้ยวเราเปลี่ยนไป รู้สึกเหมือนมันจะพอง ๆ อวบ ๆ นิ่ม ๆ และยาวกว่าเดิม จับเต็มไม้เต็มมือกว่าวันที่ผ่าน ๆ มา โอ้ เกิดอะไรขึ้นกับเรานี่ ความง่วงกระโจนหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่าความวิตกกระโดดมาทับจนตั้งตัวไม่ทัน มันเกิดอะไรขึ้น รวบรวมสติชั่วครู่ แล้วก้มลงมองน้องชายคนใหม่ให้เต็มตา มีมดหรืออะไรมากัดกระเจี้ยวตอนเราหลับหรือเปล่าหว่า พลิกซ้ายขวาไปมา ก็ไม่มีรอยกัดหรือรอยบาดแผลนี่นา แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มันต้องมีสาเหตุสิ คิดในใจด้วยความกังวล พร้อมกับจับพลิกไปมาเพื่อตรวจหาร่องรอยอีกรอบ กำ จู่ ๆ กระเจี้ยวก็รู้สึกตัวขึ้นมา ค่อย ๆ แข็งตัวขึ้นช้า ๆ (เหมือนเรางัวเงียจากการตื่นนอนเลย) ยิ่งจับยิ่งพลิกก็ยิ่งแข็งชูชันขึ้น แล้วความใหญ่ความยาวก็เริ่มขยายพองขึ้นเต็มไม้เต็มมือยิ่งกว่าเดิมอีก แถมยังอุ่นไปทั่วท่อนลำ ทั้งตื่นเต้นทั้งกังวลปนกันไปหมด ไม่ใช่ไม่เคยกระเจี้ยวแข็งมาก่อน แต่เมื่อก่อน ถึงจะแข็งแต่มันก็ไม่ใหญ่และยาวอย่างนี้ ตอนนี้ดูมันผิดรูปผิดร่างไปหมด เมื่อจับมันตั้งตรงขึ้น เฮ่ย ส่วนหัวมันร่นเผยอเปิดออกนิดหน่อย เมื่อก้มมองใกล้ ๆ ทำให้มองเห็นรูที่ปล่อยน้ำเยี่ยวออกมานิด ๆ โคตรตื่นเต้นเลยเป็นความรู้สึกที่ยากบรรยายจริง ๆ พยามบีบนวดท่อนลำที่กำลังพองเต็มมือก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดตรงไหน สรุปว่าแมลงไม่ได้กัดต่อยให้มันบวมแน่นอน แล้วลองกดส่วนหัวที่เปิดนิด ๆ นั่นพร้อมกับพยายามคลี่ดูร่องรู แต่มันก็เปิดได้ไม่มากแถมยังรู้สึกตึง ๆ จนเริ่มจะเจ็บนิด ๆ “รีบ ๆ หน่อยเพื่อนมารอแล้ว” เสียงของยายตะโกนเรียกมาจากตัวบ้าน ทำให้ผมต้องละความสนใจจากน้องชายคนใหม่ชั่วคราว แล้วรีบตักน้ำราดตัวละเลงฟอกสบู่จนทั่วตัว วันนี้ทำไมมีเรื่องตื่นเต้นเยอะจัง เพราะเมื่อมือผมสัมผัสกับพวงอัณฑะของตัวเองรู้สึกเหมือนมันใหญ่ขึ้นกว่าเดิมจนล้นอุ้งมือ ปรกติถ้าอาบน้ำตอนเช้ายิ่งหน้าหนาวอย่างนี้มันแทบจะหาไม่จอเพราะความหนาวทำให้มันหดคืนไปหมด แต่วันนี้แปลกจริง กระเจี้ยวแม้จะโดนน้ำที่ค่อนข้างเย็นแต่ก็ยังโด่จนชี้เด่ออกมาและยังผงกหัวหงึก ๆ พร้อมกับส่ายท่อนลำไปมาตามจังหวะการเคลื่อนไหวของผม เหมือนไม่ยอมจำนนต่อความเย็นของน้ำ ใจจริงผมก็อยากสำรวจและทำความคุ้นเคยกับน้องชายคนใหม่ให้มากกว่านี้ แต่ติดว่าเพื่อนมารอแล้ว
จึงต้องรีบอาบน้ำให้เสร็จเพื่อจะได้ไปเรียนพร้อมกัน

ระยะทาง 3 กิโลเมตรจากหมู่บ้านไปถึงโรงเรียน อาจจะมองว่าไกล แต่สำหรับเด็กชนบททุกคนล้วนเคยชินกับการเดินไปกลับทุกวัน จนเป็นเรื่องธรรมดาซะแล้ว แต่งตัวเสร็จคว้ากระเป๋าหนังสือ พร้อมห่อข้าวก็กระโดดซ้อนท้ายจักรยานของเพื่อนรักทันที วันนี้พร้อมแล้วสำหรับการเดินทาง เชษฐ์ตะวัน หรือไอ้ ต็อก เป็นเพื่อนที่ผมสนิทมากที่สุดเรียนมาด้วยกัน โตมาด้วยกันก็ว่าได้ คุยกันได้ทุกเรื่องเถียงกันได้ทุกอย่าง แต่ก็รักและซี้กันที่สุด ปรกติก็ไม่ค่อยได้สนใจอะไรมันมากนักหรอกเพราะเห็นมันก็เหมือนเห็นตัวเอง ต็อกสูงเท่า ๆ กันกับผมคือประมาณ 152 – 153 ซึ่งก็ถือว่าสูงพอสมควรสำหรับเด็กวัยนี้ ผมเป็นคนผิวสีแทน ต็อกเป็นคนผิวขาว นอกจากเป็นคนที่อัธยาศัยดีแล้วยังหน้าตาดีด้วย อืมม์ก็เพิ่งสังเกตนะว่ามันหน้าตาดี วันนี้มันก็ปั่นไปคุยจ้อไปเหมือนเคย แต่ผมกับคุยน้อยกว่าที่เคย เพราะยังรู้สึกตื่นเต้นและสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่หาย ก็เลยจดจ่อแต่เรื่องกระเจี้ยวตัวเองจนบางทีไม่ได้ฟังว่ามันคุยเรื่องอะไร
“เฮ่ย มึงฟังกูพูดป่าวนี่” ไอ้ต็อกถามเมื่อไม่เห็นผมตอบ
“อือ กำลังฟังอยู่” ผมบอก
“กูพูดเรื่องไรมึงรู้ป่าว” มันย้ำ
“ไม่รู้ ก็มึงเล่นพูดซะหลายเรื่อง” ผมบอกมันพลางแก้ตัว
“ กูเพิ่งพูดเรื่องเดียวเอง มึงเป็นไรของมึงวะวันนี้ ท้องผูกหรือไงวะ” นั่นโดนจนได้
“ไม่มีอะไร แค่คิดอะไรเพลิน ๆ นิดหน่อย” ผมแถลง
“แล้วมึงคิดเรื่องอะไรวะ ที่ว่าเพลิน ๆ บอกกูได้ป่าว เผื่อกูจะได้เก็บไปคิดเพลิน ๆ เหมือนมึงบ้าง” มันไม่ยอมลดละ
“เอาไว้ถึงโรงเรียนก่อนเดี๋ยวกูบอก” ผมบอก
“ได้ กูรอได้” มันบอก พร้อมออกแรงปั่นจักรยานให้เร็วขึ้น อาจเพราะอยากให้ถึงโรงเรียนเร็วหรือเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นขี้นอันนี้ก็ยากจะเดา
“เฮ้ย ไอ้ต็อก ไอ้เขต พวกมึงจะรีบไปไหนวะ รอพวกกูด้วย” เสียงตะโกนเรียกมาจากข้างหลัง ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นไอ้ย้ง เพราะเสียงห้าว ๆ อย่างนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากมัน ย้งอายุมากว่าพวกเรา 1 ปี ตัวโตและค่อนข้างสูงกว่าผมนิดหน่อยอาจประมาณ 3 – 4 เซ็นต์ ผิวเข้ม แต่เรียนชั้นเดียวกันเพราะมันย้ายบ่อยตอนเด็กเล็ก ๆ ทำให้เรียนไม่ต่อเนื่อง สุดท้ายครอบครัวก็มาลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านของเรา มันจึงได้เริ่มเรียนต่อประถม 5 พร้อมพวกเรา แต่เพราะความเคยชินพวกเราจึงไม่ได้เรียกมันว่าพี่ ซึ่งมันก็ไม่ได้สนใจเพราะถือว่าเป็นเพื่อนกัน
“เก่งจริงตามให้ทันสิวะ” ไอ้ต็อกร้องท้าออกไป พร้อมกับเร่งปั่นจักรยานให้เร็วขึ้น
“ได้เลยพวก” ไอ้ย้ง ไอ้กานต์ รับคำท้าและเร่งปั่นจักรยานให้เร็วขึ้นเหมือนกัน ฝ่ายเราก็ไม่ยอมแพ้เร่งความเร็วเพื่อหนีให้ห่าง คนอื่น ๆ ก็ไม่ยอมลดละ สุดท้ายก็ถึงโรงเรียนเร็วกว่าเวลาปรกติของทุกวัน จอดรถใต้ถุนอาคารเรียน เอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องเรียน ตั้งใจจะวิ่งไปสนามบอลเพื่อเตะบอลตอนเช้าเหมือนที่เคยทุกวัน
“ไหนมึงมีเรื่องอะไรจะบอกกู ว่ามา” ไอ้ต็อกพูดเมื่อยัดกระเป๋าเข้าในโต๊ะเสร็จ
“บอกตอนนี้ไม่ได้หว่ะ คนเยอะ” ผมบอกมันไปเบา ๆ เพราะคนอื่นยังง่วนอยู่ที่โต๊ะ
“มีความลับอะไรวะ” มันถามเบาลงเช่นกัน
“ไม่เชิงหว่ะ” ผมตอบ แต่ก่อนจะคุยมากกว่านั้น
“ไปเตะบอลกันดีกว่า ไปเร็วเขต ต็อก” ไอ้กานต์ตะโกนมาจากประตูห้องเรียน
“เตะบอลก่อนดีกว่า ไว้ตอนพักเทียงค่อยคุยกัน” ผมบอกต็อก แล้วตามเพื่อน ๆ ไปที่สนาม

หมอกพร่างพราวบนใบหญ้าในสนาม กับสายลมหนาวที่พัดเอื่อย ๆ ตอนเช้าไม่มีผลต่อเด็กอย่างพวกเรา เรายังคงสนุกได้ในสนามบอลจนแดดเริ่มอุ่นและเมื่อเสียงระฆังสัญญานบอกเวลา เข้าแถวเตรียมเคารพธงชาติและเตรียมเข้าเรียนดังขึ้นจึงได้หยุดเล่นกัน
ยอมรับเลยว่าตอนเรียนไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ เพราะใจมันจดจ่อแต่เรื่องน้องชายคนใหม่ หลายครั้งที่เอามือไปล้วงลูบจับคลำมันนอกเป้ากางเกงนักเรียนของตัวเอง มันก็ยังดูเต็มมือเหมือนเดิมไม่ได้ลดขนาดลง อยากรูดซิปกางเกงแล้วสอดมือเข้าไปลูบคลำมันเหลือเกิน แต่ก็ติดตรงสถานที่ไม่เอื้ออำนวย แต่เพียงแค่คิดก็เริ่มรู้สึกคับตึงแน่นที่เป้ากางเกงแล้ว สงสัยน้องชายตัวดีคงสัมผัสได้ถึงความต้องการของเรา มันค่อย ๆ แข็งตัวขึ้นช้า ๆ จนในที่สุดก็พองตัวและดันกางเกงในแอปเปิ้ลให้โป่งออกมา จนกางเกงนักเรียนสีกากีตุงอย่างเห็นได้ชัด อึดอัดจนต้องโก่งตัวขึ้นจากเก้าอี้
“เป็นไรวะ ปวดฉี่เหรอ” ไอ้ต็อกถาม
“อืมม์” ผมปด
“ไปดิ เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน” มันบอกด้วยหวังดี
“ใกล้หมดคาบแล้ว เดี๋ยวค่อยไปก็ได้” ผมบอก แหมใครจะกล้าเดินเป้าโด่ตุงออกจากโต๊ะเรียนหล่ะ มีหวังพวกได้แซวตายเลย ที่สำคัญก็มันแข็งขนาดนั้น ผมคงก้าวขาไม่ออกหรอก
แล้วสัญญานพักเทียงก็ดังขึ้น ครูสั่งการบ้านและออกจากห้องไป เก็บสมุดหนังสือเข้าโต๊ะ แล้วหยิบห่อข้าวเตรียมไปนั่งกินข้าวที่โต๊ะไม้ข้างหอประชุมที่ประจำของกลุ่มพวกผม 4 คน มีผม ไอ้ต็อก ไอ้ย้ง และไอ้กานต์ แต่บางวันก็อาจมีเพื่อนคนอื่นมาร่วมวงด้วย เช่นไอ้ก้อง ไอ้นก หรือไอ้คม ส่วนพวกผู้หญิงไม่มีใครกล้ามาร่วมวงด้วย เพราะมักถูกแซวเรื่องเป็นแฟนคนนั้นคนนี้ในกลุ่ม ก็เลยอายและไม่กล้ามาใกล้กลุ่มพวกผมเลย
“กินข้าวเสร็จทำอะไรดีวะพวกเรา เตะบอลไหม” ไอ้กานต์ถาม
“ไม่เอาหว่ะ แดดร้อน” ผมบอก คนอื่นก็ส่ายหน้าเหมือนกัน
“แล้วทำอะไรดีหล่ะ” กานต์ถามต่อ
“ไปที่เดิมดีไหม ไม่ได้ไปนานแล้ว” ไอ้ย้งเสนอขึ้น ที่เดิมคือที่ที่รู้กัน ป่าหลังโรงเรียน
“เออดี เหมือนกัน” ทุกคนเห็นพร้อม ผมฝากห่อข้าวให้ย้งกับไอ้กานต์เอาไปเก็บที่โต๊ะ ส่วนผมกับต็อกจะไปรอที่ห้องน้ำ ซึ่งห่างจากหอประชุมประมาณ 30 เมตร
“ตกลงมีเรื่องอะไรจะบอกกูวะ” ไอ้ต็อกถามเมื่อถึงห้องน้ำ
ที่เยี่ยวของผู้ชายจะเป็นรางยาว ไม่มีอะไรกั้น ซึ่งก็ไม่จำเป็นเพราะเด็ก ๆ ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ ถึงใช้ก็คงไม่คิดอะไรหรอก ถ้าเวลายืนฉี่แล้วเพื่อนข้าง ๆ จะมองเห็นกระเจี้ยวของเรา ผมรูดซิปกางเกงนักเรียนลง แล้วล้วงมือเข้าไปดึงขอบกางเกงในแอปเปิ้ลสีรุ้งลงพร้อมกับกำน้องชายเบา ๆ แล้วพาออกมาสูดอากาศข้างนอกมันยังใหญ่และหยุ่นมือเหมือนตอนเช้าไม่ผิด ผมค่อย ๆ ปล่อยสายน้ำไหลออกมาจากน้องชายตัวเขื่อง
“เอ่อ คือว่า “ ผมเริ่มแบบตะกุกตะกักนิดหน่อย
“มึงดูเจี้ยวกูดิ มันบวมและยาวขึ้นมากเลย กูสงสัยว่าจะมีแมลงกัดมันหรือเปล่า แต่มันก็ไม่ปวดและไม่เห็นมีแผลนะ” ผมบอก และพยายาม แอ่นสะโพกไปข้างหน้า เพื่อให้ไอ้ต็อกได้เห็นกระเจี้ยวของผมถนัดยิ่งขึ้น
“ที่สำคัญหนังตรงปลายหัวมันแย้มเปิดออกนิดหน่อยจนมองเห็นรูเยี่ยวได้ด้วยหว่ะ มันเป็นเพราะอะไรวะ”
ผมหันไปถามมัน
“เป็นแบบเดียวกันกับของกูใช่ป่าว” มันพูด พร้อมกับเอามือที่จับกระเจี้ยวเยี่ยวอยู่ออก ทำให้ผมมองเห็นน้องชายตัวเขื่องขนาดอวบและยาวไม่ต่างกับของผมมากนัก แต่ของมันดูขาวใสกว่า และตรงหนังหุ้มปลายมันเปิดได้มากกว่าของผมเสียอีก
“เฮ้ย เจี้ยวมึงก็เป็นเหมือนกันเหรอ แล้วมันเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นมึงบอกกูเลย” ผมถาม เพราะสงสัย เมื่อต้นฝนยังแก้ผ้าโดดน้ำฝายด้วยกันอยู่เลยก็ไม่เห็นว่ามันจะใหญ่อย่างนี้
“เพิ่งเป็นได้เกือบอาทิตย์แล้วหว่ะเพื่อน ไม่ต้องตกใจหรอก แสดงว่าเรากำลังจะโตเป็นหนุ่มแล้วไงหล่ะ” มันพูดพร้อมกับสะบัดน้องชายให้สะเด็ดน้ำเยี่ยวก่อนจะเก็บเข้าในกางเกง ในขณะที่น้องชายผมดันค่อย ๆ แข็งตัวขึ้น โคตรอายเลยนะดันมาแข็งตัวต่อหน้าเพื่อนรัก ทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังเยี่ยวไม่เสร็จอีก
“เสร็จกันยังวะ” เสียงแหบพร่าของไอ้ย้งตะโกนมาจากหน้าห้องน้ำ
ผมสะบัดน้องชายและพยายามยัดกลับคืนเข้าที่แต่มันก็ค่อนข้างยากนิดหน่อย เดินออกมาจากห้องน้ำเป้ากางเกงตุงเด่ เพราะน้องชายไม่ยอมก้มหัวผมจึงจับหัวมันเงยขึ้นแล้วดึงกางในมาปิดไว้ เราเดินไปหลังห้องน้ำพยายามให้ห้องน้ำบังกลัวครูมองเห็น แต่ส่วนใหญ่ไม่มีครูออกมาจากห้องพักในเวลาเที่ยงหรอก เดินไป 20 เมตรก็สุดเขตโรงเรียนที่ล้อมรั้วด้วยลวดหนามแล้วก็จะเป็นป่าสาธารณะที่พวกเราลอดรั้วผ่านเข้าออกได้ ผมเดินลำบากมากเพราะหัวน้องชายที่ตั้งขึ้นเสียดสีกับเนื้อผ้ากางเกงในมันเสียวแป๊บ ๆ จนรู้สึกว่าบางทีก็เจ็บนิด ๆ ต้องคอยซี้ดปากไปตลอดทางจนพ้นแนวเขตรั้ว จึงตามทันเพื่อนที่รออยู่
“เป็นไรวะ เดินโคตรช้าเลยนะมึง” ได้ต็อกถาม
“เอ่อ อืมม์ ป่าว” ผมบอกพร้อมกับพยามยามเดินนำหน้า แต่ก็ไม่พ้นคำถามอยากรู้ของพวกมันอยู่ดี
“ป่าวอะไรของมึง ก็ดูท่ามึงเดินดิ” ไอ้กานต์พูด สงสัยผมคงเดินผิดปรกติจริง ๆ
“เป็นอะไรบอกมาพวกกูจะได้รู้” ไอ้ต็อกซัก
สงสัยว่าจะจนมุมจริง ๆ แล้วหล่ะสิผม
“คืองี้” ผมเริ่มแบบไม่เต็มเสียงนัก พร้อมกับก้มหน้าหลบสายตาพวกมัน
“คือ เจี้ยวกูแข็งหว่ะ แล้ว เอ่อ แล้วก็ มันเอาหัวลงไม่ได้ กูก็เลยจับพาดขึ้น แล้วดึงกางเกงในขึ้นมาปิดไว้ แต่พอเดิน ๆ ไปหัวเจี้ยวกูเสียดสีกับกางเกงในกูก็เลยเดินลำบาก เพราะมันเจ็บ ๆ และก็เสียว ๆ ที่หัวเจี้ยวหว่ะ” พอพูดจบพวกมันก็ขำก๊ากกันยกใหญ่ ส่วนผมก็อายจนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว
“เจี้ยวมึงแข็งตั้งแต่ตอนเยี่ยวแล้ว ยังไม่หายเหรอ” ไอ้ต็อกถาม อ้าวไอ้นี่แสดงว่ามึงก็สังเกตเห็นว่าเจี้ยวกูแข็งอะดิตอนฉี่ ผมนึกในใจ
“อื่อ” ผมรับ “กูก็พยายามให้มันหายแล้วนะ แต่มันไม่ยอมหายเลยหว่ะ ทำไงดีวะ” ผมกังวล เพราะขืนปล่อยให้มันเสียดสีอย่างนี้มีหวังผมก้าวขาไม่ออกแน่
“อยากให้มันหายมันต้องมีวิธี” ไอ้ย้งพูดขึ้น พร้อมกับยิ้มนิด ๆ
“ต้องทำอย่างไงวะ” ผมถามทันที
“เอาไว้ไปถึงฐานแล้วจะบอก” มันพูด พร้อมกับเดินนำหน้าต่อไป ไม่นานก็มาถึงฐานของเรา เป็นซุ้มไม้เถาที่เรานำปลีกไม้มาวางเรียงกันปูพื้นส่วนหลังคาและด้านข้างจะคลุมด้วยเคลือเถาว์วัล เนื้อที่ไม่กว้างนักแต่พวกเราก็มุดเข้าไปนั่งเล่นนอนเล่นได้สบาย
“บอกได้ยังวะ ย้ง ต้องทำไงถึงจะหาย” ผมถามทันทีที่มุดเข้าไปได้ น้องชายยังแข็งอยู่จนเริ่มปวดแล้วไอ้ย้งเป็นคนที่พูดตรง ๆ ประเภทขวานผ่าซาก
“มึงก็ชักว่าวสิวะ” มันพูดหน้าตาเฉยมาก

mm2013 โพสต์ 2014-12-28 15:13:15

ขอบคุณครับ

minone โพสต์ 2014-12-28 15:41:35

ขอบคุนคับ{:5_130:}

phitchapat โพสต์ 2014-12-28 16:55:35


ขอบคุณครับ

somkaite โพสต์ 2014-12-28 18:00:11

ขอบคุณครับผม

mickyyy โพสต์ 2014-12-28 18:54:37

ขอบคุนทุกคนที่มาอ่านนะคับ

Topma โพสต์ 2014-12-28 22:02:26

ขอบคุณคับ

hinata08 โพสต์ 2014-12-28 23:42:26

ขอบคุณมากครับ

teambkk โพสต์ 2014-12-28 23:49:23

ขอบคุณครับ

shinecaraff โพสต์ 2016-11-4 01:22:32

น่าติดตาม อ่านเพลินๆสนุกดี

chinigami โพสต์ 2016-11-4 23:23:24


ขอบคุณครับ

doodd โพสต์ 2016-11-4 23:36:36

ขอบคุณนะครับ

frenzaa โพสต์ 2016-11-22 20:02:05

เริ่มกันแล้ว

Addy6699 โพสต์ 2017-4-1 17:59:48

ขอบคุณมากนะครับ

tazman โพสต์ 2017-4-1 18:33:55

รออยู่นะคับ สนุกคับ

Exart โพสต์ 2022-8-9 19:13:05

ขอบคุณครับ

Daydayup โพสต์ 2024-11-22 14:49:28

สนุก เสียว มาก
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: รุ้งเริงฝน1