สวรรคบ้านทุ่ง 3
มิ่งเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหน้านักศึกษาสามคนที่เขาคุยด้วยเมื่อวานนี้"สวีสดี พี่มิ่ง"ทั้งสามพูดพร้อมกันและยกมือขึ้นไหว้
"เออ..ไม่ต้องไหว้ก็ได้จ่ะ"มิ่งรับไหว้แทบไม่ทันพร้อมกับพูด
"ไปนั่งที่กระหนำนาก่อนก็ได้เพราะอากาศร้อน"มิ่งบอกและเดินนำหน้าไป เมื่อทุกคนนั่งเรียบร้อยแล้วมิ่งก็ตักน้ำในโอ่งเล็กๆมายื่นให้โดยที่ตักก็เป็นกะลาติดด้ามไม้ไม่ใช่แก้วหรือขันฟ้ารับไปแล้วดื่มและส่งให้กับตะนอยและโต้งแต่ทั้งสองคนส่ายหน้าฟ้าจึงส่งคืนให้กับมิ่ง
"อือ..สดชื่นมากเลย ขอบคุณมากค่ะ"ฟ้ากล่าวแล้วก็ร่วมคุยกันเรื่องการทำนาของมิ่งซึ่งส่วนใหญ่ฟ้าจะเป็นคนถามมากกว่าส่วนสองคนก็มีถามบ้างและจดบันทึกเมื่อถามงานเสร็จ
"วันนี้อากาศร้อนมากเลย"ตะนอยพูดกับเพื่อนๆซึ่งถ้าสังเกตุจะมีเม็ดเหงือไหลมาจากใบหน้าของทุกคน
"ใช่จ่ะวันนี้ฝนน่าจะตก พวกคุณรีบกลับเถอะเพราะถ้าฝนตกแล้วแถวนี้งูจะชุม"มิ่งพูดเสริมถ้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าเมฆเริ่มก่อตัวหนามาแต่ไกลและไม่ทันที่ทั้งสามคนจะกลับลมก็พัดแรงจนหลังคาที่กระหนำซึ่งมุงด้วยหญ้าแฝกแทบจะหลุดปลิวตามลมทั้งสามจึงรีบบอกลาและเดินกลับที่พักซึ่งต้องเดินอีกไกลจากตรงนี้ เดินไปได้ซักพักฝนห่าใหญ่ก็ตกลงมาท้องฟ้ามืดจนมองอะไรแทบไม่เห็นมิ่งรีบเก็บไถและจูงควายเข้ามาหลบในกระหนำนาสายฟ้าแลบทอดตัวจากฟ้าสู่ดิน"เปี้ยง"เสียงดังสะท้านจนแผ่นดินสะเทือนบ่อยครั้งที่เกิดฝนตกและฟ้าผ่าแบบนี้มิ่งไม่สะทกสะท้านเพราะชินกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่นักศึกษาทั้งสามคนจะเป็นไงบ้างมิ่งเริ่มหวาดวิตก เมื่อตาเริ่มชินกับความมืดมิ่งก็รีบวิ่งออกจากกระหนำไปทางที่นักศึกษาทั้งสามเดินกลับ เดินมาไกลพอสมควรก็ไม่เจอมิ่งคิดว่าคงไปถึงที่พักแล้วอากาศเริ่มเย็นและมืดฝนก็ยังตกไม่ขาดเม็ดมิ่งจึงเลี้วมาอีกทางเพื่อจะกลับบ้าน
"ช่วยด้วย ช่วยผมที"มิ่งหยุดเดินและมองหาต้นเสียงเหลียวซ้ายเหลียวขวาเพราะตอนนี้นอกจากเสียงฟ้าร้อง เสียงกบเซ็งแซ่
"หรือว่าหูแว่วว่ะ"มิ่งพูดกับตัวเองพอจะก้าเดินต่อ
"ช่วยด้วย ใครอยู่แถวนี้ช่วยผมที"มิ่งมองไปทางเสียงทันทีซึ่งก็ไม่ห่างจากที่มิ่งยืนมากนักมิ่งรีบเดินเข้าไปตรงต้นไม้ใหญ่
"อ้าวคุณเป็นไรทำไมมาอยู่ตรงนี้"มิ่งตกใจเพราะเห็นตะนอยนั่งจับข้อเท้าตัวเองอยู่คนเดียว
"ผมวิ่งหลบฝนหกล้มขาแพลงเลยตามเพื่อนๆไม่ทันเพราะตกใจเสียงฟ้าและมันมืดมองไม่เห็น"ตะนอยตอบทำหน้าเหย่เพราะเจ็บ
"แล้วเพื่อนๆคุณหละ"มิ่งถามและมองฝ่าความมืดไปรอบๆ
"คงกลับกันไปแล้ว ป่านนี้คงรู้แล้วหละ"ตะนอยตอบมิ่งเข้าไปช่วยพยุงเพราะเห็นตะนอยพยายามจะยืนแต่เจ็บที่ข้อเท้าทำให้ตัวต้องล้มพับกับไปที่เดิมพอมือได้สัมผัสมันเหมือนกับไฟช๊อตทำให้รู้สึกแปลกๆผิวชั่งนุ่มลื่นพอเอามือมาคล้องที่คอกลิ่นตัวช่างหอมทำให้มิ่งเคลิ้มไปชั่วขณะ
"โอ้ย เจ็บ"ตะนอยร้องเมื่อจะก้าวเดิน
"คุณคงเดินไม่ไหวแล้วหละอีกอย่างมืดแล้วด้วย เอ้างี้เดียวขี่คอผมแล้วกันแล้วไปบ้านผมก่อนเพราะใกล้กว่าทางที่คุณพัก"มิ่งรีบนั่งลงตะนอยลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วเอามือสองข้างมาคล้องที่คอ มิ่งลุกขึ้นเอามือคล้องเข้าที่ขาสองข้างยกขึ้นแล้วเดิน
"เออ นาย เออพี่ไม่หนักหรือ"ตะนอยถามมิ่งและมองจากด้านหลังกลิ่นสาปของความเป็นชายในตัวมิ่งไม่ได้เหม็นเลยกับหอมแปลกๆทำให้ใจของตะนอยเต้นแรงขึ้น
"ไม่หรอก ตัวคุณเบาเดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้วทนอีกนิดนะ"มิ่งตอบแล้วรีบเดินเพราะใจมิ่งก็เต้นแรงผิดปกติ ทั้งเนื้อนุ่มที่กอดเขาอยู่กลิ่นหอมที่มิ่งไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนอีก จนถึงบ้านเมื่อมาถึงมิ่งวางตะนอยลงช้าๆ
"อ้ามิ่งนั่นเอ็งพาใครมาด้วยหละ"แม่มิ่งถามและเดินเอาตะเกียงที่จุดเข้ามาหาและส่งมาใกล้ๆกับหน้าของตะนอยเพื่อจะได้เห็นชัดๆ
"นักศึกษาที่เขามาดูงานนะแม่ เขาไปที่นาพอดีฝนตกขาแพลงเดินไม่ไหวผมจึงพามาที่บ้านก่อน"มิ่งตอบพร้อมไปหยิบผ้าขาวม้าผืนใหม่มาให้ตะนอยเช็ดหัวเช็ดตัวส่วนตัวเองก็ใช้ผืนเก่าเช็ดหัวและลงไปอาบน้ำ พอขึ้นบ้านก็ยังเห็นตะนอยใส่ชุดเดิมนั่งกอดตัวเอง
"สงสัยไอ้หนูนี่จะไม่สบายมิ่งเดี๋ยวเอายามาให้กินด้วยนะเดี๋ยวแม่ไปต้มข้าวให้ก่อน"แม่พูดแล้วเดินเข้าไปในครัวแม้มดตะนอยจะร้องห้ามแต่แกก็เต็มใจทำทำให้ตะนอยเห็นคุณค่าของคนชนบทที่นี่มากขึ้น มิ่งแต่งตัวออกมาจากห้องก็กางเกงขาก๊วยตัวเดียวหละเสื้อไม่ใส่ถึงอากาศจะเย็นแต่ก็ชินไม่เหมือนตะนอยตอนนี้เริ่มคอแห้งปวดหัวหนาวจับใจต้องกอดตัวเองและห่มด้วยผ้าที่มิ่งมาให้
"เปลี่ยนชุดที่เปียกออกก่อนซิคุณได้หนาวตายหรอก"มิ่งบอกแล้วเอายาพาราซึ่งชนบทก็มีแค่นี้มาให้"เดี๋ยวกินข้าวก่อนนะค่อยกินยา"ตะนอยรับยามาวางไว้แล้วจะเริ่มถอดเสื้อออกแต่เจ้ากรรมแขนไม่มีแรงและยังเขินที่มีคนนั่งมองอยู่อีกจึงทำให้ใบหน้าที่ขาวแดงไม่รู้ว่าเพราะพิษไข้หรืออายกันแน่มิ่งนั่งมองเมื่อเห็นก็รู้จึงเดินเข้าไปอุ้มตะนอยเหมือนเจ้าบ่าวอุ้มเจ้าสาว"นายจะทำอะไรอ่ะ"ตะนอยถามพร้อมกับดิ้น
"อ้าว ก็ให้คุณไปเปลี่ยนในห้องไง หรือจะถอดตรงนี้"มิ่งตอบแล้วเดินอุ้มตะนอยไปในห้องเมื่อวางลงแล้วก็หากางเกงขาก๊วยที่มีกับเสื้อมาวางไว้ให้
"นายออกไปก่อนซิ"ตะนอยบอกแต่มิ่งกับนั่งมองเฉย
"เผื่อ จะได้ช่วยเหลือไง"มิ่งอยากจะล้อเล่นยิ่งเห็นอีกฝ่ายหนึ่งแสดงการอายอย่างเห็นได้ชัดซึ่งไม่เหมือนเพื่อนๆรุ่นเดียวกันแก้ผ้าโชว์กันก็ไม่เห็นใครอายคนกรุงนี่ก็แปลกมิ่งได้แต่คิดแล้วเดินยิ้มยักคิ้วออกไป ตะนอยเมื่อเห็นท่าทางของมิ่งก็ยิ่งอายจนมิ่งเดินออกปิดประตูจึงถอดเสื้อออกเผยให้เห็นเนื้อที่ขาวนวลเอวคอดไร้ซึ่งไขมันนมที่แตกพานออกสีชมพูเรื่อๆและเมือแกะตะขอกางเกงแล้วรูดซิปเพื่อดึงลงแต่ก็ถอดยากจึงต้องยืนขึ้นเมื่อยันขาได้ก็รูดลงมากองที่พื้นในขณะยกขาเพื่อเอากางเกงออกจึงเสียหลักล้มลงถึงจะไม่แรงมากแต่ก็ทำให้บ้านสะเทือน มิ่งจึงรีบวิ่งเข้ามาดูสิ่งที่เห็นถึงกลับตาค้างอาปากหวอ ตะนอยล้มตัวนอนหงายขายกขึ้นข้างหนึ่งซึ่งยังมีกางเกงห้อยอยู่ตัวเปลื่อยป่าวขาวเนียนมองต่ำลงมาเหลือกางเกงในสีขาวซึ่งยังเปียกแนบเนื้อ ท่อนขาที่เรียวขาวโอ้ยเลือดกำเดาแทบไหล
"เป้...เป็นไงคะ.ครับ"เห็นภาพทำให้มิ่งพูดติดอ่างเลย
"ใครให้นายเข้ามา ออกไปก่อน"ตะนอยตกใจเมื่อเห็นประตูเปิดออกและมิ่งยืนมองแบบนั้นอายก็อายจนทำอะไรไม่ถูกต้องเอามือมาปิดที่เป้า มิ่งจึงรีบปิดประตูเมื่อเสร็จเรียบร้อยก็กินข้าวกินยาเข้าไปนอนด้วยพิษไข้และความเพลียของตนเองทำให้ตะนอยนอนหลับไปก่อนคนในบ้าน ไม่นานกำนันและผู้ใหญ่พร้อมกับคุณครูก็มาเรียกที่หน้าบ้านพอคุยกันรู้เรื่องก็กลับไปฝากให้มิ่งดูแลลูกศิษย์ด้วยเพราะเห็นหลับแล้ว
(อาจยังมีติดขัดอยู่บ้างนะครับ ต้องขออภัยยังมือใหม่อยู่ครับ)
ขอบคุนนะคับ{:5_130:} ขอบคุนครับ ขอบคุณมากครับ มาต่อเร็วๆนะครับ{:5_136:} ขอบคุณครับผม ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ มาต่ออีกนะคีับ ขอบคุณครับ รอตอนต่อไปคับ ขอบคุณครับ ขอบคุนครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากน่ะครับ
น่าติดตามครับ ขอบคุณครับ ขอบใจมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆครับ ขอบคุณครับ