ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว
“อ่ะ อันนี้ข้าให้เจ้า มันคือถุงเก็บสมุนไพร 4 มิติ เอาไว้เก็บสมุนไพรไว้ข้างใน เจ้าไม่ได้ไม่ต้องเปลืองที่ใน หนังสือการ์ด เพราะไม่ว่าสมุนไพรจะเยอะแค่ไหนถุงเก็บสมุนไพรก็นับเป็นการ์ดใบเดียว ถ้าไปหาซื้อตามท้องตลาดนี่ราคาเป็นพันเหรียญเลยนะ แต่ข้าให้เจ้าฟรี เพราะเจ้ามันฉลาดถูกใจข้าจริงๆ ฮ่าฮ่า”
ชื่อ The Four-Dimensional HerbBag (ถุงเก็บสมุนไพร 4 มิติ) ระดับ 7 ความสามารถใช้สำหรับเก็บสมุนไพร P. 9-10 ตอนที่ 9 TheFour-dimensional Herb Bag
“ไหนลองเรียกใช้การ์ดดูซิ๊” ลุงย้งบอกให้เขาลองใช้การ์ดใบใหม่ที่เพิ่งได้จากตัวลุงเอง
“The Four-dimensional Herb Bag RELEASE” ชายหนุ่มเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจเพราะการ์ดในมือของเขากลายสภาพเป็นห้องขนาดประมาณ 30ตารางวาขึ้นมาห้องหนึ่งโดยมีเขายืนอยู่ตรงกลางภาพของห้องมีลักษณะคล้ายภาพลวงตาหรือไม่ก็ภาพมายาฉะนั้น มันดูจางๆ แต่ก็มองเห็นลักษณะได้อย่างชัดเจนที่สำคัญห้องที่เกิดขึ้นใหม่ก็ยังคงทับซ้อนอยู่กับร้านขายยาที่ยืนอยู่ในปัจจุบันนั้นตอนนี้เขาเริ่มสับสน เพราะกวาดตามองไปรอบๆ ก็เห็นทั้งร้าน ขายยาเดิม ซ้อนทับอยู่กับห้องสมุนไพรที่เกิดขึ้นมาใหม่ จนบางครั้งก็ยากจะแยกไว้ว่าของบางชิ้นที่วางอยู่เป็นของจริงหรือของที่เกิดมาจากการ์ดกระเป๋าสี่มิติใบนั้น
“เห็นแล้วใช่มั้ย?” ลุงเจ้าของร้านถาม
“เอ่อที่เป็นเหมือนภาพสามมิติของห้องปรากฏขึ้นมาใช่เปล่าครับ”
“นั่นแหละๆ ห้องเนี่ยจะมีขนาดไม่จำกัดเวลาเก็บสมุนไพรอะไรมาได้ก็เอามาเก็บไว้ที่นี่ แต่ถ้ากลัวมันจะเกะกะ ก็เปลี่ยนเป็นการ์ดก่อนแล้วค่อยเก็บไว้ อีกฝั่งหนึ่งของห้องจะมีคล้ายๆแปลงเกษตรเล็กๆ เห็นหรือเปล่าตรงนั้นจะมีไว้เพื่อเอาต้นไม้ที่เราเก็บได้มาเพาะพันธุ์ต่อ ข้างๆ แปลงจะมีพลั่วเสียม จอบ บัวรดน้ำต้นไม้อยู่ครบเลย ข้อสำคัญคือ แปลงนี้มีช่องไว้ปลูกได้แค่ 10ช่องเท่านั้น ตัดสินใจให้ดี ควรจะเก็บไว้สำหรับปลูกพืชหายากหรือที่ขายได้ราคาดีเท่านั้น นอกจากนี้ ถ้าจะปลูกสมุนไพรต้องเก็บมาแล้วมาปลูกเลยทันทีเท่านั้น ห้ามเปลี่ยนเป็นการ์ดก่อนแล้วนำมาปลูกมันจะปลูกไม่ขึ้น รายละเอียดก็น่าจะครบแล้วนะ อ่อ เวลาใช้ควรใช้ในที่โล่งๆนะภาพที่เจ้าเห็นมันจะได้ไม่ทับซ้อนกันให้สับสน แล้วก็เวลาจะทำงานอะไรในห้องนี้ไม่ต้องขยับตัว สั่งด้วยความคิดก็พอ อุปกรณ์ต่างๆจะทำงาน ให้เอง ถ้าเจ้าขยับตัวคนเขาจะหาว่าเจ้าบ้าได้นะเพราะคนอื่นจะไม่เห็นภาพจากถุงนี้ด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า”
“โหว ไฮเทคมากเลยครับลุง น่าสนุกมากๆแต่เสียดาย ผมเปลี่ยนต้นไม้เป็นการ์ดไปหมดแล้ว ยังปลูกไม่ได้สินะครับไว้เดี๋ยวผมไปหาต้นไม้แพงๆแล้วเอามาปลูกดีกว่า จะได้รวยๆ กับเขามั่ง” เฟี๊ยตเริ่มร่าเริงเมื่อหาลู่ทางในการหาเงินเพิ่ม
“ได้ๆๆ ไว้เดี๋ยวใกล้ๆออกเดินทางเดี๋ยวข้าจะพาทัวร์เก็บสมุนไพรแถวๆ นี้ให้ครบทุกชนิดเลยละกัน ส่วนชนิดอื่นๆเจ้าก็ไปตามเก็บเอาที่เมืองอื่น”
“ออกเดินทาง?” ชายหนุ่มทวนคำขึ้นด้วยความสงสัย
“อ๊าว นี่เจ้าไม่รู้เหรอว่าอยู่เมืองเดียวเนี่ยมันเก็บการ์ดสูงสุดได้ไม่ครบ 100 ใบหรอก เจ้าต้องเดินทางไปให้ครบ 12 เมืองแหละถึงจะเคลียร์เกมได้ ตอนนี้เจ้าก็ต้องฝึกทักษะเบื้องต้นไปก่อน แล้วก็หาเงินไปพลางๆไว้พอพร้อมเมื่อไหร่ก็จะได้ออกพจญภัยแล้ว” ลุงย้งอธิบาย
ความจริงแล้วชายหนุ่มก็รู้ถึงข้อเท็จจริงข้อนี้ดีว่าดินแดนสาบสูญแห่งนี้ประกอบด้วยเมือง 12 เมือง ที่เรียงลำดับความ “โหด” ไปตามรายชื่อเดือนในปฏิทินตอนนี้เขายังอยู่แค่เมือง January ซึ่งเป็นเมืองแรกในปฏิทินเขาจะไปเคลียร์เกมนี้ได้ยังไงแต่เอาเข้าจริงเขาก็เกือบจะลืมเป้าหมายที่จะมาที่นี่เสียแล้วเขาต้องเก็บการ์ดสูงสุดให้ได้ 100 ใบ เวลาที่ผ่านมา เขาก็แค่ยังตื่นเต้นกับเรื่องราวของโลกใหม่จนลืมไปว่าการเดินทางที่แท้จริงของเขายังทอดยาวไปอีกไกลนัก
“ช่างมันก่อนเถอะเดี๋ยววันนี้ข้าจะสอนเรื่องเภสัชวัตถุนะ เรื่องทฤษฎีเจ้าคงรู้หมดแล้วข้าจะเน้นส่วนของการนำไปใช้ละกัน พวกทักษะการแยกความแตกต่างของพืชที่คล้ายกันการสังเกตพืชต่างๆ ในธรรมชาติ แล้วก็รสของสมุนไพรตัวที่ใช้บ่อยๆตามข้าเข้ามาในห้องเก็บสมุนไพรได้เลย” ว่าที่อาจารย์ปรุงยาของเขาเอ่ยและเดินนำเขาไปสู่ด้านในของร้าน ขณะนี้เขาได้มายืนอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยลิ้นชักไม้เต็มไปหมดที่ลิ้นชักก็จะมีชื่อสมุนไพรแตกต่างกันไปติดอยู่เรียงกันไปบางส่วนก็เป็นชื่อต้นไม้ บางส่วนก็เป็นชื่อพิกัดยาและบางส่วนก็เป็นชื่อตำรับยาที่ปรุงเรียบร้อยแล้ว
การเรียนการสอนเริ่มต้นอย่างง่ายๆโดยการที่อาจารย์ของเขา (ซึ่งก็คือลุงย้งนั่นเอง)จะหยิบสมุนไพรแต่ละชนิดที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน หรือมีรสชาติใกล้เคียงกัน มาให้เขาดูเพื่อแบ่งแยกความแตกต่างรวมไปถึงการนำไปใช้ประโยชน์ ซึ่งแน่นอนว่าสรรพคุณในเกมย่อมแตกต่างไปจากชีวิตจริงอยู่ไม่น้อยเรื่องเหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่เขาจะต้องจดจำไปให้ได้มากที่สุดเพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการเล่นเกมผ่านไปได้กว่าครึ่ง เฟี๊ยตก็ขอกระดาษกับปากกาเพื่อจดบันทึกเพราะกลัวจะจำได้ไม่หมดแต่ลุงย้งก็บอกว่าไม่จำเป็น เพราะ The Seedling Bible ของเขาจะจดจำให้ทั้งหมดอยู่แล้วสงสัยอะไรก็ถามจากหนังสือเอา (ลุงย้งเคยเห็นเขาถือหนังสือ The SeedlingBible เข้ามาในร้านครั้งหนึ่ง จึงไม่ได้เตรียมอุปกรณ์เครื่องเขียนมาให้เขาจดบันทึกเพราะว่ารู้ความสามารถของไพ่พรสวรรค์ใบนี้ดี)
“ยังไหวอยู่เปล่า” ลุงย้งเอ่ยถามขึ้นเมื่อลิ้นชักในส่วนของวัตถุดิบสมุนไพรถูกเปิดและหยิบขึ้นมาสอนไปกว่า ครึ่งห้องแล้ว
“ไม่ไหวก็ต้องไหวสิลุง ผมไม่ไหวได้เหรอฮ่าฮ่า” เฟี๊ยตตอบแบบไม่จริงจัง
“ก็ถามไปงั้นแหละไม่ไหวก็จะให้เรียนต่ออยู่ดี ฮ่าฮ่า” ลุงพูดก่อนจะเริ่มต้นสอนต่อไปเรื่อยๆจนมาสิ้นสุดที่ลิ้นชักสุดท้ายในส่วนของวัตถุดิบสมุนไพร
“ความจริงพืชสมุนไพรที่มีอยู่ในเกมนี้ไม่ได้มีแค่150 ชนิดหรอก พูดให้ถูกก็คือ พืชสมุนไพรที่เป็นไพ่ตัวตนที่มีอยู่ในเกมนี้มีแค่ 150ชนิดแต่ยังมีพืชบางชนิดที่จัดอยู่ในไพ่สูงสุดที่ถือเป็นเงื่อนไขในการเคลียร์เกมด้วยแน่นอนว่ามันจะต้องมีราคาแพงและหายากมากๆ และที่ร้านของลุงมีอยู่แค่ชนิดเดียวก็คือ หญ้าฝรั่น (Saffron)” อาจารย์ของเขาพูดพลางเปิดลิ้นชักสุดท้ายที่ไม่มีชื่อและถูกล๊อคกุญแจไว้ก่อนจะหยิบถุงพลาสติกขนาดเล็กที่ภายในบรรจุเกสรดอกไม้เล็กๆที่มีสีออกไปทางส้มจนเกือบแดง
“หญ้าฝรั่น หรือ Saffron เป็นพืชที่ใช้ในการปรุงรสอาหารระดับสูง ถูกปลูกได้เฉพาะที่เมือง Octoberดินแดนอาคเนย์แห่งความลับเท่านั้น การจะหาซื้อหญ้าฝรั่นบริสุทธิ์เป็นเรื่องที่ยากมากเพราะแหล่งเพาะปลูกจะไม่ขายให้เดี่ยวๆ แต่จะขายแบบผสมกับเกสรดอกคำฝอย (Safflower)ซึ่งมีราคาถูกมาก เหตุด้วยสินค้าไม่มีขายแต่เป็นที่ต้องการของตลาดจึงทำให้หญ้าฝรั่นบริสุทธิ์มีราคาสูงมาก มากจนมีคนที่จะรับซื้อเกสรผสมของพืชทั้ง 2ชนิด เพื่อแยกหญ้าฝรั่นเดี่ยวๆ ออกมาขายในราคาสูงลิบลิ่ว และนำดอกคำฝอยที่เหลือๆมาขายในราคาถูก แม้ว่าอาชีพ Pollen Analysts (นักวิเคราะห์เกสร)นี้จะมีคนทำเป็นอยู่ไม่มาก แต่ก็เรียกได้ว่าอู้ฟู้พอสมควรความจริงที่เมืองนี้ก็มีอยู่คนหนึ่ง เปิดร้าน Safshop อยู่ตรงหัวมุมถนนทั้งร้านจะมีขายแค่หญ้าฝรั่นกับดอกคำฝอยเท่านั้นเอง”
“แล้วเวลาเขาแยก เขาแยกโดยวิธีอะไรเหรอลุง”เฟี๊ยตถามด้วยความสงสัย
“เทคนิคของนักวิเคราะห์เกสรแต่ละคนค่อนข้างเป็นความลับนะแต่ที่ลุงพอรู้มาบ้าง ส่วนใหญ่จะใช้การดูสีและการพิสูจน์กลิ่นเพราะหญ้าฝรั่นจะมีกลิ่นที่หอมรุนแรงมาก ในขณะที่ดอกคำฝอยแทบจะไม่มีกลิ่นเลยพูดเหมือนง่ายนะ แต่พอเอาเข้าจริงกลิ่นหญ้าฝรั่นมันจะฟุ้งมากจนแทบแยกไม่ออกหรอกว่ามาจากเกสรไหนกันแน่ ลุงเคยพยายามจะลองเอาดีทางนี้อยู่พักนึงแต่ก็ไม่สำเร็จ เสียเงินไปโข แต่ก็ได้มาแค่หญ้าฝรั่นถุงนี้ถุงเดียวนี่แหละ”
“มันน่าจะมีวิธีที่ง่ายกว่านั้นดิลุงผมว่านะ” เฟี๊ยตพูดขึ้นอย่างสนใจ
“ลุงว่ามันก็คงมีแหละแต่ลุงเลิกสนใจไปแล้ว ขาดทุนไปเยอะ ไม่อยากซ้ำรอย ฮ่าฮ่าบทเรียนวันนี้จบเท่านี้แหละ เดี๋ยวข้าขอตัวไปเปิดร้านต่อก่อน ช่วงเย็นๆลูกค้าน่าจะเยอะ นี่ก็จะ 4 โมงแล้ว ถ้าว่างก็ลองไปสำรวจดูแถวๆป่าทิวสนอีกรอบก็ได้แต่ถ้าขี้เกียจ ก็ลองเดินเล่นดูในเมืองก็ได้นะ เดินเล่นดูร้านค้าอื่นๆเผื่อจะได้ไอเดียในการเล่นเกมเพิ่ม มากขึ้น ไปกันเถอะ” ลุงย้งพูดพร้อมกับนำหญ้าฝรั่น(ที่เขายังไม่ได้มีโอกาสแม้กระทั่งจะได้สัมผัส) เข้าไปเก็บยังลิ้นชักเดิมก่อนจะพยักหน้าเป็นสัญญาณให้เขาเดินออกไปจากห้องพร้อมกัน ตอนที่ 10 JanuaryTown
หลังจากเภสัชกรเฟี๊ยตได้ใช้เวลากว่า5 ชั่วโมงอยู่กับการศึกษาวัตถุดิบสมุนไพรต่างๆที่นำมาใช้ทำยากับลุงย้งเจ้าของร้านขายยาครอบจักรวาล หรืออีกนัยหนึ่ง อาจารย์สอนปรุงยาของเขานั่นเองชายหนุ่มก็ตัดสินใจพักเรื่องการเรียนสมุนไพรสำหรับวันนี้ไว้เพียงเท่านี้และออกมาเดินเล่นสำรวจในเมืองเล็กๆ นี้ให้รอบ หวังเพื่อจะหาความรู้ใหม่ๆ และลู่ทางที่จะใช้ในการพิชิตเกม
หลังจากออกจากร้านขายยาได้ไม่นานเขาก็พบว่าในเมืองนี้มีร้านอะไรหลายๆ อย่างที่น่าสนใจ ไล่ไปตั้งแต่ร้านขายอาหารจีน ร้านขายลูกกวาด ร้านซักรีด ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายอุปกรณ์ทำครัวร้านขายของสด ร้านขายการ์ด ร้านให้คำปรึกษาการเล่นเกม (แบบเสียเงิน) และร้านต่างๆที่เขายังมองไม่เห็นชื่อร้าน เรียงรายกันไปอย่างไม่เป็นระเบียบตามสองข้างถนน
ร้านแรกที่ชายหนุ่มตัดสินใจเข้าไปสำรวจคือ ร้านขายการ์ดที่อยู่ถัดออกไปจากร้านขายยาไม่มากนักเมื่อเปิดประตูเข้ามาในร้านก็พบกับบรรยากาศคล้ายกับร้านสะดวกซื้อเล็กๆภายในร้านประกอบด้วยเคานเตอร์และชั้นวางโชว์สินค้าขนาดค่อนข้างใหญ่วางตามแนวยาวของร้านอีกหนึ่งชั้นผนังและเพดานตกแต่งด้วยสีเขียวพาสเทลอ่อนๆ เรียบง่ายบนชั้นวางโชว์สินค้าเต็มไปด้วยซองใส่การ์ดเรียงวางแถวกันไปอย่างเป็นระเบียบลวดลายหน้าซองการ์ดแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่จะเป็นรูปสัตว์หรือสิ่งของที่เขาไม่รู้จัก เมื่อเขาละสายตาจากบรรดาซองการ์ดที่เรียงรายกันอยู่เขาก็กวาดสายตามาพบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่คาดคะเนจากสายตาแล้วอายุน่าจะไม่ต่างจากเขามากกำลังส่งยิ้มให้มาจากทางหลังเคานเตอร์ เหมือนกำลังจะเสนอความช่วยเหลือแต่ยังไม่อยากจะรบกวนลูกค้าใหม่ในเวลานี้
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามหลังจากที่เห็นว่าเขามองสำหรับร้านได้สักพัก
“อ่อ ผมเป็นผู้เล่นใหม่น่ะครับไม่ค่อยรู้เรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับการ์ดเลย พอจะให้คำแนะนำได้มั้ยครับ” เขาเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“ด้วยความยินดีค่ะคุณจะฟังในส่วนที่คุณได้ฟังไปแล้วจากพนักงานต้อนรับโรงแรมที่เริ่มต้นเกมด้วยหรือเปล่าคะหรือจะข้ามตรงส่วนนั้นไปเลย” หญิงสาวถาม
“ข้ามไปเลยก็ได้ครับ”
“อย่างที่ทราบไปแล้ว ไพ่ในเกมนี้จะมีหลักๆอยู่ทั้งหมด 3 ประเภทค่ะ โดยมีวิธีที่จะได้มาอยู่ 3 วิธีหลักๆ คือเอาชนะคู่ต่อสู้หรือพิชิตเหตุการณ์ต่างๆได้ การซื้อมาด้วยเงิน และการแลกเปลี่ยนกับผู้เล่นคนอื่นค่ะ”
“แบบแรกนั้นจะพบได้ทั่วไปตามเหตุการณ์ในเกมค่ะเมื่อเราต่อสู้กับสัตว์ประหลาดต่างๆ แล้ว เมื่อเราเอาชนะได้ เราก็จะสามารถสั่งผนึกสัตว์เหล่านั้นเป็นไพ่ได้ค่ะหรือมันอาจจะกลายสภาพกลับมาเป็นไพ่เองก็ได้ค่ะ แล้วแต่การ์ด แต่ละชนิด ในขณะที่การพิชิตภารกิจหรือเหตุการณ์เราจะได้การ์ดมาเมื่อทำสำเร็จ โดยการ์ดอาจจะปรากฏขึ้นมาเองหรือผู้มอบหมายภารกิจเป็นคนมอบให้เราก็ได้ค่ะ”
“แบบที่ 2 คือ การซื้อการ์ดด้วยเงินค่ะโดยจะสามารถซื้อจากร้านขายการ์ดที่มีตั้งอยู่ในทุกเมืองค่ะโดยโอกาสการจะพบการ์ดต่างๆในแต่ละเมืองก็จะแตกต่างกันออกไปโดยการ์ดจะถูกขายเป็นซอง 1 ซองจะประกอบด้วยการ์ด 3 ใบ โดยราคาก็จะแตกต่างกันไปค่ะมีตั้งแต่ 300 เหรียญ ไล่ไปจนถึง 10,000 เหรียญค่ะโดยยิ่งซองการ์ดราคาแพงมากก็จะยิ่งมีโอกาสได้การ์ดที่มีระดับสูงหรือหายากแปรผันไปตามราคาค่ะ โดยการ์ดส่วนใหญ่ที่อยู่ในซองจะเป็นการ์ดตัวตนกับการ์ดเวทมนตร์ค่ะการ์ดสูงสุดจะหาได้ยากมากจากเปิดซอง แต่ก็มีโอกาสสูงมากขึ้นเมื่อราคาแพงขึ้นแต่อย่างไรก็ยังถือว่ามีโอกาสน้อยอยู่ดี นอกจากนี้ร้านขายของทั่วๆไปก็ถือเป็นร้านขายการ์ดอีกแบบหนึ่งนะคะ เพราะเราสามารถเลือกซื้อไอเทมต่างๆแล้วเปลี่ยนกลับเป็นไพ่ได้ค่ะ”
“แบบสุดท้าย คือ การแลกเปลี่ยนค่ะผู้เล่นสามารถแลกเปลี่ยนการ์ดกันได้โดยใช้คำสั่งในหนังสือและเมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงยินยอม การ์ดจะถูกสับเปลี่ยนเจ้าของโดยอัตโนมัติค่ะผู้เล่นจะไม่สามารถขโมยการ์ดกันได้ค่ะ ยกเว้นใช้ความสามารถของการ์ดเวทมนตร์ซึ่งถือว่าเป็นการแย่งชิงการ์ดอย่างถูกกติกาค่ะ”
“ความจริงสามารถพบการได้รับการ์ดในเกมอีกหนึ่งวิธีค่ะ คือการได้มาจากการเดิมพันหลายครั้งที่ผู้เข้าร่วมเกมให้การ์ดแข่งขันกันเอง โดยจะมีเดิมพันกันเป็นการ์ดค่ะผู้แพ้จะต้องมอบการ์ดให้ผู้ชนะตามตกลงความจริงวิธีการนี้ไม่ใช่วิธีที่เป็นทางการที่ทางเกมกำหนดขึ้นค่ะแต่ถ้าผู้เล่นตกลงใจจะแข่งขัน สามารถทำได้ค่ะ”
“ไพ่พรสวรรค์ นับเป็นไพ่แบบพิเศษค่ะสามารถได้มาจากเหตุการณ์ต่างๆเท่านั้น ไม่สามารถซื้อหรือแลกเปลี่ยน ได้ค่ะ”
“นอกจากนี้ ไพ่ที่ผู้เล่นสะสมมาได้สามารถขายกับทางร้านได้ด้วยค่ะ โดยราคารับซื้อจะเป็นราคามาตรฐานเท่ากันทุกเมืองค่ะขายได้ทุกประเภทนะคะ ยกเว้นไพ่พรสวรรค์ ขายไม่ได้ค่ะ อ่อ เพิ่มเติมนะคะร้านขายการ์ดจะมีช่วงโปรโมชั่นบางช่วงที่จะมีการ์ดมาขายแบบไม่ต้องสุ่มค่ะคือบอกชื่อการ์ดและราคากับลูกค้าเลย ซึ่งการ์ดก็จะเปลี่ยนไปตามช่วงโปรโมชั่นค่ะส่วนราคาก็จะเป็นไปตามระดับและความหายากของการ์ดนั้นๆ ค่ะ มีอะไรสงสัยเพิ่มเติมอีก มั้ยคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเมื่ออธิบายจบ
“แล้วตอนนี้ที่ร้านมีโปรโมชั่นการ์ดใบไหนอยู่มั้ยครับระดับเท่าไหร่ ราคาเท่าไหร่ครับ” เขาเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“มีค่ะ โปรโมชั่นตอนนี้เป็น การ์ด TheStrategy of Bill Gates (กลยุทธ์ของบิลเกตต์) ค่ะไพ่ใบนี้เป็นไพ่ลำดับที่ 90 ของไพ่สูงสุดค่ะ ราคาอยู่ที่ 25,000เหรียญค่ะ” หญิงสาวเอ่ยพลางชี้ไปที่ตู้เซฟขนาดใหญ่ที่ด้านหน้าทำมาจากกระจกพิเศษอย่างหนาทำให้มองทะลุเข้าไปเห็นไพ่ใบนึงที่เป็นรูปบุคคลระดับตำนานคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ในช่วงหลายสิบปีก่อนกำลังถือลูกรูบิคอยู่ในมือ “อ่อครับ แล้วพอจะเช็คราคาไพ่ได้มั้ยครับว่าถ้าผมขายจะได้ราคาใบละเท่าไหร่ครับ”
“ได้ค่ะ ด้วยความยินดีค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าตอบรับ เมื่อเห็นดังนั้นเฟี๊ยตจึงลองสุ่มชื่อไพ่ของเขาที่เขาจำชื่อได้ เพื่อลองเช็คราคาขายดู
“The Lazy Donkey 15 เหรียญค่ะ”
“Henna 40 เหรียญค่ะ”
“The Africa Warthog 85 เหรียญค่ะ”
“Qinghao 420 เหรียญค่ะ”
‘ราคาน่าสนแฮะ ก็ขายได้ราคาดีอยู่นี่นาสงสัยต้องวางแผนการใช้การ์ดดีดีแล้ว อันไหนไม่จำเป็นจะได้ขายๆ ไปซะบ้าง เผื่อจะได้ซื้อไพ่ใหม่ๆ มาสะสม’
“ผมสงสัยนิดนึงครับ สมมติว่าผมมีไพ่สูงสุดสมมติว่าเป็นไพ่หมายเลข 10 ถ้าผมขายให้กับทางร้านอย่างนี้ก็แปลว่าในเกมจะเหลือไพ่หมายเลข 10 แค่ 9 ใบหรือเปล่าครับ เพราะการ์ดอยู่ที่ร้านอีกใบนึง”
“ไม่ใช่ค่ะทันทีที่คุณขายการ์ดให้กับทางร้าน การ์ดจะถูกรีเซ็ตใหม่ให้กับระบบค่ะการ์ดจะกลับเข้าไปอยู่ในเกมเหมือนเดิมค่ะ โดยคุณสามารถกลับไปตามหาการ์ดได้อีกครั้งแต่โดยปรกติแล้ว เมื่อคนๆเดิมกลับไปหาการ์ดเดิม เงื่อนไขการได้การ์ดมักจะเปลี่ยนไปค่ะเพื่อป้องกันการขายแล้วกลับไปผนึกซ้ำ” หญิงสาวเจ้าของร้านยิ้มน้อยๆเหมือนเป็นการแสดงออกว่ารู้ทันความคิดแกมโกงของเขา
“ขอบคุณครับ”
หลังจากที่ซักถามข้อสงสัยเป็นที่เรียบร้อยแล้วเฟี๊ยตก็เดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ไปตามถนนเรื่อยเปื่อย เป้าหมายหลักก็คือหาข้อมูลการเล่นเกมเป็นหลักและพยายามจะหาแนวทางการหาเงินใหม่ๆ ทุกๆ ครั้งที่เขาเข้าออกร้านค้าต่างๆก็จะได้รับคำชักชวนให้ลองฝึกทักษะใหม่ๆเพื่อพัฒนาศักยภาพพื้นฐานทางร่างกายและจิตใจ รวมไปถึงเพิ่มช่องทางการหาเงินใหม่ๆให้กับตัวเอง ในตอนแรกเขาก็มีความสนใจที่อยากจะลองไปฝึกทำงานเป็นพ่อครัวร้านลูกกวาดแต่พอนึกไปนึกมาก็ตัดสินใจปฏิเสธเพราะเห็นว่างานร้านขายยาที่ทำอยู่ก็น่าจะหาเงินได้มาพอสมควรเขาจะตัดสินใจไม่หางานอื่นเพิ่มอีก เพราะตั้งใจว่าจะตั้งใจเก็บความรู้ให้มากที่สุดและรีบออกเดินทางไปจากเมืองนี้เพื่อเริ่มรวบรวมไพ่สูงสุดสักที
แต่ระหว่างที่เขาเดินสำรวจร้านรวงต่างๆมากมายในเมืองไปเรื่อยๆ นั้นใจเขาก็ยังคงคิดถึงบทสนทนาสุดท้ายที่ได้ถามกับเจ้าของร้านขายการ์ดก่อนจะออกมาจากร้านเพราะตอนที่เขากำลังจะออกจากร้าน เขาก็เกิดความคิดหนึ่ง แว๊บขึ้นมาในสมอง ก่อนจะหันไปถามหญิงสาวคนนั้นและคำตอบที่ได้ยังคงวนเวียนอยู่ในใจเขาอยู่จนถึงตอนนี้
“ไม่ทราบว่ามีไพ่ชื่อว่า Saffronมั้ยครับ ถ้ามีราคาเท่าไหร่ครับ”
“ไพ่ชื่อว่า Saffron ไม่มีค่ะ มีแต่ไพ่ชื่อว่า The Fluorescent Saffron หรือหญ้าฝรั่นเรืองแสงเป็นไพ่สูงสุดลำดับที่ 94 ค่ะ ราคารับซื้อของทางร้านตอนนี้อยู่ที่ราคาใบละ 10,000 เหรียญค่ะ”
‘ใบละตั้ง 10,000เหรียญ มันต้องมีวิธีแยกสักวิธีแหละน่า ถ้าเราหาวิธีนั้นเจอนะ รวยเละ!’
|