ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
เจ้าของ: หนุ่มบ้านนา

รักเรียวไม่เปลี่ยนแปลง

 มาแรง... [คัดลอกลิงก์]

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
175
พลังน้ำใจ
6125
Zenny
41293
ออนไลน์
18 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-10-4 14:21:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด
"ยังไม่หิวก็มาอ่านหนังสือก่อนนะ ปกติเวลานี้ก็ยังไม่ได้กลับบ้านกันอยู่แล้ว ผม
จะ ได้สอนนายด้วย" ผมไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดี กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ห้องสมุด ผม และ เรียว ... ผมเดินตามเรียวเข้าไปในห้องสมุด แต่ว่า ไม่มีที่ว่าง
เลยแม้แต่ที่เดียว ทางไหนทางไหน โต๊ะไหนโต๊ไหน ก็มีแต่คนมานั่งอ่านหนังสือเต็ม
ไปหมด "อ่านไม่ได้แล้วเรียว" ผมพูดออกไปอย่างนั้นกะว่าจะทำให้ คนบางคนล้มเลิก
ความตั้งใจ โหนรถไฟ ไปเดินเล่นกับผมดีกว่า "ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ทางนี้" แต่
กลับไม่เป็นผล เรียวเดินนำผมไป ข้างในห้องสมุด ผมเดินตามเข้าไป ระหว่างที่เดิน
เข้าไปผมสังเกตุเพื่อน ผมในห้องหลายคนก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ด้วย ผมเดินตามเรียว
ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาหยุด แล้วเดินเข้าไปใน ซอกระหว่างตู้หนังสือ "ยืนอ่านได้
ไหม? ไม่นานหรอก" ผมไม่อยากจะเชื่อ อะไรกันวะ ไม่มีที่จะให้นั่งก็ยังจะยืนอ่าน
หรอ เกินไปแล้วมั้ง ผมไม่ตอบ ... เขาก็คงรู้ว่าผมไม่พอใจ....

... เรียวยืนนิ่งอยู่พักนึง จูงมือผมไปที่หน้าต่าง บอกผมว่าไม่ อยากยืนก็นั่งรอ
บนขอบหน้าต่างก่อนก็ได้ เนี่ยตรงเนี่ย ใครๆก็นั่งกันเวงลาเก้าอี้เต็ม ... ผมคง
เปลี่ยนความคิดเรียวไม่ได้แล้ว "ก็ยืนอ่านกันสองคนก็ได้เรียว" ผมตัดสินใจเริ่ม
อ่านหนังสือในเย็นวันนั้น พร้อมๆไปกับเรียว ผมรู้สึกได้ว่าเรียวดีใจแค่ไหนที่ผม
ยอม ยืนอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดกับเขา เรายืนอ่านกันได้ไม่นาน ก็มีที่ว่าง แล้วผมกับเรียว ก็นั่งอ่าน หนังสือกันอยู่ในห้องสมุด ทำการบ้านในห้องสมุดกันใน
เย็นวันนั้น มันทำให้ผมได้รู้สึกว่าสถานที่ที่ น่าอยู่ในโรงเรียนของผมอีกที่นึง
ก็คือห้องสมุดนั่นเอง ....

... แสงแดดจ้าๆ ส่องผ่านม่านเข้ามาในห้องที่แคบๆ รกๆ ซึ่งในห้องนั้นเอง เด็ก
ผู้ชาย 2 คนที่กำลังนอนกันอยู่ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะตื่น.. ต่างคนต่างก็แย่งผ้า
ห่ม ดึงผ้าห่มเอาไว้ เพื่อจะได้ปิดบังตัวเองจากแสงแดด ที่กำลังส่องแสงจ้าเข้า
มา ... .. แต่การละเล่นยื้อผ้าห่มนั้น ดำเนินไปได้ไม่นาน สุนัขจิ้งจอกผู้แพ้ก็เดิน
ค่อกๆ แค่กๆ ไปที่หน้าต่าง ปิดม่านทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน แล้วก็ค่อยๆ เดินมา
ล้มตัวลงบนฝูกที่นอนอีกครั้ง จนเกือบล้มทับแมว ที่กำลังขดตัวนอนอยู่ในผ้าห่ม
ด้วยเหมือนกัน และหลังจากนั้น สงครามที่หายไปจากเกาะ ญี่ปุ่นหลายปีก็ได้เริ่ม
ขึ้นในห้องเล็กๆ นั้นเอง ......

.. ผมพยายามค่อยๆ ลืมตาขึ้น ด้วยเพราะรู้สึกว่ามีอะไรที่หนักๆ (มาก) มาขวางทับ
ผมเอาไว้ ตั้งแต่ปิดเทอมหน้าร้อนมานี่ เรียวแทบจะมาใช้ชีวิตอยู่ที่ห้องผม จะ
กลับไปบ้านบ้าง ก็เท่านั้น แล้วก็มานอนอยู่หอผม เป็นอย่างนี้มา จะ 1 อาทิตย์
แล้ว แต่ก็ดีเหมือนกัน ที่ผมจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว ไม่คิดเลยว่า ปิดเทอมจะเลว
ร้ายขนาดนี้..

.. ตอนแรกคิดว่า จะต้องได้กลับเมืองไทยแน่ๆ แต่ทางบ้านที่กรุงเทพ กลับไม่
อนุมัติการกลับบ้านของผมครั้งนี้ ผมก็เลยต้องใช้ชีวิตเหลวแหลกต่อไป ที่
โตเกียว .. "ตื่นได้แล้วเรียว!!" เอาพูดเสียงดัง พร้อมเอามือค่อยๆ ดันหัวของเรียวที่นอน
หนุน ตัวผมอยู่ ไปวางเอาไปบนหมอนแทน แล้วก็เขย่าๆ เฮ้ยๆ ตื่นๆ หิว หิว หิว... .. ไม่นานนัก ตาตี่ๆ คู่นั้น ก็ค่อยๆเปิดขึ้น ถึงแม้ว่าผมจะไม่สามารถมองเห็นได้
ว่า มีเงาของผมอยู่ที่นัยตาของเรียว แต่ผมก็มั่นใจว่า ตอนนั้นเรียวกำลังมองผม
อยู่ ..

.. ผมค่อยๆ พูดช้าๆ กับตาตี่ๆ หน้าตาซึมๆ เหมือนสุนัขจิ้งจอกง่วงว่า.. ตื่น-
ได้-แล้ว-หิว- ข้าว-แล้ว แต่พอพูดจบตาตี่ๆ คู่นั้นก็ปิดลงอีกที .. .. อ้าว? เฮ้ยๆ ตื่นๆ ผมพยายามจะปลุกอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผม
คิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะเอาไงดี เอาน้ำมาสาดดีมั้ย ? อืมม ไม่ดีกว่า ยืนคิดไป
คิดมา ผมก็เริ่มปฎิบัติการ ผมดึงผ้าห่มที่ห่มตัวเรียวออก พับแล้ววางไว้อีกด้าน
หนึ่ง ...

.. จากนั้นดึงหมอนที่เขาหนุนอยู่ออก โยนไปทางผ้าห่มที่พับไว้ ในอีกมุมนึงของ
ห้อง นั้น อิอิอิ ผมค่อยดึงฝูกที่นอน ที่เรียวนอนทับอยู่ ออกมาจากตัวเขา ดึง .. ดึง.. ดีง แล้วเรียวก็นอนอยู่ที่พื้นโดย ที่ในมือของผมนั้น ถือฝูกเอาไว้เรียบ
ร้อยแล้ว ไม่นานนักเรียวก็ลุกขึ้น "รู้แล้วน่า รู้แล้วน่า" แล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ .... ถือเป็นการประกาศ
ยอมแพ้สงคราม สำหรับเช้าวันนั้น ...

.. เรียวอาบน้ำ ผมอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จแล้วก็ได้แต่มองหน้ากันว่า ... เออ .. จะ
ไปที่ไหนดี ปิดเทอมนี่มันไม่มีอะไรทำถึงขนาดนี้เลยหรอ จริงๆ แล้ว คือ ผมต้องการ
จะไปหาอะไรกินมากกว่า แต่ว่าถ้าไปกินแถวๆ หอ กินเสร็จแล้วก็กลับมาที่หอ แบบนี้
ผม คงไม่เอา เพราะว่าปิดเทอมชีวิตมีแต่หอ แต่ถ้าจะออกไปข้างนอก ก็ไม่พ้น ชิบุยะ ชินจุกุ แค่นั้น.. .. ถ้าตอนนั้น โอไดบะ มีแล้วก็คงไป โอไดบะ ด้วย เฮ้อ .. "TOKYODOME ก็ไปไม่แล้วนะเรียว พอแล้วไม่เอาแล้ว" อืมมม เรียวไม่ได้ตอบ อะไรผม เขาคิดไปอย่างนั้นแล้วก็ ...

"ไปบ้านผมกันมั้ยล่ะ?" นั่นเป็นครั้งที่ 2 ที่เรียวเอ่ยปากชวนผมไปบ้าน.. ครั้ง
แรกคือเมื่อนานมาแล้ว ที่ผมกับพวกที่ห้อง ออกไปดื่มกันตามปกติ แล้วเพลินกันมาก
ไปหน่อย เวลามันเลยมานานมาก กลัวว่ารถไฟจะหมด เรียวจึงบอกผมว่า ถ้ารถไฟหมดก็ให้
ไปค้างที่บ้านของเขา แต่พอดีวันนั้นรถไฟยังมี เรียวกับผมก็เลยกลับมานอนที่หอผม
กันตามเดิม "จะดีหรอ ไปโดยที่ไม่บอกก่อน" ผมถามไปก็เพราะว่าเกรงใจ

.. ผมรู้ดีว่าตามมารยาทแล้ว การไปบ้านของคนญี่ปุ่นนั้น ใช่ว่าจะไปกันได้ง่ายๆ ในแง่ของวัฒนธรรมแล้ว ยิ่งคิด ก็ยิ่งปวดหัว ผมก็เลยถามออกไปแบบนั้น "อยากไปหรือเปล่าล่ะ บอกมาว่า ไป หรือ ไม่ไป" ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม กับ
เรื่องแค่นี้ต้องดุผมถึงขนาดนี้ด้วย แค่ตัดสินใจไปบ้าน แค่เนี่ย ทำอย่างกับว่า อเมริกา มันจะกลับมาทิ้งระเบิดอีกรอบนึงเลย .. ผมรู้ว่าถ้าตอบแบบไหนจะโดนโกรธ ก็เลยตอบออกไปว่า "อือ ไปสิ" เรียวยิ้มตาตี่ๆ ให้ผมแล้วก็เดินไปที่โทรศัพท์ในห้องผม บอกว่าจะโทร
หาที่บ้าน .....

... เรียวเคยเล่าให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ แล้วว่า เค้าเล่าเรื่องผมให้ที่บ้านฟัง
เสมอๆ แม่เรียวก็รู้จักผมแล้ว บ่อยครั้งที่ผมโทรไปที่บ้าน แล้วแม่เป็นคนรับจนจำ
เสียงผมได้ แต่ไม่เคยเจอหน้ากันเท่านั้นเอง และก็บ่อยครั้งอีกเช่นกัน ที่แม่มัก
จะ ทำข้าวกล่องอร่อยๆ มาให้ผมกิน พร้อมกับฝากเรียวมาเอ่ยปากชวนไปเที่ยวที่บ้าน แต่เนื่องจากไม่มีโอกาศซะที ก็เลยไม่เคยที่จะได้ไป .. สงสัยจะได้ไปก็วันนี้
แน่ๆ ..

.. เรียววางโทรศัพท์ลง ผมไม่สามารถ จับใจความภาษาที่เรียวพูดกับแม่เขาได้ มัน
เร็วเกินไปที่ผมจะฟังออก และก็เป็นภาษาพูดมากเกินไปด้วย.. แต่ถ้าเรียวบอกว่าไม่
เป็นไร โทรไปบอกเรียบร้อยแล้ว ก็ ok ไม่เป็นไร ก็ไม่เป็นไร ผมกับเรียว เดินออก
มาจากหอไปทางสถานีรถไฟ ตลอดทางเขาก็ได้แต่บอกผมว่า ทนหน่อยนะ เดี๋ยวไปกินข้าว
ที่บ้านผมกันนะ อย่างนี้ตลอด แต่เขาไม่รู้หรอกว่าในใจผมกำลังคิดอะไรอยู่ ...

.. ถึงแม้ว่าที่บ้านของเรียว จะไม่รู้ว่าผมกับเรียว คบกันในฐานะอะไร แต่ผมก็ยัง
อด กังวลไม่ได้ ตายล่ะ .. ไปบ้านคนญี่ปุ่น จะต้องพูดอะไรบ้าง ใช้ภาษาระดับไหน ยกย่อง ถ่มตัว โอ้ยมากมาย.. ต้องพูดสำนวนอะไรบ้าง ทำอะไรได้บ้าง ทำอะไรไม่ได้
บ้าง.. พูดอะไรได้บ้าง พูดอะไรไม่ได้บ้าง.. ถามอะไรได้บ้าง ถามอะไรไม่ได้
บ้าง.. เยอะแยะมากมายไปหมด ที่เข้ามาอยู่ในหัวสมองผม..

.. สงสัยง่าผมจะเงียบไปจน ผิดปกติจนเขาต้องถามผมว่าเป็นอะไร "ไม่รู้ .. กังวลน่ะ" ผมตอบไปแบบนั้น เพราะรู้สึกแบบนั้นจริงๆ จะว่าไปแล้ว
ตั้งแต่มาอยู่ญี่ปุ่นครั้งนี้ ยังไม่เคยไปบ้านคนญี่ปุ่นแบบจริงๆ จังๆ หรือบ้าน
ของคนญี่ปุ่นที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย ยกเว้นบ้านเพื่อนของพ่อและแม่ ซึ่งก็สนิท
สนมกันดีอยู่แล้ว "ไม่ต้องกลัวหรอก คุณคนใจดี แล้วผมก็อยู่ด้วยนะ" เรียวคงจะคิดว่าคำพูดของเขา คง
จะสามารถช่วยผมได้ แต่กลับไม่เลย ใจดีน่ะ แบบไหนกันนะ.. ผมจึงฝืนยิ้มออกไป อย่างนั้นเอง แหะ แหะ ... เฮ้อ ...




.. ผมเดินตามเรียว มาจากสถานีรถไฟ เขาบอกว่าบ้านเขาอยู่ใกล้สถานีมาก เดี๋ยวก็
ถึง ซึ่งมันก็ใกล้มากจริงๆ ผมเดินมาแค่เดี๋ยวเดียว อ้าวถึงบ้านแล้วหรอ.. .. บ้านของเรียวก็ไม่ต่างจาก บ้านของคนญี่ปุ่นในละแวกนั้นมากนัก แต่ว่ามันต่าง
จากบ้านคนญี่ปุ่นที่ผมคิด เข้าใจและเคยเห็น อะไรกัน .. เรียวมีบ้านใหญ่ขนาดนี้
ได้ในโตเกียว ? ถึงแม้ว่ามันจะออกมาชานเมืองแล้วก็เถอะนะ แสดงว่าบ้านนี้ก็ไม่
ธรรมดาเหมือนกัน ...

.. เรียวพาผมเดินผ่านเข้าประตูบ้านไป.. "กลับมาแล้วครับ" เขาตะโกนเบาๆ แบบแค่ให้พอได้ยิน "กลับมาแล้วหรอจ๊ะ ..." เสียงผู้หญิงตะโกนรับกลับมา .. แน่นอน นั่นต้องเป็นเสียงคุณแม่เรียวแน่ๆ ทำให้ผมยิ่งตื่นเต้นใหญ่.. จน
กระทั่งผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนึง เดินออกมาด้วยท่าทีที่เป็นมิตร และใบหน้ายิ้ม
แย้ม..

"สวัสดีค่ะ" จริงๆ แล้วผมจะต้องทักทายเธอก่อน แต่นี่เธอกลับทักผมก่อน ผมรู้ตัว
ว่าเสียมารยาทมาก ... "สวัสดีครับ ขอรบกวนหน่อยนะครับ " ผมงงไปหมด จะแนะนำตัวก่อนดีหรือจะ พูดตาม
มารยาทก่อนดี.. "เข้าไปในบ้านกันเถอะจ๊ะ นะ.." เธอยังคงยิ้มแย้ม และพูดจาอย่างเป็นมิตร ตาที่
ตี่แทบจะปิด เหมือนลูกชายของเธอนั้น.. ดูน่ารักดี.. ... วันที่ร้อนอบอ้าว ในฤดูร้อนของกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ผมนั่งอยู่ที่
เก้าอี้ตัวนึงหน้าสถานีรถไฟ อากาศที่ร้อน... ร้อนมาก .... ร้อนจริงๆ พอๆ กับที่
เมืองไทย มันทำให้ผมต้อง ปลดกระดุมเม็ดบนออก 1 เม็ด เพื่อที่จะได้คลายร้อนได้
บ้าง.. อีกไม่กี่วัน วันหยุดหน้าร้อนที่แสนสั้นก็จะผ่านไป ผมได้แต่คิดเพียงว่า จะปล่อยให้มันผ่านไปแบบนี้ แค่นี้เองน่ะหรือ ... ตื่นเช้า หาอะไรกิน ไม่นั่งดู
ทีวี ก็ออกไปเดินเล่น หาของกิน เหนื่อยก็กลับหอ ดูทีวีแล้วก็นอน .... .. วันหยุดหน้าร้อนของผมเป็นได้แค่นี้เองน่ะหรอ ? ทำไมมันถึงไม่มีอะไรน่า
ตื่นเต้นซะบ้างเลยนะ หยุดทั้งที ได้แต่มานั่งกินนอนกินอยู่เฉยๆ ไม่มีอะไรน่า
สนุก ไม่มีอะไรน่าสนใจ น่าตื่นเต้นเลยในวันๆ นึง ทำไมคนอื่นๆ เขาถึงได้มีอะไร
ต่ออะไร มากมายทำกันในหน้าร้อน .... ทำอะไรกันหนักหนา ผม คิด คิด คิด อยู่ แล้ว
ก็ ...

.. อ่ะ !! ไอติมแท่งสีเขียวๆ น่ากินถูกยื่นมาไว้ตรงหน้าผม "แค่ไอติมแค่เนี้ยทำไม ไปนานจังเลยล่ะเรียว" ผมถามพร้อมทั้งรีบ คว้าเอาไอติมรส
มะนาวแท่งนั้นมางับเข้าปาก อย่างรวดเร็วด้วยความกลัวว่า คนที่ซื้อมาให้ผมนั้น จะแอบกัดมันไปซะก่อน "ไม่นานนะ ไปแค่แป๊บเดียวเท่านั้นเอง" เขาตอบพร้อมกับค่อยๆ นั่งลงข้างๆ ผมที่
เก้าอี้ยาวตัวนั้น "เฮ้ออออ ร้อนนน" หมาจิ้กจอก ตาตี่ กำลังพูดถึงสภาพอากาศในวันนั้น พร้อมกับ
ค่อยๆ ยืดหลังพิงเก้าอี้ยาวตัวนั้น โดยที่มีผมกำลังนั่งกินไอติมอยู่ข้างๆ เขา ..

.. ผมนั่งกินไอติมไปเรื่อยๆ ก็ไม่เห็นว่าเขาจะพูดอะไร ผมก็นั่งกินไปอย่างนั้น ท่ามกลางความเงียบที่มีเรา 2 คนนั่งอยู่ จนกระทั่งผมคิดว่า ผมอยากจะชวนเขาคุย
อะไรสักอย่าง เพื่อที่จะทำลายความเงียบตรงนี้ ถ้าอากาศทั้งร้อน แล้วเรา 2 คนยัง
จะมามัวนั่งอยู่เฉยๆ เงียบๆ ไม่ทำอะไรกัน มันก็จะยิ่งหน้าเบื่อ ไปกว่าเดิม
อีก ....

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
175
พลังน้ำใจ
6125
Zenny
41293
ออนไลน์
18 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-10-4 14:21:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด
.. ผมเดินตามเรียว มาจากสถานีรถไฟ เขาบอกว่าบ้านเขาอยู่ใกล้สถานีมาก เดี๋ยวก็
ถึง ซึ่งมันก็ใกล้มากจริงๆ ผมเดินมาแค่เดี๋ยวเดียว อ้าวถึงบ้านแล้วหรอ.. .. บ้านของเรียวก็ไม่ต่างจาก บ้านของคนญี่ปุ่นในละแวกนั้นมากนัก แต่ว่ามันต่าง
จากบ้านคนญี่ปุ่นที่ผมคิด เข้าใจและเคยเห็น อะไรกัน .. เรียวมีบ้านใหญ่ขนาดนี้
ได้ในโตเกียว ? ถึงแม้ว่ามันจะออกมาชานเมืองแล้วก็เถอะนะ แสดงว่าบ้านนี้ก็ไม่
ธรรมดาเหมือนกัน ...

.. เรียวพาผมเดินผ่านเข้าประตูบ้านไป.. "กลับมาแล้วครับ" เขาตะโกนเบาๆ แบบแค่ให้พอได้ยิน "กลับมาแล้วหรอจ๊ะ ..." เสียงผู้หญิงตะโกนรับกลับมา .. แน่นอน นั่นต้องเป็นเสียงคุณแม่เรียวแน่ๆ ทำให้ผมยิ่งตื่นเต้นใหญ่.. จน
กระทั่งผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนึง เดินออกมาด้วยท่าทีที่เป็นมิตร และใบหน้ายิ้ม
แย้ม..

"สวัสดีค่ะ" จริงๆ แล้วผมจะต้องทักทายเธอก่อน แต่นี่เธอกลับทักผมก่อน ผมรู้ตัว
ว่าเสียมารยาทมาก ... "สวัสดีครับ ขอรบกวนหน่อยนะครับ " ผมงงไปหมด จะแนะนำตัวก่อนดีหรือจะ พูดตาม
มารยาทก่อนดี.. "เข้าไปในบ้านกันเถอะจ๊ะ นะ.." เธอยังคงยิ้มแย้ม และพูดจาอย่างเป็นมิตร ตาที่
ตี่แทบจะปิด เหมือนลูกชายของเธอนั้น.. ดูน่ารักดี.. ... วันที่ร้อนอบอ้าว ในฤดูร้อนของกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ผมนั่งอยู่ที่
เก้าอี้ตัวนึงหน้าสถานีรถไฟ อากาศที่ร้อน... ร้อนมาก .... ร้อนจริงๆ พอๆ กับที่
เมืองไทย มันทำให้ผมต้อง ปลดกระดุมเม็ดบนออก 1 เม็ด เพื่อที่จะได้คลายร้อนได้
บ้าง.. อีกไม่กี่วัน วันหยุดหน้าร้อนที่แสนสั้นก็จะผ่านไป ผมได้แต่คิดเพียงว่า จะปล่อยให้มันผ่านไปแบบนี้ แค่นี้เองน่ะหรือ ... ตื่นเช้า หาอะไรกิน ไม่นั่งดู
ทีวี ก็ออกไปเดินเล่น หาของกิน เหนื่อยก็กลับหอ ดูทีวีแล้วก็นอน .... .. วันหยุดหน้าร้อนของผมเป็นได้แค่นี้เองน่ะหรอ ? ทำไมมันถึงไม่มีอะไรน่า
ตื่นเต้นซะบ้างเลยนะ หยุดทั้งที ได้แต่มานั่งกินนอนกินอยู่เฉยๆ ไม่มีอะไรน่า
สนุก ไม่มีอะไรน่าสนใจ น่าตื่นเต้นเลยในวันๆ นึง ทำไมคนอื่นๆ เขาถึงได้มีอะไร
ต่ออะไร มากมายทำกันในหน้าร้อน .... ทำอะไรกันหนักหนา ผม คิด คิด คิด อยู่ แล้ว
ก็ ...

.. อ่ะ !! ไอติมแท่งสีเขียวๆ น่ากินถูกยื่นมาไว้ตรงหน้าผม "แค่ไอติมแค่เนี้ยทำไม ไปนานจังเลยล่ะเรียว" ผมถามพร้อมทั้งรีบ คว้าเอาไอติมรส
มะนาวแท่งนั้นมางับเข้าปาก อย่างรวดเร็วด้วยความกลัวว่า คนที่ซื้อมาให้ผมนั้น จะแอบกัดมันไปซะก่อน "ไม่นานนะ ไปแค่แป๊บเดียวเท่านั้นเอง" เขาตอบพร้อมกับค่อยๆ นั่งลงข้างๆ ผมที่
เก้าอี้ยาวตัวนั้น "เฮ้ออออ ร้อนนน" หมาจิ้กจอก ตาตี่ กำลังพูดถึงสภาพอากาศในวันนั้น พร้อมกับ
ค่อยๆ ยืดหลังพิงเก้าอี้ยาวตัวนั้น โดยที่มีผมกำลังนั่งกินไอติมอยู่ข้างๆ เขา ..

.. ผมนั่งกินไอติมไปเรื่อยๆ ก็ไม่เห็นว่าเขาจะพูดอะไร ผมก็นั่งกินไปอย่างนั้น ท่ามกลางความเงียบที่มีเรา 2 คนนั่งอยู่ จนกระทั่งผมคิดว่า ผมอยากจะชวนเขาคุย
อะไรสักอย่าง เพื่อที่จะทำลายความเงียบตรงนี้ ถ้าอากาศทั้งร้อน แล้วเรา 2 คนยัง
จะมามัวนั่งอยู่เฉยๆ เงียบๆ ไม่ทำอะไรกัน มันก็จะยิ่งหน้าเบื่อ ไปกว่าเดิม
อีก ....




"น่าเบื่อนะว่ามั้ย" ผมค่อยๆ เหลือบตามองไปทางเขา ที่ยังคงเอนหลังพิงเก้าอี้
อยู่อย่างนั้น "เบื่ออะไร เห็นบ่นเบื่ออย่างนี้มาตั้งนานแล้วนี่" อืมม เขาก็พูดจริงนะครับ
ช่วง ระยะนี้ผมบ่นเบื่อกรอกหูเขาทุกวัน "ก็ปิดเทอมหน้าร้อน ใครๆ เขาก็ออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกันหมด หรือไม่ก็ทำงาน
พิเศษเก็บเงินกัน ดูทุกคนมีอะไรที่สนุกๆ ทำกันหมดเลย ทำไมเรา 2 คนไม่ออกไป
เที่ยวบ้าง อยู่แต่ในโตเกียว น่าเบื่อนะว่ามั้ย" ผมพูดจบตัวขี้เกียจตัวนั้นก็ค่อยๆ ยืดตัวขึ้น ค่อยๆ ยื่นหน้าของตัวเองเข้ามา
ใกล้ๆ ผม แล้วพูดกับผมว่า "ถ้างั้นไป Hokkaido กันมั้ยล่ะ" มันเป็นคำตอบที่กวนประสาทที่สุด จากโตเกียวไป ฮอกไกโด ก็คงพอๆ กับ กรุงเทพ-หาดใหญ่ แล้วจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ อีกสำหรับการ
เดินทาง.. .. ประโยคแบบนั้น กับหน้ากวนๆ ตายๆ แบบนั้น ถึงแม้ในวันที่อากาศร้อนๆ มันก็ทำ
อารมณ์ดี ยิ้มออก ขึ้นมาก็ได้เหมือนกัน ...

"ไม่ ต้องถึง Hokkaido ก็ได้อะไรที่มัน เป็นไปได้น่ะเรียว ไม่ไกลและถูก" "TOKYODOME เป็นไง" "เบื่อแล้วไปแทบจะทุกวัน" "Tokyo Disney Land" "ไม่ได้คิดว่า เวลาแบบนั้นจะเป็นเวลามาเที่ยว Disneyland หรอกนะ" "อืมมม " "[อืมมม] เนี่ย อะไร ? " "หาดโชนัน รู้จักไหม" "เคยได้ยินชื่อ เรียกว่ารู้จักรึเปล่า หาดโชนัน มีอะไร?" "มีทะล มีคนไปเล่นกระดานโต้คลื่น"

.. ไม่รู้ว่ามันเป็นความโชคดีของผม หรือความซวยของเรียวกันแน่ ที่อยู่ๆ ก็พูด
ถึงชาดหาดโชนั้นขึ้นมา ผมถามเขาอยู่นาน เรื่องชายหาดโชนันว่ามันเป็นยังไง จะไป
ยังไง คนเยอะไหม ตี๋ๆ น่ารักๆ เยอะหรือเปล่า ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ นั่งรถไฟ สาย
ไหนไปได้บ้าง ? ถาม ถาม ถาม ให้อีกฝ่ายนึง ตอบ ตอบ ตอบ จนกระทั่งเรา 2 คนสรุป
กันว่า .........

.. วันถัดไป มันเป็นเวลาตอนสายๆ ผมกับเรียวยืนอยู่ที่ชานชาลาของสถานีแห่งนึง เดาก็ไม่ผิด ว่าเรา 2 คนกำลังรอรถไฟไปยัง "ชาดหาดโชนัน" [Shonan Kaikan] ผมกับ
เรียว สะพายกระเป๋ากันคนละใบ ในกระเป๋าของผมนั้น เต็มไปด้วยขนม และเสื้อผ้าอีก
ชุดที่กะเอาไว้ว่า ถ้ายังไงๆ มันเหมือนชายทะเลบ้านเราก็ขอ ลงไปเล่นซะหน่อย จะไป
ตากแดดให้ผิวที่ดำอยู่แล้ว ดำลงไปอีก แล้วก็ผ้าเช็ดตัว..

.. ในขณะที่ผมกำลังรื้อๆ ค้นๆ เอาขนมออกมากิน เอาโน่นเอานี่ ออกมา check ว่าลืม
อะไร หรือเปล่านั้น ... "อะไรเนี่ย เอาอะไรมาเยอะแยอะ" ตามไสตล์เดิมของเขา เวลาโวยวายจะต้องทำตาตี่ๆ ขีดเป็นเส้นเดียว "ปกติหรอกน่า ตอนไปเที่ยวกับเพื่อนที่เมืองไทยเอาไปใบใหญ่กว่านี้อีก" ผมพูด
พร้อมกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าของเขามาดู "ไหนของดูของเรียวหน่อยสิ" จังหวะที่มือของผมกำลังจะได้แตะกับกระเป่าของเขา เขา
ก็ หันหลังหนีเอากระเป๋าหันไปทางอื่น "ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องของเด็ก" อ้าว อะไรวะ .. "คิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่มากนักหรือไง" เป็นคำถามที่เด็กอายุ ประมาณ 17-18 ถาม
กับเด็กอายุราวๆ 17-18 เท่าๆ กัน และคำตอบที่ได้มานั้นก็คือ.. "ใช่ เป็นผู้ใหญ่แล้ว" ผมก็พูดอะไรไม่ได้มาก นอกจาก อ้อ..หรอ เรียวเป็นผู้ใหญ่
แล้ว .. sou sou sou sou da ne ...

.. รถไฟแล่นมาถึงสถานีปลายทาง ผมกับเรียวต้องนั่งรถประจำทางต่อเข้าไปอีก ไม่นาน
นักก็ถึงชาดหาดโชนั้น ผู้คนมากมาย เต็มไปหมด ทั้งคู่รัก และกลุ่มเพื่อนที่มา
เที่ยวด้วยกัน ครอบครัว ในจำนวนคนพวกนั้น มีผมกับเรียว กำลังยืนอยู่ หันหน้าให้
กับทะเล .. ลมที่พัดปะทะเราทั้ง 2 คนจนกระทั่งเหมือนกับว่า เรากำลังจะปลิวไปตามแรงของ
ลม มือของเราทั้ง 2 คนที่จับกันเองโดยอังเอิญ ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ เรา 2 คนยืนกันอยู่แบบนั้นสักครู่ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ ลมพัดสบายๆ กับ
อารมณ์สบายๆ คนที่สบายๆ ..

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
175
พลังน้ำใจ
6125
Zenny
41293
ออนไลน์
18 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-10-4 14:22:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
.. เรา 2 คนหาที่นั่ง เพื่อทานข้าวกล่องกัน โดยที่คุณแม่ของเรียวเป็นคนทำให้ กะ
แล้วว่าต้องอร่อยเหมือนเดิม คุณแม่คนที่ใจดีคนนั้น ... นั่นก็ทำให้ผมได้รู้แล้ว
ว่า ในกระเป๋าเรียวมีข้าวกล่องอยู่ อิอิ ทานข้าวเสร็จแล้ว ผมก็เอนตัวนอนลงบน
เสื่อ ที่ปูอยู่บนชายหาดนั้น "สบายจริงๆ เลย...." ผมพูดกับตัวเองเบาๆ แล้วเหลือบไปมองเรียวที่กำลัง นั่งมอง
นักเล่นกระดานโต้คลื่นอยู่ข้างๆ ผม..

"ไปว่ายน้ำกันไหม" เขาพูดหร้อมชะโงกหน้าเข้ามาถามผม "อือ อือ อยากเล่นๆ" แน่นอนมาทะเลก็ต้องลงไปเล่นน้ำในทะเล อยู่แล้ว ผมกำลังจะ
ถาม เขาว่า จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ที่ไหนแต่ .. "ไม่ได้ใส่กางเกงว่ายน้ำมาแล้วหรอกหรอ?" ผมรู้สึกงงๆ กับคำถาม "กางเกงว่ายน้ำ?" "เล่นน้ำทะเลนี่กางเกงว่ายน้ำจำเป็นด้วยหรอ อยู่เมืองไทยใส่เสื้อยืด ลงไปเล่น
เลยด้วยซ้ำ" ผมบอกเขาไปแบบนั้น

.. นอกจากเสียงหัวเราะแบบแทบเป็นแทบตาย และยิ้มตาตี่ของเขาที่ผมได้รับ เขายัง
บอก ผมอีกว่า ถ้าใส่เสื้อยืดลงเล่นน้ำที่ โชนัน ก็คงกลายเป็นคนบ้าในสายตาทุกคน "อ้าว .. แล้วทำไง" เรียวยักไหล่ให้ผม แล้วเขาก็.. .. คนที่มักทำอะไรที่เรานึกไม่ถึง เขาก็มักจะทำเสมอๆ เรียวถอดเสื้อของเขาออก พับวางไว้ที่ข้างกระเป๋า และก็ถอดกางเกงขาสั้นของเขาออกอีก เหลือแต่ กางเกงว่าย
น้ำที่เขาใส่มาแล้วตั้งแต่เมื่อเช้า แล้วเขาก็ถอดนาฬิกาใส่ไว้ในกระเป๋าของเขา "พร้อมเมื่อไหร่ก็ตามไปนะ" แล้วสุนัขจิ้งจิกตัวนั้น ก็วิ่งลงทะเลไป... ทิ้งผม
ที่กำลังยืน อึ้งอยู่บนฝั่ง ผมไม่ได้เอากางเกงว่ายน้ำมา สงสัยจะต้องใส่กางเกงขา
สั้นที่เตรียมมานั้นแหละลงทะเล ..

.. แล้วผมก็ค่อยๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างอายๆ ถอดเสื้อออกโชว์ก้างของตัวเอง แล้ว
เดิน ลงทะเลตามเขาไป "ช้าจังเลย" เขาพูดยิ้มๆ "ก็มันอายนี่" ผมพูดไปตามที่ผมรู้สึก ก็มันอายจริงๆ จะให้ทำยังไง .. แล้วเราทั้งสองคนก็ใช้เวลาด้วยกันอยู่ในทะเล คุยกันในทะเล จับมือกันในทะเล แกล้งกันในทะเล ยิ้มและหัวเราะกันในทะเล
... นับตั้งแต่การปิดเทอมภาคฤดูร้อนได้เริ่มต้นขึ้น จนกระทั่งถึงในตอนนี้ ดู
เหมือนว่าผมกับเรียว เรา 2 คน ยังไม่ค่อยที่จะได้ใช้เวลาที่ผ่านไป ได้อย่างคุ้ม
ค่าสักเท่าไรนัก เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการกิน และ นอนดูทีวีอยู่ที่หอ นอกนั้นก็
มีออกไปไหนมาไหนด้วยกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับกับช่วงที่เปิดเทอม เพราะ
สถานที่ที่เราไปด้วย กันในตอนปิดเทอมนั้น .. มันก็คือสถานที่ ที่เรามักจะไปเดินเล่นกันบ่อยๆ หลังเลิกเรียน ตอนที่ยังเปิด
เทอมอยู่นั่นแหละ จะมีก็แต่ตอนที่ไปชายหาดโชนันเท่านั้น ที่ผมเองคิดว่า เป็นการ
ใช้ เวลาด้วยกันที่คุ้มค่าที่สุด แตกต่างไปจากการเดินเล่นในเมือง เดินซื้อของ ที่ ชิบุยะ ชินจุกุ อะไรทำนองนี้ .. แต่จะว่าไปแล้วทั้งหมด มันก็เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ที่ผมกับเขา ได้ใช้เวลา
อยู่ด้วยกัน โดยไม่ต้องตื่นเช้าๆ เพื่อที่จะไปโรงเรียน หรือไม่ต้อง คอยปวดหัว
กับการบ้าน จะมีบ้างก็แค่ตอนที่เรียวจะต้องไปชมรมที่โรงเรียนบ้าง ในช่วงปิด
เทอม เพื่อซ้อมกีฬา ก็เท่านั้นเอง ......

.. เวลาที่ผ่านไปในแต่ละวัน โดยที่เราทั้งสองไม่ค่อยจะได้ทำอะไร ที่เป็นชิ้น
เป็นอันนั้นเอง นอกจากกินแล้วก็นอน ทำให้เราทั้งสองคน ลืม ไปว่านี่ก็ได้เวลาที่
จะต้องเปิดเทอมแล้ว ได้เวลาที่จะต้องเตรียมตัวให้พร้อม กับการเรียนในเทอมต่อไป
แล้ว ซึ่งมารู้ตัวอีกที ก็พรุ่งนี้แล้ว ที่เราจะต้องไปโรงเรียนในเทอมใหม่ โดย
ตัวผมเองแล้ว ผมคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมเลย ยังนอน ยังขี้เกียจไม่พอเลย ทำไมปิด
เทอมที่ญี่ปุ่นมันสั้นแบบนี้นะ รู้สึกว่าเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวันมันช่างรวด
เร็ว ..

.. ตั้งแต่วันแรกที่มาอยู่ที่นี่จนถึงตอนนี้ ผมเรียนผ่านไปแล้ว 1 เทอม ซึ่งก็
ยังลูกผีลูกคน ไม่รู้ด้วยว่าผลจะออกมาอย่างไร รู้อย่างนี้ขยันมากกว่านี้สัก
หน่อยก็คงจะดี ....

.. ผมนอนคิดอยู่บนฝูกที่นอน ที่ยังถูกปูเอาไว้บนเสื่อกลางห้องรกๆ ของผม ถึงแม้
ว่ามันจะสายมากแล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามันยังเช้าเกินไป ที่จะลุกออกมาจาก
ที่นอน .. ผมนอนคิดไปคิดมา พลิกไปพลิกมาได้สักพัก ก็มีร่างๆ หนึ่ง มานั่งลงข้างๆ ฝูก
ของผม ...

"ตื่น ได้แล้ว" หมาจิ้งจอก เซ้า "ตื่นไปทำไม ตื่นไปก็ไม่ได้ทำอะไร นอนต่ออีกดีกว่า" "dame!!" [ไม่ได้] พูดพร้อมกับเขย่าๆ ตัวผม คงอยากจะให้ผมตื่นเดี๋ยวนั้นตรง
นั้น "ตื่น เร็ว ตื่นๆ" "OK ตื่นแล้วๆ ตื่นๆ ก็ได้" ผมดันตัวเองขึ้นมา เปลี่ยนมาเป็นนั่งข้างๆ เขา เขา
หัว ไปพิงเอาไว้ที่หลัง ของเขาแล้วแกล้งหลับตาทำเป็นนอน "ขี้เซา เอาแต่นอน เหมือนแมวเลยนะ" "หน้าตาประหลาด เอาแต่ดุๆ บังคับๆ เหมือนหมา จิ้งจอกเลยนะ"

.. แล้วเราทั้ง 2คน ก็เริ่มต้นเช้าสุดท้ายของการปิดเทอมถาคฤดูร้อน ด้วยสงคราม
ย่อยๆ ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ นั้น หมอน ผ้าห่ม และอุปกรณ์ ในการนอน ถูกโยนใส่
กันปลิวไปมา อยู่ได้พักนึง จนเราทั้งสองรู้สึกเหนื่อยแล้ว กับการที่จะต้องมา
ทะเลาะกัน ก็เลยมานั่งพิงกันอยู่ที่กลางห้อง บนกองผ้าห่ม และ หมอน ที่เมื่อกี้
นี้ต่างคนต่างฟาดเข้าหากันและกัน จนเหนื่อย และต้องมานั่งหอบกันเองอยู่ 2 คนใน
ตอนนี้ ....

"เมื่อกี้ นี้ใคร ชนะ" ผมถามเขา "ไม่มี นี่ ไม่มีใครชนะ" "ใครบอกว่าไม่มีใครชนะ" "หรอ ... แล้วใครล่ะที่ชนะ" ถามผมกลับพร้อมทำหน้า งงๆ ตาตี่ๆ "ก็โบ้ทไง ชนะ" พูดจบผมก็เอาผ้าห่มข้างตัวผม คลุมหัวเขาเอาไว้ผลักให้ล้มลง
ตีๆๆๆๆๆ หัวหมาจิ้งจอก ก่อนวิ่งหลบเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ มีแต่เสียง "เจ็บๆๆๆ" ตามหลังผมมา

.. ผมอาบน้ำเสร็จแล้ว เดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นฝูกที่นอน ผ้าห่ม หมอน ถูกเก็บ
เข้าที่แล้วอย่างเรียบร้อย แหม ... ดีจังรู้จักทำตัวเป็นประโยชน์ด้วยวุ้ย .. ผม
คิด แล้วก้าวออกจากห้องน้ำไม่กี่ก้าว หมาจิ้กจอกที่ซ่อนตัวอยู่ข้างประตูห้องน้ำ ก็ออกมาข้างหลังผม ตีๆๆๆๆ หัวผมเอาคืน มีหนำซ้ำ มือที่ตีหัวเปียกๆ ของผม ทำให้
มือของเขาเปียกด้วย ก็ยังไม่วายเอามือเปียกๆ นั้นมาเช็ดเสื้อผมอีก ผมตั้งตัวไม่
ทัน ยืนงงอยู่ตรงนั้น ให้คนบางคนได้หัวเราะ ชอบใจ ทำตาตี่ ยืนอยู่ตรงนั้น

"อย่าโกรธนะ ..." เขาพูดก่อนที่จะเข้ามากอดผมบอกว่า ออกไปซื้อข้าวกล่องเอาไว้
ให้แล้ว มากินข้าวกันดีกว่า .. "อือ" ผมบอกไปเบาๆ นั่งลงกลางห้อง โดยที่เรียวเดินไปหยิบข้าวกล่องมาแกะกิน
กัน 2 คน "itada kimasu--" "un itadakimasho--"

.. ระหว่างที่กินข้าวอยู่ด้วยกันนั้น เรา 2 คนก็อดไม่ได้ที่จะวิจารณ์ ข้าวกล่อง
ที่เรียวเป็นคนไปซื้อมา ว่า ข้าวกล่องนี้ดีจริงๆ เขาทำมาทุกรสยกเว้นรส
อร่อย ... แต่ก็นั่นแหละ ดีกว่ากินบะหมี่รถเข็นทุกวันนั้นแหละน่า เรียวว่า .. นอกจากนั้นเราก็คุยกันไปต่างๆ นาๆ ถึงเพื่อนคนอื่นๆ ที่เราไม่ได้เจอกันตอน
ปิดเทอมว่า พรุ่งนี้แล้วนะ ที่เราจะได้เจอกันเหมือนเดิม แล้วก็แน่นอน พรุ่งนี้
เย็น เราจะต้องไปกินไปดื่มฉลองเปิดเทอมกันแน่นอน

.. คุยถึงเรื่องคะแนนสอบ และอีกสารพัดเรื่องจนมาจบ ว่า กินข้าวเสร็จแล้วเราจะทำ
อะไรกันดี ? นั่นสิ ทำอะไรกันดี ? เรานั่งกินข้าวกันไป นึกกันไป ว่านั่นสิ ทำ
อะไรกันดีนะ ...

.. จนกินข้าวเสร็จ นำกล่องข้าวเปล่าๆ ไปทิ้งถังขยะ แล้วก็มานั่ง มึนๆ อยู่ใน
ห้องกัน 2 คน ไม่มีอะไรทำ พอบอกว่าจะดูทีวี เรียวก็บอกว่า ตลอดที่ปิดเทอมมานี่
ยัง ไม่เคยดูทีวีหรอครับ ? ผมก็เลยต้องปิด พอบอกว่า อิ่มแล้ว ง่วง นอนเถอะ .... เรียวก็บอกว่า dame dame ไม่ได้ ไม่ได้ อ้าว ... ในห้องมันมีอะไรให้ทำอยู่แค่
นี้ จะให้ทำอะไรล่ะ

"ไปข้างนอกกัน ไหม" เขาถาม "ข้างนอกหรอ ... ขี้เกียจอ่ะ" "ขี้เกียจอีกแล้ว เหมือนแมว จริงๆ เลย" "แล้วจะไปไหน" "ไปกินกลางวัน ที่ร้านอาหารไทย แถว ชินจุกุไหม" "ตลอดที่ปิดเทอมมานี่ยังไม่เคยไป ชินจุกุ หรอ เรียว" "ก็นี่มันวันสุดท้ายของปิดเทอม ใครเขาอยู่แต่ในห้องกันเล่า ออกไปโดนแดดซะ
บ้าง" "เออ เออ ไปโดนแดดก็ไปโดนแดด" ผมพูดพร้อมเดินไปแต่งตัว เรียวยิ้มดีใจ ผมก็ดีใจ ที่เห็นเขายิ้ม แต่จริงๆ แล้วถ้าเรียวไม่ชวนออกไปข้างนอก ผมก็ว่าจะชวนเขาอยู่
เหมือนกัน..

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
175
พลังน้ำใจ
6125
Zenny
41293
ออนไลน์
18 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-10-4 14:22:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด
.. เรา 2 คนหาที่นั่ง เพื่อทานข้าวกล่องกัน โดยที่คุณแม่ของเรียวเป็นคนทำให้ กะ
แล้วว่าต้องอร่อยเหมือนเดิม คุณแม่คนที่ใจดีคนนั้น ... นั่นก็ทำให้ผมได้รู้แล้ว
ว่า ในกระเป๋าเรียวมีข้าวกล่องอยู่ อิอิ ทานข้าวเสร็จแล้ว ผมก็เอนตัวนอนลงบน
เสื่อ ที่ปูอยู่บนชายหาดนั้น "สบายจริงๆ เลย...." ผมพูดกับตัวเองเบาๆ แล้วเหลือบไปมองเรียวที่กำลัง นั่งมอง
นักเล่นกระดานโต้คลื่นอยู่ข้างๆ ผม..

"ไปว่ายน้ำกันไหม" เขาพูดหร้อมชะโงกหน้าเข้ามาถามผม "อือ อือ อยากเล่นๆ" แน่นอนมาทะเลก็ต้องลงไปเล่นน้ำในทะเล อยู่แล้ว ผมกำลังจะ
ถาม เขาว่า จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ที่ไหนแต่ .. "ไม่ได้ใส่กางเกงว่ายน้ำมาแล้วหรอกหรอ?" ผมรู้สึกงงๆ กับคำถาม "กางเกงว่ายน้ำ?" "เล่นน้ำทะเลนี่กางเกงว่ายน้ำจำเป็นด้วยหรอ อยู่เมืองไทยใส่เสื้อยืด ลงไปเล่น
เลยด้วยซ้ำ" ผมบอกเขาไปแบบนั้น

.. นอกจากเสียงหัวเราะแบบแทบเป็นแทบตาย และยิ้มตาตี่ของเขาที่ผมได้รับ เขายัง
บอก ผมอีกว่า ถ้าใส่เสื้อยืดลงเล่นน้ำที่ โชนัน ก็คงกลายเป็นคนบ้าในสายตาทุกคน "อ้าว .. แล้วทำไง" เรียวยักไหล่ให้ผม แล้วเขาก็.. .. คนที่มักทำอะไรที่เรานึกไม่ถึง เขาก็มักจะทำเสมอๆ เรียวถอดเสื้อของเขาออก พับวางไว้ที่ข้างกระเป๋า และก็ถอดกางเกงขาสั้นของเขาออกอีก เหลือแต่ กางเกงว่าย
น้ำที่เขาใส่มาแล้วตั้งแต่เมื่อเช้า แล้วเขาก็ถอดนาฬิกาใส่ไว้ในกระเป๋าของเขา "พร้อมเมื่อไหร่ก็ตามไปนะ" แล้วสุนัขจิ้งจิกตัวนั้น ก็วิ่งลงทะเลไป... ทิ้งผม
ที่กำลังยืน อึ้งอยู่บนฝั่ง ผมไม่ได้เอากางเกงว่ายน้ำมา สงสัยจะต้องใส่กางเกงขา
สั้นที่เตรียมมานั้นแหละลงทะเล ..

.. แล้วผมก็ค่อยๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างอายๆ ถอดเสื้อออกโชว์ก้างของตัวเอง แล้ว
เดิน ลงทะเลตามเขาไป "ช้าจังเลย" เขาพูดยิ้มๆ "ก็มันอายนี่" ผมพูดไปตามที่ผมรู้สึก ก็มันอายจริงๆ จะให้ทำยังไง .. แล้วเราทั้งสองคนก็ใช้เวลาด้วยกันอยู่ในทะเล คุยกันในทะเล จับมือกันในทะเล แกล้งกันในทะเล ยิ้มและหัวเราะกันในทะเล
... นับตั้งแต่การปิดเทอมภาคฤดูร้อนได้เริ่มต้นขึ้น จนกระทั่งถึงในตอนนี้ ดู
เหมือนว่าผมกับเรียว เรา 2 คน ยังไม่ค่อยที่จะได้ใช้เวลาที่ผ่านไป ได้อย่างคุ้ม
ค่าสักเท่าไรนัก เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการกิน และ นอนดูทีวีอยู่ที่หอ นอกนั้นก็
มีออกไปไหนมาไหนด้วยกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับกับช่วงที่เปิดเทอม เพราะ
สถานที่ที่เราไปด้วย กันในตอนปิดเทอมนั้น .. มันก็คือสถานที่ ที่เรามักจะไปเดินเล่นกันบ่อยๆ หลังเลิกเรียน ตอนที่ยังเปิด
เทอมอยู่นั่นแหละ จะมีก็แต่ตอนที่ไปชายหาดโชนันเท่านั้น ที่ผมเองคิดว่า เป็นการ
ใช้ เวลาด้วยกันที่คุ้มค่าที่สุด แตกต่างไปจากการเดินเล่นในเมือง เดินซื้อของ ที่ ชิบุยะ ชินจุกุ อะไรทำนองนี้ .. แต่จะว่าไปแล้วทั้งหมด มันก็เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ที่ผมกับเขา ได้ใช้เวลา
อยู่ด้วยกัน โดยไม่ต้องตื่นเช้าๆ เพื่อที่จะไปโรงเรียน หรือไม่ต้อง คอยปวดหัว
กับการบ้าน จะมีบ้างก็แค่ตอนที่เรียวจะต้องไปชมรมที่โรงเรียนบ้าง ในช่วงปิด
เทอม เพื่อซ้อมกีฬา ก็เท่านั้นเอง ......

.. เวลาที่ผ่านไปในแต่ละวัน โดยที่เราทั้งสองไม่ค่อยจะได้ทำอะไร ที่เป็นชิ้น
เป็นอันนั้นเอง นอกจากกินแล้วก็นอน ทำให้เราทั้งสองคน ลืม ไปว่านี่ก็ได้เวลาที่
จะต้องเปิดเทอมแล้ว ได้เวลาที่จะต้องเตรียมตัวให้พร้อม กับการเรียนในเทอมต่อไป
แล้ว ซึ่งมารู้ตัวอีกที ก็พรุ่งนี้แล้ว ที่เราจะต้องไปโรงเรียนในเทอมใหม่ โดย
ตัวผมเองแล้ว ผมคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมเลย ยังนอน ยังขี้เกียจไม่พอเลย ทำไมปิด
เทอมที่ญี่ปุ่นมันสั้นแบบนี้นะ รู้สึกว่าเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวันมันช่างรวด
เร็ว ..

.. ตั้งแต่วันแรกที่มาอยู่ที่นี่จนถึงตอนนี้ ผมเรียนผ่านไปแล้ว 1 เทอม ซึ่งก็
ยังลูกผีลูกคน ไม่รู้ด้วยว่าผลจะออกมาอย่างไร รู้อย่างนี้ขยันมากกว่านี้สัก
หน่อยก็คงจะดี ....

.. ผมนอนคิดอยู่บนฝูกที่นอน ที่ยังถูกปูเอาไว้บนเสื่อกลางห้องรกๆ ของผม ถึงแม้
ว่ามันจะสายมากแล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามันยังเช้าเกินไป ที่จะลุกออกมาจาก
ที่นอน .. ผมนอนคิดไปคิดมา พลิกไปพลิกมาได้สักพัก ก็มีร่างๆ หนึ่ง มานั่งลงข้างๆ ฝูก
ของผม ...

"ตื่น ได้แล้ว" หมาจิ้งจอก เซ้า "ตื่นไปทำไม ตื่นไปก็ไม่ได้ทำอะไร นอนต่ออีกดีกว่า" "dame!!" [ไม่ได้] พูดพร้อมกับเขย่าๆ ตัวผม คงอยากจะให้ผมตื่นเดี๋ยวนั้นตรง
นั้น "ตื่น เร็ว ตื่นๆ" "OK ตื่นแล้วๆ ตื่นๆ ก็ได้" ผมดันตัวเองขึ้นมา เปลี่ยนมาเป็นนั่งข้างๆ เขา เขา
หัว ไปพิงเอาไว้ที่หลัง ของเขาแล้วแกล้งหลับตาทำเป็นนอน "ขี้เซา เอาแต่นอน เหมือนแมวเลยนะ" "หน้าตาประหลาด เอาแต่ดุๆ บังคับๆ เหมือนหมา จิ้งจอกเลยนะ"

.. แล้วเราทั้ง 2คน ก็เริ่มต้นเช้าสุดท้ายของการปิดเทอมถาคฤดูร้อน ด้วยสงคราม
ย่อยๆ ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ นั้น หมอน ผ้าห่ม และอุปกรณ์ ในการนอน ถูกโยนใส่
กันปลิวไปมา อยู่ได้พักนึง จนเราทั้งสองรู้สึกเหนื่อยแล้ว กับการที่จะต้องมา
ทะเลาะกัน ก็เลยมานั่งพิงกันอยู่ที่กลางห้อง บนกองผ้าห่ม และ หมอน ที่เมื่อกี้
นี้ต่างคนต่างฟาดเข้าหากันและกัน จนเหนื่อย และต้องมานั่งหอบกันเองอยู่ 2 คนใน
ตอนนี้ ....

"เมื่อกี้ นี้ใคร ชนะ" ผมถามเขา "ไม่มี นี่ ไม่มีใครชนะ" "ใครบอกว่าไม่มีใครชนะ" "หรอ ... แล้วใครล่ะที่ชนะ" ถามผมกลับพร้อมทำหน้า งงๆ ตาตี่ๆ "ก็โบ้ทไง ชนะ" พูดจบผมก็เอาผ้าห่มข้างตัวผม คลุมหัวเขาเอาไว้ผลักให้ล้มลง
ตีๆๆๆๆๆ หัวหมาจิ้งจอก ก่อนวิ่งหลบเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ มีแต่เสียง "เจ็บๆๆๆ" ตามหลังผมมา

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
175
พลังน้ำใจ
6125
Zenny
41293
ออนไลน์
18 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-10-4 14:23:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
.. ผมอาบน้ำเสร็จแล้ว เดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นฝูกที่นอน ผ้าห่ม หมอน ถูกเก็บ
เข้าที่แล้วอย่างเรียบร้อย แหม ... ดีจังรู้จักทำตัวเป็นประโยชน์ด้วยวุ้ย .. ผม
คิด แล้วก้าวออกจากห้องน้ำไม่กี่ก้าว หมาจิ้กจอกที่ซ่อนตัวอยู่ข้างประตูห้องน้ำ ก็ออกมาข้างหลังผม ตีๆๆๆๆ หัวผมเอาคืน มีหนำซ้ำ มือที่ตีหัวเปียกๆ ของผม ทำให้
มือของเขาเปียกด้วย ก็ยังไม่วายเอามือเปียกๆ นั้นมาเช็ดเสื้อผมอีก ผมตั้งตัวไม่
ทัน ยืนงงอยู่ตรงนั้น ให้คนบางคนได้หัวเราะ ชอบใจ ทำตาตี่ ยืนอยู่ตรงนั้น

"อย่าโกรธนะ ..." เขาพูดก่อนที่จะเข้ามากอดผมบอกว่า ออกไปซื้อข้าวกล่องเอาไว้
ให้แล้ว มากินข้าวกันดีกว่า .. "อือ" ผมบอกไปเบาๆ นั่งลงกลางห้อง โดยที่เรียวเดินไปหยิบข้าวกล่องมาแกะกิน
กัน 2 คน "itada kimasu--" "un itadakimasho--"

.. ระหว่างที่กินข้าวอยู่ด้วยกันนั้น เรา 2 คนก็อดไม่ได้ที่จะวิจารณ์ ข้าวกล่อง
ที่เรียวเป็นคนไปซื้อมา ว่า ข้าวกล่องนี้ดีจริงๆ เขาทำมาทุกรสยกเว้นรส
อร่อย ... แต่ก็นั่นแหละ ดีกว่ากินบะหมี่รถเข็นทุกวันนั้นแหละน่า เรียวว่า .. นอกจากนั้นเราก็คุยกันไปต่างๆ นาๆ ถึงเพื่อนคนอื่นๆ ที่เราไม่ได้เจอกันตอน
ปิดเทอมว่า พรุ่งนี้แล้วนะ ที่เราจะได้เจอกันเหมือนเดิม แล้วก็แน่นอน พรุ่งนี้
เย็น เราจะต้องไปกินไปดื่มฉลองเปิดเทอมกันแน่นอน

.. คุยถึงเรื่องคะแนนสอบ และอีกสารพัดเรื่องจนมาจบ ว่า กินข้าวเสร็จแล้วเราจะทำ
อะไรกันดี ? นั่นสิ ทำอะไรกันดี ? เรานั่งกินข้าวกันไป นึกกันไป ว่านั่นสิ ทำ
อะไรกันดีนะ ...

.. จนกินข้าวเสร็จ นำกล่องข้าวเปล่าๆ ไปทิ้งถังขยะ แล้วก็มานั่ง มึนๆ อยู่ใน
ห้องกัน 2 คน ไม่มีอะไรทำ พอบอกว่าจะดูทีวี เรียวก็บอกว่า ตลอดที่ปิดเทอมมานี่
ยัง ไม่เคยดูทีวีหรอครับ ? ผมก็เลยต้องปิด พอบอกว่า อิ่มแล้ว ง่วง นอนเถอะ .... เรียวก็บอกว่า dame dame ไม่ได้ ไม่ได้ อ้าว ... ในห้องมันมีอะไรให้ทำอยู่แค่
นี้ จะให้ทำอะไรล่ะ

"ไปข้างนอกกัน ไหม" เขาถาม "ข้างนอกหรอ ... ขี้เกียจอ่ะ" "ขี้เกียจอีกแล้ว เหมือนแมว จริงๆ เลย" "แล้วจะไปไหน" "ไปกินกลางวัน ที่ร้านอาหารไทย แถว ชินจุกุไหม" "ตลอดที่ปิดเทอมมานี่ยังไม่เคยไป ชินจุกุ หรอ เรียว" "ก็นี่มันวันสุดท้ายของปิดเทอม ใครเขาอยู่แต่ในห้องกันเล่า ออกไปโดนแดดซะ
บ้าง" "เออ เออ ไปโดนแดดก็ไปโดนแดด" ผมพูดพร้อมเดินไปแต่งตัว เรียวยิ้มดีใจ ผมก็ดีใจ ที่เห็นเขายิ้ม แต่จริงๆ แล้วถ้าเรียวไม่ชวนออกไปข้างนอก ผมก็ว่าจะชวนเขาอยู่
เหมือนกัน..




.. จากหอผมมา ชินจุกุ ระยะทางก็นับได้ว่าไกลพอสมควร แต่ด้วยระบบรถไฟที่ล้ำเลิศ
ของ โตเกียว ทั้งใต้ดิน และบนดิน ผมกับเรียวต่อรถไฟกันไม่กี่สายก็มายืนอยู่ที่ สถานี ชินนจุกุ กัน 2 คนเรียบร้อย.. .. สถานีชินจุกุ ...รถไฟหลายสายวิ่งผ่านสถานีนี้ มีรถไฟที่วิ่งไปต่างจังหวัด ออกที่สถานีนี้ด้วย รถไฟที่วิ่งไป นาริตะ ก็ผ่าน ใกล้ๆ กันก็สถานีของรถไฟสาย
เอกชน ประกอบกับ ชินจุกุนี้เป็นแหล่ง ... ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าแหล่งอะไรดี เอา
เป็นว่า ชินจุกุนี่ คนเยอะมาก...

.. เรา 2 คน เดินผ่าผู้คนกันขึ้นมาจาก ชานชาลาจนออกมานอกสถานีได้ จริงๆ แล้วผม
กำลังกะว่า จะชวนเรียวเดินเล่นรอบๆ ก่อน ถึงแม้ว่าช่วงที่ผ่านมา มาเดินแทบจะวัน
เว้น วันแล้วก็ตาม แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยปากชวน หมาจิ้กจอกก็บอกว่า "โห อะไรเนี่ย จะบ่าย 3 แล้วหรอเนี่ย หิวหรือยังโบ้ท" ทั้งๆ ที่เพิ่งจะกินไป
เมื่อกี้นี้เอง หิวอีกแล้ว

.. ความจริงผมน่าจะบอกเรียวว่า มีวิธีอีกหลายวิธี ที่จะสื่อสารให้ผมเข้าใจว่า
เขากำลังหิว ไม่ต้องแกล้งฟอร์มถามผมว่าหิวหรือเปล่าก็ได้ อยากกินก็บอกตามใจอยู่
แล้ว ....

"นิดหน่อยน่ะ แต่ไม่เป็นไรกินก็ได้นะ" เขายิ้มๆ "งั้นไปกินอาหารไทย all you can eat กันนะ" ผมพยักหน้าแทนการตอบ แล้วก็คิดในใจ
ว่า นี่คงไม่ใช่การหิวธรรมดาแน่ๆ ขนาดชวนไปกิน all you can eat น่ากลัว
จริงๆ ...แฟนผม

.. แล้วก็เป็นจริงอย่างที่คิดเอาไว้ หลังจากที่เข้าไปในร้าน หาที่นั่งกันจนเป็น
ที่เรียบร้อยแล้ว นั้น "ไป .. ไปตักมากินกันเถอะ" เขาออกปากชวน พร้อมเดินนำผมไป เมื่อไปถึงก็ถามผม
ใหญ่ เกี่ยวกับ กับข้าวหน้าตา แปลกๆ ที่เขาไม่เคยเห็น นั่นอะไร นี่อะไร จะเผ็ด
ไหมนะ จะกินได้หรือเปล่า จะอร่อยไหมนะ แต่สุดท้ายก็จบด้วยประโยคที่ว่า "ลองกิน
ดูดีกว่า" ซึ่งผมก็คิดเอาไว้แล้วเหมือนกันว่า สุดท้ายก็ตักกินมันทุกอย่างนั่น
แหละ..

.. วันนั้นคนไทยเยอะเหมือนกัน ผมสามารถได้ยินคนพูดภาษาไทยคุยกันเต็มไปหมด ทำให้
ผมรู้สึอบอุ่นเหมือนได้อยู่ที่บ้าน ที่เมืองไทย.. เวลามองไปที่คนไทยพวกนั้น มัน
ก็จะมีความรู้สึกอบอุ่นแบบแปลกๆ เหมือนกับว่า เราเป็นคนไทยเหมือนกันเราคือพี่
น้องกัน ประมาณนั้น ...

.. แต่พอผมมองไปที่ข้างหน้าผม เรียวที่กำลังกินอยู่อย่างอร่อยนั้น ดูท่าทางเขา
จะมีความสุข ยิ้มใหญ่เลย แล้วก็ชวนผมกินนั้นกินนี่ กินนั้นสิ กินนี้สิ อร่อยนะ คนญี่ปุ่นที่ช่างชอบอาหารไทยกันจริงๆ

"อร่อย ใช่ไหมโบ้ท" เขาถามยิ้มๆ "บอกแล้วว่าร้านนี้น่ะ อร่อย" "อือ อร่อย" ผมยิ้มๆ และก็ตอบไป ถึงแม้ว่าจะต้องโกหกเรียวก็ตาม "โอยยยย อิ่ม อิ่ม" หมาจิ้กจอก เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ "ไม่อิ่มก็แปลกสิ อิอิ" ผมแซวเขายิ้มตอบ

.. เรานั่งกันอยู่ในร้านสักพักแล้วเดินออกมา เดินเล่นข้างนอก เดินไปเดินมา ดู
นั่นดูนี่ พอเริ่มตกเย็น ผู้คนที่มาเที่ยว มาเดินเล่น มาซื้อของ ก็ดูว่าจะมีมาก
ขึ้น จนเรา 2 คน ต้องพยายามเดินให้ติดชิดกัน อยู่ตลอดเวลาจะได้ไม่หลงกันนั่น
เอง .. ระหว่างที่เรากำลังเดินไปเดินมา อยู่ในเขตชินจุกุนั้น ไม่รู้ว่าเกิดอะไร
ขึ้น ผมพูดออกไปลอยๆ ว่า

"เฮ้อ ... จะหมดแล้วนะปิดเทอม ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย" พูดจบอีกคนก็หันมามองผม
แปลกๆ "อะไรตื่นเต้น" ถามพร้อมเอียงคอ ทำตาตี่สงสัย "ไม่รู้สิเรียว มันน่าเบื่อนะที่มันผ่านไปเร็ว โดยที่เรายังรู้สึกว่ายังพักผ่อน
ไม่พอ" "นอนทั้งวันนี่ยังพักผ่อนไม่พออีกหรอ" เขาถาม "ก็มันไม่รู้จะไปไหนนี่เรียว ... ไปมาหมดแล้วทั้งโตเกียว จะไปไกลๆ เรียวก็ไม่
ไป อยู่หอไม่มีอะไรทำก็นอน" ผมพูดจบเขานิ่งไปสักพัก "อยากไปเที่ยวหรอ" "อืมมม ไปที่ที่ยังไม่เคยไปน่ะ" ผมตอบไปอย่างนั้นๆ เพราะรู้ว่า เรียวพาผมไปไหน
ไม่ได้อยู่แล้ว เพราะนี่ก็เย็นมากแล้วจะค่ำแล้วด้วย "งั้น ... ไป TokyoTower กันไหม" ผมเกือบลืมไปเลยว่า มาญี่ปุ่นครั้งนี้ผมยังไม่
ได้ไปทักทาย TokyoTower เลย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มาญี่ปุ่นทีไรก็มักจะ
ไป TokyoTower กับครอบครัวทุกครั้ง..
เรา 2 คนจึงตกลงกันว่า OK คืนสุดท้ายของวันปิดเทอม เราจะไป TokyoTower กันล่ะ
นะ ....

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
175
พลังน้ำใจ
6125
Zenny
41293
ออนไลน์
18 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-10-4 14:25:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
.. จากชินจุกุ เรานั่งรถไปมาถึงสถานีที่ใก้ล TokyoTower ที่สุดก็คือ
สถานี Hamamatsucho แล้วก็เดินกันไป TokyoTower เพราะว่าได้เวลาเลิกงานแล้ว ระหว่างทางที่เราเดินกันไปนั้น ผู้คนที่เดินสวนเรามา ส่วนใหญ่จะได้แก่พนักงาน
กินเงินเดือนทั้งหลาย ท่าทางรีบเร่งจะกลับบ้าน หน้าตาไม่ค่อยจะ สดใสนัก นี่แหละ
นะ โตเกียวที่แท้จริง..

.. เราเดินกันมาไม่นาน ก็ถึง TokyoTower ที่ข้างๆ TokyoTower นั้น มีสวน
สาธารณะ อยู่ด้วย และถัดจากสวนสาธารณะไป อีกฟากถนนนึงก็มีวัดตั้งอยู่ ระหว่าง
เดินไปนั้น ผมได้ยินเสียงอีการ้องเต็มไปหมด .... สงสัยมันจะอยู่ในวัด และ สวน
สาธารณะนั่นล่ะมัง ที่น่าตลกก็คือ "หมาจิ้กจอกกลัวอีกา"

.. จากฐาน Tokyo Tower เราซื้อตั๋วแล้วขึ้นลิฟท์ไปยัง หอสังเกตุการณ์ ซึ่งมี 2 ระดับ จำไม่ได้แล้ว่า ระดับความสูงเท่าไหร่ เวลานั้น ก็เย็นมากแล้ว แสงอาทิตย์
ก็แทบจะไม่มีแล้ว คนที่มาเที่ยวก็พอสมควร ไม่น้อยแต่ก็ไม่มาก หลวมๆ เราเดินดูไป
รอบๆ เรียวพยายามชี้ให้ผมดูนั่นดูนี่ เห็นนั่นมั้ย เห็นนี่มั้ย รู้ไหมว่าวันไหน
อากาศดีจะมองเห็น ภูเขาไฟฟูจิด้วย เรียวคงลืมไปว่าต่อให้ตอนนี้อากาศดีแค่ไหน ก็
มองไม่เห็นฟูจิหรอก เพราะว่าค่ำออกขนาดนี้แล้ว

.. ยิ่งเวลาผ่านไป ไม่ทราบว่าทำไมคนยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ ดูไปรอบๆ ก็มีแต่พวกเป็น
แฟนจับมือกันขึ้นมาเที่ยวทั้งนั้น โรแมนติคดีจัง ... เราค่อยๆ เดิน และค่อยมอง
ไกล ออกไปเรื่อยๆ เรียวก็จะคอยบอก คอยถามผมเสมอว่า ตรงนั้น ตรงนี้ คือที่นี่ๆ นะ มองเห็นหรือเปล่า ซึ่งตอนนั้นก็ค่อนข้างมืดแล้ว จะเห็นหรือไม่เห็น ผมก็ตอบไป
ว่า เห็น ....อิอิ

.. จากนั้นเราก็ซื้อตั๋ว ขึ้นลิฟท์ต่อขึ้นไปที่ระดับสูงสุด ตอนที่ประตูลิฟท์
เปิดออก .. ภาพของโตเกียวตอนกลางคืน ความมือ แสงไฟ ในระดับความสูงที่สุดใน
โตเกียวสวยงามมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาแบบนี้ที่ได้อยู่กับเรียว เพราะอะไรไม่
ทราบ มือของเราทั้ง 2 คนจับกันเองโดย อัตโนมัติ เหมือนกับว่า เราทั้งคู่ก็อยาก
จะจับมือกันมาตั้งนานแล้วเหมือนกัน .. เรียวจูงมือผมไปหยุดที่กระจกด้านหนึ่ง ชี้ให้ดูไปที่ไกลๆ เห็นไหมนั่น
อะไร .... ผมตอบไปว่าไม่เห็น ไม่เห็นมีอะไร มืดไปหมดมีแต่แสงไฟ

"นั่นน่ะ ผมอยู่ตรงนั่นไง เห็นหรือเปล่า" ใบ้ให้ถึงขนาดนี้ ไม่รู้ก็ไม่ได้
แล้ว "TOKYODOME ใช่ไหม มองเห็นด้วยหรอ" ผมถามเพราะมองไม่เห็นจริงๆ คิดว่าเรียวแกล้ง
อำ "เห็นสิ" เรียวเอา แผ่นพับ ที่ได้รับแจกตอนซื้อตั๋วข้างล่างมากางออกให้ดู จริงๆ ซะด้วยมองเห็น TOKYODOME จริงๆด้วย "เรียวเป็น TOKYODOME หรอ ... งั้น โบ้ทเป็น TokyoTower ดีกว่า" "ทำไมจะเป็น TokyoTower" "ไม่รู้ เพราะว่ามีคำว่า Tokyo เหมือนกันล่ะมั้ง" "ไม่ได้หรอก TokyoTower อยู่ไกล จาก TOKYODOME" "กรุงเทพ ก็อยู่ไกลจาก TOKYODOME เหมือนกันนะ" "แต่ตอนนี้ โบ้ทไม่ได้อยู่ กรุงเทพ โบ้ทอยู่กับผมที่นี่ไม่ไช่หรอ" "นั่นสินะ งั้นเป็นอะไรดีล่ะ" "เป็นโบ้ทนี่แหละ เป็นโบ้ท ที่นั่งอยู่ข้างใน TOKYODOME"

.. คืนสุดท้ายของ การปิดภาคเรียน.. TokyoTower และ TOKYODOME .. ผม กับ เรียว .. ภาพในตอนกลางคืนของโตเกียว ที่มองลงมาจาก TokyoTower มือของเรา 2 คน
ที่ยังจับกันแน่น ... .. ไม่ว่าจะเปิดเทอมหรือว่าปิดเทอม เด็กผู้ชาย 2 คนนั้น ก็ยังคงอยู่ข้างๆ กัน
เหมือนเดิม .....

... กริ๊งงงงงงงงง!!! เสียงนาฬิกาปลุก super ของผมดังขึ้นอีกครั้งในตอนเช้าของ
วันใหม่.. ผมค่อยๆ เอื้อมมือออกจากผ้าห่มแล้วก็ค่อยๆ เอื้อมมือนั้นไปกดหัว
นาฬิกา มันหยุดดังเสียที... เฮ้อวันนี้แล้วสินะ เปิดเทอมภาคเรียนที่ 2 ผมนอน
หลับตาคิดเรื่องราวต่างๆ ที่มาผ่านมาตลอดทั้งเทอม 1 ที่ผ่านมานั้น ผมได้ตั้งใจ
เรียนไปเท่าไหร่ ไม่ได้ตั้งใจเรียนไปเท่าไหร่ โดเรียนไปเท่าไหร่ ไม่ส่งการบ้าน
ไปเท่าไหร่ ไม่เข้าชั้นเรียนของนักเรียนต่างชาติไปเท่าไหร่ ไม่คัดคันจิไปเท่า
ไหร่ คิดๆ ไปคิดๆ มา "เรานี่ก็ไม่ใช่คนดีอะไรเลยนะเนี่ย" ผมบอกตัวเอง แล้วผลการ
เรียนมันจะออกมาอีท่าไหนล่ะเนี่ย ..

.. ผมคิดพร้อมลุกขึ้นเก็บฝูกที่นอนเข้าที่ พร้อมกับบอกตัวเองว่า ต่อไปนี้
เหตุการณ์แบบนั้นคงจะไม่เกิดขึ้น เราคงต้องขยันเรียนมากขึ้น แล้วก็จัดแจงเข้า
ห้องน้ำอาบน้ำ เสร็จแล้วก็ออกมาแต่งตัว เตรียมพร้อมจะไปโรงเรียน ....

.. ผมเดินงัวเงียๆ ลงมาจากหอ เพราะเมื่อคืนกว่าจะกลับลงมาจาก Tokyo Tower ก็ 2 ทุ่มกว่าๆ แล้ว เรียวยังชวนไปเดินเล่นที่ Aoyama อีก กว่าจะกลับมาถึงหอก็ดึก
แล้ว ไหนกว่าจะได้นอนอีก เช้าของเปิดเทอมที่คิดว่าจะต้องสดใส กลับกลายเป็นเช้า
ที่ งัวเงียๆ ยังไม่ตื่นจากหมอน

.. ผมเดินถือขยะติดมือลงมาทิ้ง ตามปกติทุกวัน แล้วก็เดินย้อนกลับไปทางสถานี ระหว่างที่เดินจากหอไปสถานีนั้น ผมสวนกับเด็กนักเรียนคนอื่นมากมาย ทุกคนต่าง
ยิ้มแย้มแจ่มใส คงจะดีใจที่เปิดเทอมซะทีจะได้เจอเพื่อนๆ ที่ไม่ได้เจอกันมาตลอด
ในช่วงที่ปิดเทอมไป .. บางกลุ่มเดินคุยหยอกล้อกันเสียงดัง มันทำให้เช้าที่งัวเงียๆ ของผมในวันเปิด
เทอมใหม่วันแรก สดใสขึ้นได้บ้างเหมือนกัน ...

.. ไม่นานนักผมก็เดินมาถึงสถานี ตึกที่รูปร่างไม่ได้สวยงามอะไร แต่ผมกลับชอบและ
มีความรู้สึกดีๆ กับสถานีแห่งนี้ มีหลายๆ เหตุการณ์เกิดขึ้นที่นี่ มันทำให้
ชีวิตของผมมีสีสันมากขึ้น .. ผมหยุดมองสถานีจากข้างนอกสักพัก ก่อนจะเดินเข้าไป ...และใครบางคน ก็คงกำลัง
ยืนคอยผมอยู่ข้างในนั้นแล้ว ....

"สวัสดีเปิดเทอม" ยังไม่ทันจะก้าวเข้าไปในสถานี เสียงเรียวก็ดังขึ้นจากข้างหลัง
ผม "อ้าว สวัสดีเปิดเทอม เทอมนี้ก็ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ" ผมหันกลับไปทักเขากลับ
ด้วย รอยยิ้ม แล้วเริ่มคุยกับเขา "นึกว่าเข้าไปรอข้างในแล้วซะอีก" เรียวยิ้มๆ แล้วตอบว่า "เพิ่งมาถึง หิวน้ำมากเลยไปซื้อน้ำที่ตู้ขายน้ำมา ซื้อมาให้โบ้ท กระป๋องนึงด้วย
นะ" พูดจบเขาก็ยื่นกระป๋องน้ำบ๊วยที่ผมชอบ ให้ผม.. ผมยิ้มขอบคุณเขาแล้วรับมา "ดื่มซะนะ" เขาพูดพร้อมกับเอามือมา ลูบๆ หัวผม ก่อนจะเอามือข้างเดียวกันดันหลัง
ผม ให้เดินนำหน้าเขาเข้าไปในสถานี

.. เรายังไม่ได้ซื้อตั๋วขึ้นรถไฟไปในทันที เนื่องจากตั๋วเดือนที่ผมใช้ขึ้นรถไฟ
ไปโรงเรียน เป็นประจำนั้นหมดไปนานแล้ว เรียวจึงต้องยืนรอผมอยู่สักพัก เพื่อที่
จะให้ผมเข้าไปซื้อตั๋วเดือนเสร็จซะก่อน ...

.. ระหว่างที่เรียวยืนรออยู่นั้น ก็มีเพื่อนที่รู้จักกัน กำลังจะไปโรงเรียนพอดี
เข้ามาทัก ประกอบกับผมซื้อตั๋วเสร็จพอดี เช้าวันนั้นผมกับเรียวเลยได้ไปโรงเรียน
พร้อมกับเพื่อนๆ อีก 2-3 คน ถึงแม้ว่า จะไม่ได้ไปโรงเรียนพร้อมกับเรียว ในวัน
เปิดเทอมวันแรก แต่ก็ไม่เป็นไร ไปกับเพื่อนหลายๆ คนก็สนุกดีเหมือนกัน เราคุยกัน
ไปตลอดทางตั้งแต่สถานีหอผม เปลี่ยนรถไฟ จนถึงสถานีโรงเรียน ...

.. ระหว่างทางจากสถานีเดินเข้าไปในโรงเรียน เราก็ได้เจอกับเพื่อนๆ อีกหลายๆ คน ด้วยความดีใจ ต่างคนต่างก็วิ่งเข้าไปหากันและกัน หยอกล้อกันสนุกสนาน มีแต่รอย
ยิ้มและเสียงหัวเราะ ไม่ว่าจะมองไปทางไหน เป็นเช้าวันเปิดเทอมวันแรกที่มีชีวิต
ชีวาจริงๆ ..
.. เราเดินกันมาเรื่อยๆ ผ่านประตูโรงเรียน เข้าไปที่ห้องล็อกเกอร์เปลี่ยน
รองเท้า แล้วก็เดินขึ้นไปบนห้อง ระหว่างทางจากห้องล็อกเกอร์ ขึ้นไปที่ห้องเรียน
นั้น เราทั้ง 2 ต่างคนต่างก็ทักคนนั้นคนนี้กันไปตลอดทาง ทั้งเพื่อนที่สนิทและ
ที่รู้จักกันเฉยๆ ทั้งเสียงแซว ทั้งเสียงทักกันไปตลอดทาง

       

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
175
พลังน้ำใจ
6125
Zenny
41293
ออนไลน์
18 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-10-4 14:25:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
.. เมื่อถึงห้องแล้ว ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปที่ห้องตัวเอง "ตอนเข้าหอประชุทเช้านี้จะได้เจอกันไหม" ผมถามเขา เพราะในวันเริ่มต้นภาคการ
ศึกษา แน่นอนในตอนเช้าต้องมีการเข้าหอประชุม เรียกประชุมรวมนักเรียนทั้งหมด "คงไม่ได้เจอกันล่ะมั้ง อยู่ที่ห้องแล้วกัน" พูดจบเรียวก็หันหลังกลับ ผมก็หัน
หลังกำลังจะเดินเข้าห้อง แต่ก็ได้ยินเสียงเรียวดังมาจากข้างหลังอีก "กลางวันรอกินข้าวอยู่ที่ห้องนะ จะเดินมาหา" ผมหันตามเสียงนั้นไปตะโดนตอบไป
ว่า "ha-i" แล้วเดินเข้าห้องตัวเอง

.. บรรยากาศ ในห้องก็ไม่ได้ต่างอะไรไปกับ ระหว่างทางจากสถานีที่หอมาโรงเรียน ไม่ต่างอะไรจากเดินจากห้องล็อกเกอร์มาห้องเรียน ไม่ได้ต่างอะไรกันเลยกับข้าง
นอก ผมว่าผมมาเร็วแล้วในวันนี้ แต่ทุกคนในห้องกลับ นั่งกันอยู่อย่างพร้อมหน้า จับกลุ่มคุยกันเสียงดังอย่างกับตลาด บ้างก็คุยกันว่า ปิดเทอมไปนั่นไปนี่มาบ้าง บ้างก็นั่งเอาของฝากมาให้กันบ้าง ดูวุ่นวายไปหมด

"นี่ แผนกนักเรียนชายจริงๆ หรอเนี่ย" ผมคิดและเดินเข้าไปยังที่ของตัวเอง "โฮโม จังมาแล้ว" เสียงกวนประสาทของเจ้าโคเฮ ดังแผดออกมาก่อนเสียงของใครทั้ง
นั้น แล้วจึงมีเสียงของเพื่อนในห้องดังตามมาเป็นระลอกๆ "สวัสดีเปิดเทอมนะทุกคน" ผมพูดพร้อมยิ้มให้กับทุกคน กะว่าจะนั่งอยู่กับที่พัก
ให้หายเหนื่อย แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะกำลังจะนั่ง คนนั้นคนนี้ก็เดินมาคุยด้วย ก็
เลยต้องยืนคุยเพราะว่าเพื่อนที่มาคุยกะผมนั้น นั่งอยู่บนโต๊ะผม..

.. คุยไปคุยมากลับกลายเป็นสนุก ต่างคนก็ต่างเล่าว่าไปทำอะไรมาบ้าง มีแต่เรื่อง
สนุกๆ มาเล่าทั้งนั้น จนทำให้กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้ก็หลายครั้ง ทั้งเรื่อง
ทะลึ่งๆ และเรื่องเปิ่นๆ ของเพื่อนในห้อง ในเสียงอึกทึกอื้ออึงในวันเปิดเรียน
วันแรกนั้น ถ้าฟังดีๆ จะมีแต่เสียงหัวเราะซะเป็นส่วนใหญ่ [ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ จี้
ว่ะ]

.. แต่แล้วในขณะที่เพื่อนๆในห้องและผมกำลังสนุกสนานอยู่กับการเล่าเรื่องตลกอยู่
นั้น ช่วงเวลาที่ไม่น่าไว้วางใจที่สุดก็เริ่มขึ้น เสียงกริ่งยาวดังขึ้นสักพัก
แล้วหยุด นั้นก็หมายความว่า ถึงเวลาเข้าหอประชุมกันแล้วนั่นเอง [โหหหหหห อะไรวะ
เนี่ย] ประโยคที่ไม่ได้นัดกันเอาไว้ล่วงหน้าว่าจะพูด แต่น่าแปลกที่เพื่อนๆ ส่วน
ใหญ่กลับพูดมันออกมาพร้อมๆ กัน

.. แล้วต่างคนต่างก็จัดแจงแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วเดินออกจากห้องไปหอประชุม ซึ่งก็คือโรงยิม กันอย่างเสียไม่ได้ บ้างก็บ่นไปตลอดทางว่าน่าเบื่อๆ ต้องเข้า
แถวต้องยืนอีกแล้ว แต่มันกลับกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผม เด็กนักเรียนญี่ปุ่น
นี่คงจะไม่รู้อะไรว่า ที่เมืองไทยของเรานั้น เข้าแถวกันทุกเช้า น่าเบื่อกว่า
นี้ 10 เท่าซะด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นกะแค่มาเข้าแถว ประชุมนักเรียนวันแรกของการ
เปิดภาคการศึกษานั้น สำหรับผมแล้ว มันเป็นเรื่องเด็กๆ ชินซะแล้ว

.. ระหว่างที่เดินจากห้องไปโรงยิมนั้น ผมก็เจอกับเรียวอีก ดูท่าทางเขาก็สนุก
สนานร่าเริงดีกับเพื่อนเขา แปลกที่เวลาผมมองเรียวอยู่กับเพื่อนๆ ของเขาผมจะมอง
เขาเป็นผู้ใหญ่ คือผมหมายความว่า เขาดูอายุมากกว่าผม ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าผม ตอน
ที่เขาอยู่กับเพื่อน แต่ตอนที่เขาอยู่กับผมแค่ 2 คน เขาก็กลับกลายมาเป็นเด็กอีก
ครั้งนึง ก็เหมือนรุ่นเดียวกันทั่วๆไป แปลกดีเหมือนกัน.. เรายิ้มๆให้กัน แล้ว
เขาก็เดินไปกับเพื่อนของเขา ผมก็เดินไปกับเพื่อนให้ห้องของผม รีบไปเข้าแถวในโรง
ยิม..

.. แล้วเวลาที่ไม่น่าไว้วางใจที่สุดก็เริ่มขึ้น ... นักเรียนทั้ง 3 ชั้นปี เข้า
แถวเป็นระเบียบในโรงยิม โดยมี เหล่าอาจารย์ที่น่ารักบ้าง ไม่น่ารักบ้าง ยืนอยู่
ที่แถวหน้าสุดหันหน้าเข้าหานักเรียน จำไม่ได้แล้วว่าอาจารย์ตำแหน่งอะไรขึ้นไป
กล่าว เป็นคนแรก .. ตอนอาจารย์ขึ้นไปพูดก็สงบเรียบร้อยกันดี พูดจบก็โค้ง โค้งกันใหญ่ อาจารย์คน
พูดโค้งอาจารย์ที่ยืนนอยู่ข้างล่าง เสร็จแล้วโค้งนักเรียน โค้งกันอยู่อย่าง
นั่น เหมือนตุ๊กตา ที่โค้งเองโดยอัตโนมัติอย่างไงอย่างนั้น ลงเวทีมาแล้วก็ยัง
ไม่วาย โค้งกันต่อ ไม่รู้โค้งอะไรกันนักหนา

.. อาจารย์พูดจบคราวนี้ถึงคิว ประธานนักเรียนและคณะขึ้นพูด ปกตอ ประธาณนักเรียน
กับคณะนี้ ไม่ค่อยจะได้รับความชื่นชมจาก มหาชนในโรงเรียนสักเท่าไหร่นัก แถม
ประวัติก็ยังไม่โปร่งใส เพราะว่าตอนปี 2 เห็นว่าเคยไปปีนรั้ว ที่แผนกนักเรียน
หญิงอยู่หลายครั้ง

.. พอพวกประธานนักเรียนขึ้นพูด จากที่เงียบกริบ เสียงก็ค่อยๆ ดังขึ้น จากคนที่
พูดคุยกันแค่ 2-3 คน ก็เริ่มขยายวงกว้าง พวกปี 3 นั่นแหละตัวดี เพราะว่าเกลียด
กันเองแรงกว่ารุ่นน้อง ก็เลยนำรุ่นน้องคุย สภาพตลาดก็เลยกลับมาอีกครั้ง ในวัน
เปิดเทอมวันแรก ...

.. ประธานนักเรียนพูดจบ ก็โค้งแล้วก็ลงไปตามระเบียบ จากนั้นก็จะเป็นการแยกย้าย
กัน ขึ้นชั้นเรียน และแจ้งผลการเรียน ...ผมไม่อยากให้เวลานี้มาถึงเลยกลัวจริงๆ แต่แล้วก็มีเสียงประกาศขึ้นว่า ให้นักเรียนต่างชาติแยกออกมา เพราะผมการเรียนของ
เด็กแผนกปกติ กับแผนกต่างชาตินั้นแยกกัน .....

.. ผมกับเพื่อนต่างชาติอีกคน ที่เป็นคนไต้หวันเดินออกมาด้วยกัน ด้วยความที่ว่า
ไม่ค่อยสนิทกัน ก็เลยไม่ค่อยได้คุยกันตอนที่ยืนรออยู่นั้น กับรุ่นพี่คนไทยอีก
คน ก็ไม่ค่อยสนิท เพราะเขาคงจะไม่อยากเข้าใก้ลผมสักเท่าไหร่ คงเพราะที่ผมเป็น
แฟนกับเรียว นั่นแหละที่เขารับไม่ได้ ....

.. อาจารย์ผู้ควบคุมนักเรียนต่างชาติ เดินมาทางที่พวกเรากำลังยืนอยู่ แจกผลการ
เรียนให้กับทีละคน ในระหว่างที่แจกผลการเรียนให้กับคนอื่นๆ อยู่นั้น เธอมองผม
ไว้ ตลอดเวลา .... ผมก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่จะเรียกถึงชื่อของผมซะทีแต่แล้วก็ ... ผมได้รับผมการเรียนเป็นคนสุดท้าย เปิดดูแล้วก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ก็เพราะไม่
ได้ตั้งใจเรียนอะไรมากมาย ผมคิดว่าได้เท่านั้นผมก็น่าจะภูมิใจแล้ว ไม่ถึงกับตก แต่สอบได้เป็นที่สุดท้ายของนักเรียนต่างชาติปีที่ 1 คะแนนที่อ่อนที่สุดคือ คัน
จิ

.. ก็จะให้ทำอย่างไรได้ จะให้ไปสู้พวก เด็กเกาหลี เด็กไต้หวัน ที่คุ้นกับอักษร
จีน มาแล้วได้อย่างไร ผมถูกอาจารย์ ดุอยู่สักพัก ต่อไปนี้ผมต้องพยายามมากขึ้น และปลายปีก็ยังต้องเข้าสอบ วัดระดับภาษาญี่ปุ่นกลางอีก สอบวัดระดับของนักเรียน
ต่างชาติอีก ซึ่งถ้าสอบไม่ผ่านก็แน่นอน ต้องเรียนซ้ำอีก 1 ปี ผมขอบคุณอาจารย์คน
นั้น รับปากกับเธอว่าจะพยายามให้ถึงที่สุดแล้วเดินกลับห้อง โดยที่ระหว่างทาง ผม
ต้องเอามือปาดน้ำตาตัวเองไปตลอด ไม่รู้ว่าจะบอกกับที่บ้านได้อย่างไร ....

.. ผมกลับมาที่ห้อง พยายามทำตัวร่าเริงเหมือนเดิมให้มากที่สุด แต่ผมคิดว่าทุกคน
ในห้องคงรู้เรื่องผมจาก อาจารย์ประจำชั้นแล้ว ไม่มีใครถามผมเรื่องผลการเรียนสัก
คนเดียว พวกเขาจะรู้ไหมนะว่า ความรู้สึกแบบนี้มันอึดอัดแค่ไหน ถ้าเลือกได้ขอ
เลือกให้ทุกคนไม่รู้มาก่อน แล้วถามเรื่องผลการเรียนผมอย่างอยากรู้ยังจะดีซะ
กว่า ที่จะมานั่งแกล้งทำเป็นไม่อยากรู้ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าการเรียนผม
มันแย่แค่ไหน ....

"โบ้ท ... วันนี้ไม่เรียนนะเขาจะทำความสะอาดห้องกัน ทั้งตึกต้องอยู่ทำความสะอาด
กัน" โคเฮ เพื่อนที่สนิทที่สุดในห้องพูดกับผม ฟังจากน้ำเสียงและดูจากสีหน้า
แล้ว เขาก็คงลำบากใจเหมือนกัน ที่จะพูดกับผมในตอนนี้ "โบ้ทจะทำอะไรดี หรือถ้าเหนื่อยจะไม่ทำก็ได้คนตั้งเยอะ" ผมคิดอยู่สักพักกำลังจะ
บอกว่า ให้ช่วยยกโต๊ะจัดห้องถูพื้นอะไรก็ได้ แต่ก็มีอีกหลายๆ เสียงบอกว่าไม่
ต้อง ทำก็ได้ "ขอบคุณนะ ฝากด้วย รบกวนด้วยก็แล้วกัน" แล้วผมก็เดินออกมาจากห้องมองไปทางไหน ห้องไหนๆ ก็กำลังสนุกอยู่กับการทำความสะอาด บางก็ถลกขากางเกงขึ้นมาจนถึงหัว
เข่า เล่นน้ำกันเสียงดัง อืม พวกเขาคงไม่ต้องมานั่งกลุ้มอย่างเราสินะ..

       

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
175
พลังน้ำใจ
6125
Zenny
41293
ออนไลน์
18 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-10-4 14:25:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด
.. ผมกำลังจะเดินขึ้นไปข้างบนตึก กะว่าจะไปดูรุ่นพี่คนไทยสักหน่อยว่าว่างหรือ
เปล่า ถ้าว่างผมจะขอปรึกษาเขาว่า ผมควรจะทำอย่างไรดี ยังไม่ทันจะก้าวขึ้นบันได
ขึ้นไปข้างบน ผมก็ได้ยินเสียงที่ผมคุ้นมากที่สุดเรียกมาจากด้านหลัง ผมหันหลัง
กลับไปตามเสียงนั้น ภาพที่เห็น เรียวในเสื้อยืดบางๆ สีขาว มีรอยเปียกน้ำอยู่
บ้าง ถลกขากางกางขึ้นซะสูงจนถึงเข่า นี่คงจะไปเล่นสนุกทำความสะอาดมาล่ะสิ

"ขยันจังเลยนะเรียว" ผมยิ้ม "อือก็สนุกดี ทำไมไม่ช่วยที่ห้องทำล่ะ แวะไปหาก็ไม่เจอ" แวะไปหาผมมาแล้วที่
ห้อง ก็คงจะรู้อะไรมาแล้วจากเพื่อนที่ห้องนั่นแหละผมคิด "เพื่อนไม่ให้ทำน่ะ บอกว่าคนเยอะแล้ว ก็เลยออกมาเดินเล่น" ผมตอบไปแบบนั้น สายตา
ก็ไม่มองคู่สนทนาสักเท่าไหร่ "ตามมานี่มา" แล้วเขาก็เดินนำหน้าผมขึ้นบันไดไปข้างบน ผมเดินตามเขาขึ้นไป
เรื่อยๆ ขึ้นบันไดไปชั้น 3 ชั้น 4 จนกระทั่งถึงดาดฟ้าโรงเรียน ....

"สวย ไหม" เรียวถามพร้อมทั้งชี้ให้ผมดูวิวที่สามารถมองเห็นได้จากดาดฟ้าชั้น 5 ของตึกเรียน แต่ผมไม่คิดว่าเรียวจะมีอารมณ์พาผมมาดูวิวที่ดาดฟ้าได้วันนี้
หรอก ... "เรียว ... คือว่านะ" ผมกำลังจะเล่าให้เขาฟัง ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพราะอะไรไม่
ทราบ ผมเล่าไม่ได้ หน้าทั้งหน้ามันร้อนไปหมด แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา เขาเดินเข้ามา
คว้าผมไปกอดเอาไว้ "ไม่ต้องพูดแล้ว ผมรู้แล้ว อย่าร้องไห้นะ ผมเป็นห่วง รู้ไหมว่าโบ้ทที่ร้องไห้
เหมือนเด็กๆ นั้นน่าสงสารที่สุด" "ขอโทษนะ" ผมคงไม่สามารถพูดอะไรได้ดีมากไปกว่าคำๆ นี้ ในขณะนั้น ผมร้องอยู่สัก
พัก เราคลายกอดออกมา แล้วมานั่งคุยกันที่เก้าอี้บนดาดฟ้านั้น ....

.. เราคุยกันในเรื่องผมการเรียนของผม เรียวก็ว่าเขารู้แล้วจากเพื่อนๆ ที่ห้อง
ผม ก็รีบตามมาดูเพราะว่าเป็นห่วง ผมจำไม่ได้ว่าผมพูดคำว่าขอโทษออกไปกี่ครั้ง และเรียวพูดว่า ไม่ต้องขอโทษให้ผมฟัง กี่ครั้ง ไม่รู้จะบอกออกมาได้อย่างไรว่า มันอึดอัดแค่ไหน ต่างคนต่างก็พูดอะไรไม่ออก มีอย่างเดียวที่ทำได้ก็คือต้อง
พยายามเท่านั้น

"ไม่เป็นไรนะ ที่ผ่านอาจเป็นเพราะเรายังพยายามน้อยไป ต่อไปนี้เราก็มาพยายามด้วย
กัน เถอะนะ" เขาจับมือผมเอาไว้แน่น โดยที่อีกมือเอื้อมมาจับหัวผมเอาไว้ "ขอบคุณนะ" ผมมองเข้าไปในตาของเขา คงไม่มีคำๆไหนที่จะบรรยายความในใจของผมที่มี
ต่อเขาออกมาได้

... เรานั่งคุยกันอยู่นานจนได้เวลา ทานกลางวันแล้วจึงพากันเดินลงไปข้างล่าง หา
อะไรกินแล้วก็กลับห้องเข้าไปนั่งคุยเสียงดังกันเหมือนเดิม โดยที่เรียวก็มานั่ง
อยู่กับผมที่ห้องด้วย ....

... เปิดเทอมแล้ว ... วันแรกของภาคเรียนที่ 2 ทั้งเสียงหัวเราะ หยอกล้อกัน สนั่นตึกโรงเรียน ผมคนที่ยังไงๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ยังจะร้องไห้อยู่อย่างนั้น.. กับเขา คนที่พร้อมจะรับฟังผม และปลอบผมเสมอทุกครั้ง ที่ผมร้องไห้ .... ... ต่อจากนี้ไป เรา 2 คนก็จะพยายามไปด้วยกัน .... ... หลังจากที่การเปิดเรียนในภาคการศึกษาที่สองได้เริ่มขึ้น.. หลังจากที่ผมได้
รู้ตัวเองมากขึ้น.. หลังจากที่ผมได้รับผลแห่งความเหลวไหล และไม่เอาใจใส่กับการ
เรียน.. หลังจากวันนั้นบนดาดฟ้าของตึกเรียน เกือบจะ 1 เดือนแล้ว กับการตั้งต้น
ใหม่ของตัวผม ผมขยันมากขึ้น สนใจเรียนมากขึ้น ให้เพื่อนๆ ในห้องกับเรียวสอน
การบ้าน สอนผมเกี่ยวกับวิชาเรียนมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ตลอดเกือบ 3 อาทิตย์ที่
ผ่านมา ผมก็ออกไปเที่ยวน้อยลง ออกไปดื่มกับที่ห้องน้อยลง แต่ก็ต้องมีบ้างที่จะ
ต้องไปสนุกกัน

.. ในตอนเย็นตอนเรียวกำลังซ้อมซอพบอลที่ชมรม ผมก็มีเพื่อนๆ ที่ห้องที่ไม่ได้
เข้า ชมรมอะไรมานั่งคุย นั่งสอนการบ้าน สอนผมล่วงหน้าว่า ต่อไปจะต้องเรียนอะไร มันเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกได้ถึงมิตรภาพและความห่วงใย ที่ทุกคนมีและได้หยิบยื่น
ให้แก่ผม มาถึงตอนนี้ สิ่งที่ผมรู้สึกได้และได้รับรู้ก็คือ ไม่เฉพาะแต่ชาวไทย
เท่านั้นหรอกที่มีจิตใจงดงาม ชาวญี่ปุ่นลูกพระอาทิตย์ ก็จิตใจดีไม่แพ้คนไทย
เหมือนกัน มันเป็นช่วงเวลาที่ผมประทับใจมากที่สุดอีกช่วงนึงในญี่ปุ่น...

.. ในเช้าวันหนึ่งที่ดูว่าเหมือนกับเช้าของหลายๆ วันที่ผ่านมา ผมกับเรียวไป
โรงเรียนด้วยกัน ขึ้นรถไฟด้วยกัน เดินเข้าไปในโรงเรียนด้วยกัน เปลี่ยนรองเท้า
แล้วก็กำลังจะเดินขึ้นตึก.. แต่ระหว่างทางจากห้อง ล็อกเกอร์ จะขึ้นไปบนห้อง
เรียนนั้น เราทั้ง 2 คน สังเกตุเห็นนักเรียนมากมาย ซึ่งจำนวนหนึ่งในนั้นเป็น
เพื่อนของเรา กำลังมุงดูให้ความสนใจกับป้ายประกาศบางอย่าง ที่ติดประกาศอยู่บน
บอร์ดนั้น ทำความสงสัยให้เรา 2 คนเป็นอย่างมาก .. เพราะปกติแล้วประกาศของโรงเรียน ต่อให้ติดจนล้นบอร์ด ก็ยากที่จะมีนักเรียน
แม้แต่คนเดียวไปยืนอ่าน แต่นี่ประกาศแผ่นใหญ่ๆ แผ่นเดียว คนยืนอ่านกันเต็มไป
หมด แย่งกันอ่านแย่งกันดู ส่งเสียงดัง อื้ออึงไปทั่วทั้งตึก แถมยิ่งมีคนเดิน
ผ่านมาทางนั้นมากเท่าไหร่ ก็จะมีคนหยุดเดินเข้าไปอ่านประกาศกันมากเท่านั้น..

.. พวกที่ยืนอ่านกันอยู่แล้วก็ร้องเรียกให้เพื่อนเข้าไปอ่านด้วย "นี่มันประกาศอะไรกันวะ" ผมคิด "หรือว่า X-Japan จะมา Live Show ที่โรงเรียนเรา" ผมคิดอีก จนกระทั่งเรียวเอ่ย
ปากชวนผมว่า "ไป ! แวะเข้าไปดูกันเถอะ" ผมจึงเดินตามเรียวเข้าไปใน ผู้คนมากมายที่กำลังให้
ความสนใจกับบอร์ดนั้น..

"อ๋า .... ลืมไปเลยนะเนี่ย เทอม 2 แล้วก็ถึงเวลาแล้วสินะ" เรียวพูดขึ้นทันที เมื่อเขามายืนอยู่ที่หน้าบอร์ดเพียงสักครู่ "อะไรหรอเรียว เขาเขียนว่าอะไรหรอ" ผมถามเขากะจะให้เขาแปลให้ฟัง "อ่านเองสิครับ ค่อยๆ อ่าน อ่านตัวไหนไม่ออกบอกผม" เขาพูดกับผมทั้งๆ ที่สายตา
ยังไม่ได้ละออก มาจากบอร์ด "ไม่ออกสักตัว มีแต่คันจิยากๆ อะไรก็ไม่รู้ รีบๆ บอกมาเลย" มีแต่คันจิประหลาดๆ ใครจะไปอ่านได้ จะว่าไปจริงๆ แล้วสำหรับผม คันจิทุกตัวประหลาดหมดและครับ เพราะ
เกลียดมัน มันก็เลยประหลาด แหะ แหะ.. "ไม่เห็นมีคำว่า X-Japan เลยเรียว" ผมเริ่มถามเซ้าซี้ "แล้วมันจะมีคำว่า X-Japan ได้ยังไงล่ะ" เขายิ้มๆ หันหน้ามามองผม "แล้วไอ้บอร์ดเนี่ยเขาเขียนอะไรไว้ล่ะ?" ผมเอามือทั้ง 2 ข้างขึ้นไปประกบแก้ม
เรียวเอาไว้ ให้มันมองมาทางผม ไม่ให้ล่ะสายตาไปทางบอร์ดอีก..

... เรียวค่อยๆ เอามือข้างหนึ่งมาแกะมือของผม ออกจากแก้มของเขา แล้วถือมือผมเอา
ไว้ หัวเราะแหะๆ ยิ้มๆ แล้วบอกผมว่า "เด็กน้อย ... เราจะได้ไปเที่ยวกันแล้วนะ นี่ประกาศ School Trip ปีนี้" เหอ เห
อ.. คิดว่าตัวเองอายุเท่าไหร่หรอนั่นน่ะ มาเรียกเราว่าเด็กน้อย อายุก็ไม่ได้จะ
แตกต่างกันไปซักกี่เดือนหรอก มาเรียกเราว่าเด็กน้อย .. แล้วเรียวก็เริ่มแปลให้ผมฟัง จริงๆ ที่บอร์ดก็มีเขียน อักษรญี่ปุ่น ทับ
ศัพท์ ภาษาอังกฤษไว้ตัวออกจะใหญ่ ว่า "School Trip" แต่ผมโง่ไม่อ่านเอง แหะ แหะ ... "นี่นะๆ ไป ฮิโรชิมะ แล้วก็ โอซาก้า โกเบ เกียวโต นารา เมืองใหญ่ๆ ของคันไซ ทั้งหมดน่ะ" เขาค่อยๆ บอกผมแจกแจงให้ฟัง แต่ฟังยังไงๆ ก็ไม่เหมือน School trip เหมือน ทัวร์ ประวัติศาสตร์มากกว่า..

.. ผมกับเรียวละออกมาจากบอร์ดนั้น เดินขึ้นบันไดไปชั้น 2 ดูท่าทางเรียวอารมณ์ดี
เป็น พิเศษ หลังจากที่ได้อ่านประกาศจากบอร์ดนั้น เดินผิวปากไปตลอดทาง.. "ดีใจหรอ จะได้ไปเที่ยวน่ะ" ผมถาม "แล้วนายไม่ดีใจหรือไง" เขาย้อน "ก็ ... เฉยๆ น่ะ เพราะว่าเคยไปมาหมดแล้ว" ผมทำน้ำเสียงธรรมดาๆ อยากจะบอกให้อีก
ฝ่ายรู้ว่า ไปมาแล้วๆ เมืองพวกนี้ "หรอ ... แล้วเคยไปกับผมหรือยังล่ะ" พูดจบเขาก็ยื่นกระเป๋าของผมที่เขาถือเอาไว้
คืนมาให้ผม "อ่ะ ..แล้วกลางวันจะมาหา" แล้วเรียวก็เดินอารมณ์ดีกลับห้องของเขาไป ผมยืนส่ง
เขาอยู่ที่หน้าห้อง รอจนกว่าเรียวจะเดินผิวปาก ทำท่าทางกวนประสาท เดินหายเข้าไป
ในห้องของเขา..

.. คงไม่ต้องบอกว่าผมดีใจแค่ไหน ที่ได้ยินเรียวถามผมกลับมาอย่างนั้น "ไป School trip กับเรียว" ผมคิดในใจ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปใน ตลาด เอ้ย! ห้อง
เรียนของผม ซึ่งปกติในวันธรรมดา ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสียงก็จะดังสนั่นไปทั้ง
ห้องอยู่ แล้ว คิดเอาไว้แล้วสำหรับวันนี้ว่า เสียงมันคงจะดังขึ้นเป็น 2 เท่า เฮ้อ .... แล้วผมก็เลื่อนประตูประตูออก ก้าวเข้าไปในห้อง แล้วสิ่งที่คิดเอาไว้
ก็ ......

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
175
พลังน้ำใจ
6125
Zenny
41293
ออนไลน์
18 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-10-4 14:26:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
"กับ แผนกนักเรียนหญิงหรอ เจ๋งว่ะ" บ้างก็ "ใคร ใคร ใคร จะเอาเหล้าไป" บ้างก็ "เอาเงินไปเท่าไหร่ดีวะ" บ้างก็ "จะเอากล้องวีดีโอไปดีไหมเนี่ย" และก็อีกหลายๆ ประโยคที่ตะโกนคุยกันซะลั่น
ห้อง .. จากประตูห้องจะเข้าไปที่นั่งตัวเองนี่ ทางก็แคบเพราะสมบัติแต่ล่ะคนที่เอาไว้
โรงเรียน ไม่คิดจะเอากลับไปไว้ที่บ้าน ไหนยังจะต้องมาหนวกหูกับไอ้พวกบ้านี่อีก ยังไม่ทันจะไปถึงโต๊ะตัวเอง ก็ต้องตอบคำถามมากมาย เช่น..
"รู้หรือยังๆ หรือ ฝากซื้ออะไรเล็กๆ น้อยเอาไปกินไปดื่มไหม" ผมก็เออๆ ออๆ ไปตาม
เรื่อง เอากระเป๋ามาไว้ที่โต๊ะได้ ก็รีบมองหาเจ้าโคเฮ มันไปอยู่ที่ไหนของมัน นะ....

.. มองไปมองมา มันมานั่งคุยกันเพื่อนอีก 2-3 คน อยู่หลังห้อง ก็เลยตามจะไปคุย
ด้วย "อ้าว หวัดดี ดีใจล่ะสิจะได้ไปคันไซฮันนี่มูนน่ะ" แล้วก็หัวเราะกันยกใหญ่ "บ้า" ผมพูดแก้เขิน แต่จริงๆ ก็แอบดีใจเล็กๆ .. ผมนั่งลงเป็นสมาชิกใหม่ในวงสนทนานั้น ซึ่งไม่ต้องเดาให้เสียเวลา ก็รู้ว่า
กำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ พวกอาจารย์นี่ก็เก่ง สามารถปลุกระดม เรียกร้องความ
สนใจ นักเรียนได้ทั่วไปหมดทั้งโรงเรียน แต่เอ ... ห้องอื่นเขาจะเป็นแบบห้องเรา
หรือป่าว หรือว่าจะมีแต่ห้องเราห้องเดียวที่เป็นแบบนี้ คิดแล้วกลุ้ม ไม่เหมือน
ห้องเรียนในแผนกนักเรียนชายเลย เช้าๆ มานี่จับกลุ่มคุยกันเสียงดังอย่างกับสวน
สัตว์เฮ้อ ....

.. และเนื่องจากผมเพิ่งจะมาเรียนที่ญี่ปุ่นเป็นปีแรก ผมจึงยังไม่ค่อยเข้าใจดี
นักว่า SchoolTrip เนี่ยมันต้องทำอะไรยังไงบ้าง.. หลังจากที่คุยๆ กันแล้วก็ไม่
แปลก ใจ ว่าทำไมพวกนี้ถึงตื่นเต้นกันนัก เพราะว่าตอน SchoolTrip ม.ต้น พวกเขา ไม่ได้ไปกันไกลๆ กันขนาดนี้ เที่ยวกันอยู่ใก้ลๆ คามาคูระ นิกโก้ อะไรทำนองนี้ ไปเช้าเย็นกลับไม่ได้ค้างคืนอีกต่างหาก .. แต่ SchoolTrip ม.ปลาย นี้เหมือนโชคหลายชั้น คือทั้งไม่ต้องเรียน คือหยุดไป
เที่ยวกันเลย และแถมยังได้ไปที่ไกลๆ อีกต่างหาก ได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ได้ไปสนุก
สนานกัน ในสถานที่ไกลๆ แต่รู้สึกว่าที่ทุกคนกำลังพูดถึงอยู่นี่ จะเป็นการ
ไป SchoolTrip พร้อมแผนกนักเรียนหญิงมากกว่า เฮ้อ .... เศร้า

.. เรานั่งคุยกันหลายเรื่อง จะทำอะไร ต้องเอาอะไรไปบ้าง เตรียมตัวกันเหมือนจะไป
มันพรุ่งนี้แล้วอย่างนั้นแหละ บางคนบอกจะเอาเบ็ดตกปลาไป (สาบานว่า
ไป SchoolTrip) ร้ายกว่านั้นคือ จะเอาขนมกับน้ำไปขายบนรถหารายได้พิเศษ (เหมือน
บน รถไฟ) .. ผมนั่งอมยิ้มฟังเจ้าพวกนี้คุยกันไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่ามันจะจบลงง่ายๆ จนมีเพื่อนคนหนึ่งในวงสนทนาพูดขึ้นว่า.. "จะเตรียมตัวทันไหมเนี่ย อาทิตย์หน้านี่แล้ว" เพื่อนพูดจบผมก็ตอบกลับไปว่า "โอ้ย .. ทำไมจะไม่ทันตั้งอาทิตย์หน้า" ก่อนที่จะมาคิดดูดีๆ อีกที "หา? อาทิตย์
หน้านี่เลยหรอ"

.. วงสนทนามีอันต้องจบลงเพราะเสียงออดนรก บอกให้ทุกคนเตรียมตัวเรียนหนังสือกัน
ได้แล้ว แต่ท่าทางวันนี้คงจะมีสมาธิเรียนกันน้อยหน่อย เพราะต่างคนต่างตื่นเต้น
กับ SchoolTrip กันเหลือเกิน ขนาดอาจารย์ที่เข้ามาสอน แกคงรู้ดีว่านักเรียนของ
แกนั้นเป็นอย่างไร "นักเรียน ... เรื่อง School Trip ของพวกเธอนั้นเก็บเอาไว้ก่อนนะ ตอนนี้เรามา
ว่ากันเรื่องประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น และความสัมพันธ์กับประเทศในคาบสมุทรเกาหลีกัน
ก่อน" พูดจบแกก็หันกลับไปเขียนกระดาน โดยที่ไม่รู้หรอกว่า ข้างหลังของตัวเอง
นั้น ละครลิงเรื่องเยี่ยมกำลังทำการแสดงอยู่ ...

.. ผมที่กำลังนั่งเรียนอยู่ในตอนนี้ ตาของผมกำลังมองไปที่กระดาน มือก็กำลังจด กำลังเขียนตามที่อาจารย์บอก ด้วยลายมือเขี่ยๆ ลงบนสมุด.. แต่สมองกลับคิดแต่
เรื่องของคนอีกคน ที่กำลังนั่งเรียนอยู่ที่ห้องถัดไปจากผมแค่ 2-3 ห้อง อืม
มม School Trip กับคนๆ นั้น .. ผมเลยต้องยอมรับตัวเองในนาทีนั้นว่า ผมเองก็ไม่ต่างอะไรจากเพื่อนๆ ในห้อง พวกเราต่างคนต่างก็ตื่นเต้นกันไปหมด เพียงแต่ว่าแต่ละคนนั้นก็จะตื่นเต้นใน
เรื่องของตน พวกชมรมถ่ายรูป ก็ตื่นเต้นกับการจะได้ไปถ่ายภาพ สถานที่ ผู้คน เพื่อนๆ ในที่แปลกๆ ใหม่ๆ พวกชมรมดูดาวก็เตรียมกล้องจะไปตั้งกล้องดูดาวกับที่ ฮิโรชิมา (มันจะทำให้เห็นชัดกว่าที่โตเกียวไหม) ยกเว้นแต่ชมรมซอพบอลของเรียวและ
เพื่อนของเขา คงจะคิดแต่ว่า ต้องไปหาอาหารอร่อยๆ กิน ที่โกเบ หรืออะไรซักอย่าง
แน่ๆ ..

.. เวลานรกของการเรียนได้ผ่านไปแล้วครึ่งหนึ่งของวัน หลังจากที่ทำความเคารพ
อาจารย์กันแล้ว ยังไม่ทันที่อาจารย์จะเดินออกจากห้องไป เสียงบางคนที่พูดถึง
เรื่อง School Trip ดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง จนอาจารย์อดที่จะแซวไม่ได้ว่า "ท่า
ทางตื่นเต้นกันดีจังเลยนะ" แล้วทุกคนก็คุยกันในเรื่องเดิมที่เมื่อเช้าได้คุยกัน
ไปแล้วรอบนึง.. .. ฟังๆ ดูแล้วเนื้อหาของเรื่องที่คุยก็เหมือนกับเมื่อเช้านี่เลย เพียงแต่เอามา
คุยกันใหม่ ย้ำให้รู้ใหม่อีกรอบนึง ก็เท่านั้นเอง แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็ตั้งใจ
ฟัง ตั้งใจคุยกันเหมือนยังไม่ได้รู้ ไม่ได้คุยอะไรกันมาก่อนงั้นแหละ เฮ้อ .... เห็นแล้วกลุ้มใจ

.. ผมนั่งฟังเจ้าพวกนั้นคุยกันได้สักพัก ก็มีเสียงดังขึ้นจากข้างหลังของผม เสียงที่ผมคุ้นที่สุดนั้นแหละครับ "ไง .. วันนี้เรียนสนุกไหม รู้เรื่องหรือเปล่า" วันๆ ถามแต่คำถามแบบนี้ไม่เบื่อ
บ้างหรือไงนะ ผมคิดในใจ เพราะรู้สึกเบื่อกับคำถามของเรียว "อือ ก็ดีนะ แต่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก เอาไว้มาสอนใหม่แล้วกันนะ" ผมตอบไป
อย่าง นั้นๆ เองเพราะรู้ว่ายังไงๆ เรียวก็ต้องบังคับให้ผมอ่านใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ต้นจนจบอยู่แล้ว ตอบว่ารู้เรื่องไป ยังไงๆ ก็ต้องโดนบังคับให้อ่านใหม่
อยู่ดี มีค่าเท่ากัน.. "ก็ดีขยันๆ พยายามเข้านะ แต่ตอนนี้เราไปหาอะไรกินกันเถอะ.." แล้วผมก็เดินตาม
เรียวลงมาข้างล่าง มันเป็นเวลาปกติที่เราสองคนจะไปหาอะไรกินด้วยกัน เป็นแบบนี้
มา 1 เทอมเต็มๆ แล้ว และผมก็หวังว่ามันคงจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ

.. นม 2-3 กล่อง ขนมปัง 2-3 ก้อน กับโซบะถ้วย มีผมกับเรียวนั่งกินกันอยู่ที่ม้า
นั่ง ใต้ร่มไม้หลังตึก เรานั่งกินกันไปอย่างนั้น ในใจผมก็คิดไปว่า นานเท่าไหร่
แล้ว นะ ที่ผมกับเรียวไม่ได้เอาข้าวกล่องมากินที่โรงเรียน .. จริงๆ แล้วผมก็เคยคิดจะทำข้าวกล่องมา กินกันเองที่โรงเรียนเหมือนกัน แต่ด้วย
ความ ที่ว่าอายเพื่อน และกลัวเรียวจะไม่กิน หรือถ้ากิน ก็คงกินอย่างบังคับจิตใจ เลยเลิกล้มความคิดนี้ไป ... นั่งไปได้สักพัก ผมก็ถามเขาขึ้นมาว่า "เออนี่เรียว School Trip นี่ต้องเอาอะไรไปบ้างหรอ?" ผมพูดจบเขานิ่งมองหน้าผม
สักพัก ก่อนที่จะหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น "นี่ก็เป็นไปกับเขาด้วยหรอ โรคตื่นเต้น School Trip" หัวเราะทั้งๆ ที่ขนมปังยัง
เต็ม ปากอยู่อย่างนั้น "อ่ะ ทำไมอ่ะก็ไม่เคยไป School Trip ที่ญี่ปุ่นมาก่อนนี่" เขากลืนขนมปังในปาก ก่อนที่จะอธิบายให้ผมฟัง "ก็ไม่ต้องเอาอะไรไปมากหรอก ของจำเป็นก็พอ" แล้วเรา 2 คนก็คุยกันไปกินกันไป เรียวสัญญาว่า ตอนไป School Trip เรียวจะแอบมามั่วกับกลุ่มห้องผม ผมเลยบอกเขา
ว่าไม่เป็นไร ผลัดกันผมจะแอบไปมั่วกับกลุ่มห้องเขาบ้าง คงไม่มีใครว่าอะไร..

       

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
175
พลังน้ำใจ
6125
Zenny
41293
ออนไลน์
18 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2010-10-4 14:38:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เวลา อาหารกลางวัน ของโรงเรียนชายล้วน เด็กผู้ชาย 2คน ที่มักจะทำอะไรด้วยกันเสมอๆ วันนี้ กลางวันนี้ .... พวกเขายังคง นั่งอยู่ด้วยกัน หัวเราะด้วยกัน ทั้งๆ ที่ขนมปังยังเต็มปาก ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และจิตใจที่กำลังจดจ่อกันเหตุการณ์สนุกสนาน ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ .... "S c h o o l T r i p"

"เครื่อง แบบ .. เสื้อผ้า .. รองเท้าแตะ .. ขนม .. กางเกงใน .. ยา .. สมุด .. กล้องถ่ายรูป ..เงิน .. ครีม .. แปรงสีฟัน เอ ... ยังต้องเอาอะไรไปอีกนะ" .. เสียงผมบ่นพึมพำกับตัวเองในบ่ายวันหนึ่ง School Trip ที่ทุกคนต่างเฝ้ารอ
อย่างตื่นเต้น กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วในเย็นวันนี้ ตั้งแต่วันแรกที่ผมกับเรียวได้
ไปอ่านประกาศของทางโรงเรียน เรื่อง School Trip จนกระทั่งวันนี้ เกือบจะ 1
อาทิตย์เต็มๆ ของช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุด ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ที่ไหน โหน
รถไฟ ในห้องเรียน ตอนทานข้าว เดินไปห้องน้ำ ดูกีฬา และอีกอย่างอย่างที่เราทำกัน
เป็นกิจวัตร จะต้องหยิบยกเอาเรื่อง School Trip ขึ้นมาพูดกัน..

.. ดูเหมือนกับว่า โรงเรียนมัธยมปลาย กลายเป็นโรงเรียนประถมศึกษาตอนปลายไปซะ
แล้ว กลุ่มคนที่ไม่คิดว่าน่าจะตื่นเต้นกับ School Trip ได้อย่างพวก แยงกี้ ใน
โรงเรียน ก็เป็นไปกับพวกเราด้วย ทุกคนต่าง เฝ้ารอวันนี้กันทั้งนั้น และแน่นอน รวมทั้งผมด้วย ....
.. ผมค่อยๆ check ของทั้งหมดที่เตรียมเอาไว้ ทยอยใส่ลงในเป้ ตอนที่ใส่ของไป
นั้น ก็คิดไปพลางๆว่า เราลืมอะไรหรือป่าวนะ อันนั้นใส่ไปหรือยัง อันนี้หล่ะมัน
อยู่ตรงไหน คิดไปคิดมาดันงงเสียเอง เลยต้องรื้อของที่จัดแจงใส่ลงไปแล้วเกือบ
ครึ่งออกมาวางใหม่ เกลื่อนห้อง เพื่อที่จะดูว่าเตรียมอะไรไปแล้วบ้าง สงสัยจะ
เป็นเพราะแรงตื่นเต้น แน่ๆ ถึงได้ออกมาในรูปนี้

.. ระหว่างที่ผมกำลัง check นั่น check นี่อยู่ ก็มีเสียงคนมาเคาะ "ก็อก ก็
อก!!" ที่หน้าประตูห้องผม "อะไรกันอีกวะ" ผมคิดในใจ เวลาที่เรายุ่งๆอยู่อย่าง
นี้ ยังจะมีคนมาเคาะประตูอีก ใครกันนะ พี่ข้างห้องหรือ ? ไม่น่าจะใช่งานเค้ายัง
ไม่เลิกนี่ หรือจะเป็นเรียว แต่ก็น่าจะกำลังจัดของอยู่ที่บ้านนี่ แล้วก็นัดกัน
แล้วว่าจะเจอกันที่โรงเรียน พลางลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตู ... hai hai ใคร
ครับ ?

"สวัสดีครับ" ภาษาไทย ที่ฟังยังไงก็ยังไม่เป็นภาษาไทยอยู่ดี (แต่ก็คงสงสัยจะไป
หัดพูดมาทั้งคืน) ถูกเอ่ยขึ้นจากใครบาง คนที่มายืนอยู่หน้าประตูผม พร้อมกับยิ้ม
แห้งๆ ตาตี่ๆ เหมือนกับ สุนับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ที่กำลังมีแผนการณ์ชั่วร้ายอยู่
ในหัว "อ้าว เรานัดกันตอนเย็นที่โรงเรียน นี่นา.." ผมเอ่ยถาม โดยที่ผมยังยืนอยู่ใน
ห้อง แล้วเรียวก็ยังยืนอยู่ที่อีกฝั่งของประตู "ผมเรียบร้อยแล้ว ไม่อยากอยู่บ้านเบื่อ" พูดพร้อมทำท่าทางกวนประสาท และกำลังจะ
ก้าวเข้ามาในห้องผม เขามือทั้งสองข้างไปเกาะขอบประตูทั้งสองข้างเอาไว้ กันเอา
ไว้ ไม่ให้เขาเข้ามา "ห้ามเข้าๆ ตอนนี้ห้องสกปรก" ผมพูดจาท่าทางขึงขัง "ปกติก็สกปรกทุกวันอยู่แล้วนี่ ไม่เห็นจะน่าอาย" พูดพร้อมทำหน้าตากวนเท้าอีก
ครั้ง แล้วเข้าก็จะโน้มตัวผ่านเข้ามาในห้องผมอีก ผมก็โน้มตัวเข้าไปกันเขาเอาไว้
อีก และพูดเสียงดังอีกว่า "ไม่ได้ !! ลงไปรอข้างล่างโน่น หรือไม่ก็ไปรอที่โรงเรียนเลยไป" พูดจบ เรียวก็
ไม่พูดอะไรต่อจากผม เอามือข้างนึงที่ไม่ได้ถือกระเป๋าของเขาไว้ ขึ้นมา แกะมือ
ของผมออก โน้มตัวลงมาหอมแก้มผม 1ที แล้วพูดเบาๆ ว่า "นี่กุญแจสำหรับประตู" แล้วก็เดินเข้าห้องไปหน้าตาเฉย .. ปล่อยผมยืนบ้าอยู่ที่
ประตูคนเดียว....


"โอ้ โห ...อะไรกันเนี่ยจะย้ายออกหรือไง" .. เหตุผลข้อสำคัญ ที่ไม่อยากให้ผู้ชายคนนี้เข้ามาในห้องตอนนี้ก็คือ เบื่อ .... เบื่อในความตื่นเต้นเกินเหตุ และนิสัยจุกจิก ขี้บ่นของเขา แล้วก็กะ
เอาไว้แล้วไม่มีผิดเข้ามาในห้องได้ก็เริ่มทันที .. บ่อยครั้งที่ผมต้องตอบคำถามที่ว่า "อะไรเนี่ยอะไร" หรือ "เอาของแบบนี้ไปด้วย
หรอ" แทนที่การจัดของลงกระเป๋าของผม จะเป็นเรื่องง่ายดายอย่างที่คิดเอาไว้ในตอน
ต้น แต่เปล่าเลยกลับไม่เป็นแบบนั้น กลับต้องมาปวดหัวกะตาบ้านี่อีก "รองเท้าแตะเอาไว้ล่างสุดสิ อืมๆ อย่างนั้นแหละ เสื้อที่จะไม่ให้ยับกับ เครื่อง
แบบ เอาไว้บนสุดนะ .. แล้ว .. อุปกรณ์อาบน้ำล่ะ อยุ่ไหน?" และอีกสารพัดที่
ผู้ชายคนนี้พูดไม่ได้หยุดปาก เหมือนกับเป็นพ่อผมอย่างนั้นแหละ

.. ผมก็จัดของไปโดยที่มีเขาคนนั้นกำกับการแสดงไปด้วย จนกระทั่ง .... "aaaa yatta" เสร็จแล้วๆ ช่วงเวลานรกเล็กๆ ก็ได้จบลงแล้ว ของทุกอย่างถูกจับยัด
ลงไปในประเป๋าอย่างสวยงาม ผมถอนหายในแล้วนั่งลงมองเรียว ที่นั่งอยู่อีกมุมของ
ห้อง ยิ้มทำตาปริบๆ เหมือนมีอะไรอยากจะพูด "อะ-ไร-หรอ-อิ-ชิ-ซะ-วะ-คุง" ผมแกล้งกวนประสาทเขา ค่อยๆ พูดช้าๆ แล้วก็คลานเข้า
ไป หาเขาที่นั่งอยู่มนอีกมุมช้าๆ ยิ้มให้แบบมีแผนเหมือนกัน "เหนื่อยไหมครับ" เขาถามผม "ไม่เหนื่อยเลยนิดเดียวก็ไม่" ผมตอบ "อือ ก็ดีแล้วล่ะ" แล้วเขาก็หอมแก้มผมอีกทีนึง "mou ii yo / ง่ะ พอแล้วๆ" ผมยิ้มๆ พูดออกไป แต่แล้วหมาจิ้กจอกก็หันแก้มมาให้
ผม หลับตาเอามือจิ้มๆ ที่แก้มตัวเอง ทำหน้าทำตากวนประสาท น่าตลกมาก "อะไรหรอ" ผมแกล้งถามทำเป็นไม่รู้ "ก็นี่ไง ตรงนี้ไงตรงนี้ๆ" พูดแต่ยังคงหลับตาปี๋ เอานิ้วจิ้มๆ ที่แก้มตัว
เองอยู่ "อ่อ เดี๋ยวๆ นะ" พร้อมเอื้อมมือไปหยิบ ตุ๊กตาหมีพูตัวเล็กๆ ที่ผมเอามาด้วยจาก
เมืองไทย แล้วก็เอาตุ๊กตาหมีพูตัวนั้นนั่นแหละ ไปหอมแก้มเรียว

"chu!" ผมแกล้งทำเป็นเสียงหอมเขา "ara .. iranai yo kore/ง่ะ ไม่เอาอ่ะอันนี้ง่ะ" พูดพร้อมทำหน้าตาน่าสงสาร เสี
นง อ้อนน่ารัก "อ่ะ อ่ะ อ่ะ" ผมค่อยๆ ยื่น จมูกไปแตะแก้มของเขา .. กลิ่นของเรียว กลิ่นที่หอมที่สุด ยังคงเหมือนเดิม.. "ขอบคุณครับ" แล้วก็ยิ้มตาตี่มองมาทางผม "แหะ แหะ" ผมหัวเราะ บอกเขาต่อไปว่า "หิวหรือยังเรียว เดี๋ยวค่อยออกไปหาอะไรกินกันเนอะ เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน" .. แล้วผมก็ลุกขึ้น พลางเดินไปเดินมา หาเสื้อผ้าเปลี่ยน โดยที่อีกคน ก็ไม่รู้
เป็นอะไร เปิดประเป๋าตัวเอง ค้นๆ รื้อๆ อะไรอยู่อย่างนั้น ทำหน้าตายุ่งๆ เหมือน
ญาติเสีย "หาอะไรน่ะเรียว" ผมถาม "เปล่าน่ะ check ของดูว่าลืมอะไรหรือป่าว" แล้วก็ยิ้มแห้งๆ ก้มหน้าลงไปรื้อประ
เป๋าตัวเองใหม่ เฮ้อ ... คุณพ่อบ้านผู้รอบคอบ ของผม ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย
แล้ว..

.. check นั่น check นี่ในห้อง ดูความเรียบร้อยของสัมภาระตัวเอง มั่นใจแล้วว่า
ไม่ลืมอะไรแน่ๆ (ชัวร์) เพราะปกติผมเป็นคง ต๊องๆ ลืมนั้นลืมนี่ ขาดๆ เกินๆ อยู่
ตลอดเวลา แต่คราวนี้ (หวังว่า) เหตุการณ์แบบนั้น คงจะไม่เกิดขึ้นอีก เมื่อผม
มั่นใจอีกครั้งแล้วว่าแล้วว่า ไม่ลืมอะไรแน่ๆ (ชัวร์) ก็ชวนเรียวไปสถานีรถไฟ จะ
ได้ขึ้นรถไฟไปโรงเรียนกัน ซึ่งตอนนั้นก็ใก้ลเวลาที่ทางโรงเรียนนัดแล้วด้วย ช้า
ไม่ได้แล้ว แล้วผมกับเรียว ก็ออกมาจากห้อง เดินไปสถานีเพื่อขึ้นรถไฟ ไป
โรงเรียน..

.. ระยะหว่างทางที่โหนกันอยู่บนรถไฟ เราก็คุยกันไปต่างๆ นาๆ ตอนนี้ คนนั้นคนนี้
จะ เป็นอย่างไรกันบ้างนะ เก็บของอยู่ล่ะมั้ง หรือไม่ก็ไปโรงเรียนตั้งแต่เที่ยง เพราะแรงตื่นเต้น นินทาคนนั้นทีคนนี้ที หัวเราะกันอยู่ 2คนในโบกี้รถไฟ เป็นช่วง
เวลาที่ผมมีความสุขอีกช่วงหนึ่ง.. .. จนกระทั่งเราต่อรถไฟอีกสาย เพื่อที่จะไปลงที่สถานนีโรงเรียน แล้วก็เดินจาก
สถานีไปโรงเรียน กันสองคน .. โตเกียวตอนเย็นๆ ฟ้าสีส้มนิดๆ ผู้คนมากมาย มนุษย์กินเงินเดือนมากมาย ที่งาน
เลิกแล้วกำลังจะกลับบ้าน เดินผ่านสวนทางเรา 2 คนไป มันก่อให้เกิดความรู้สึกที่
ประหลาด ในขณะที่ผู้คนมากมายกำลังเดินไปยังทิศทางหนึ่ง ผมกับเขา กลับเดินสวนทาง
ที่จะเดินไปยังอีกทิศทางหนึ่ง เป็นความรู้สึกที่ประหลาดนิดๆ แต่ก็รู้สึกดีที
เดียว..

.. ระหว่างที่เราเดินไปโรงเรียน เราก็เจอกับ เพื่อนของเรามากมาย บางคนเอา
กระเป๋ามาใบเล็กนิดเดียว เหมือนไปค้างแค่คืนเดียวอย่างนั้นแหละ บางคนกระเป๋าใบ
ใหญ่กว่าผมซะอีก บางคนก็ที่บ้านมาส่ง ขนาดอยู่บนรถยนต์ ก็ยังลดกระจกลง ยื่นหน้า
มาทักเรา "สวัสดี สวัสดี!!" .. เราทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าโรงเรียน วันนี้หน้าโรงเรียนของเราคึกคักมาก ทั้ง
ผู้ปกครองที่มาส่งนักเรียน ทั้งกลุ่มเพื่อนฝูงที่ต่างมายืนออกันอยู่ที่หน้า
ประตูโรงเรียน เพื่อมารอเพื่อนฝูงของตน ทุกคนดูยิ้มแย้ม หัวเราะร่าดีใจ ที่จะ
ได้ไปสนุกกันในครั้งนี้ .. ผมกับเรียวเดินผ่าเข้าไปข้างใน ผมก็มองหาเพื่อนสนิทผม เรียวก็เดินหาเพื่อน
สนิทเรียว เมื่อเจอกันแล้วต่างคนต่างก็ตะโกนใส่กันเสียงดัง เหมือนกับไม่เคยเจอ
กันมานาน ทั้งๆที่เมื่อวานนี้ตอนเย็นก็ยังนั่งเรียนอยู่ด้วยกันแท้ๆ เฮ้อ ... แรงตื่นเต้น School Trip ..

.. เรายืนคุยกันอยู่สักพัก ก็มีประกาศจากทางโรงเรียน ในนักเรียนที่จะไป School Trip ทุกคนเข้าไปในโรงยิม คงจะมีการประชุมอะไรกันสักอย่างแน่ แต่ก็นั่นแหละ คง
ไม่มีใครสนใจฟังสักเท่าไหร่หรอก แล้วก็จริงตามคาดซะด้วย คนที่พูดอยู่บนเวทีก็
พูดไป พวกที่อยู่ข้างล่างก็จ้อกันอย่างเมามัน คนที่ตั้งใจฟังก็เลยไม่ค่อยได้ยิน
ตามไปด้วย เนี่ยนะ อนาคตของญี่ปุ่น เฮ้อ .... อย่างกะลิง..

.. เรื่องที่เน้นย้ำในวันนั้น ก็เป็นเรื่องที่คิดเอาไว้แล้วเหมือนกันว่าต้องถูก
พูดถึง ตั้งแต่เรื่องการปฎิบัติตัวตอนไป School Trip (โตแล้วยังต้องมาย้ำกัน
หลายๆ รอบ) เรื่องเกี่ยวกับ แผนกนักเรียนหญิง ที่ทุกคนพุ่งความสนใจไปเป็นจุด
เดียว และก็อะไรอีกหลายเรื่องจิปาถะ พูดไปก็ไม่ค่อยจะมีใครฟังไม่รู้จะพูดไปทำไม
กัน ... ฮ่า ฮ่า .. เสร็จจากโรงยิมแล้ว ก็ถึงเวลาแยกย้ายกันไปขึ้นรถ ทั้งเสียงเฮ ไชโย อื้ออึง ดังสนั่นโรงยิมไปหมด เหมือนคลื่นแฟนเพลง ของ X-Japan ตอนไปออกันอยู่
หน้า TOKYODOME ตอนที่มี Live Show ต่างกันเพียงที่ว่า Live Show ที่นี่ เป็น Live Show School Trip ของนักเรียนชาย ม.ปลาย (หรือป่าวไม่แน่ใจ)

.. ผมเดินตามเพื่อนออกมาเรื่อยๆ เอาของไปเก็บไว้ที่ใต้ท้องรกโค้ชคันใหญ่ ดูดีมี
ชาติ ตระกูลมาก ผิดกับการไปทัศนศึกษากับโรงเรียนที่เมืองไทย ที่เป็นรถธรรมดาๆ แต่การไปทัศนศึกษา กับโรงเรียนที่เมืองไทยนั้นมีข้อดี ข้อน่าสนุก ก็เพราะว่า ได้ฉิ่งฉับกัน สนุกสนานดี ทั้งร้องเพลง ทั้งลุกขึ้นเต้น ที่ญี่ปุ่นคงไม่มี เอ๊ะ หรือว่ามี ตอนนั้นผมก็ยังไม่แน่ใจสักเท่าไหร่นัก .. ผมเก็บของเสร็จแล้ว ก็มองหาเรียวอยู่สักพัก เขาก็เดินมาบอกว่า ตอนนี้ต้อง
ขึ้นรถแยกไปก่อนเพราะว่าจะมีการ check ชื่อกันบนรถด้วย เอาไว้ให้ไปถึงก่อนแล้ว
ค่อยคิดว่าจะเอาอย่างไร ผมพยักหน้ารับคำ โบกมือ บาย บาย เขา ก่อนจะหันหลังขึ้น
มาบนรถ ซึ่งกลายสภาพเป็นสวนสัตว์ มีลิงมากมายอยู่บนนั้น ส่งเสียงดัง น่าหนวกหู คุยกันเหมือนไม่เคยเจอกัน เนี่ยแหละนะแรงตื่นเต้น..

.. ผมนั่งข้างๆ กับโคเฮ เพื่อนสนิทที่สุดแล้วในห้อง โดยโคเฮนั้นเต็มใจที่จะให้
ผมนั่งติดหน้าต่าง เพราะว่ามันเต็มใจจะนั่งติดทางเดินจะได้ลุกไปไหนมาไหน คุยกับ
ใครๆ ได้สะดวก .. .. และเมื่อทุกคนนั่งประจำที่แล้ว อาจารย์ ประจำห้องของผมก็ขึ้นมา check ชื่อ
เตรียม ความพร้อมก่อนออกเดินทาง .. รกทุกคันพร้อมแล้ว รอแต่รถของแผนกนักเรียนหญิงที่ยังมาไม่ถึง รออยู่สักพัก รถของแผนกกนักเรียนหญิงก็มาถึง แล้วรถแต่ละคันก็ค่อยๆ เคลื่อนที่ออกไปช้า ๆ

.. ในตอนเย็นวันนั้นเอง .... .. วันที่ทุกคนรอคอยมา ตั้ง 1 อาทิตย์เต็มๆ .. รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ รถที่กำลังเคลื่นตัวไปข้างหน้า .. ในจังหวะที่รถคันนึงกำลังเร่งความเร็วแซงรถอีกคันออกไปจากโรงเรียน .. เด็กผู้ชาย 2 คน ที่อยู่บนรถคนละคัน ยิ้ม โบก มือให้กัน .. ไม่สนใจ แม้เสียงแซวใดๆ .. เราจะเจอกันใหม่ในวันพรุ่งนี้เช้าที่ ฮิโรชิมะ .. S c h o o l T r i p เริ่มต้นขึ้นแล้ว !!..


(เรื่องยังไม่จบแค่นี้ นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจริง เป็นเรื่องราวของนัก
เรียนแลกเปลี่ยน แต่ตอนจบมันเศร้าที่สุด เลยเอาเรื่องนี้มาให้อ่านยังไงก็จะ
พยายามหาต่ออีก  แต่ตอนนี้ต้องอดใจรอเพราะกำลังติดต่อเจ้าของเรื่องอยู่  ปริ๊นอ
อกมาเก็บไว้ก็ได้)
โพสต์ 2010-10-8 14:41:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
หมายเหตุ: ผู้โพสต์ถูกแบนหรือถูกลบ โพสต์นี้ถูกปิดโดยอัตโนมัติ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1578
Zenny
6094
ออนไลน์
231 ชั่วโมง
โพสต์ 2010-10-27 16:26:46 | ดูโพสต์ทั้งหมด
นานไปมั้ยอ่ะคับ
แต่ไม่เป็นไร
ยังไงก้ออ่านคับ
ขอบคุณคับ

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
7
พลังน้ำใจ
3449
Zenny
16126
ออนไลน์
370 ชั่วโมง
โพสต์ 2010-11-15 23:51:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
341
Zenny
899
ออนไลน์
6 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-2-7 21:04:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับบ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
2
พลังน้ำใจ
13087
Zenny
3310
ออนไลน์
1347 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-2-7 22:05:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
2
พลังน้ำใจ
6657
Zenny
15490
ออนไลน์
1368 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-2-13 22:24:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วาเลนไทน์นี้มีความสุขมากๆนะคราบ

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
2
พลังน้ำใจ
800
Zenny
6728
ออนไลน์
204 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-2-14 21:02:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
669
Zenny
2673
ออนไลน์
98 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-2-14 21:09:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนครับ

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
559
Zenny
6561
ออนไลน์
105 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-2-22 14:43:17 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณนะครับ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1762
Zenny
13145
ออนไลน์
808 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-3-3 15:20:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-22 10:04 , Processed in 0.119988 second(s), 22 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้