ห้องเรียน 303
ผมชื่อนัท ตอนนั้นผมเรียนอยู่ที่วิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ระยอง ตอนนั้นผมเรียนอยู่ชั้น ปวช.3 ถ้าทุกคนเรียบนสายนี้คงรู้ว่า ปวช. คือไร เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวผมเองเรื่องมันมีอยู่ว่า ช่วงนั้นเราเรียนวิชาบัญชีกันอยู่ที่ห้องเรียนชั้น 3 ห้องเลขที่ 303 พอเรียนไปได้ซักพัก อาจารย์ก็ปล่อยให้นักเรียนไปพัก 30 นาที ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาประมาณ บ่ายสามโมงเย็น อากาศเย็นๆ แดดไม่มี เพื่อนๆ ต่างก้อพากันไปเข้าห้องน้ำบ้าง ไปหาไรกินกันบ้าง แต่พวกเราไม่ได้ออกไปไหน เพราะขี้เกียจเดินกัน เลยนั่งอยู่ในห้อง ในห้องมีแค่พวกผมกับเพื่อนๆ รวมกันแร้วก็แค่ 8 คน เพื่อนๆบ้างก็นั่งเล่นเอ็ม บ้างก็นั่งแต่งหน้า แต่ผมกับเพื่อนผู้ชายอีกคนก็นั่งถ่ายรูปกัน ตอนแรกๆเราก็ถ่ายกันโดยที่ไม่ได้คิดไร พอมีเพื่อนอีกคนมันบอกว่า "ถ่ายมากเดี๋ยวก็มีชัตเตอร์หรอก" เราก็นิ่ง แร้วบอกเพื่อนไปว่า "ปากดีเดี๋ยวมึงเจอขึ้นมาจะหนาว" เพื่อนมันก็ไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่งเพื่อนอีกคนที่อยู่ข้างหลังเราพอเราถ่ายรูปไปมันก็ติดเพื่อนเราแต่ติดเพียงแค่หัว เราเลยบอกว่า "นี่ไงชัตเตอร์ 55555" แต่พอถ่ายไปเรื่อยๆ โดยลองถ่ายที่มุมสูงดูบ้าง พอถ่ายแร้วเอามาดูผลงาน ก็ต้องชะงักแล้วมองหน้ากันกับเพื่อน แร้วก็มองที่รูปเพื่อให้แน่ใจว่าที่อยู่ในกล้องมันคืออะไร ตอนนั้นเราเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เราพูดคุยกันเล่นมันจะเป็นจริง รูปที่ถ่ายติดมานั้นมันเป็นรูปผู้หญิง ใส่ชุดนักศึกษาเปื้อนเลือดอยู่เต็มไปหมด ลอยอยู่ตรงมุมเพดานห้อง เเล้วก็มีเพียงแค่ครึ่งตัวเท่านั้น เราทั้ง 2 คนหน้าซีด จนเพื่อนถามเราว่า "พวกมึงเป็นไรกัน อย่าบอกนะว่ามีชัตเตอร์จิงๆ" เราทั้ง 2 คนก็ไม่ได้พูดอะไรได้แต่อึ้ง เพื่อนเลยคว้าเอากล้องไปจากมือเราแล้วเอาไปดู มันก้อต้องอึ้งแล้วก็ กรี๊ดออกมาอย่างดัง จนเพื่อนๆทั้งหมดตกใจกัน เราถามเพื่อนว่า "พวกมึงเห็นใช่มั้ย" เพื่อนบอกว่า "อืม" แต่แค่นั้นมันไม่พอ ผู้หญิงที่ใส่ชุดนักศึกษาที่อยู่ในกล้องมันไม่ได้อยู่กับที่ แต่มันค่อยๆลอยเข้ามาที่หน้าจอ พวกเราคิดไรไม่ออกในตอนนั้น ได้แต่จ้องกันจนร่างผู้หญิงคนนั้นเข้ามาใกล้จนเห็นแค่ตาข้างเดียวเพื่อนเลยสะบัดกล้องออกจากมือ ทำให้กล้องหล่น พอหยิบขึ้นมารูปภาพนั้นก็หายไป หาก็หาไม่เจอ เราทุกคนต่างก็ตกใจ จนไม่มีสมาธิที่จะเรียน พอเลิกเรียนพวกเราเเต่งตัวกันเลยทำให้ออกมาเป็นกลุ่มสุดท้าย เวลานั้นก็อยู่ที่ 5 โมงเย็น อากาศหนาว เหมือนจะมืดอาจจะเป็นเพราะอยู่ในช่วงฤดูหนาวเลยทำให้มืดเร็วกว่าปกติเราก็เดินออกจากห้องพร้อมกันโดยที่ต่างก็แย่งกันออก เพราะกลัวผูหญิงคนนั้นที่อยู่ในรูปที่ถ่ายได้เมื่อตอนบ่าย 3 พอเดินผ่านห้อง 301 ซึ่งเป็นห้องพิมพ์ดีดไทย ห้องนั้นจะเป็นห้องที่อยู่ตรงหัวมุมตึก ประตูห้องจะหันมาทางระเบียง ทำให้เวลาเดินออกมาจากห้องอื่นแล้วเห็นประตูห้องนี้เลย เราเดินมาพอใกล้จะถึงหน้าห้องพิมพ์ดีดไทย เราก็ต้องหยุด เพราะได้ยินเสียงพิมพ์ดีด ดัง แป๊กๆๆๆ ๆๆ ๆ เหมือนมีคนใช้งานอยู่ แต่แปลกตรงที่ ห้องนี้มันปิดปรับปรุง เพราะเครื่องพิมพ์ดีดมันพังหลายเครื่อง เลยไม่ได้เปิดให้เรียนมา 2 เดือนกว่าแล้ว หน้าห้องก็มีกุญแจคล้อง ล๊อกอย่างหนาแน่น แต่มันดันมีเสียงเคาะพิมพ์ดีด เพื่อนเลยถามว่า "พวกมึงได้ยินเสียงพิมพ์ดีดป่าววะ" เพื่อนคนที่ถามไม่ได้รอคำตอบจากเพื่อนๆ มันก็เดินไปส่องดูที่หน้าประตู โดยที่ประตูห้องมันเป็นกระจก มันก็เอาหน้าส่องเข้าไปดูเพื่อจะให้หายข้องใจ แต่ก็ต้องหยุดเพราะมันมีเสียงเคาะพิมพ์ดีดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนดังมาก แล้วมันก็เป็นเสียงเหมือนมีคนโยนเอาเครื่องพิมพ์ดีดมาใส่ประตูดังปั๊งงงง แต่กระจกประตูไมได้แตก พวกเราเลยร้อง ต่างก็พากันหนีลงบันไดจนแทบจะเหยียบกันตาย ระหว่างนั้นก็มีเสียงหัวเราะอยู่ข้างหลังตลอดทางลงบันได แต่ก็ไม่มีใครหันกลับไปมองเลย พอวิ่งออกมาถึงหน้าประตูโรงเรียนก็รู้สึกโล่ง แต่เหนื่อยเพราะระยะทางที่วิ่งมาประมาณ 500 เมตรน่าจะได้ วิทยาลัยที่เราเรียนมันมีพื้นที่ที่ใหญ่มากๆ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน พอเช้าก็มาเจอกัน แล้วก็ไปหาอาจารย์แล้วถามอาจารย์ว่า เคยมีประวัติอะไรมั้ยเกี่ยวกับห้องพิมพ์ดีด และ ห้อง 303 อาจารย์เค้าก็เลยถามว่า เจอเหรอ เราเงียบ แล้วก็มองหน้ากัน อาจารย์เค้าก็เล่าว่า เมื่อ 5ปีก่อนหน้านี้มีเด็กนักเรียนผู้หญิงคนหนึ่งคนหนึ่งมารอเพื่อจะเรียนในห้องเรียน 303 แร้วก็มานั่งร้องไห้ อาจารย์มาเห็นเค้าก็เข้ามาถามว่ร้องไห้ทำไม เค้าบอกว่าไมได้เป็นอะไร อาจารย์ก็ไม่ได้คิดอะไรเลยเดินออกไปปล่อยให้เด็กคนนั้นนั่งอยู่คนเดียว ต่อมาเพื่อนๆ ของเค้าก็มาเห็นเด็กคนนั้นผูกคอตายอยู่ที่หน้าต่าง โดยใช้เชือกเงื่อนลูกเสือที่วางอยู่ในบริเวณห้องเอามาผูกที่กงเหล็กแร้วก็ผูกคอตายที่ห้องนั้น ส่วนห้องพิมพ์ดีดนั้นอาจารย์ก็บอกว่า สาเหตุที่ปิดปรับปรุงก็เพราะว่ามันมีเรื่องแปลกๆ ไม่ใช่เพราะเครื่องพิมพ์ดีดพัง แต่เป็นเพราะมีนักเรียนเข้ามาเรยนแร้วได้ยินเสียงคนหัวเราะบ้าง เครื่องพิมพ์ดีดหล่นเองบ้าง อาจารย์คนอื่นๆเองก็เจอตอนที่นั่งตรวจงานตอนเย็น เราเลยปิดถาวร กะว่าจะลื้อทิ้งอยู่ พอพวกเราได้ยินที่อาจารย์เล่าเราเลยขนลุกกันทุกคน ก็เลยเล่าให้อาจรย์ฟังที่เราได้เจอมา อาจารย์ก็บอกว่า ไม่ใช่เเคต่พวกเธอหรอกที่เจอ มีอีกหลายรายก็เจอ......................
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ผมประสบเองกับตัว น่ากลัวมาก
ขอบคุณครับ
กลัวแต่อยากอ่าน
555 ขอบคุณนะคับ
หน้า:
[1]