รุ่นพี่ รุ่นน้องมหาลัยสุดมันส์(copy)
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ololove29009 เมื่อ 2015-7-16 16:38เรื่องเกิดขึ้นสมัยที่ผมเพิ่งเข้าเรียนมหา'ลัยใหม่ๆ(ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด บ้านเกิดเมืองนอนของผมอยู่ที่อำเภอเล็กๆในจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือตอนบน)
หลายคนคงจะสงสัยว่าทำไมช่วงชีวิตที่เรียนมัธยมผมถึงไม่มีประสบกามตรงอะไรเหมือนกับคนอื่นบ้าง? ทำไมถึงได้ข้ามช่องว่างระหว่างเวลามาเล่าสมัยมหา'ลัย????
ผมขอตอบว่า "ไม่มีครับ" สาเหตุนั้นก็คือในสมัยเรียนมัธยมตั้งแต่ต้นยันปลายนั้นรูปร่างและหน้าตาของผมไม่ได้ดูดีเป็นที่สะดุดตาและสะดุดเป้าของใครต่อใครเหมือนกับสมัยที่เข้าเรียนมหา'ลัย
ช่วงเรียนมอต้นยันปลาย ผมเป็นคนอ้วน(ยิ่งตอนที่เรียนม.3 - ม.4 เรียกว่าอ้วนขั้นอิ่มตัวได้เลยน้ำหนักก็ประมาณ 66-70 กิโลสำหรับเด็กอายุ 14-15 ปีความสูงยังไม่เด่นชัดมากเพราะร่างกายยังไม่โตเต็มที่ ลองจินตนาการดูเอาเองนะครับว่าจะจ้ำม่ำขนาดไหน!!!!) เวลาที่เริ่มแตกเนื้อหนุ่มใหม่ๆก็อาศัยหนังสือปลุกใจชาวเราในสมัยนั้นเช่น มิถุนา มรกต นีออน วีคเอ็นเมน และอีกหลายต่อหลายเล่มเป็นตัวปลุกเร้าอารมณ์ให้สามารถรีดน้ำอสุจิออกมาได้อย่างคล่องตัว(ผมมีความรู้สึกเริ่มว่าตัุวเองเริ่มชอบผู้ชายครั้งแรก ตอนป.6 เข้าสู่ ม.1 ตอนนั้นพอเห็นผู้ชายเวลายืนฉี่แล้วเห็นของลับด้วยผมรู้สึกว่าอวัยวะเพศของผมเริ่มแข็งตัว และตัวเองยังรู้สึกตื่นเต้นอีกด้วยยิ่งเวลาที่เห็นรูปโป๊ผู้ชาย อาการเริ่มออกสมัยเรียนผมก็มีเพื่อนและบรรดาคนรู้จักที่เป็นเกย์ กระเทย อยู่พอสมควรพวกเขาก็ไม่รู้ว่า ผมเป็นแอบจิต แต่มีบางคนที่พอจะดูออกว่าผมเป็น )ครั้นจะไปหวังที่จะมีอะไรๆกับเพื่อนที่หน้าตาดีๆหรือไม่ก็คนหน้าตาดีที่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันก็เป็นเรื่องยากเกินความสามารถ (ไม่มีใครอยากลองของแปลกอย่างผมเลย)มีแต่ตัวเราเท่านั้นที่ฝันลมๆแล้งๆไปแอบชอบเขาข้างเดียว
จนกระทั่งมาถึงวันสุดท้ายของการสอบไล่ระดับชั้นม. 4 หลังจากสอบเสร็จเรียบร้อยแล้วเย็นวันนั้นผมเป็นไข้และลากยาวมาเกือบๆเดือน ปรากฏว่าผมเป็นอีสุกอีใสระหว่างช่วงที่เป็นไข้ก็ยังมีกะจิตกะใจถ่อไปสมัครสอบเอ็นทร้านซ์ที่เชียงใหม่อีก(ตอนไปสมัครสอบฯ ผมใส่เสื้อกันหนาวตัวหนาๆและหมวกไหมพรมกันหนาว จนผู้คนข้างจ้องมองไม่ว่าตาพวกเขาคงจะคิดว่า ไอ้บ้านี่เป็นโรคติดต่ออะไรหรือเปล่า? ) พอใกล้จะหายก็ลากสังขารเดินทางตะลอนๆไปนอนค้างอ้างแรมเพื่อสอบเอ็นทร้านซ์อีก4 วัน (ในสมัยนั้นผมสอบเทียบได้ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ม.4)
พอสอบเอ็นทร้านซ์เสร็จแล้วก็เดินทางกลับบ้าน 2-3วันหลังจากกลับมาถึงบ้านผมก็ได้ไข้หวัดใหญ่มาเป็นของแถมตบท้ายต่ออีก นอนพักรักษาตัวเกือบร่วมเดือน(ช่วงนั้นสุขภาพย่ำแย่มาก เพราะเป็นหน้าอากาศเปลี่ยนต่อฤดูจากหนาวมาหาร้อนจำได้ว่าหน้าร้อนในปีนั้นร้อนมากๆจนติดสถิตอากาศร้อนสูงที่สุดในรอบ10 ปี) ตอนที่เป็นไข้นอนซมอยู่นั้น กินอะไรไม่ได้เลยกินแต่ข้าวต้มพุ้ยโรยหน้าด้วยหมูหยองทั้งเดือนอากาศร้อนๆทำให้ผมไม่อยากจะกินอาหารอะไรเลย นอกจากน้ำผลไม้ปั่นผลไม้สุกๆหวานๆและอาหารจำพวกยำ ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่แห้ง
การป่วยครั้งนั้นได้ทำให้รูปร่างและหน้าตาของผมเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ชนิดที่เปลี่ยนเป็นคนละคนเลย เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมาก น้ำหนักลดไปเกือบๆ20 กิโล กางเกงจากที่เคยใส่เอว 31 ก็เปลี่ยนมาใส่เอว 26-27 เสื้อจากแต่เดิมเคยใส่ไซส์ L-XL ก็เปลี่ยนมาใส่ไซส์ S ส่วนรูปร่างหน้าตาจากเดิมที่หน้าบานแก้มยุ้ยทะลักเหมือนซาลาเปาผสมหมั่นโถวก็กลายมาเป็นโครงหน้าตอบเรียวได้รูป พอดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาอีกเยอะแบบเรียกได้ว่า ควงไปวัดไปวาหรือควงไปออกงานได้
ส่วนข่าวดีที่มาพร้อมกับรูปร่างหน้าตาที่ดีขึ้น คือผมสามารถสอบเอ็นทร้านซ์เข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของภูมิภาคได้(ทั้งๆที่ตอนสอบไม่ได้เตรียมอ่านหนังสืออะไรเลย เพราะป่วยมัวแต่นอนพักพื้นตลอดทั้งวันทั้งคืน) เรียกได้ว่าฟลุ๊คมากๆ
กว่าทางบ้านจะอนุญาติให้ผมเข้าเรียนในมหา'ลัยได้ ก็เล่นเอาผมรบเร้าซะเหนื่อย(นั่งบีบน้ำตาทำหน้าเศร้าทั้งวันจนตาบวม) สาเหตุที่ทางบ้านไม่อนุญาติให้ผมเรียนมหา'ลัย เพราะกลัวว่าผมเรียนตามเพื่อนร่วมรุ่นไม่ทันความรู้พื้นฐานของผมมีแค่ ม.4 เท่่านั้นจะไปเรียนสู้อะไรกับเด็กที่จบม.6 ได้
ใจจริงทางบ้านอยากจะให้ผมเรียนจนจบม.6ก่อน เพื่อให้พื้นฐานแน่นๆ แต่สำหรับผมแล้วผมคิดว่าผมสามารถเอาตัวรอดในเรื่องเรียนได้ อีกเหตุผลเล็กๆที่เป็นผลพลอยได้ก็คือถ้าผมได้เข้าเรียนมหา'ลัยถือเป็นการเปิดหูเปิดตาและเปิดโอกาสให้กับตัวเองได้ไปเจอหนุ่มๆหล่อๆตักตวงเก็บเกี่ยวประสบกาม(ไม่ค่อยร่านเลยนะตรู 555)ผมไม่อยากกลับไปเรียนจนจบม.6 ขี้เกียจรอเวลาให้ผ่านไป(เพราะไม่แน่ใจว่า ตัวเองจะกลับมาอ้วนเหมือนเดิมอีกยิ่งอยู่ที่บ้านอาหารการกินอุดสมบูรณ์มาก รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันซึ่งช่วยกระตุ้นเพิ่มความขี้เกียจในการออกกำลังเป็นอย่างดีและตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะโชคดีสามารถสอบเอ็นทร้านซ์ติดเหมือนครั้งนี้หรือเปล่า?)
เวลานี้ หน้าตาและรูปร่างของผมไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วสิ่งนี้ได้สร้างความมั่นใจให้ตัวผมมากถึงมากที่สุดจากเดิมที่เป็นคนไม่มั่นใจในรูปร่างของตัวเองเลย เดิมก้มหน้าตลอดมิหนำซ้ำเพื่อนๆในโรงเรียนก็เรียกผมว่า "หมู" หรือไม่ก็"หมูตอน" แทนชื่อเล่นของผม
..................................................................
"ไอ้หน้าหวาน ที่นั่งอยู่แถวหลังสุดทางขวามือ ยังไม่มีป้ายชื่อนี่หว่าลุกขึ้นมานี่หน่อยซิ"เสียงของรุ่นพี่คณะที่เป็นหัวหน้ารับน้องใหม่ตะโกนเรียกผมออกมาข้างหน้าแถว
"ชื่ออะไรว่ะ?" รุ่นพี่เอ่ยถามผม
"กันต์ครับ" ผมตอบอย่างมั่นใจ
"อีกแล้วเหรอ!!! ทำไมชื่อเอ็งมันโหลยังงี้ นี่ก็ปาเข้าไป 3 กันต์แล้ว หน้าเอ็งหวานๆเหมือนหลินจื้ออิงงั้นเอ็งเอาชื่อนี้ ไปละกัน" รุ่นพี่จ้องมองหน้าผม พร้อมกับเขียนป้ายชื่อให้(ที่ว่าผมหน้าตาเหมือนหลินจื้ออิง นี่ชมจากใจจริงหรือว่าพี่เขาเมาค้างจากเมื่อคืน? เลยมองเห็นอะไรผิดเพี้ยนจากความจริงไปแต่ก็ยังดีที่ยังอุตส่าห์ชมผมว่าหน้าเหมือนซุปเปอร์สตาร์หน้าหยกยุคนั้น)
หลังจากกิจกรรมรับน้องเสร็จสิ้นลงไปแล้วก่อนที่รุ่นพี่หัวหน้าจะบอกให้แยกย้ายกันกลับ ก็มีบรรดารุ่นพี่จากชมรมเชียร์ประมาณ10 กว่าคน เข้ามาแนะนำชมรม พร้อมทั้งประกาศรายชื่อของนักศึกษาปี1 ทั้งหญิง-ชายที่หน้าตาเข้าข่ายหน้าสนใจเพื่อเอามาคัดเลือกเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะโดยจะเรียกชื่อเล่นตา่มป้ายชื่้อที่แขวนคอ(ไม่รู้ว่าบรรดารุ่นพี่พวกนี้แอบมาเป็นแมวมองตั้งแต่เมื่อไหร่)
"น้องๆที่ถูกเรียกอย่าเพิ่งรีบกลับนะครับ อยู่รอพบพวกพี่ก่อน"เสียงของรุ่นพี่ผู้ชายที่เป็นตัวแทนชมรมพูดขึ้นมา
ผมจ้องมองรุ่นพี่เจ้าของเสียงอย่างไม่กระพริบตาพี่เขาจัดได้ว่าเป็นคนที่หน้าตาดีมากคนหนึ่ง หน้าตาหล่อแบบไทยแท้ ตาโต คิ้วดกหนา(ไม่รู้ว่าส่วนอื่นจะดกหนาหรือเปล่านะ?) จมูกโด่งรับกับริมฝีปากอมชมพูรูปกระจับผิวสีน้ำผึ้ง สูงโปร่ง(ประมาณ 180 up)
"พี่คนนี้ไง ที่เป็นเดือนคณะปีที่แล้ว รู้สึกว่าเขาจะชื่อ ต่อหล่อจังเลยแก" ยัยมิ้นท์ เพื่อนเมเจอร์(สาขาวิชา)เดียวกัน หันมากระซิบผม
ผมนั่งมองหน้าพี่ต่อ อย่างไม่วางตาโดยไม่ค่อยสนใจฟังประกาศรายชื่อเท่าไหร่เนื่องจากคิดว่าหน้าตาตัวเองไม่ได้มีคุณสมบัติหรือจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจพอที่จะได้รับการเสนอชื่อ
"น้องหลินจื้ออิง เมเจอร์....... " ชื่อตรูนี่หว่าติดโผกับเขาด้วยนิ ผมรำพึงรำพันกับตัวเองเบาๆ
ผมและบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นที่ถูกขานชื่อต่างก็อยู่รอพบพวกรุ่นพี่ชมเชียร์เพื่อรอคัดตัวเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะจริงๆแล้วผมไม่ได้อยากจะเป็นเชียร์ลีดเดอร์หรอก แต่มีจุดประสงค์หลักแอบแฝงอยู่นั่นคือ อยากจะรู้จักพี่ต่อ
หลังจากที่ประธานชมรมเชียร์ซึ่งเป็นรุ่นพี่ผู้หญิงกล่าวอธิบายพร้อมทั้งให้บรรดาสมาชิกและเชียร์ลีดเดอร์คณะปีที่แล้ว สาธิตท่าเบื้องต้นของเชียร์ลีดเดอร์เพื่อให้บรรดาน้องใหม่ฝึกทำตาม
ผมทำท่าพวกไปอย่างเก้ๆกังๆ มือไม้ของผมไม่สามัคคีกันเลยเทียบกับคนอื่นแล้ว พวกนั้นมือไม้สบัดพลิ้วไหวแกว่งไกวสวยงามมากกว่าผมเยอะแล้วสิ่งที่ผมรอคอยก็ได้มาถึง พี่ต่อเดินเข้ามาหาผม
"มือไม้ยังแข็งอยู่นะเรา" พี่ต่อพูดขึ้น พร้อมกับจัดมือผมโบกไปมา
"หน้าตานายเหมือนหลินจื้ออิงจริงๆด้วยแต่ยังตี๋ไม่เท่าหลินจื้ออิงตัวจริง แล้วชื่อจริงๆของนายชื่ออะไร?" พี่ต่อก้มดูป้ายชื่อของผมอย่าขำๆ
"กันตพล ครับ" ผมตอบอย่างเขินๆ
"หมายถึงชื่อเล่น ล่อชื่อจริงเต็มยศเลย" พี่ต่อหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
เวลาที่พี่ต่อหัวเราะ ช่างดูมีเสน่ห์ยิ่งนักโดยเฉพาะดวงตากลมโตที่สวยงามและดูทะเล้นนิดๆ
"ชื่อ กันต์ ครับ"
"กันต์ เป็นภาษาอังกฤษที่แปลว่า ปีน ใช่ไหม?" ว่าแล้วพี่ต่อก็ลากมือทั้งสองผ่านสะดือ แล้ววกมาออกตรงบริเวณสะเอวของผมเพื่อจัดจังหวะในท่าเชียร์ลีดเดอร์
ผมรู้สึกเสียววาบๆอย่างบอกไม่ถูกทันใดนั้นตรงบริเวณเป้ากางเกงของผมก็เริ่มตุงขึ้นมา เนื่องจากยังรู้สึกเสียวไม่หายผมไม่ทันได้ระวังตัวซักเท่าไหร่ มารู้ตัวอีกทีก็อายจนแทบช็อกพี่ต่อมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเป้ากางเกงของผมเมื่อไหร่ก็ไม่รู้(มาทราบภายหลังว่า พี่เขาคุกเข่านั่งเพื่อจะดูว่าผมยืนตัวตรงมากน้อยแค่ไหนในขณะที่มือไม้พลิ้วไหวแกว่งไกว ลำตัวนิ่งมีความสง่างามไหม)อะไรมันจะบังเอิญได้จังหวะขนาดนั้น
"ปืนอย่างนายคงจะอัดลูกกระสุนไว้เต็มพิกัดพร้อมยิงเลยนะว่าแต่นายเป็นปืนอะไร?" พี่ต่อพูดยิ้มๆอย่ามีเลศนัยพร้อมกับจ้องดูเป้ากางเกงของผมที่นูนออกมาผิดปรกติ
ผมไม่พูดจาอะไร ผมอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนยิ่งอายปืนใหญ่ของผมก็ยิ่งชูชันไม่ยอมลดขนาดเสียทีนี่แค่ขนาดโดนพี่ต่อลากมือผ่านบริเวณหน้าอกสะดือและรอบเอว ยังโ่ด่ซะขนาดนี้ถ้าโดนมากกว่านี้มันจะขนาดไหนนี่ แค่คิดก็เสียวโว๊ย....
พี่ต่อคงรู้ว่าผมอาย เลยเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นเรื่องอื่นแทนระหว่างพักเพื่อรอการคัดตัว ผมได้คิวเกือบสุดท้าย ผมกับพี่ต่อคุยกันอย่างออกรสพี่ต่อเป็นคนคุยสนุก คุยได้ทุกเรื่อง ผมยังคุยกับพี่ต่อจนกระทั่งถึงคิวของผมที่จะต้องไปแสดงท่าเชียร์ลีดเดอร์ต่อหน้าทุกคนพอประกาศผลว่าใครบ้างที่ได้รับการคัดเลือกเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะปรากฏว่าผมไม่ได้รับการคัดเลือก (แอบดีใจนิดๆ เพราะไม่มีความอยากเป็นเลยแม้แต่น้อยขี้เกียจแบ่งเวลามาซ้อม)
ผมเดินมาเอารถมอเตอร์ไซด์ที่จอดไว้ตรงลานจอดรถใกล้กับอ่างเก็บน้ำของมหาลัยผมสตาร์ทรถอย่างหัวเสียอยู่เป็นเวลาพอสมควร
"ทำไมถึงสตาร์ทไม่ติดว่ะ เป็นอะไรอีกละมึงตอนเช้าก็เติมน้ำมันให้ซะเต็มถังแล้ว จะเอาอะไรอีก"ผมบ่นกับรถมอเตอร์ไซด์อย่างหัวเสีย
จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจเดินจูงมอเตอร์ไซด์จากลานจอดรถ กลับไปยังหอพักโชคดีที่ผมอยู่หอพักชายในมหาลัย ซึ่งอยู่ไม่ค่อยไกลเท่าไหร่
ผมเดินจูงมอเตอร์ไซด์ไปได้ซัก10 เมตรก็ได้ยินเสียงปีบแตรจากรถมอเตอร์ไซด์ที่กำลังวิ่งมาข้างหลัง ผมหยุดหันไปมองมอเตอร์ไซด์คันนั้นก็เข้าจอดตรงข้างทางใกล้กับผมอะไรมันจะบังเอิญแบบจงใจเหมือนฉากในหนังตอนที่นางเอกรถเสียแล้วพระเอกมาช่วยไว้ทัน
"รถเป็นอะไร?" พี่ต่อถามผม
"ไม่รู้พี่ สตาร์ทกี่รอบไม่ยอมติด สงสัยหัวเทียนบอดแน่ๆ"
พี่ต่อช่วยสตาร์ทให้ผมไม่กี่ทีก็ยกธงขาว พี่ต่อเลยเสนอความคิดว่าให้ผมเอารถไปจอดไว้ที่โรงรถในหอพักของผมก่อน แล้วพี่เขาจะพาช่วยผมเอารถมอเตอร์ไซด์ไปส่งร้านซ่อมในวันรุ่งขึ้นเพราะเวลานี้ก็ตกเย็นมากแล้ว ร้านซ่อมรถคงจะปิดกันหมด
พี่ต่อชวนผมไปทานข้าวเป็นเพื่อน(มีเหรอที่ผมจะไม่รับปาก)พี่ต่อบ่นหิวข้าวมาก ไม่ใช่แต่พี่เขาเท่านั้นที่หิว ผมก็หิวด้วย
ผมนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์พี่ต่อไปที่ถนนหลังมอ โดยบริเวณสองฝากถนนดังกล่าวมีร้านขายของกินจำพวกอาหารตามสั่ง (ซึ่งเปิดขายตลอดทั้งคืน) ขนม ผลไม้ร้านเช่าหนังสือ เช่าการ์ตูน ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายของชำและกิจการร้านค้าๆมากมาย
พี่ต่อพาผมมานั่งกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งแห่งหนึ่งเราทั้งสองสั่งอาหารได้ไม่กี่นาที อาหารก็มาเสิร์ฟตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
"โอ้โห กินเผ็ดขนาดนี้เลยเหรอ? เขาว่าคนที่ชอบกินเผ็ดจะเซ็กส์จัดนะ"พี่ต่อเห็นผมตักพริกป่นในพวงเครื่องปรุงโรยใส่บนหน้าข้าวผัดน้ำพริกเผาอย่างไม่ยั้งมือ
"ผมชอบกินรสจัด ส่วนเรื่องเซ็กส์จัดนั้น ผมไม่รู้เพราะยังไม่เคยเซ็กส์กับใครมาก่อน"ผมตอบพี่ต่ออย่างซื่อๆ(ความจริงแกล้งทำซื่อมากกว่า เพราะอยากจะหยั่งเชิงดู)
"จริงเหรอ? ไม่บอกไม่รู้นะว่านายยังบริสุทธิ์อยู่ แต่ก็อาจจะจริง หน้านายดูเด็กมาก ยังกะเด็กม.ต้นนายอายุเท่าไหร่แล้ว?) พี่ต่อมองหน้าผมอย่างยิ้มๆมีเสศนัย
"อายุ 16 ครับหน้าตาอย่างผมจะมีใครเขาเอา? ถ้าหล่ออย่างพี่ก็ว่าไปอย่าง"ผมพูดอย่างตรงไปตรงมา
"16เองเหรอ!!! นายสอบเทียบมาละซิ เก่งนะ ตัวแค่นี้สามารถสอบเอ็นฯติดเฮ้ย....! หน้าอย่างนายนี่นะไม่หล่อ ยิ่งเหมือนหลินจื้ออิงด้วยแล้วอย่าว่าแต่ยังไม่มีแฟนเลย ถ้าบอกว่ามีแฟนแค่คนเดียว พี่ก็ยังไม่เชื่อ"
เล่นแซวกันอย่างไม่บันยะบันยังเลยนะ คุณพี่ต่อมือไม้ของผมสั่นไปหมดแล้ว ดูซิจับช้อนเข้าปากยังไม่ตรงจุดเลย
"เออ แล้วคืนนี้นายจะทำอะไร?" พี่ต่อถามขึ้นมา
"ยังไม่รู้เลยพี่ อาจจะดูทีวีแล้วก็เข้านอน"
"เห็นตอนที่คัดเชียร์ลีดเดอร์ นายบอกว่าติดละครเรื่อง ดาวพระศุกร์ไม่ใช่เหรอ? พี่ก็ติดนะแบบว่าทุกคืนวันศุกร์ยันอาทิตย์แทบจะไม่ออกไปไหนพรุ่งนี้และวันอาทิตย์นายยังไม่มีอะไรทำใช่ปล่าว?"พี่ต่อเริ่มเปิดทางถามคำถามที่ผมตั้งตารอ
"ครับ" ผมตอบสั้นๆ
"อย่างนั้นก็ดีแล้ว คืนนี้นายไปดูดาวพระศุกร์ที่บ้านพี่และไปนอนค้างที่นั่นเลย พรุ่งนี้พี่จะมาส่งที่หอ หลังจากดูดาวพระศุกร์แล้วจะได้ดูเรื่องมังกรหยก พี่มีวีดีโอเรื่องนี้ด้วยนายก็ชอบดูเรื่องนี้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?"
แล้วแจ๊คพ็อตก็แตกจนได้นะ นี่เป็นประโยคที่ผมอยากได้ยินมากที่สุดในตอนนี้คุณพี่เล่นเปิดทางให้ซะขนาดนี้เลย ทางสะดวกเกินคาดจริงๆคืนนี้แล้วซินะที่ผมจะได้เสียความบริสุทธิ์ให้กับคนที่ถูกใจ
"ไปตอนนี้เลยหรือพี่? ไปมันทั้งชุดนักศึกษานี่นะ? ผมยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนก็อยู่ที่หอ น้ำก็ยังไม่ได้อาบไหนจะแปรงสีฟันและยาสีฟันอีก"ผมพูดไว้เชิงเพื่อไม่ให้ดูว่าตัวเอง "อยาก" จนเกินไป
"เออ เสื้อผ้านายใช้ของพี่ก็ได้ น้ำก็ไปอาบที่บ้านพี่ส่วนแปรงสีฟันนั้น ที่บ้านพอจะมีอันใหม่สำรองอยู่ 1อัน"
สวรรค์เลยตรู ผมทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะตอบตกลงความจริงอยากจะตกลงตั้งแต่คุณพี่ต่อยังพูดไม่จบดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องไปนั่งดูทีวีในห้องนั่งเล่นของหอพักซึ่งเป็นห้องแคบๆจุคนได้ไม่ถึง30 คนอีกอย่างทีวีก็เป็นจอ14 นิ้วเล็กนิดเดียว ช่วงนั้นละครเรื่อง "ดาวพระศุกร์" เวอร์ชั่นศรราม-สุวนันท์กำลังดัง ยิ่งวันไหนที่ละครเรื่องนี้ออกอากาศ แทบจะเรียกได้ว่าทั้งหอพักเงียบสนิททุกคนจะมาดูทีวีที่ห้องนั่นเล่นของหอจนเต็มล้นออกมาข้างนอกถึงขนาดต้องเขย่งดูเลยทีเดียว ส่วนผลพลอยได้ก็คือ"อยากจะให้พี่ต่อเปิดซิงผม"
บ้านของพี่ต่ออยู่ในซอยหลังมหาลัย เป็นบ้านแบบทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น 2 ห้องนอน(ห้องหนึ่งเป็นห้องนอนของพี่ต่อส่วนอีกห้องใช้เป็นห้องเก็บเสื้อผ้า ทำงาน-อ่านหนังสือ และเก็บของต่างๆไปในตัว) 2 ห้องน้ำ
พี่ต่อเล่าให้ฟังว่าทางบ้านซื้อบ้านหลังนี้เป็นของขวัญที่พี่ต่อสอบเอ็นทร้านซ์เข้ามหาลัยได้(พี่ต่อเป็นคนกรุงเทพและจบจากโรงเรียนชายล้วนที่มีชื่อเสียง)
หลังจากที่ดูทีวีเสร็จเรียบร้อยแล้ว พี่ต่อก็พาผมไปนอนโดยนอนห้องเดียวเตียงเดียวกับพี่ต่อ เตียงของพี่ต่อเป็นเตียงนอนกว้าง
"นายนอนกรนไหม?" พี่ต่อถามผม
"เป็นบางครั้งครับ? แล้วพี่ต่อ?"
"เหมือนกันว่ะ แต่พี่เป็นคนนอนดิ้นถ้านอนดิ้นไปทับนายก็อย่าถือสาอะไรนะ"
พูดเปิดทางเลยนะ คุณพี่
ผมพยายามข่มตาหลับ แต่มันก็ยังไม่หลับอยู่ ผิดกับพี่ต่อที่นอนนิ่งมากซักพักทั้งมือและขาของพี่ต่อเริ่มมาก่ายบริเวณตัวผมเวลานี้ตัวของผมเริ่มสั่นระรัวทันที
ผมมองหน้าพี่ต่อที่กำลังนอนหลับอยู่ผมแอบใช้มือลูบไล้บริเวณไหล่ของพี่ต่ออย่างเบาๆเพราะกลัวพี่ต่อตื่น
เหมือนพี่ต่อจะรู้พี่ต่อเริ่มใ้ช้มือที่ก่ายอยู่บนตัวผมกอดรัดผมเข้าหาตัวของพี่แกลมหายใจอ่อนจากจมูกของพี่ต่อ รดลงบนแก้มของผมเบาๆพร้อมกันนั้นพี่ต่อก็ใช้บริเวณหัวเข่าสัมผัสกับแท่งตอปิโดของผมจนมันเริ่มพองตัวขยายตัวออกทีละนิดๆ ส่วนผมเองก็ลองใช้นิ้วมือเลื่อนลงไปบนเสื้อของพี่ต่อตรงตำแหน่งหัวนมผมใช้นิ้วมือละแลงเบาๆเป็นวงกลมบนตำแหน่งหัวนม
"เห็นตัวแค่นี้ ใหญ่เหมือนกันนะเรา" พี่ต่อกระซิบบอกผมและพี่แกไม่รอช้า รีบสอดมือลงไปในกางเกงของผมทันที
มือของพี่ต่อค่อยๆเข้าไปอยู่ในขอบกางเกงในกางเกงของผมอย่างช้าๆนิ้วมือของแกจับและลูบไล้กับขนเพชรของผมอย่างทะนุถนอมจากนั้นมือของแกก็รวบจับแท่งตอปิดโดของผม พร้อมกับสาวขึ้นๆลงเป็นจังหวะ
ผมครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน พร้อมกับใช้มือถอดเสื้อของพี่ต่อออกผิวของพี่ต่อเนียนลื่นมาก หุ่นก็ดี หัีวนมก็ตั้งชูชันนิดๆ ผมค่อยๆใช้ลิ้นเลียที่บริเวณหัวนมของพี่ต่อ
มือข้างหนึ่งของพี่ต่อรูดแท่งตอปิโดของผมอย่างสนุกสนานส่วนอีกข้างก็ใช้กดหัวผมแนบกับหัวนมของพี่แก
ซักพักผมเริ่มใช้มือดึงกางเกงนอนและกางเกงในของพี่ต่อลงไปพร้อมๆกันและใช้มือของผมลูบไล้ลงไปในส่วนใต้สะดือของพี่แก ก่อนที่จะสัมผัสทักทายกับแท่งอ้อยที่ยาวแข็งชูชันนั้นมือของผมได้ลากผ่านป่าดงดิบอเมซอนอันดกดำของพี่ต่อ (คนอะไรหมอยขึ้นดกหนามาก)
พี่ต่อเปลี่ยนท่ามานอนทับลงบนตัวผมโดยใช้ริมฝีปากรูปกระจับอันสวยงามจูบลงบนริมฝีปากของผมเราทั้งสองแลกลิ้นกันอยู่พักหนึ่ง แล้วพี่ต่อก็เลื่อนปากลงมาไซร้ตรงซอกคอผมผมรู้สึกจั๊กจี้ปนเสียวนิดๆ จากนั้นก็เลื่อนลงมาดูดบริเวณหัวนมของผมโดยมือของแกก็ยังรูดแท่งตอปิโดของผมอย่างเป็นจังหวะ
ก่อนที่พี่ต่อจะจัดการเขมือบแท่งตอปิโดของผมพี่แกใช้ปลายจมูกลูบไล้ตรงพวงสวรรค์ของผมอย่างเมามันส์ แล้วพี่ต่อก็ใช้ปลายลิ้นเลียตรงตอปิโดของผมบริเวณเส้นเสียวใต้รอยหัวหยักจากนั้นก็ค่อยตวัดปลายลิ้นไปรอบๆหัวตอปิโดของผม เมื่อผมร้องครวญครางมากขึ้นพี่ต่อรีบอ้าปากครอบตอปิโดของผมจนมิดลำพร้อมกับรูดขึ้นๆลงโดยใช้ริมฝีปากอย่างชำนาญ
ผมทนความเสียวไม่ไหวเลยเผลอตัวปล่อยน้ำอสุจิพุ่งเข้าไปในปากของพี่ต่ออย่างเต็มลูกสูบจนทะลักออกมาจากปากพี่ต่อดูดกลืนอย่างไม่รังเกียจ แล้วใช้ลิ้นเลียรอบหัวตอปิโดของผม
ผมใช้มือผลักพี่ต่อลงนอนที่เตียงพร้อมกับใช้ปากดูดขยี้หัวนมของพี่แกอย่างเมามันโดยมือข้างหนึ่งของผมก็รูดแท่งอ้อยของพี่แกขึ้นลง เมื่อดูดหัวนมเสร็จแล้วผมก็เปลี่ยนเป้าหมายมาลิ้มรสสัมผัสกับลูกเงาะทั้งสองพี่ต่อ (คนอะไรเซ็กส์ซี่จริงๆขนาดที่พวงสวรรค์ยังมีขนขึ้นดกหนา) ผมตวัดลิ้นไปรอบๆลูกเงาะแต่ละลูกอย่างเบาๆพอเล่นกับลูกเงาะของพี่ต่อจนหนำใจแล้ว ผมก็เลื่อนปากขึ้นมาที่แท่งอ้อยอันโอชาของพี่ต่อดูบ้างหัวถอกๆที่บานเป็นดอกเห็ดยิ้มแย้มรอให้ลิ้นของผมมาสัมผัสผมอ้าปากและอมแท่งอ้อยของพี่ต่อไปเกือบสุดลำ ขนาดของแท่งอ้อยพี่ต่อใหญ่กำลังดีแต่ยาวได้ใจเหลือเกิน ผมใช้แรงดูดแท่งอ้อยของพี่แกไปเต็มลูกสูบ
"โอ๊ย เบาๆหน่อย อย่าใช้ฟันซิ" เสียงร้องของพี่ต่อดังขึ้น
"โทษครับพี่ นี่เป็นครั้งแรกของผม ผมยังไม่เคยดูดมาก่อน"ผมกล่าวขอโทษ
"พยายามใช้ลิ้นนะ ค่อยๆดูด ค่อยๆเลีย อย่ารีบ" พี่ต่อค่อยๆสอนผม
ผมก้มหน้าก้มตาดูดแท่งอ้ออย่างออกรสชาติย
"เออ.. ดี.. ดีมาก อย่างนั้นแหละ นายดูดเก่งมาก โคตรเสียวเลย"เสียงพี่ต่อครางออกมา
พี่ต่อดึงตัวผมขึ้นมา พร้อมกับกระซิบเบาๆที่หูของผมว่า
"นายอยากจะลองเอาตูดพี่ดูไหม? เสียวกว่านี้เยอะมาก"
"ครับผม ผมอยากจะเอาพี่มาก"
พี่ต่อลุกขึ้นไปหยิบวาสลีนที่ในห้องน้ำพี่ต่อเปิดขวดวาสลีนพร้อมกับละแลงลงบนบริเวณประตูหลังของตัวเองจากนั้นก็บีบขวดวาสลีนใส่มืออีกรอบ และเอามาทาที่แท่งตอปิโดของผมตั้งแต่หัวยันโคน
พี่ต่อลุกขึ้นนั่งโก่งโค้งหันหลังให้ผมและสั่งผมให้ค่อยๆใส่แท่งตอปิโดของผมเข้าไปในประตูหลังของพี่แกผมรู้สึกเสียวซาบซ่านจากแรงดูดจากกล้ามเนื้อผนังประตูหลังของพี่แกพอเสียบจนมิดด้าม ผมกระเด้าซอยถี่ยิบอย่างไม่ยั้ง
"เบาๆหน่อยซิ พี่เจ็บ" เสียงพี่ต่อบอกผมจากนั้นพี่แกก็ครวญครางออกมาอย่างไม่เป็นภาษา
ประตูถ้ำของพี่่ต่อตอดเจ้าตอปิโดของผมแน่ดีแท้ทำให้ผมรู้สึกเสียวเสียวไปทั่ว โดยเฉพาะบริเวณหัวกระดอและท้องน้อย
เสียงหน้าท้องของผมตบประสานกับตูดเนียนๆของพี่ต่อเป็นเสียงดัง"ป๊าบๆๆๆๆ........." ฟังแล้วยิ่งได้อารมณ์กำหนัดเพิ่มขึ้นมากมายขึ้นนักซักพักน้ำสีขาวข้นของผมก็แตกทะลักใส่ในถ้ำทองของพี่ต่อผมร้องเสียงหลงด้วยความเสียว
หลังจากผมถอนเจ้าแท่งตอปิโดออกจากถ้ำทองของพี่ต่อแล้วภาระกิจต่อไปของผมคือ ช่วยให้พี่ต่อถึงจุดสุดยอด
พี่ต่อลงจากเตียง ไปยืนอยู่ข้างขอบเตียง ผมตามลงไปนั่งคุกเข่าต่อหน้าโดยตำแหน่งแท่งอ้อยของพี่ต่อจ่ออยู่ตรงหน้าปากของผม
ผมใช้ปากรูดแท่งอ้อยของพี่ต่อขึ้นๆลงอย่างรวดเร็ว พี่ต่อครางเบาๆและใช้มือกดศรีษะของผมแนบกับหัวหน่าวของพี่แก พร้อมกับกระเด้าแท่งอ้อยเข้าๆออกๆปากผมอย่างถี่รัวผมแทบจะสำลักลำแท่งอ้อยของพี่แก
พี่ต่อจิกเส้นผมของผมอย่างแน่น 3-4 วินาทีถัดมาพี่แกก็ร้องเสียงหลงออกมา น้ำเมือกสีขาวขุ่นฉีดกระจายเข้าไปในปากผมอย่างล้นทำนบผมกลืนน้ำพิศวาสเข้าไปอย่างเต็มใจ รสชาติของมันเฟื่อนๆขาวๆเค็มๆหนืดๆลื่นๆอย่างบอกไม่ถูก
เปิดบริสุทธิ์ครั้งแรกของผมเป็นการเปิดบริสุทธิ์ที่สุดแสนจะเสียวและประทับใจมากตั้งแต่นั้นมาผมกับพี่ต่อก็กลายเป็นคู่ขาประจำแบบว่าุถ้าว่างตรงกันเมื่อไหร่เป็นอันได้ฟาดฟันกันจนเป้าเปียกทุกครั้งผมได้เรียนรู้กลเม็ดเด็ดสุดในการประลองยุทธบนเตียงจากพี่ต่อเยอะมากตอนเย็นวันพฤหัสบดี
“กันต์ ห้อง 325 รับโทรศัพท์ด้วยครับ” เสียงลำโพงบริเวณทางเดินภายในหอพักดังขึ้น
“ใครโทรมาตอนนี้? คงไม่ใช่ที่บ้านแน่ๆเพราะเพิ่งจะโทรกลับไปเมื่อบ่ายนี้เอง” ผมบ่นพึมพำกับตัวเองในระหว่างที่รีบวิ่งลงไปรับโทรศัพท์ที่ตรงเค้าท์เตอร์ด้านล่างของหอพัก
“ฮัลโหล... กันต์พูดครับ ไม่ทราบว่าเป็นสายจากใคร?” ผมพูดทักทายทางโทรศัพท์
“กันต์เหรอ... พี่ต่อเอง ช่วงวันหยุดยาวนี้ กลับบ้านไหม?” พี่ต่อถามขึ้นมา
“ไม่กลับครับ ผมเพิ่งกลับไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี้เอง” ผมตอบไป
“วันพรุ่งนี้จนถึงวันจันทร์ว่างไหม?”พี่ต่อยิงคำถาม
“ว่างครับ มีอะไรหรือพี่?” ผมถามด้วยความสงสัย
“ดีแล้วพี่จะได้ไม่เหงา พรุ่งนี้มีเรียนไหม? เลิกเรียนกี่โมง?”พี่ต่อถามแบบคลุมเคลือ และย้อนถามผมอีก
“พรุ่งนี้ผมมีเรียนแค่ตอนเช้าตัวเดียว เรียน 8 โมง เลิก 9 โมง”
“ดีมากไอ้น้อง พรุ่งนี้พอเลิกเรียนแล้ว ไม่ต้องไปไหนนะมาหาพี่ที่บ้านด่วนเลย” พี่ต่อสั่งกำชับผม
“ได้เลยพี่ ว่าแต่มีอะไรเหรอครับ?” ผมถามอย่างสงสัย
“เออ... น่า... เดี๋ยวก็รู้เอง อย่าลืมนะเลิกเรียนแล้วมาที่บ้านพี่ทันที ตรงเวลาด้วย แค่นี้ก่อน เจอกันพรุ่งนี้เช้า” พอพูดจบ พี่ต่อก็รีบวางสายทันที
ผมงงเล็กน้อย มันอะไรกันนี่? พี่เขามาไม้ไหน? จะว่าพี่เขาเงี่ยนก็ไม่น่าจะใช่ถ้าเงี่ยนมากคงไม่ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้หรอกเย็นนี้ผมก็พร้อมยินดีให้บริการอัดถั่วดำที่ถ้ำทองของพี่เขาอย่างเต็มลูกสูบเวลานี้ผมรู้สึกเงี่ยนมากถึงมากที่สุด ไม่ได้เข้าไปสำรวจในถ้ำทองของพี่ต่อหลายอาทิตย์แล้วเพราะเป็นช่วงของการสอบระหว่างภาค ต่างคนต่างก็ไม่ว่างด้วยกันทั้งคู่ต้องอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ อีกทั้งพี่ต่อยังต้องทำกิจกรรมควบคุมการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์อีกด้วย
หลังจากสอบเสร็จ ผมก็ค่อยได้หายใจหายคอกับเขาได้บ้าง หลายคนอาจจะสงสัยว่านี่ก็ปาเข้าไปตั้งกลางเทอมแล้ว ทำไมผมถึงได้กินหนุ่มหล่อแค่คนเดียวคือ พี่ต่อทั้งๆที่ในมหาลัยนั้น มีหนุ่มหล่อๆอยู่เต็มหลายคันรถบรรทุกสิบล้อไม่น่าจะอัตคัตขัดสนถึงเพียงนั้น
คำตอบ.... ขอไล่มาเป็นข้อๆนะครับ เพราะว่ายาวมาก
เริ่มจากข้อ...... 1. รูมเมทของผมทั้ง2 คน ( หอพักในมหาลัย 1 ห้อง จะอยู่ด้วยกัน 3 คน) เป็นรุ่นพี่ปี4ปี5 หน้าตาโหดๆเถื่อนๆผมยาวๆ เซอร์ๆ ซกมกๆ(ข้อนี้เยอะหน่อย) แค่เห็นหน้าก็ไม่รู้สึกมีอารมณ์อื่นใดเลยนอกจากอารมณ์หวาดกลัว ไม่ต้องบอกคณะ คงจะทายถูกกันนะครับว่าพวกพี่เขาอยู่คณะอะไร? ถ้ายังไม่รู้ ผมจะใบ้ให้อีกนิดคณะเกี่ยวกับการวาดๆเขียนๆ แต่พวกพี่เขานิสัยดีมากดูตรงข้ามกับรูปลักษณ์ภายนอกอย่างสิ้นเชิง
ส่วนใหญ่แล้ว นักศึกษาปี 1 ทางหอพักจะจัดให้อยู่ห้องเดียวกันหมดจะไม่แยกหรือคละปนกับรุ่นพี่ปีอื่นๆ เผอิญว่าวันที่ลงชื่อจองห้องพัก ผมไม่ได้มาพอมาขอลงชื่อทีหลังตอนใกล้เปิดเทอม ปรากฏว่า เหลือห้องว่างเพียงที่เดียว คือห้องที่ผมพักอยู่
2. เพื่อนๆหรือคนรู้จักในหอพักของผมส่วนมากหน้าตาไม่สามารถปลุกอารมณ์ทางเพศได้เลย(ไม่รู้ทำไมถึงไม่ได้มีโอกาสรู้จักกับคนหล่อๆน่ารักๆกับเขาบ้างนะ)
3. คณะที่ผมเรียนอยู่ ไม่ค่อยมีผู้ชายแท้ๆ ซักเท่าไหร่ พวกออกสาวเยอะมากๆส่วนเกย์เก็กแมนที่ไม่ออกก็มีเยอะ สำหรับพวกเกย์ที่หล่อๆหน้าตาดีๆก็ถูกรุมจิกรุมทึ้งซะส่วนใหญ่ ผมไม่อยากจะไปทำศึกสงคราม แย่งชิงกับใครยังดีที่ได้ชิ้นปลามันอย่าง พี่ต่อ แม้ว่าปริมาณจะน้อย แต่คุณภาพคับตูดสุดๆ
4. สาขาวิชาของผมนั้น มีผู้หญิง 30 กว่าคนมีผู้ชายแค่ 3 คนเป็นชายแท้แค่คนเดียว ที่เหลือก็แอบจิตเก็กแมน และออกสาวอย่างเป็นทางการ
5. ในห้องเรียนที่จะต้องเรียนรวมกับนักศึกษาหลากหลายคณะและหลากหลายชั้นปีนั้นผมก็มักจะได้เพื่อนร่วมห้องเรียนที่เป็นผู้หญิงซะเกือบยกชั้นหรือไม่ก็คู่รักที่ควงคู่ลงทะเบียนเรียนพร้อมกัน หรือไม่ก็แก็งค์สาว Rose paper (ใครที่เรียนอยู่ในช่วงเวลานั้นไม่มีใครที่ไม่รู้จักกิตติศัพท์ชื่อเสียงเรียงนามของแก็งค์นี้ออกจะดังไปทั่วมหาลัย) ลงทะเบียนเรียนยกแก็งค์
6. คณะที่เป็นศูนย์รวมของคนหล่อ ที่ติดอันดับต้นๆ มีอยู่ 2 คณะ คือ วิศวกรรมศาสตร์ และบริหารธุรกิจซึ่งผมเองไม่มีโอกาสได้ไปข้องเกี่ยวข้องแวะอะไรกับคณะพวกนี้เลย(หมายถึงเข้าไปทำธุระ หรือลงทะเบียนเรียนวิชาเลือกเสรีต่างๆของคณะพวกนี้)ทั้งๆที่อยากจะข้องแวะด้วยใจจะขาด
เซ็งเป็ดจริงๆเลยตรู แล้วจะไปหาคนหล่อๆน่ารักๆ กินได้ที่ไหน?? เพราะแบบนี้ผมเลยต้องผูกปิ่นโตเป็นขาประจำของพี่ต่อ
...
หลังจากเลิกเรียน ผมก็เบิ่งมอเตอร์ไซด์มาที่บ้านพี่ต่อทันทีผมฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี เพราะวันนี้จะได้ปลดปล่อยอารมณ์กำหนัดเสียทีหลังจากที่ใช้บริการของน้องโป้ง ชี้ กลาง นาง ก้อย แก้ขัดมาหลายสัปดาห์
เมื่อขี่มอเตอร์ไซด์มาถึงหน้าบ้านพี่ต่อ สายตาของผมมองเห็นรถยนต์ BMW สีดำ จอดอยู่ภายในรั้วบ้านใกล้กับรถมอเตอร์ไซด์ของพี่ต่อ ผมเห็นแล้วรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็พยายามไม่สงสัยอะไร(ทั้งที่ใจแอบสงสัยว่า เจ้าของรถจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับพี่ต่อมากเป็นพิเศษ)ผมเปิดประตูรั้วบ้านพร้อมกับจูงมอเตอร์ไซด์เข้าไปอย่างปรกติ(ทุกครั้งที่มาบ้านพี่ต่อ ผมก็ทำแบบนี้อยู่เป็นกิจลักษณะ)
ในขณะที่ผมกำลังจอดมอเตอร์ไซด์ตรงข้างกระถางต้นไม้ติดกับขอบรั้วทันใดนั้น ประตูบ้านก็เปิดออกมา คนที่เปิดประตูบ้านออกมาไม่ใช่พี่ต่อแต่เป็นผู้ชายอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพี่ต่อผู้ชายคนนี้หน้าตาจัดได้ว่าหล่อมากๆ ความหล่อนี่ระดับดารานายแบบเลยก็ว่าได้(หล่อกว่าพี่ต่อนิดหนึ่ง) ผิวขาว ดูสะอาดเกลี้ยงเกลารูปร่างและส่วนสูงประมาณเท่ากับพี่ต่อ
ผมตกใจและตกตะลึงในความหล่อของผู้ชายคนนี้จนทำอะไรทำถูกพอรวบรวมสติได้ผมก็ยกมือไหว้ตามมารยาท
“ไม่ต้องไหว้ก็ได้ พี่ยังไม่แก่ขนาดนั้น ใช่น้องกันต์หรือเปล่า? หน้าเหมือนหลินจื้ออิงจริงๆด้วย” ผู้ชายคนนั้นยิ้ม และพูดกับผมอย่างเป็นกันเอง(แถมรู้จักชื่อผมอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าพี่ต่อแอบไปเม้าท์อะไรเกี่ยวผมให้ผู้ชายคนนี้ฟัง??? )
“ครับผม แต่หน้าผมไม่เหมือนหลินจื้ออิงแน่ๆ พี่ก็ชมเกินไปเดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าเขาจะหัวเราะเยาะผมเอา” ผมก้มหน้าพูดอย่างอายๆผมไม่กล้ามองหน้าหรือสบตาผู้ชายรูปหล่อ (ก็มันเขินจะให้ทำยังไง)
“ไม่ต้องพูดครับก็ได้ อยากพูดอะไรก็พูดมาเลย จะได้เป็นกันเอง พี่ชื่อที เป็นเพื่อนกับไอ้ต่อ เข้ามาข้างในก่อนซิ” ผู้ชายคนนั้นแนะนำตัวเองพร้อมกับเชิญผมเข้าไปนั่งข้างในบ้าน
“พี่ต่ออยู่ไหนครับ?” ผมถามพี่ที
“มันอาบอยู่” พี่ทีตอบผมอย่างสั้นๆ
“มึงอาบน้ำโคตรนานจริงๆ ชักว่าวอยู่หรือเปล่าว่ะ?” พี่ทีตะโกนขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน
ผมนั่งคุยกับพี่ทีอยู่ที่โซฟาห้องรับแขกชั้นล่าง จากที่คุยกันทำให้ผมรู้รายละเอียดส่วนตัวของพี่ทีมากขึ้น
พี่ทีเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของพี่ต่อสมัยเรียนมัธยมพี่ทีอยู่กรุงเทพและเรียนอยู่ในมหาลัยชื่อดังระดับประเทศ อาทิตย์นี้เป็นวันหยุดยาวหรือ long week-end พี่ทีเลยขับรถขึ้นมาเที่ยวและเยี่ยมพี่ต่อที่เชียงใหม่
พี่ต่อเดินมายืนที่ระเบียงตรงบันได ในสภาพนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวผิวเนียนๆเปียกน้ำหมาดๆเห็นแล้วน่าเอาลิ้นเข้าไปสัมผัสมากๆ
“มึงเผาอะไรกูต่อหน้าน้องเขา?” พี่ต่อหันไปถามพี่ที
“เปล่า... มึงก็ร้อนตัวไปได้ ชักว่าวเพิ่งเสร็จหรือไง?” พี่ทีแซวพี่ต่อ
“ไอ้ห่า พูดซะกูเสียหมด กูไม่หื่นเหมือนมึงที่กรุงเทพคงจะตระเวนกินเขาไปทั่ว จนหาใครไม่ได้แล้วซิ หรือว่าเขาไม่เอามึงว่ะ? ถึงได้ถ่อมากินตั้งเชียงใหม่ ทนๆเอาหน่อยอีกประเดี๋ยวสุดที่รักของมึงก็มา คืนนี้ก็อย่าหักโหมให้มากนะโว๊ยเก็บแรงไว้เผื่อคืนต่อไปบ้าง ฟ้าจะได้เหลืองนานๆ”พี่ต่อจิกกัดเพื่อนสนิทอย่างออกรส (ปากจัดเหมือนกันนะพี่)
“อย่าไปฟังไอ้ต่อมันมากนะ พี่ไม่ได้เป็นคนแบบนั้นมันพูดจนพี่กลายเป็นไอ้หื่นไปแล้ว” พี่ทีพูดเชิงแก้ตัวพูดกับผม
“กันต์ขึ้นมาบนนี้หน่อย พี่มีอะไรจะให้ดู” พี่ต่อเรียกผมขึ้นไปชั้นบน
ผมเดินตามพี่ต่อขึ้นไปบนห้อง แต่ก็ยังไม่วายแอบชำเลืองมองพี่ที(ก็คนมันหล่อนี่ จะไม่มองได้อย่างไร)
พอผมเข้ามาในห้องนอน พี่ต่อไม่พูดพร่ำทำเพลงคว้าตัวผมไปกอดพร้อมกับละเลงจูบที่ปากของผมอย่างหิวกระหาย
“คิดถึงนะครับ” พี่ต่อกระซิบบอกผมหลังจากนั้นก็ใช้ปลายจมูกซอนไซร้ไปตรงกกหูผมพร้อมกับลากปลายจมูกยาวลงมาบริเวณต้นคอ จากนั้นก็ใช้ริมฝีปากไซร้บริเวณคอของผมผมรู้สึกเสียวจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว ไม่แค่ขนเท่านั้นที่ลุกเจ้าตอปิโดของผมก็ลุกวาวขึ้นมาด้วย
แขนทั้งสองข้างของผมกอดรัดพี่ต่ออย่างแน่นเราทั้งสองจูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่มทันใดนั้นก็มีเสียงรถมอเตอร์ไซด์เข้ามาจอดในรั้วบ้านของพี่ต่อผมหยุดชะงักกิจกรรมทำเสียวไว้ชั่วครู่ และพยายามชะโงกหน้าไปดูทางหน้าต่างว่าใครมา
“ไม่ต้องไปสนใจอะไรหรอก แฟนไอ้ทีมา”พี่ต่อพูดกับผม พร้อมกับใช้มือหันหน้าของผมเข้ามาชนกับหน้าของพี่เขาแล้วเราทั้งสองก็ดูดปากแลกลิ้นกันต่อไป (ผมแอบคิดอยู่ในใจว่าใครกันนะช่างเป็นผู้โชคดีที่ได้เป็นแฟนของพี่ทีอยากจะเห็นหน้าจังว่าหน้าตาจะหล่อเหลาเหมาะสมกับพี่ทีแค่ไหน)
ตอนนี้ผมเหลือแค่กางเกงในตัวเดียว เพราะพี่ต่อได้จัดการถอดเสื้อและกางเกงของผมลงไปกองกับพื้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วส่วนตัวของพี่ต่อก็ยังคงนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนน้อยจากตอนอาบน้ำเราทั้งสองยืนกอดกันแนบแน่นอยู่ตรงซอกมุมในห้องนอน
“เฮ้ย... สองคนนี่ใจคอจะเอากันตรงนี้เลยเหรอ ไม่อายชาวบ้านชาวช่องบ้างดูซิเล่นเปิดประตูห้องโชว์หนังสดอะหล่างฉ่างแบบนี้ ”เสียงของพี่ทีดังขึ้นมา
ผมกับพี่ต่อต่างหยุดทำกิจกามอย่างกระทันหันผมตกใจและอายมากๆจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ผมไม่ได้อายแค่พี่ทีคนเดียวผมยังอายแฟนของพี่ทีด้วย โดยเฉพาะแฟนของพี่ทีผมรู้สึกอายเป็นพิเศษและไม่กล้าสู้หน้าอีกด้วย ทำไมโลกมันแคบแบบนี้นะ แฟนของพี่ทีคือ พี่บาส เป็นรุ่นพี่สาขาวิชาเดียวกับผม พี่บาสเป็นคนหน้าตาดี หล่อสไตล์ตี๋ๆน่ารัก ผิวขาวใส รูปร่างกระทัดรัดฉบับกระเป๋า ครั้งแรกที่ผมเห็นพี่บาสผมก็แอบๆชอบเหมือนกัน แต่สิ่งที่ทำให้ความสนใจของผมในตัวพี่บาสเลือนหายไป ก็คือผมคิดไปเองว่า พี่บาสเป็นผู้ชายแท้ๆ เพราะที่ผ่านมาพี่บาสพยายามสร้างภาพโดยการจีบพี่ป๋อมแป๋ม ดาวคณะคนสวยจนเป็นที่ล่ำลือกันไปทั่วคณะว่า เป็นคู่รักหวานแหววที่ใครต่อใครเห็นแล้วก็อิจฉาริษยามาก ในที่สุดความจริงทั้งหมดก็ได้มาเปิดเผย ณตรงนี้
พี่บาสพอเห็นผมแสดงบทรักกับพี่ต่อ ก็ทำหน้าตกใจเหมือนกันซึ่งพี่บาสเองก็พยายามหลบหน้าและไม่กล้าสบตากับผมส่วนพี่ต่อก็รู้สึกอายเหมือนกันแต่คงไม่มากเท่ากับผม(พี่ต่อบอกว่าเป็นความสัพเพร่าของตัวเขาเองเพราะเงี่ยนจนลืมปิดประตูห้องหับให้มิดชิด ก่อนจะปฏิบัติภาระกิจ)
“ไอ้ห่า... แม่งจะขึ้นมาก็ไม่ให้ซุ่มให้เสียง มารยาทมีบ้างหรือเปล่ามึง” พี่ต่อพูดกับพี่ทีเชิงว่ากล่าว
“ใครมันจะไปรู้ว่ามึงกับน้องเขากำลังเล่นกิจกามกันอยู่คราวหน้าทำอะไรก็หัดปิดประตูห้องหับให้มันมิดชิดด้วยกูขึ้นมาเพื่อจะมาบอกให้มึงรีบๆหน่อย จะได้ออกเดินทางกัน เดี๋ยวก็ไปถึงเชียงรายค่ำพอดีกูให้เวลา 10 นาทีกูกับไอ้บาสจะไปรอมึงอยู่ที่ชั้นล่างและจับเวลา ถ้ามึงช้ามึงต้องเป็นเจ้ามือเลี้ยงมื้อกลางวันนะโว้ย” พูดจบพี่ทีกับพี่บาสก็ลงไปรอที่ชั้นล่าง
“พี่ลืมบอกกันต์ไปว่า เรากำลังจะไปเที่ยวเชียงรายเป็นความผิดของกันต์ที่หน้าตาดี ทำให้พี่เห็นแล้วเกิดอารมณ์อยาก” พี่ต่อพูดพลางไซร้ที่คอของผม
“พูดเป็นเล่นไปพี่ ทำไมไม่บอกผมก่อน ผมจะได้เตรียมตัวกดเงินมาเผื่อไว้ตอนนี้ผมมีเงินติดกระเป๋ามาไม่ถึงยี่สิบบาทด้วยซ้ำ”ผมรู้ตกใจปนตื่นเต้นเล็กน้อย
“เรื่องเงินไม่ต้องห่วง ไอ้ทีมันเป็นเจ้ามือเองทุกอย่างมันจ่ายให้หมดเสร็จสรรพ วันพรุ่งนี้วันเกิดมัน ส่วนเรื่องของใช้นั้นใช้ของพี่ไปก่อน แปรงสีฟันพี่มีอันใหม่สำรองอยู่ในห้องน้ำ รีบแต่งตัวซะเดี๋ยวลงไปช้าจะโดนมันกัดอีก” พี่ต่อรีบยื่นเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ให้ผม
ในระหว่างเดินทาง พี่ทีเป็นคนขับรถ พี่บาสเป็นตุ๊กตาหน้ารถนั่งข้างๆพี่ทีส่วนผมกับพี่ต่อนั่งเบาะหลัง
ผมยังแปลกใจอยู่ว่า พี่ทีกับพี่บาสมีโอกาสเจอกันตอนไหน? แล้วปิ๊งกันได้อย่างไร? (ตอนหลังเพิ่งทราบมาว่าปีที่แล้วตอนพี่ต่อเพิ่งเข้ามาเป็นนักศึกษาปี1พี่ต่อกับพี่บาสเป็นเพื่อนกัน หลังจากนั้นพี่ทีก็ได้ขึ้นมาเยี่ยมพี่ต่อที่เชียงใหม่ เลยได้มีโอกาสรู้จักกับพี่บาสพอเจอกันครั้งก็เกิดปรากฏการณ์ love at thefirst slight ทันที)
ผมนั่งเบาะหลังตรงข้ามกับพี่ทีซึ่งเป็นคนขับ ผมมองไปในกระจกรถตรงคนขับสายตาของผมก็ประสานกับสายตาของพี่ทีเข้าอย่างจัง ชนิดที่ว่าเหมาะเจาะพอดิบพอดีพี่ทีมองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์นิดๆ ผมรู้สึกเขินมากแต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจอะไรเพื่อข่มขวัญคู่ต่อสู้และสงบสติอารมณ์ของตัวเองไปในตัวด้วย (แบบว่าใช้ความสงบสยบความแรด)
เมื่อถึงแม่ขะจาน พี่ทีก็ขับรถเข้าไปจอดที่ปั๊มน้ำมันเพื่อเติมน้ำมันและให้ทุกคนไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยผมเดินเข้าไปล้างมือที่ห้องน้ำ ในขณะที่กำลังฟอกสบู่ล้างมืออยู่นั้นก็มีคนมาสะกิดตรงหัวไหล่ของผม ผมรีบหันไปดูปรากฏว่าเป็นพี่บาส
หน้าตาของพี่บาสดูซีเรียสนิดๆ ผมถามพี่บาสว่า “นึกว่าใคร ทำเอาผมตกใจ พี่บาสมีอะไรเหรอครับ?”
“พี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อย”
“ได้เลยครับพี่ ว่าแต่คุยเรื่องอะไร?”ผมถามด้วยความสงสัย
“กันต์รู้เรื่องระหว่างพี่กับพี่ทีแล้วใช่ไหม?” พี่บาสถามผมอย่างตรงไปตรงมา
“ครับผม.... แต่พี่บาสไม่ต้องห่วงและไม่ต้องกลัวว่าผมจะเอาไปพูดที่ไหนและผมก็หวังว่าพี่บาสคงจะไม่บอกเรื่องของผมกับใครๆนะครับ ถ้าพี่บาสไม่พูดผมก็ไม่พูดเหมือนกัน” ผมพอจะเดาออกว่าเรื่องที่พี่บาสอยากจะพูดกับผมคือเรื่องอะไรผมเลยชิงพูดก่อน พร้อมทั้งข้อเสนอยื่นหมูยื่นแมว
“ถ้าเป็นแบบที่กันต์พูดมา พี่ก็ดีใจมาก ขอบใจมากนะกันต์ที่เข้าใจ” พี่บาสยิ้มให้ผมอย่างพึงพอใจในข้อเสนอ
พวกเราทั้งหมดมาถึงที่ จ.เชียงราย ในตอนเกือบๆเย็น(เพราะเล่นจอดแวะกิน-เที่ยวระหว่างทางบ่อยมาก)โดยเช็คอินเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งริมแม่น้ำกก ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดพ่อเลี้ยงทีเป็นคนจ่าย
ห้องพักเป็นห้องแบบครอบครัว (family room)โดยเป็นห้องคู่ 2 ห้องที่มีประตูเปิดเข้าหากันได้
“คืนนี้มึงนอนกับไอ้บาสนะ กูจะนอนกับน้องกันต์” พี่ทียื่นข้อเสนอให้กับพี่ต่อผมได้ยินถึงกับหูผึ่งด้วยความที่คาดไม่ถึงว่าพี่ทีจะกล้าพูดในสิ่งที่ผมคิดเอาไว้ในใจ
พี่ต่อทำหน้างงๆเหวอๆ พร้อมพูดออกไปว่า “เฮ้ย.... มึงอย่ามามั่วเลยไอ้เหี้ยทีน้องกันต์เด็กกูนะโว๊ย... ส่วนมึงนอนกับไอ้บาสสุดที่รักของมึงเลยไปไม่ได้เจอกันตั้งนานไม่ใช่หรือคืนนี้คงจะมีเวลาได้รำลึกถึงความหลังกันซี๊ดซ๊าดทั้งคืนเลย”
“ไม่เอา... ไอ้บาสมันนอนกรน กูนอนไม่หลับ มึงสองคนนอนกรนเสียงดังทั้งคู่นอนด้วยกันนะดีแล้ว สมน้ำสมเนื้อดี ส่วนกูจะนอนกับน้องกันต์ จริงไหมกันต์? กันต์อยากนอนกับพี่ใช่ไหม?” พี่ทียืนยันเจตนารมณ์เดิมแถมยังหันหน้ามาถามผมอีก
ผมยืนทำหน้าเอ๋อ แกล้งทำท่าทีเป็นไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดทั้งๆที่ใจนั้นอยากจะ “say yes” กับพี่ทีแทบจะขาดใจแต่ผมก็ยังมีสติพอที่จะรักษาน้ำใจของพี่ต่อ ผมไม่กล้าทุบหม้อข้าวหม้อแกงตัวเองหรอกถึงใจอยากจะนอนกับพี่ทีมากๆ แต่ก็เป็นแค่อาหารจานเดียวจานด่วนที่กินเพื่อประทังความอยากชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ผิดกับพี่ต่อซึ่งนอกจากจะเป็นอาหารสำรับใหญ่ๆครบเครื่องแล้ว ยังเปรียบเสมือนส่วนเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่อุดมสมบูรณ์มีกินอย่างถาวร
“ผมให้พี่ต่อเป็นคนตัดสินใจแทนผมครับ”ผมพูดแบบถนอมน้ำใจพี่ต่อ
“ดีมากกันต์ อย่างนี้ซิ ถึงจะเรียกว่า รักกันจริง” พี่ต่อเดินมากอดรัดผมพร้อมกับยิ้มเยาะพี่ทีอย่างผู้ชนะ
“ขอโทษนะครับพี่ที ใจจริงแล้ว ผมอยากจะนอนกับพี่มากๆอยากจะลิ้มรสสวาทของพี่ว่า รสชาติจะแซ่บดุเด็ดเผ็ดร้อนขนาดไหนแต่ผมยังเกรงใจพี่ต่ออยู่” ผมพูดอยู่ในใจคนเดียว
“กูละเซ็งจริงๆ ต้องนอนฟังเสียงไอ้บาสกรนทั้งคืน” พี่ทีส่ายหน้าแบบทีเล่นทีจริง
................................................................................
ผมอยู่ในห้องนอนกับพี่ต่องสองคนเวลานี้เป็นเวลาเข้านอนของเราสองคนพอดี
“กันต์... พี่ถามอะไรหน่อยได้ไหม? กันต์คิดอย่างไรกับพี่? หมายถึง กันต์รู้สึกกับพี่แบบไหน?” พี่ต่อถามผมด้วยน้ำเสียงที่สั่นๆ
“ผมว่า พี่ต่อเป็นคนดีคนหนึ่ง ตลอดเวลาที่รู้จักกันมาพี่ต่อเป็นคนที่จริงใจ มีน้ำใจ ไม่เอาเปรียบ ไม่โกหก คิดอะไรก็พูดออกมาเลยไม่รู้สิครับ ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน” ผมตอบอย่างรวมๆ
“ขอบใจมากนะ แต่พี่หมายถึงว่า กันต์รู้สึกกับพี่แบบพี่ชายหรือแบบคนรัก?” พี่ต่อเสี่ยงถามแบบกล้าได้กล้าเสียด้วยสีหน้าเขินอาย
“ไม่รู้สิครับพี่ รู้สึกกับพี่แบบพี่ชายคงไม่เพราะถ้าผมรู้สึกแบบพี่ชาย ผมคงไม่เผลอตัวมีอะไรกับพี่ส่วนรู้สึกแบบคนรักหรือเปล่า อันนี้ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันครับเพราะถ้าผมรู้สึกกับพี่แบบนี้ ผมไม่อยากผูกมัดตัวผมกับพี่เอาไว้ด้วยเงื่อนไขของความเป็นคนรักสิ่งนี้มันจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันไม่ยาวนานนักผมไม่อยากหวาดระแวงเวลาที่พี่หายไปไหนนานๆและก็ไม่อยากจะหึงหวงพี่เวลาเห็นพี่พูดคุยหรือสนิทสนมกับใครมาก”
“พี่เข้าใจที่กันต์พูด เอาเป็นว่า เราปล่อยให้เวลามันตอบโจทย์ตรงนี้ดีกว่าแต่ตอนนี้พี่อยากจะดูดไอติมแท่งของกันต์ใจจะขาดอยู่แล้ว ไม่ได้ลิ้มรสมานานแล้ว” พอพูดจบพี่ต่อก็ก้มลงและใช้มือดึงกางเกงและกางเกงในของผมออกจากขาทั้งสองข้างของผม
ก่อนที่แท่งตอปิโดของผมจะผงาดขึ้นมาสู้ศึก พี่ต่อใช้มือข้างขวาลูบไล้บริเวณดงเส้นสาหร่ายอันดกดำของผมและมือข้างซ้ายรูดแท่งตอปิโดของผมขึ้นลงๆพร้อมกับใช้ปลายจมูกถูไถไปมาที่กระโปกของผม
ไม่นานนักแท่งตอปิโดของผมก็ขยายขนาดและแข็งชูชันขึ้นมาอย่างรวดเร็วพี่ต่อไม่รอช้า อ้าปากครอบซะจนมิดลำ ไออุ่นๆในปากของพี่ต่อยิ่งทำให้ตอปิโดของผมแข็งมากยิ่งขึ้นและเส้นเอ็นบริเวณลำกล้องก็ปูดโปนจนเห็นได้ชัด
พี่ต่อใช้ริมฝีปากรูดตอปิโดของผมขึ้นๆลงๆอย่างรัวถี่ๆผมรู้สึกเสียวจนครางออกมาอย่างสุดเสียง ตอนนี้ตัวของผมเกร็งไปหมดเนื่องจากความเสียวซ่าน ผมใช้มือจิกผมที่ศรีษะของพี่ต่อ โดยกดโยกขึ้นลงไปมาให้เข้ากับจังหวะ
ซักพักพี่ต่อเปลี่ยนมาใช้ลิ้นเลียตรงรอยหยักที่บริเวณหัวตอปิโดของผมและตวัดปลายลิ้นไปรอบๆบริเวณ
“พี่... ผมเสียวครับ... คนอะไรดูดเก่งชะมัด ดีครับ โอ๊ยๆ....” ผมบอกพี่ต่อด้วยน้ำเสียงที่สยิวจับใจ
ผมดึงตัวพี่ต่อมากอดจูบ โดยพลิกตัวพี่ต่อลงไปนอนเตียงและผมนอนทับบนตัวพี่ต่อผมก้มหน้าไปไซร้บริเวณลำคอของพี่ต่อ จากนั้นก็เลื่อนลงมาดูดตรงหัวนมทั้งสองข้างซักพักผมก็ใช้ลิ้นเลียลากยากจากบริเวณหัวนมลงไปที่สะดือพอเลื่อนต่ำมาถึงป่าดงดิบอันหนาทึบของพี่ต่อผมก็ใช้ปลายจมูกลูบไล้สูดดมกลิ่นสาบเสน่หาของพี่แก
ส่วนมือข้างหนึ่งของผมก็ลูบๆเขี่ยๆตรงหัวนมข้างซ้ายส่วนอีกข้างก็เล่นกับเจ้าแท่งอ้อยอันอวบยาวของพี่ต่อผมชักแท่งอ้อยของพี่แกขึ้นๆลงๆ ในที่สุดผมก็อ้าปากอมแท่งอ้อยของพี่แกจนมิดด้าม
ผมใช้ปากรูดแท่งอ้อยของพี่ต่อขึ้นๆลงๆ ตั้งแต่หัวยันโคนพี่ต่อกดหัวผมแน่นพร้อมทั้งกระเด้าลำตัวขึ้นๆลงๆประสานจังหวะพอดูดแท่งอ้อยของพี่แกจนหนำใจแล้วผมก็ลากปลายลิ้นมาเลียบริเวณกระโปกลูกเงาะทั้งสองอย่างเมามัน
ผมเปลี่ยนอริยาบทมานอนทาบบนตัวพี่ต่อ
“ผมเย็ดพี่ได้ไหมครับ? กระดอผมไม่ได้เข้าตูดฟิตๆของพี่นานแล้ว” ผมกระซิบถามพี่ต่อ
พี่ต่อรีบตั้งท่าคลานและหันตูดเข้าหาผมผมหยิบวาสลีนที่อยู่ในกระเป๋าข้างเตียงมาทาถูตรงตอปิโดของผมและทารอบๆปากถ้ำแก้วของพี่ต่อพร้อมทั้งใช้นิ้วของผมลองยัดเข้าไปสำรวจความกระชับภายในถ้ำแก้วดูพอสอดนิ้วเดียวเข้าๆออกๆได้อย่างไม่มีปัญหา ผมก็ลองสอด 2 นิ้วดูบ้าง สอดยังไม่ทันสุดปลายนิ้วพี่ต่อก็ร้องครางเสียงหลงออกมา
หลังจากสำรวจความกระชับทั้งภายในและภายนอกของถ้ำแก้วแล้วผมก็จัดการสอดเจ้าแท่งตอปิโดของผมเข้าไปอย่างช้าจนมิดลำ ก่อนที่จะซอยเข้าๆออกๆผมก็ใช้มือตบลงไปบนแก้มก้นของพี่ต่อเพราะความมันเขี้ยว
แรกๆผมค่อยกระเด้าซอยอย่างช้าๆ เนื่องจากกลัวพี่ต่อจะเจ็บพอพี่ต่อส่งสัญญาณของเสียวออกมาแล้ว ผมก็ค่อยๆเร่งสปีดอย่างเต็มที่ช่วงที่เร่งสปีดนี้ รู้สึกเสียวที่หัวดออย่างที่สุด ขณะที่ผนังถ้ำตอด สวรรค์ชั้น 7 ชัดๆเวลาซอยถี่ๆได้ความรู้สึกทั้งมันส์ทั้งเสียวเหนือคำบรรยายจริงๆผมซอยเข้าๆออกๆอย่างไม่กั๊ก พร้อมกับใช้มืออีกข้างสาวว่าวให้พี่ต่อซักพักพี่ต่อทนความเสียวไม่ไหว พ่นพิษสีขาวๆขุ่นๆพุ่งออกมา
ถ้ำแก้วของพี่ต่อไม่ว่าจะเข้ามาสำรวจกี่รอบๆก็ยังคงฟิตกระชับเหมือนเดิม ไม่ได้หย่อนยานหรือหย่อนคล้อยเลย ในที่สุดเจ้าแท่งตอปิโดของผมก็ปล่อยกระสุนอุ่นๆออกมาข้างในถ้ำแก้วของพี่ต่อจนหมดถึงหยดสุดท้าย
ผมและพี่ต่อหันหน้ามาดูดปากกันอย่างดูดดื่มเราสองคนนอนกอดกันจนเผลอหลับไปในสภาพที่เปลือยล่อนจ้อนทั้งคู่
วันรุ่งขึ้น พี่ทีขับรถพาพวกเราทั้งหมดขึ้นไปเที่ยวบนดอยตุงส่วนตอนบ่ายก็ไปเดินเล่นช็อปปิ้งซื้อของที่ อ.แม่สาย โดยข้ามชายแดนไปพม่าตรงด่านท่าขี้เหล็กในขณะที่ทุกคนกำลังเดินช็อปปิ้งอย่างเพลิดเพลินผมขอแยกตัวออกมาเดินคนเดียวโดยอ้างว่า เจอคนรู้จักที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันอยากเดินไปทักทายพวกเขาซักหน่อย แต่ความจริงแล้ว หาเป็นเช่นนั้นไม่จุดประสงค์หลักจริงๆก็คือ ผมแอบเดินไปซื้อโสร่งจากร้านถัดออกไปจากร้านที่บรรดาพวกพี่ต่อกำลังซื้อของอยู่
โสร่งที่ผมซื้อนั้น ไม่ได้เอาไว้ใส่เองหรอกครับแต่เอาไว้เป็นของขวัญวันเกิดให้กับพี่ที(พี่ทีอุตส่าห์มีน้ำใจพาผมมาเที่ยวฟรีกินฟรีผมอยากจะให้ของขวัญวันเกิดแทนการขอบคุณในความมีน้ำใจของพี่เขาซักหน่อย) หลังจากซื้อแล้วผมก็แอบซ่อนเอาไว้ในถุงขนมเพื่อไม่ให้ใครเห็น
หลังจากที่เดินช็อปปิ้งที่แม่สายเป็นที่หนำใจแล้วพวกเราก็กลับไปที่โรงแรมเพื่อพักผ่อนที่บริเวณสระน้ำของโรงแรมทุกคนสนุกสนานกับการเล่นน้ำในสระ ซักพักหนึ่งผมจึงขอตัวกลับขึ้นไปบนห้องพักโดยให้เหตุผลขุ่นๆน้ำเน่าๆว่า เศษฝุ่นผงเข้าตา จะไปล้างออกในห้องน้ำบนห้องซึ่งสะอาดกว่าน้ำในสระ
ความจริงแล้วผมแอบออกไปซื้อขนมเค้กวันเกิดสำหรับอวยพรวันเกิดให้พี่ทีในคืนนี้(อันนี้ผมได้เตี๊ยมกับพี่ต่อและพี่บาสเอาไว้แล้ว) นอกจากนั้นผมก็ใช้เวลาที่เหลือห่อของขวัญวันเกิดให้กับพี่ที (ซึ่งก็คือ โสร่ง ที่ผมซื้อมาจากฝั่งพม่า)
พอเตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วผมก็เดินออกมาจากห้องพักเพื่อกลับมาสบทบกับพวกพี่ๆที่สระว่ายน้ำ ทันใดนั้นพี่ทีก็เดินสวนเข้ามาตรงระเบียงทางเดินหน้าห้อง
“หายดีแล้วหรือเรา? ตาไม่แดงแล้วนี่” พี่ทีถามอย่างเป็นห่วง
“ค่อยยังชั่วแล้วครับ ผมกำลังจะเดินไปสมทบกับพวกพี่อยู่พอดีพี่ทีเล่นน้ำเสร็จแล้วหรือครับ?”
“เสร็จแล้วละ เหนื่อยว่ะ ทั้งขับรถด้วยและว่ายน้ำด้วย เออ...เราอยู่นี่ก็ดีแล้ว พี่จะได้มีเพื่อนคุยปล่อยให้ไอ้สองตัวนั่นมันว่ายน้ำแข็งกันจนได้เหรียญทองโอลิมปิคกันเถอะ” พี่ทีชวนผมเข้ามานั่งคุยในห้อง
ผมกับพี่ทีคุยกันเรื่องสัพเพเหระต่างๆอย่างถูกคอซักพักหนึ่งพี่ทีเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ที่ตรงโต๊ะเล็กๆใกล้กับเตียงนอนพี่ทีเปิดกระเป๋าสตางค์พร้อมกับดึงแผ่นกระดาษเล็กๆคล้ายๆนามบัตร ออกจากกระเป๋า
“กันต์.... นี่นามบัตรของพี่ ถ้ากันต์ได้มีโอกาสไปเที่ยวกรุงเทพอย่าลืมติดต่อพี่ตามที่อยู่และเบอร์โทรในนามบัตรนี้นะ พี่รู้สึกถูกชะตากับเราเห็นเราเป็นเด็กดี คุยเก่ง มีสัมมาคารวะ และก็จริงใจ ใสซื่อแต่พี่ขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม? อย่าบอกไอ้ต่อเด็ดขาดว่าพี่ให้นามบัตรกับกันต์ ไม่ใช่อะไรหรอก พี่กลัวไอ้ต่อมันกัดและแซวพี่อีกอย่างก็กลัวมันจะเข้าใจผิดด้วย” พี่ทีสั่งกำชับผม
“ขอบคุณมากครับสำหรับนามบัตร พี่วางใจได้และไม่ต้องกลัวว่าผมจะบอกพี่ต่อ ผมรับรองได้ด้วยเกียรติของลูกเสือ” ผมรับปากเชิงติดตลกนิดๆ
“ขอบใจมาก กันต์น่ารักแบบนี้ไง พี่ถึงได้เอ็นดูแบบน้องแบบนุ่ง” พี่ทีพูด พลางกระเถิบตัวเข้ามาใกล้ผมทีละนิดๆ
ใจของผมเต้นตุ๊บๆตั๊มๆไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าเริ่มจะร้อนผ่าวๆนิดๆเวลานี้ผมไม่กล้าสบตา มองหน้าพี่ทีมาก เนื่องจากความเขินอายอย่างสุดๆ
“พอพี่เขยิบเข้ามานั่งใกล้ชิดถึงกับหน้าแดงตัวสั่นเชียวหรือ?” พี่ทีแซวผมพร้อมกับใช้มือลูบไล้ที่บริเวณกลางหลังของผม
ผมนั่งนิ่งไปชั่วขณะผมรู้สึกตื่นเต้นและคาดไม่ถึงว่าพี่ทีจะพิศวาสผมถึงเพียงนี้ พอรวบรวมสติได้อาการใจกล้าหน้าด้านก็กำเริบทันที ผมก็ใช้นิ้วมือลูบๆเขี่ยวตรงบริเวณหัวนมของพี่ที
พี่ทีใช้แขนทั้งสองโอบรวดตัวผมเข้าแนบประชิดกับตัวพี่ทีก็ใช้มือล้วงพรืดเข้าไปในกางเกงในของผม อย่างไม่มีคำเกริ่นนำใดๆทั้งสิ้นพี่ทีใช้นิ้วลูบๆบริเวณหัวดอของผมอย่างทะนุถนอม
“ดอใหญ่จริงๆนะเรา เห็นตัวเล็กแค่นี้ ซ่อนรูปนี่หว่า” พี่ทีพูดอย่างตกตะลึง
“พี่ทีก็พูดเกินไปครับ” ผมพูดอย่างเขินๆ
พี่ทีบรรเลงเพลงสวาทโดยใช้ริมฝีปากเข้าประกบกับริมฝีปากของผมเราทั้งสองจูบแลกลิ้นกันอยู่ประมาณไม่ถึงนาที ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นผมกับพี่ทีต่างตกใจจนอารมณ์สวาทหดหายไปจนหมดสิ้นใครหนอช่างมาขัดคอในเวลาที่อ้อยกำลังจะเข้าปากช้างตอนนี้ช่างไม่รู้จักกาลเทศะจริงๆ
ผมรีบวิ่งอย่างเบาๆค่อยๆย่องไปตรงประตูที่สามารถเปิดทะลุไปยังห้องของผมได้ส่วนพี่ทีก็รีบใส่เสื้อคลุมอาบน้ำ ทำเหมือนกับว่ากำลังอาบน้ำอยู่
พอผมกำลังจะปิดประตูที่เชื่อมห้องผมกับห้องพี่ทีพี่ต่อก็เปิดประตูหน้าห้องเข้ามาพอดี ผมรู้สึกตกใจนิดหน่อยอะไรมันจะบังเอิญประจวบเหมาะกันขนาดนี้นะ พี่ต่อกับพี่บาสกลับมาที่ห้องเร็วจังเลย
“พี่ต่อ.... ทำเอาผมตกใจหมดเลย เดี๋ยวพี่ทีก็สงสัยหรอก” ผมแกล้งทำเนียนพูดเบี่ยงเบนสถานการณ์
“กันต์เข้าไปทำอะไรในห้องโน้นมา?” พี่ต่อถามอย่างสงสัย
“ผมแค่เปิดประตูแง้มดูนิดๆ ว่าใครเข้ามาในห้อง พี่ที หรือ พี่บาส? เพราะตอนที่ผมกำลังเอาขนมเค้กมาซ่อนไว้ผมได้ยินคนเปิดประตูเข้ามาในห้องโน้น ผมกลัวว่าจะเป็นพี่ทีเดี๋ยวแผนที่เราวางไว้ก็แตกกันพอดี ผมเลยลองเปิดแง้มๆแอบไปดูว่าใครเข้ามาแต่ไม่เห็นมีใครเลย ดังนั้นผมจึงลองเปิดประตูกว้างๆเข้าไปดูให้เห็นอย่างเต็มตาแต่ก็ยังไม่เห็นใคร เห็นแค่ประตูห้องน้ำปิดไว้สงสัยใครคนใดคนหนึ่งคงจะอยู่ในห้องน้ำ” ผมแจกสตอเบอร์รี่ให้พี่ต่อไปหลายกระบุงแถมยังชักแม่น้ำทั้งห้ามาสาธยายเพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งที่ในใจนั้นเต้นตุ้มๆต่อมๆ
“เป็นแบบนี้เอง แล้วก็ไม่บอกพี่ให้ละเอียด มาทำลับๆล่อๆแบบนี้ทำให้พี่คิดไปต่างๆนานาๆ เดี๋ยวต้องทำโทษซะแล้ว”พี่ต่อดึงกางเกงพร้อมกางเกงในของผมลงไปกองกับพื้นและนั่งคุกเข่าต่อหน้าผม (คงรู้นะครับว่า พี่ต่อทำโทษผมด้วยวิธีไหน?)
พี่ต่อจัดการถวายบัวให้ผมอย่างเมามันส์ ทั้งดูด ทั้งอม ทั้งเลียทั้งตวัดลิ้นบริเวณรอยหยักตรงหัวกระดอของผม จนผมเสียวสะท้านไปทั่วร้องครวญครางออกมาจนฟังไม่ได้ศัพท์ผมกระเด้าดันเจ้าแท่งตอปิโดเข้าๆออกๆในปากของพี่ต่อจนมิดลำพี่ต่อสำลักความคึกของตอปิโดผมจนหาจังหวะผ่อนคลายเป็นช่วงๆ ซักพักผมจับหัวของพี่ต่อกดเข้าไปตรงหัวหน่าวและดันตอปิโดเข้าปากพี่แกจนมิดลำผมเกร็งไปทั้งตัวพร้อมกับพ่นพิษสีขาวๆขุ่นๆเข้าไปในลำคอของพี่ต่ออย่างเต็มเหนี่ยวพี่ต่อดูดกลืนน้ำเงี่ยนของผมอย่างเอร็ดอร่อย
คืนวันนั้น พวกเราเซอร์ไพร์สวันเกิดให้กับพี่ทีอย่างสนุกสนานโดยการหลอกพี่ทีให้ไปเอาของในรถและพวกเราก็พากันไปซ่อนในตู้เสื้อผ้า(ซึ่งเป็นตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่สามารถจุคนได้3-4 คน) และจุดเทียนปักขนมเค้กในนั้น
ขอบคุณครับ{:5_119:} ขอบคุนนะคับ{:5_130:} ขอบคุณครับ
ขอบคุนนะคับ ขอบคุณครับ ขอบคุนครับ ขอบคุณครับ ชอบคุณค้าบ ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากๆครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุนค้าฟ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆครับ{:5_119:} มาเล่าต่อเร็วๆ อยากฟัง 4some ง่ะ
ขอบคุณมากคับ ขอบคุณนะคับ มันส์มาก ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมากครับ