tonmark โพสต์ 2011-4-2 23:25:39

กรรมแห่งรัก (ซึ้งครับขอบอก)

การที่เราเลือกบุคคลใดก็แล้วแต่มาเป็นคู่ครองคู่ชีวิตหรือคู่นอนจะถาวรหรือชั่วคราว ทุก ๆ อย่างขึ้นอยู่ภายใต้สภาวะแห่งจิตใจ
   เราทุกคนนั้นก่อเกิดขึ้นมาเป็นของมีคู่ มีชายก็มีหญิง มีทั้งเกย์ สาวประเภทสอง ทอม ดี้ มีมืดก็มีสว่าง มีความรักก็มีอกหัก สุดแต่ใครจะกระทำให้เกิดขึ้น และดำเนินเปิดไปอย่างไรตาม การกระทำตามความรู้สึกของบุคคลทั้งหลายเหล่านั้น ที่มีทัศนะคติในนิยาม คำว่ารัก การที่เรานั้นเลือกบุคคลใดก็แล้วแต่ที่มาเป็นคู่ครอง คู่ชีวิต หรือคู่นอนจะถาวรหรือชั่วคราวทุก ๆ อย่างขึ้นอยู่ภายใต้สภาวะแห่งจิตใจ และการกระทำนั้น ๆ ในการเลือก ย่อมยอมรับความสุขหรือทุกข์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันไปด้วย กรรมคือการกระทำของร่างกายโดยการสั่งการจากสภาพแห่งจิตใจในขณะนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นความชอบในรูปโฉมที่งดงาม การแต่งกายที่ดี วาจาที่อ่อนหวานการเอาใจเป็นเยี่ยม หรือการพูดคุยที่ถูกคอกัน การกระเซ้าเหย้าแหย่ หรือการหยอกล้อต่าง ๆ เป็นกรรมที่ล้วนเรียกว่าการกระทำทั้งสิ้น เพื่อหลอกล่อให้จิตใจนั้นเคลิบเคลิ้ม และมีความสุขในขณะนั้น จึงกลายมาเป็นสิ่งที่เราเรียกว่าความผูกพัน ความรัก ความสงสาร ความเห็นใจและเข้าใจ จิตใจเป็นตัวตั้งรับ และสั่งการออกไปเพื่อตอบสนองใน สิ่งที่เราเรียกว่าความพอใจ หรือความสุขที่ได้สัมผัสอยู่ในขณะนั้น และเป็นสิ่งที่ยากแก่การถ่ายถอนจิตใจ เป็นสิ่งที่ลุ่มหลงได้ง่ายมาก หลาย ๆ ท่านคงเคยได้ลิ้มรสความพอใจ หรือความรักกันมาไม่มากก็น้อย และทั้งสุขและทุกข์ที่เกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กัน มีทั้งความหวังที่ดีต่อกัน วาดแผนอนาคตให้ซึ่งกันและกัน และมีความพยายามที่จะพากันก้าวเดินไปบนเส้นทางนั้น แต่จะมีสักกี่คนที่ไปได้ และประสบความสำเร็จ สุจสมหวังดังที่เคยตั้งใจไว้ บนเส้นทางนี้มีอุปสรรค์อย่างมากมาย สาเหตุใหญ่ ๆ มีไม่มีกี่ประการ ประการแรก คืออารมณ์ ที่ก่อเกิดด้วย ตา หู จมูก ปาก ลิ้น กาย ใจ เป็นตัวฐานที่ทำให้ก่อเกิดปัญหาต่าง ๆ นานา ในความรัก เมื่อตาไปเห็นการกระทำอันใด ๆ ก็แล้วแต่ไม่ถูกใจ หรือเป็นที่ไม่พอใจจะก่อเกิดการพูดคุย จะด้วยความหวังดีหรือตำหนิก็ตามที ครั้งแรกสองครั้งแรกก็ไม่เป็นไร เพราะยอมรับกันได้แต่เมื่อการกระทำนั้น ๆ สะสมไปเรื่อย ๆ ก็จะก่อให้เกิดความไม่สบายใจและมีปากเสียงกัน ทะเลาะกัน เกิดการหย่าร้าง เลิกลากันไปในที่สุด เพราะจะหาความสมดุลในการกระทำที่กระทำแล้วให้เป็นที่พอใจกันนั้นมันยาก สิ่งหนึ่งที่จะเข้ามาแทรกแซงก็คือ ทิฏฐิ ความถือตัว ความสำคัญในตัวตน ความเห็นผิด เมื่อทิฏฐินี้เริ่มเกิดขึ้นนั้นก็หมายความว่า การเลิกลาหย่าร้างได้ก่อกำเนิดขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว ถ้ามีอย่างรุนแรงนั้นก็หมายความว่า ชีวิตแห่งรักนั้น ได้ล่มสลายเป็นที่แน่แท้ ย่อมพูดจากันด้วยอคติความคิดเห็นต่าง ๆ ไม่ลงให้กันอีกต่อไป สุดท้ายคือการสูญเสียพลัดพราก กับมาทุกข์ระทมใจ กับสิ่งที่เกิดขึ้นมานั้น ๆ บางคนบางท่านถึงกับเข่นฆ่าราวี หรือทำลายตัวเองไปเลยก็มี เพราะความคิดไม่ตก บางคนบางท่านก็ประชด ด้วยการกระทำที่ไม่ดี เช่นคิดมีคนที่คอยปลอบใจ หรือรุนแรงถึงขั้นคบชู้กันเลยทีเดียว บางคนบางท่านก็ดื่มกินเที่ยวเสเพล ใช้จ่ายกันไม่กลัวทุกข์ในเบื้องหน้า บางคนบางท่านก็มุ่งอาฆาตมาตรร้าย คอยจ้องทำลายล้างผลาญให้อับราไปทั้งคู่ เข้าทำนองที่ว่า เมื่อเราไม่สมหวังก็อย่าหวังว่าคุณจะอยู่เป็นสุขได้เลยซึ่งมีความคิดอย่างมากมายในการกระทำต่าง ๆ เพื่อที่จะเอาชนะคนที่เราเคยบอกว่ารัก ไม่ว่าทางนั้นจะเป็นไปในทางที่ดีหรือชั่วก็ตาม และยังมีอีกจำนวนมากวิ่งหา สิ่งที่เรียกว่าอาถรรพ์ เพื่อมากระทำให้สมความปราถนาในจิตใจของตนเองไม่สนใจว่าสิ่งนั้นจะดีกับคนที่เราเคยบอกว่ารักหรือไม่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ หกประการนี้ เป็นตัวก่อเกิดคำว่าอารมณ์ ถ้าเราไม่มีสติที่อยู่และรู้เท่าทัน ปล่อยให้อารมณ์ที่เกิดจากหกประการนี้เข้าครอบครองได้ นั้นก็หมายความว่า ความรัก ได้เริ่มเดินไปสู่ทางตันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การแก้ไขมีหลากหลายวิธี หลากหลายคำแนะนำ และหลากหลายทัศนะคติ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเลือกเดินไปในทิศทางใด อันที่จริงแล้ว ไม่มีใครที่จะสามารถที่จะหยุดปัญหาตรงนี้ได้ เพราะแต่ละท่านเมื่อเกิดปัญหานี้ขึ้นย่อมมีทิฏฐิ ขาดสติและปัญญาในการแก้ไข เพราะกำลังจะสูญเสียคนที่เรารักและหวงแหนไป ย่อมแสวงหาไปทุกที่เพื่อที่จะแก้ปัญหานี้ให้ได้ ผมมีคติคำเสนอแนะอยู่สองวิธี คือ วิธีที่หนึ่ง หันกลับมาดูตัวเราเองก่อนว่า กระทำ พูด หรือ คิด สิ่งใดที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ (โดยที่ไม่มีทัศนะคติเข้าข้างตนเอง) แล้วหันกลับมาแก้ไขที่ตัวเราเองเสียก่อน จงมองความรักความผูกพัน ที่เคยมีต่อกันไว้ และหาเหตุผลมาพยุงความรักนั้น ให้กลับมานิ่งเสียก่อนก่อนที่จะใช้อารมณ์แห่งความปราถนานั้น เข้าไปตัดสิน วิธีที่สอง คือ เรามีความพยายามที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมากน้อยเพียงใด และมีการอภัยให้กันบ้างรึเปล่า เมื่อเรามีสองอย่างนี้แล้ว จงหันกลับไปดูคนที่เรารัก เขามีความเข้าใจในปัญหาสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมากน้อยหรือไม่ และพูดคุยกันโดยที่ไม่เอาอารมณ์ของตนเองมาเป็นใหญ่ ถามหาความต้องการของแต่ละคนว่าต้องการอะไร และยอมเสียสละในสิ่งที่คนที่เรารักนั้นต้องการได้หรือไม่ หรือเราเป็นผู้ที่ต้องการฝ่ายเดียว โดยมีทิฏฐิเป็นตัวกระตุ้น เหมือนกับคำว่านิยามของความรัก นั้นมีมากมาย เสียสละความสุขของตนเพื่อคนที่เรารัก ให้เขาได้มีความสุข ถึงแม้ว่าเราจะได้รับความเจ็บปวดในจิตใจนั้นก็คือ ความคิด หรือเราต้องการไว้เพียงคนเดียว กับคำว่า ไม่ยุติธรรมสำหรับเรา ความรักเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมาก เพราะนั้นก็คือความต้องการของจิตใจ หากความรักนั้นเป็นแรงพลักดันได้ในทุก ๆ สิ่ง ทำไมไม่พลักดันให้เราอยู่อย่างมีความสุข ?

yellow2550 โพสต์ 2011-4-3 00:04:15

ขอบคุณครับ
สังคหวัตถุ และพรหมวิหารครับ
เป็นสิ่งสำคัญในการอยู่มากกว่า1คนครับ
ทำให้มีแต่สิ่งดีๆในชีวิตครับ

ภูตะวัน โพสต์ 2011-4-3 13:12:20

ตอบกระทู้ tonmark ตั้งกระทู้

สุดยอดมากมาย ชอบคับ

mini1 โพสต์ 2011-4-3 15:05:47

ขอบคุณครับ

cool โพสต์ 2011-4-3 18:12:39

ดีครับ เป็นแบบนี้ดีจัง{:1_1:}

luna_dragon โพสต์ 2011-4-5 09:57:58

ยอดมากมาย ชอบคับ

Shuto โพสต์ 2011-4-5 16:32:36

ขอบคุณคับบ

movie โพสต์ 2011-4-5 22:30:23

ขอบคุณครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: กรรมแห่งรัก (ซึ้งครับขอบอก)