บาปรัก9 โดยคุณเป้
(9) : รอยร้าวในครอบครัว
เมื่อมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง และเมื่อมีครั้งที่สองก็ต้องมีครั้งต่อๆไป ผมกับพี่ยศลักลอบมีเพศสัมพันธ์กันเป็นประจำโดยใช้สถานที่คือที่บ้านของพี่ยศ แม้ผมจะรู้สึกผิดที่ทำอย่างนี้ แต่ความรู้สึกผิดก็ไม่สามารถยับยั้งการกระทำของเราสองได้ และเมื่อนานไป เราก็เริ่มชินชากับความรู้สึกผิดนั้น
หลังจากนั้นผมก็พบว่าพี่ยศกับพี่ป้อมมักมีกิริยาปั้นปึ่งต่อกัน คล้ายกับว่าไม่พอใจอะไรกันบางอย่าง จะเป็นอย่างนี้อยู่เป็นครั้งคราว ผมเริ่มรู้สึกอึดอัดใจที่เห็นครอบครัวนี้อยู่ในสภาพเช่นนี้ จึงลองเลียบเคียงถามโตดูในคืนวันเสาร์หนึ่งหลังจากที่เราเตรียมตัวเข้านอน
"โต พ่อกับแม่เป็นไงบ้างหมู่นี้" ผมถาม
โตทำหน้าเบ้ "ไม่ค่อยจะดีครับ งอนกันอยู่เรื่อยเลย ที่จริงพ่อก็เฉยๆนะครับ แต่ดูว่าแม่จะงอนพ่อมากกว่า พ่อก็ยังเฉยของพ่ออยู่เรื่อย จะมีก็บางครั้งที่เห็นพ่อหงุดหงิด"
"แล้วที่แม่ว่าพ่อเปลี่ยนไปน่ะมันเรื่องอะไรบ้างล่ะ" ผมถามต่อ
"ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ผมว่าพ่ออาจจะเปลี่ยนไปบ้างจริงๆ ดูพ่อเฉยยิ่งกว่าเก่าอีกครับ แต่ก็เถียงกับแม่บ่อย คือตอนเถียงก็พูดน่ะครับ แต่ตอนอยู่เฉยๆแล้วเงียบกว่าเก่าอีก" โตอธิบาย แล้วพูดต่อ "ผมกับเล็กยังคุยกับพ่อน้อยลงเลย รู้สึกว่าพ่ออารมณ์ไม่ค่อยจะดี แต่ก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร"
ว่าแล้วโตก็ลงมานั่งข้างๆผมที่ฟูก แล้วกอดผมไว้ "ไม่คุยกับพ่อก็ไม่เป็นไร คุยกับอาเป้ดีกว่า"
ผมเอามือขยี้ผมโตด้วยความเอ็นดู ยิ่งนานโตยิ่งช่างอ้อนกับผมมากขึ้นทุกวัน "จะคุยอะไรกับอาล่ะ อาง่วงแล้ว"
"น่า อาเป้ คุยกับผมหน่อย" แล้วโตก็ทำท่าเขินๆ "อยากถามอะไรอาบางอย่าง"
"อะไรล่ะ ว่ามาสิ" ผมชักรู้สึกสนใจกับกิริยาของโต คำถามนี้คงเป็นคำถามค่อนข้างส่วนตัวเป็นแน่
"เอ่อ… ผมอยากรู้ว่าอาเคยใช้ถุงยางไหม" โตหน้าแดงเมื่อถามคำถามนี้ ผมเองก็สะอึกไปเหมือนกัน
"โตถามทำไมกันล่ะ"
"ก็อยากรู้น่ะครับ คือ… คือ…" โตอึกอัก
"บอกมาก่อน ว่าอยากรู้ไปทำไม"
"คือ ผมอยากมีเซ็กซ์กับแฟนผมอ่ะครับ แต่ยังใช้ถุงยางไม่เป็น" โตพูด ผมตะลึง ไม่นึกเลยว่าเด็กวัยรุ่นสมัยนี้จะไวไฟขนาดนี้
"อะไรกันโต นี่เพิ่งจะ ม.4 เอง ยังเด็กอยู่เลย ริจะมีเซ็กซ์แล้วเหรอ ทำไมถึงได้ไวกันขนาดนี้ล่ะ"ผมถามด้วยความประหลาดใจและตกใจเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกดีใจที่โตถามคำถามนี้กับผม เพราะถ้าไม่อย่างงั้นแกอาจไปทำใครท้องก็ได้
"อะไรกันอาเป้ เด็กที่ไหน ผมมีบัตรประชาชนแล้วนะ" โตย้อน "อีกอย่าง เพื่อนผมมันนอนกับแฟนตั้งแต่ ม.3 แล้ว นี่ผม ม.4 แล้วยัง… ยังไม่มีอะไรกับใครเลย จะว่าเร็วได้ไง"
ผมอดขำไม่ได้ แม้โตจะเป็นหนุ่มแล้ว แต่บางทีผมก็คิดว่าแกยังเด็กอยู่ "แล้วทำไมไม่ถามเพื่อนล่ะถ้ายังงั้น"
"ก็เพื่อนผมมันไม่ใช้ถุงยางนี่ครับ แต่ผมรู้จักระวังตัว เดี๋ยวแฟนท้องแล้วจะยุ่ง อีกอย่าง ไม่อยากถามใครด้วยครับ เสียฟอร์มหมด เดี๋ยวมันจะหาว่าแค่นี้ก็ไม่รู้" โตสาธยาย "อาเป้รู้ก็บอกมาสิครับ หรือว่าไม่รู้" แน่ะ ท้าทายผมเล็กๆอีกด้วย
"โต ฟังอาก่อน" ผมพยายามอธิบาย "ใช้น่ะใช้เป็น แต่อาว่าสิ่งที่โตคิดจะทำมันเร็วไปนะ เอาไว้โตเป็นผู้ใหญ่ก่อนจะไม่ดีกว่าหรือ เกิดพ่อแม่ผู้หญิงเขารู้เรื่องแล้วเอาเรื่องจะทำยังไง โตไม่เสียอนาคตเหรอ"
"โธ่เอ๊ย อาเป้ไปอยู่ไหนมา ถ้าไม่ท้องล่ะมันไม่มีปัญหาหรอกครับ เป็นแฟนกันใครๆเขาก็ไปนอนกันทั้งนั้น บางคนมันยังเอามาเล่าให้เพื่อนฟังสนุกๆเลย"
"ไม่เอาล่ะ อาว่าอายังไม่สอนโตดีกว่า" ผมตัดบท เมื่อเห็นว่าการสนทนาชักจะไปกันใหญ่ และเรื่องแบบนี้ผมรับมือไม่ถูกเสียด้วย ผมไม่อยากมีส่วนส่งเสริมให้โตชิงสุกก่อนห่าม
"น่า น่า สอนหน่อยน่า อาเป้" โตอ้อนอีก พลางล้มตัวลงทับผม "ไม่สอนผมกดอาไว้ไม่ให้ไปไหนด้วย"
ว่าแล้วเราทั้งสองก็กอดปล้ำกันเล่น บางทีโตนึกสนุกก็จะมาปล้ำกับผมเล่น แต่ก่อนก็ไม่บ่อยนัก แต่ผมเพิ่งจะมาสังเกตว่าช่วงหลังที่โตเริ่มเติบโตขึ้น โตมักชอบเล่นปล้ำกับผมบ่อยๆ คงอยากประลองกำลังกระมัง เพราะโตตัวโตอย่างรวดเร็ว ปีสองปีที่ผมเห็นโต จากเด็กน้อยหุ่นเผอมพรียวกลายเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงและมีกล้ามเนื้ออันเนื่องมาจากการเล่นกีฬา
โตทับตัวผมไว้ ซึ่งผมรู้สึกว่าทับนานเป็นพิเศษ และแล้ว…ผมก็รู้สึกถึงสัมผัสอันค่อนข้างแข็งจากแก่นกายของโตที่ทาบอยู่บนท้องของผม … คงเป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติของเด็กหนุ่มที่ส่วนนั้นโดนเสียดสี ผมคิด แล้วก็ผลักตัวโตลงไปจากตัวผม แต่ไม่ให้โตรู้ว่าผมจงใจ คงเหมือนกับการเล่นกัน
"พอแล้ว โต ดึกแล้วนะ อาว่าเรานอนกันดีกว่า" ผมเปลี่ยนเรื่อง โตมีสีหน้าเปลี่ยนไปนิดๆ แต่ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจ คงนึกว่าโตผิดหวังที่ผมไม่ยอมสอนการใช้ถุงยาง จากนั้นเราทั้งสองก็เข้านอน และคืนนั้นเอง เมื่อผมตื่นขึ้นมากลางดึกผมก็พบว่าโตกำลังช่วยตัวเองโดยนอนคว่ำแล้วถูไถกับเตียงเหมือนอย่างที่เคยทำตอนที่ผมมาค้างที่นี่ใหม่ๆ
เมื่อแรกๆ บางครั้งผมต้องตื่นขึ้นมากลางดึกจากเสียงรบกวนบางอย่าง และพบว่าโตกำลังช่วยตัวเองแบบนี้อยู่ แต่สักปีที่ผ่านมาอาการนี้หายไป จะเป็นเพราะโตเลิกทำหรือเป็นเพราะผมหลับสนิทก็ไม่แน่ใจ แต่เอาเป็นว่าผมไม่ได้สังเกตพฤติกรรมแบบนี้อีกในช่วงหลัง เพิ่งจะมาสังเกตได้อีกคืนนี้เอง แต่ผมก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมาขัดจังหวะโต คงนอนหลับต่อไป เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของวัยรุ่น หลังจากนั้นในวันต่อๆมาผมก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
จากข้อมูลที่โตเล่าให้ผมฟัง ผมจึงพยายามหาโอกาสคุยกับพี่ยศเรื่องความระหองระแหงที่เกิดขึ้นในครอบครัว เดิมทีผมไม่คิดจะพูดเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องในครอบครัวซึ่งผมไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย แต่เมื่อมาถึงตอนนี้แล้วผมคิดว่าผมมีส่วนอยู่ด้วย จึงอยากถามพี่ยศให้กระจ่าง
และแล้ว โอกาสเหมาะก็มาถึงเมื่อวันหนึ่งเรานั่งคุยกันในห้องซาวน่าในยามบ่าย ที่จริงผมกับพี่ยศก็ยังเจอกันบ่อยๆ รวมทั้งยังมีเพศสัมพันธ์กันสม่ำเสมอ อีกทั้งพี่ยศก็ยังสินทสนมและแสนดีกับผมอย่างเสมอต้นเสมอปลาย แต่ผมก็ยังไม่สามารถหาโอกาสเหมาะที่จะคุยเรื่องนี้ได้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย จนกระทั่งวันนี้…
"พี่ครับ" ผมเริ่ม หลังจากที่เราปล่อยอารมณ์ตามสบายกับไอน้ำร้อนที่อบอวลอยู่ในห้องซาวน่าได้พอสมควรแล้ว "ผมรู้สึกว่าพี่กับพี่ป้อมหมู่นี้ไม่ค่อยจะ… จะ… " ผมพูดไม่ออก นึกไม่ออกว่าจะใช้คำอะไรดี "คือผมรู้สึกว่าพี่สองคนมีปากเสียงกันเล็กๆน้อยๆอยู่เสมอน่ะครับ" ผมพยายามพูดให้สถานการณ์ดูเบาอย่างที่สุด "มันผิดไปจากเมื่อก่อน"
พี่ยศหน้าเครียดไปหน่อยหนึ่ง "เป้สังเกตออกหรือ"
"ใครๆก็ดูออกครับพี่ แม้แต่พวกเด็กๆ" ผมหมายถึงเล็กกับโต "ผมรู้สึกไม่สบายใจครับ เพราะผมแน่ใจว่ามันเกี่ยวกับผม"
สีหน้าพี่ยศเครียดลงไปอีก แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ถึงอย่างไรเราก็ต้องพูดกัน "มันก็ไม่เชิงเกี่ยวกับเป้หรอก"
"ถ้าไม่เกี่ยวยังงั้นพี่บอกผมได้ไหมครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น" ผมรุก
พี่ยศถอนใจ แม้ว่าพี่ยศจะระหองระแหงกับพี่ป้อมในระยะหลัง แต่พี่ยศไม่เคยอารมณ์เสียกับผมเลย พี่ยศดีกับผมทุกอย่าง จนผมแปลกใจว่าทำไมพี่ป้อมกับพี่ยศจึงระหองระแหงกันได้ในเมื่อพี่ยศนิสัยดีออกอย่างนี้
"ที่จริงมันเกี่ยวกับพี่มากกว่า" พูดแล้วพี่ยศก็ถอนหายใจอีก "ยังไงละครับ" ผมถามรุกอีก
"คือ… เอาละ พี่จะบอกให้เป้ฟังก็แล้วกัน คือที่เราระหองระแหงกันในช่วงนี้เพราะป้อมเขาหงุดหงิดพี่น่ะ" พี่ยศเล่าแค่นี้แล้วก็นิ่งอึ้ง "แล้วทำไมต้องหงุดหงิดพี่ด้วยละครับ" ผมถาม ยังนึกหาสาเหตุไม่ออก
"คือพี่ไม่ยอมทำการบ้านกับป้อมเขาน่ะ" พี่ยศสารภาพ
ในที่สุดพี่ยศก็ยอมพูดถึงต้นตอของปัญหาออกมา ผมนิ่งเงียบ รับมือกับปัญหานี้ไม่ถูกเหมือนกัน เพราะมันเป็นปัญหาที่ผมนึกไม่ถึงมาก่อนเลย "แล้วอย่างนี้พี่ยังบอกว่าไม่เกี่ยวกับผมหรือครับ มันเกี่ยวกับผมชัดๆ"
"เป้ ฟังพี่ก่อนนะ คือว่าพี่ฝืนความรู้สึกที่ต้องมีอะไรกับผู้หญิงมานานแล้ว จนมาระยะหลังนี่พี่รู้สึกว่าพี่ไม่อยากฝืนต่อไปแล้ว พูดตรงๆนะ พี่แทบจะไม่เกิดอารมณ์กับผู้หญิงเลยในระยะหลัง ไม่ได้หมายความว่าป้อมมีอะไรบกพร่องนะ แต่พี่หมายถึงตัวเอง พี่เบื่อที่จะต้องฝืนความรู้สึกของตัวเองต่อไป ถึงเป้ไม่ได้เข้ามาในชีวิตของพี่ พี่ก็ยังต้องทำแบบนี้กับป้อมอยู่ดี" พี่ยศพยายามอธิบาย
ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งที่พี่ยศพูด คือหมายถึงว่าถ้าผมไม่ได้เข้ามาในชีวิตพี่ยศแล้วทุกอย่างมันจะเลวลงแบบนี้หรือไม่ คงไม่มีใครบอกได้เพราะว่าถึงอย่างไรผมก็เข้ามาแล้ว
"แล้วผมควรจะทำอย่างไรครับ เพราะเท่ากับผมกำลังทำให้ครอบครัวของพี่แตกแยก" ผมพูดอย่างสำนึกผิด "ผมอยากถอนตัวเองออกมาเหมือนกันครับ แต่ว่าผมก็ทำไม่ได้"
พี่ยศปลอบผมด้วยการตบไหล่ผมเบาๆ "พี่เองก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน คงต้องค่อยๆคิด"
ผมตัดสินใจถามเรื่องส่วนตัวของพี่ยศออกไป "แล้วพี่เคยพยายามฝืนทำเพื่อพี่ป้อมได้รับความสุขบ้างไหมครับ"
"เคยสิเป้ ทำไมจะไม่เคย แต่มันไม่ได้ผล ระยะหลังนี้พี่ไม่มีอารมณ์กับป้อมเขาเลย พี่ทำให้มันแข็งไม่ได้" พี่ยศสารภาพ "พอพี่รู้ว่าพี่ทำไม่ได้ พี่ก็พยายามหลีกเลี่ยง หนักเข้าป้อมก็เลยทนไม่ไหว คิดว่าพี่ตายด้าน เลยพยายามให้พี่ไปปรึกษาหมอ พี่ก็ไม่ยอมไปเพราะพี่รู้ดีว่าพี่ไม่ได้ตายด้านอย่างที่ป้อมคิด ป้อมก็เลยหงุดหงิด หาว่าพี่ไม่ยอมให้ความร่วมมือ"
เราทั้งคู่นิ่งเงียบ ผมจับมือพี่ยศบีบเบาๆอันเป็นความหมายว่าผมเข้าใจและเห็นใจพี่ยศ ถึงตอนนี้ผมเข้าใจหมดแล้ว และไม่ได้ซักถามอะไรอีก ผมอยากหนีสภาพนี้ไปให้ไกลแสนไกล แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะผมทิ้งพี่ยศไปไม่ได้…
ขอบคุณครับผม{:5_130:} ขอบคุนระ ขอบคุณคับ
ขอบคุณครับ ขอบคุนครับ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับผม ขอบคุณครับ ขอบคุณนะครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ... ขอบคุณครับ... ขอบคุณครับ มาติดตามครับ ขอบคุณครับ
{:6_176:}ขอบคุงมากคร้าบ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณจ้า