ตรี โพสต์ 2011-4-5 10:34:30

เสเพลรัก

เสเพลรัก       


            “เฮ้ย............เลิกงานแล้วเราไป ซัมธิ่งลองกันที่ไหนกันดี”
             วันนี้เราไปดูหนังกันดีกว่านะ…………..

            เดี๋ยวเราไปแด้นซ์กันน่ะ...............

            ไปผับเปิดใหม่กันน่ะ...................

               ไปคาราโอเกะกันดีกว่า................

            ฉันมีเพื่อนสนิท ทั้งชายหญิง สามสี่คนในกลุ่มที่คอยเทคแคร์ดูแลฉัน   ต่างไม่ยอมให้ฉันอยู่เพียงคนเดียวตามลำพัง   ด้วยกลัวฉันจะคิดมากและฟุ้งซ่านเพื่อนๆต่างช่วยกันตั้งโปรแกรมพาฉันไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆทุกวัน    ประมาณว่าเมื่อถึงห้องพักฉันก็อ่อนล้าหมดแรงหลับเป็นตายทุกคืนไม่มีเวลามาคร่ำครวญเสียอกเสียใจกับเรื่องราวเก่าๆ อีกเลย

             ถ้าเป็นวันหยุดยาวหรือเสาร์อาทิตย์เราจะเหมารถตู้ไปเที่ยวชายทะเลไกลๆเช่าบังกะโลอยู่กันหลายๆวันบางทีเพื่อนๆพี่ๆ รวมตัวกันได้กว่า 15-16   คนเลยทีเดียว
            เสาร์นี้ก็เช่นกันหลังจากเคลียร์งานเสร็จประมาณเที่ยง   พวกเรานั่งทานข้าวและสนทนากันถึงสถานที่ ที่จะไปพักผ่อนกันในช่วงวันหยุดยาวครั้งนี้.............................................   เราตกลงกันจะไปเที่ยวชายหาดแถวระยอง   

            ฉันนึกขอบคุณสวรรค์ที่ดลบันดาลให้ฉันมีเพื่อนร่วมงานที่ดี   
             “ถ้าไม่มีพวกเขาฉันในวันนี้จะเปลี่ยวเหงา   และจมจ่อมอยู่กับความรวดร้าวซักแค่ไหนนะ”ฉันนั่งดูวิวริมข้างทางขณะรถตู้วิ่งออกจากกรุงเทพหลังจากแวะซื้อ เหล้าเบียร์ของขบเคี้ยวและข้าวของจำเป็นที่ แมคโคร ย่านชานเมืองได้ครบถ้วนแล้ว

         เพื่อนๆหลับสนิทกันทุกคน คงเหนื่อยจากงานที่ทำกันมาทั้งสัปดาห์แต่ฉันอยากจะดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัวที่นานๆจะได้สัมผัสสักครั้ง

            
       พวกเราเดินทางมาถึงจุดหมายก็ประมาณ 4-5 โมงเย็นแล้ว   พอถึงที่พักเราก็เจอกับรถตู้ของเพื่อนๆพี่ๆอีกคันที่มาถึงก่อนสักพักแล้ว   เป็นอันว่าเราต้องเช่าบังกะโลหลังใหญ่ที่สุดเพราะไม่อยากแยกกันพักเป็นกลุ่มย่อย

      พอพวกเราจัดแจงที่พักเรียบร้อยแม่บ้านก็ยกปูมา 2 หม้อใหญ่ๆที่พี่เขาไปดักซื้อมาจากชาวประมง และวานแม่บ้านทำให้สุกและหาน้ำจิ้มให้ด้วยเป็นออเดิร์ฟที่อร่อยมากครับ

          ส่วนอาหารมื้ออื่นๆเราเข้าครัวกันเองโดยไปซื้ออาหารทะเลสดๆที่ชาวประมงเพิ่งจะขึ้นฝั่ง
สดอร่อยทุกเมนูครับ
            
          เรามีกิจกรรมสนุกๆกันตลอดอาทิเล่นดรัมมี่ ใครแพ้ยกเบียร์หมดกระป๋องครับ
คาราโอเกะก็มีครับ.................. พวกเราสนุกกันมาก โดยสรุปมาเที่ยวทะเลแต่ไม่มีใครได้ลงน้ำแม้แต่คนเดียวครับ


            ขากลับเราแวะชมวิวตามสถานที่ ที่เขาบอกว่าสวยแวะร้านอาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดในย่านนั้น
เป็นทริปที่ประทับมากใจอีกทริปหนึ่งครับ
         
            ฉันกลายเป็นนักท่องราตรีในวันจันทร์-ศุกร์   และเป็นนักท่องเที่ยวในวันหยุดเสาร์อาทิตย์
ชีวิตมันก็มีความสุขดีนะ“คนไม่มีแฟน” ไม่เห็นต้องมีแฟนเลยฉันบอกกับตัวเอง


            ศุกร์นี้พวกเราแต่งกาย อย่างสุดหล่อสุดสวย   ด้วยเป็นงานแต่งของพี่ปุ้ยกับพี่วัฒน์
เป็นงานแต่งที่หรูที่สุดที่ฉันเคยไปเลยทีเดียว

            หลังจากนั้นไม่นานนัก   ชีวิตนักท่องราตรีและนักท่องเที่ยวของฉันก็เริ่มห่างหายไป
เมื่อพี่ปุ้ยตั้งท้องอ่อนๆแล้วพี่วัฒน์ก็ต้องคอยดูแลนี่นา   เหลือเราเพียงสี่คนคนไปไหนมาไหนก็ให้รู้สึกกร่อยๆอย่างช่วยไม่ได้         




                        “เฮ้ยพวก.................... พรุ่งนี้วันเกิดฉันนะ”
         ต๊อกตั้งประเด็น   เพื่อหาที่เที่ยว   เราต่างรู้กัน
                     “ไปรัชดานะ”กุ้งบอก
                     “เฮ้ย.............บ่อย” เพื่อนๆแย้ง
                     “งั้นสุขุมวิท” เทอดเสนอ
                     “อีกแล้วเหรอ......................”เพื่อนๆครวญ
                        “สีลมเป็นไง.........”   
                     “ที่เดิมๆ................”เพื่อนๆตอบแทบจะพร้อมกัน


            ที่จริงแล้วมันก็น่าเบื่อจริงๆน่ะแหละ พวกเราตระเวนเที่ยวไปแล้วทุกๆที่ที่ละหลายๆครั้ง
มันก็เดิมๆ
                  “งั้น....ลองออกไปนอกเมืองกันหน่อยมั๊ย” ฉันเสนอ               
               “เออดิ.......เที่ยวแต่ในกรุง   ไปหมดทุกที่แล้วลองรอบนอกบ้าง” เพื่อนๆเห็นด้วยกับฉันเสมอจะไม่ให้รักได้อย่างไรกัน

                  พวกเราขับรถตระเวนไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายหรอกนะ ไม่คุ้นเคย   ก็ผ่านหูผ่านตาไปหลายที่ แต่ไม่น่าสนใจ    คนน้อยบ้าง   สถานที่เล็กคับแคบบ้าง   เงียบเหงาบ้าง   หาข้อติกันไป

                สุดท้ายเราเลือกผับ คาราโอเกะ แดนซ์ครบวงจรเลยย่านเทพารักษ์เกือบๆจะถึงสมุทรปราการอยู่แล้วเชียว   เพราะรูปลักษณ์ใหญ่โต โอ่อ่า   ผู้คนคึกคักมากมากมาย   
               
            ก็ไม่ผิดหวังบรรยากาศดีบริการดี   อาหารดี    นักเที่ยวกริยาดีใช้ได้ทีเดียว

            “สวัสดีครับ.......” ขณะที่ฉันล้างมืออยู่ที่อ่างล้างหน้า    ฉันหันไปตามเสียงทุ้มนั่น
               “ให้ตายเหอะ   เทพบุตรที่ไหนกันอีกล่ะเนี่ย”ฉันนึกในใจยิ้มให้อย่างประหม่า

            “ผมโอ๊ตครับ.......” เขาแนะนำตัวยิ้มให้กับอาการเคอะเขินของฉัน
            “ทิชชูเช็ดมือครับ” เขารุกต่อในขณะที่ฉันเริ่มได้สติ
            “ขอบคุณครับ............ผมทีครับ” ฉันรับกระดาษจากเขาพร้อมทั้งแนะนำตัว

         “คุณน่ารักมากนะครับผมแอบมองที่โต๊ะตั้งนานแล้วหล่ะครับ   แต่ไม่กล้าเข้าไปหา      เพื่อนคุณเยอะแยะไปหมด.................................. ว่างๆโทรหาผมหน่อยนะครับเราจะได้ทำความรู้จักกัน” เขาส่งยิ้มและทำตาหวานพร้อมทั้งยื่นนามบัตรให้ฉันและเดินจากไปโน่นแล้ว

            ฉันยังงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   แต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง   พยายามมองหาเขา    แต่ไม่เจอ
เอ๊......หรือว่าฉันละเมอไปนะ   เปล่านี่   นามบัตรยังอยู่ในกระเป๋านี่เอง


         สามสี่วันให้หลัง      ฉันหยิบนามบัตรนั้นขึ้นมาดูรายละเอียดหน้าที่การงานเขาก็ระดับผู้บริหาร   หน้าตาก็ขั้นเทพขนาดนั้น         เขาจะจริงจังกับเราสักแค่ไหนกันนะ   ......................    ฉันลังเลที่จะโทรหาเขา

         ฉันพยายามทบทวนทุกเหตุรัก..............ความสุขสม   ความเอิบอิ่มและการเติมเต็ม.........ความผิดหวัง   ความเจ็บช้ำและการร้างลา                  แท้ที่จริงแล้วฉันยังขลาดกลัว......................แต่สุดท้ายความเปลี่ยวเหงา   เป็นฝ่ายชนะ   ฉันกดโทรศัพท์หาเขา

         “สวัสดีครับ...........” เสียงทุ้ม ชวนฟังรับสาย
         “ครับผมเออ.....................” ฉันประหม่า พูดไม่ออก
         “ผมรู้ผมรู้ว่าเป็นคุณ...............ผมรออยู่นะครับ” ฉันรู้สึกผ่อนคลายแล้วเราก็คุยกันยืดยาวเนิ่นนานด้วยเป็นเวลาเลิกงานแล้ว

            
             ในตอนบ่ายวันอาทิตย์      ฉันไปพบเขาตามนัดที่โรงหนังชั้นหนึ่งกลางกรุง   

            เขารออยู่นั่นแล้ว
             “ได้เวลาพอดี    เราเข้าไปข้างในกันเลยนะครับ” เขาชักชวนและเดินนำฉันไปนั่นแล้ว
             เรานั่งกันข้างบนสุดซึ่งไม่มีผู้คนอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้นเลย

   
                     “อากาศเย็นมากนะครับ”เขากระซิบที่ข้างหูแล้วเอื้อมมือมาเกาะกุมมือฉันไว้
ฉันประหม่าแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
                     เขาหอมที่แก้มฉันแผ่วเบา   แล้วจูบที่หน้าผากก่อนจะบอกว่า
                  “ผมชอบคุณนะครับ” พร้อมทั้งดึงรั้งร่างฉันให้อิงซบที่ไหล่เขา
ฉันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย         ภายใต้อ้อมแขนที่ฉันโหยหามานานปี..........................
ถึงตอนนี้      ฉันตัดสินใจที่จะทำตามความต้องการของหัวใจที่มันร่ำร้องอยู่ข้างในจะไม่ยอมให้เป็นเหมือนรักร้างเมื่อสองครั้งที่ผ่านมา   


                   เรารับประทานอาหารที่ร้านหรูและลงเอยที่โรงแรมห้าดาวในย่านนั้น
                   พี่โอ๊ตดึงฉันเข้าไปกอดจูบและจู่โจมทันทีที่บริกรปิดประตูห้อง         ฉันไม่ทันได้ตั้งตัวแต่ฉันก็ไม่ได้ขัดขืน   ฉันยืนยันจะทำตามความต้องการข้างในที่มันเรียกร้อง         ฉันจะปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามพรหมลิขิต   ตามที่กามเทพนำพา............................

                  พี่โอ๊ตดูเร่าร้อนและหื่นกระหายมาก      แต่ก็ไม่ได้รุนแรงหรือซาดิสม์เอากับฉัน
ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับเพลงกามที่เขาปรนเปรอ      โดยที่เสื้อยังติดอยู่ที่ตัวแต่กระดุมโดนแกะทุกเม็ดในตอนที่พี่เขาสำรวจโลมเล้าร่างกายฉันนั้น

                  ถึงทีที่ฉันต้องแสดงฝีมือบ้างแล้ว      พี่โอ๊ตยืนขึ้นถอดกางเกงลงไปกองที่ข้อเท้า
แล้วกดให้ฉันนั่งลงตรงกลางระหว่างเป้า............ตรงแก่นกายนั้น
               เครื่องเพศของพี่โอ๊ต   ใหญ่โตเกินตัวฉันต้องอ้าปากสุดกว้างและพยายามอย่างยิ่งที่จะกลืนกินให้หมดความยาวของท่อนลำนั้น
                “โอ้ว.........................ซี๊ดดดดดดดดดดดดดดด”
               “ ดีครับ   ดีมากครับ......................................อย่างงั้นดีแล้ว โอววววววววววว”
พี่โอ๊ตครวญครางไม่ขาดเสียงปากก็พร่ำชมฉันตลอด
            ฉันเองก็ให้รู้สึกกระสัน   ดูดกินน้ำเสียวของพี่เขาอย่างเอร็ดอร่อยและพึงใจในความใหญ่โตและความแข็งแกร่งเกินชายของเขาอย่างไม่รู้สึกพอ

                   




                           “เดี๋ยวก่อนครับ”   พี่โอ๊ตดึงรั้งร่างฉันขึ้นมาแล้วใช้ปากบดขยี้ปากฉันอย่างรุนแรง      ฉันสัมผัสได้ถึงความต้องการอันท่วมท้นของพี่เขาในเวลานั้น    เขาเลื่อนมาไซร้รูหู    ท้ายทอยแล้วดึงรั้งชายเสื้อฉันขึ้นก่อนที่จะไล้เล็มเลียไปตามแผ่นหลังของฉัน      ฉันยอมรับว่า เสียว สยิวมาก บิดตัวไปมาตามจังหวะการฉกไล้เล็มเลียของพี่เขา         และแล้วพี่โอ๊ตก็ดึงกางเกงของฉันลงไปกองอยู่ที่ตรงข้อเท้าของฉันบ้าง       เขากัดเบาๆจูบเลียไปตามบั้นท้ายของฉัน      “เฮยยยยย.......................” เสียงสั่นเครือแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากฉันอย่างสุดจะทน   แล้วที่ทำให้ฉันต้องสะดุ้งสุดตัวก็ตอนที่พี่เขาใช้สองมือแหวกแก้มก้นฉันแล้วใช้ลิ้นฉกอย่างเชี่ยวชาญที่รูร่องนั้น
                  “โอ๊ย....พี่ครับผมไม่ไหวแล้ว”ฉันโพล่งออกไปอย่างสุดจะทน
                  พี่โอ๊ตถลันยืนขึ้นในทันที   ดันฉันให้หน้าอกไปติดกับผนังห้องแล้วพี่แกก็เอาเจลหล่อลื่นมาละเลงที่รูฉันและที่แก่นกายอันมโหฬารนั่น   แล้วพี่เขาก็ค่อยๆดันเข้ามา   ค่อยๆดันเข้ามาที่ประตูสวรรค์นั่น       ฉันรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งและร้อนรุ่มนั้น      
                   “เบาๆก่อนนะครับ.........” ฉันพร่ำบอกเสียงสั่นตัวสั่นตื่นกลัว.........
พี่โอ๊ต ขบที่ติ่งหูเบาๆกระซิบปลอบ
                   “ไม่ต้องกลัวที่รัก........ผมจะทะนุถนอมคุณ    ผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุดเลยครับ”
ฉันรู้สึกตึงแน่นที่รูมากถึงแม้ว่าจะเพิ่งเข้าไปได้แค่ส่วนหัวแต่ฉันก็ไม่ยอมท้อเพียงแต่บอกให้พี่เขาหยุดพักเป็นช่วงๆพอพี่เขาเห็นว่าฉันผ่อนคลายบ้างก็ค่อยๆรุกคืบต่อไป..................กึ๊ก    จนในที่สุดพี่โอ๊ตก็ดันเข้าไปได้จนสุดลำฉันรู้สึกคับแน่นไปทั้งตัวจุกจนแทบจะถึงคอ.........
               พี่เขาหยุดพักสักครู่ ลูบไล้จูบไซร้ให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย.................ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงกามต่อไป    พี่เขาซอยลึกบ้างตื้นบ้างแยงซ้ายที ขวาทีบางทีก็ส่ายวน   แรงบ้างเบาบ้าง.................... ฉันเสียวจนครวญครางไม่หยุดปาก   พี่เขากระแทกไม่ยอมหยุดพักจนฉันหมดแรง
                  “ พี่ครับ....ผมเหนื่อยแล้วครับ......” ฉันอุทรณ์
                  “น่า...........นะครับ...”พี่เขากระซิบที่ข้างหูเหมือนจะคอยให้กำลังใจ      แต่ไม่ยอมหยุดพักไม่ยอมไปที่เตียง       พี่เขาคอยเติมเยลทุกๆครั้งเมื่อเริ่มจะแห้งฝืด      พี่เขาเหงื่อท่วมตัว
ฉันเหงื่อท่วมกายจนเสื้อเปียกโชกทั้งเสื้อเชี้ตและเสื้อนอก      เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ได้   
พี่เขาร้องเสียงดังและกระแทกรูฉันกระชั้นขึ้นและแรงขึ้น
                “โอ๊ะๆ.......โอวววว...........................ทีจ๋า.........................”พี่เขากระเด้าสุดแรง   พร้อมกันนั้นเครื่องเพศของพี่เขาก็กระตุกถี่ๆอย่างแรงภายในรูฉันนั้น
                “โอยยยยยยยยยยยยยยย......................อา.......................อูยยยยยยยยยยยยยยยย”
เสียงของเราทั้งคู่ประสานกัน   ฉันเองก็เสร็จโดยที่ไม่ได้แตะท่อนลำของฉันเลย


         
            พี่โอ๊ตยังคงกอดฉันแน่นในท่าเดิมโดยยังไม่ยอมถอนแก่นกายออกจากรูฉัน      ฉันเองก็รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่ยังคงเดิมแม้เวลาจะผ่านไปหลังจากพี่เขาเสร็จแล้วนานกว่า 10 นาที
            และแล้วพี่เขาก็ค่อยๆดึงแก่นกายออกจากรูฉันอย่างช้าๆ   
            “อูยยยยย...............”เสียงฉันและพี่เขาครางแทบจะพร้อมๆกัน
               “บล็อก.........””โอ๊ย.....................”ฉันร้องอย่างสุดเสียวในทันทีที่ท่อนลำพี่โอ๊ดหลุดออกจากรูฉัน
             “โอ้โฮ.....อะไรกันนี่”พี่โอ๊ตอุทาน
             ฉันมองตามสายตาพี่โอ๊ตเลือดติดเต็มท่อนลำที่แข็งแกร่งของพี่เขาอยู่เต็มไปหมด ............เลือดแดงๆของฉันและน้ำกามของพี่โอ๊ต      หยดเต็มกางเกงในสีขาวของเราทั้งคู่      ฉันหลบสายตาพี่โอ๊ตที่ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างพึงพอใจก่อนจะหอมแก้มฉันแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
            
               “มานี่มา.......”พี่โอ๊ตนอนอ้าแขนรอรับฉันอยู่บนเตียงหลังจากที่ฉันอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเรียบร้อยแล้ว
             “เจ็บไหม..................ขอโทษทีผมไม่รู้ว่า........................” พี่โอ๊ตกอดจูบปลอบประโลมฉันคงเข้าใจว่าฉันไม่เคยผ่านชายใดมาแน่ๆเลย   มันก็เกือบจะจริงน่ะนะชายแรกหนึ่งเดียวของฉันน่ะไซส์เล็กไปถนัดตาเมื่อเทียบกับไซส์ขนาดเอ๊กซ์แอลของพี่โอ๊ตน่ะ   ดูสิฉันยังรู้สึกแสบร้อนผะผ่าวเหมือนดุ้นทั้งดุ้นของพี่แกยังอยู่ในรูฉันอยู่เลย      


               และแล้ว..............................เกมส์รักอันเร่าร้อนแต่นุ่มนวลของพี่โอ๊ตก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง      คราวนี้ฉันรู้สึกถึงความดื่มด่ำล้ำลึกกว่าเดิม      พี่เขาช่างเก่งขั้นเทพจริงๆ   ฉันยอมรับว่ามีความสุขสุดยอดอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน          เราต่างปรนเปรอกันอย่างสุดความปรารถนา.......................จนฉันหมดเรี่ยวแรงหลับคาอ้อมแขนของพี่เขาจนรุ่งสาง
      

                เรานัดเจอกันบ่อยมาก เกือบจะทุกวัน    ฉันยอมรับว่ามีความสุขเหลือเกิน
                  

               ฉันเริ่มห่างจากเพื่อนๆแต่ก็ไม่มีใครสังเกตได้เพราะว่าอยู่ในช่วงสับเปลี่ยนสายงาน   ย้ายแผนกกันให้วุ่นวายไปหมด    วันๆแทบไม่ได้เจอกับเพื่อนร่วมก๊วน


             ฉันได้รับเรียกตัวเข้าทำงานที่บริษัทยักษ์ใหญ่กลางกรุงในตำแหน่งวิทยากรฝึกอบรม    ซึ่งเป็นงานที่ตรงกับสายที่ฉันเรียนมา    ถึงแม้ว่าเงินเดือนจะไม่ได้มากไปกว่าเดิม   แต่ทำงานเป็นเวลาไม่ต้องเข้ากะและหยุดเสาร์อาทิตย์ด้วย    ที่สำคัญพ่อทูนหัวของฉันเป็นคนเลือกเองว่าให้ฉันทำงานที่นี่จากหลายๆที่ที่เรียกให้ฉันไปรายงานตัว

            ผลที่ตามมาคือ...................................ฉันได้เจอกับหวานใจได้แค่เสาร์อาทิตย์เพราะฉันพักอยู่กลางกรุงส่วนพี่แกบ้านอยู่ชานเมืองและทำงานที่บริษัทของญาติๆ ในย่านเดียวกันนั่นเอง
ถ้าวันไหนไปหากันในวันทำงาน    เหมือนกับว่าไม่ได้หลับนอนไม่ได้พักผ่อนกันทั้งคืน

            แต่ฉันก็มีความสุขดีด้วยหัวใจฉันเต็มอิ่ม   หน้าตาสุขสดชื่นเสมอจนคนรอบข้างรู้สึกได้และต่างออกปากทักถาม...................

            “โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย.........................................” ฉันรู้สึกเจ็บแปลบที่ท้องน้อยจนต้องนั่งลงเอามือกุมท้องก้าวเดินต่อไปไม่ไหว
            “เป็นอะไรไปน่ะที.......................” พี่ๆน้องๆต่างแย่งกันถามด้วยความเป็นห่วงฉันบอกเล่าถึงอาการเจ็บแปลบตามความเป็นจริง
            “นั่นมันอาการที่ผู้หญิงเขาเป็นกันนี่นา.......................” หัวหน้าฉันออกปาก    ฉันได้แต่ยิ้มอายๆแอบนึกในใจว่า “ก็ผมโดนทำ.......................เหมือนผู้หญิงนี่นา...........................”
หลังจากวันนั้นฉันไม่กล้าบ่นเจ็บที่ท้องน้อยให้ใครได้ยินอีกเลย


         ความสัมพันธ์ของฉันกับพี่โอ๊ตเป็นไปด้วยดีผ่านไปนานกว่าปีครึ่ง    ข่าวไม่ดีก็เริ่มได้ยินถึงหูฉัน
         “แฟนแกน่ะ    เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่นเลยนะที...................”เสียงเพื่อนรายงานมาจากปลายสาย ด้วยเพื่อนๆยังทำงานอยู่ที่เดิมในละแวกเดียวกันกับบริษัทพี่โอ๊ต
         “ ไม่หรอกน่า..............พี่เขาอาจจะแค่ไปกับคนรู้จัก” ฉันแย้งเพราะพี่เขาบอกให้ฉันหนักแน่นเสมอเพราะเขาต้องติดต่องานกับลูกค้าเสมอและเขาเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะมาก


            แต่นั่น ก็เริ่มทำให้ฉันหวั่นไหวไม่สบายใจได้ไม่น้อยเลย   เมื่อข่าวเริ่มหนาหูได้ยินจากปากของเพื่อนๆแทบจะทุกคน


             ฉันพยายามสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะมีให้เห็นบ้างแต่ไม่มีเลยพี่โอ๊ตดูเสมอต้นเสมอปลายเคยอย่างไรก็อย่างนั้นยิ่งเรื่องบนเตียงพี่เขาจะทำเหมือนหิวกระหายเหมือนกินอาหารมื้อหลักทุกมื้อก็ไม่ปานไม่เคยมีเลยสักครั้งที่จะทำแบบขอไปที........................ฉันพยายามสลัดความกลัดกลุ้มที่อาจจะบานปลายไปกัดกร่อนความสัมพันธ์ของสองเรา
            

             ฉันตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของพี่โอ๊ตในเช้าวันเสาร์    ฉันค่อยๆลุกขึ้นนั่ง พินิจพิจารณาเรือนร่างและหน้าตาของพี่เขา   ไม่มีอะไรบุบสลายหรือแปลกตาไป พี่เขายังคงเดิมทุกกระเบียด
หน้าตาหล่อเหลาปานเทพบุตร   ซึ่งพี่แกภูมิใจนักหนาว่า   ใครๆก็บอกหน้าตาดีที่สุดในตระกูล
ก็เห็นจะจริง หน้าตาแกเหมือนพระเอกดังคนหนึ่งซะด้วยซี   ฉันเคยบอกพี่เขาก็รับอย่างภูมิใจว่า
“ของมันแน่อยู่แล้ว”   ฉันยิ้มอย่างภูมิใจและหอมแก้มพี่เขาอย่างรักใคร่ก่อนจะลุกไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนพี่เขาจะตื่นนอน.................... ด้วยฉันรู้ว่าต้องเตรียมพร้อมรับศึกหนักหลังจากพี่แกนอนเต็มอิ่มในตอนเช้าเสมอๆ      

               พี่โอ๊ตเล่าเรื่องราวส่วนตัวให้ฉันฟังมากมายเขาเคยเป็นDJที่ผับดังแต่ไปเสียทีโคโยตี้สาวจอมยั่ว   “ดูท่าทางมันจะคันมากก็เลยเสียบๆให้มันไปแต่ไม่นึกว่ามันจะเอาจริงปล่อยให้ท้องแล้วมาบอกว่าเป็นลูกของเราซะงั้น    ครั้นจะรับก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นลูกเราหรือเปล่า วันๆไปเต้นสี่ซ้าห้าที่ใครจะรู้ว่าไปให้ท่าใครอีก”พี่แกบอกพี่แกเลยหนีไปบวชซะเป็นปี“ชะนีคลอดลูกทิ้งไว้แล้วไปร่านต่อ แต่โทษทีเด็กชายคนนั้นอยู่กับตายายยิ่งโตขึ้นหน้าก็หน้าฉัน หูก็หูกางๆของฉันนี่แหละตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วอีกสองสามปีขึ้นมัธยมเดี่ยวจะรับมาอยู่ด้วย” พี่โอ๊ตบอกนั่นยิ่งทำให้ฉันภูมิใจที่ได้ผู้ชายแท้ๆมาเป็นสามี   แกบอกเบื่อผู้หญิงจอมร่านพวกนั้นน่ะครับ
            
            ฉันพยายามจะลืมและไม่นึกถึงเรื่องราวการนอกใจของพี่เขา    ด้วยฉันตั้งปณิธานแน่วแน่ว่า   จะขอประคองรักนี้ให้ยืนยาวที่สุด    ฉันไม่เคยเลยสักครั้งที่จะปริปากเอ่ยถามเรื่องนี้กับพี่โอ๊ต
ซึ่งพี่เขาก็ดูจะมีความสุขมากที่ได้อยู่กับฉัน

            อ้อ.............ฉันลืมบอกให้รู้ถึง สิ่งที่พี่โอ๊ตโปรดปรานอีกอย่างคือแกชอบมีเซ็กซ์เอาท์ดอ
ทุกที่ที่ไปกับฉันเสมอๆ   ซึ่งพี่เขาบอกว่า   ชอบฉันมากที่ใจกล้าและตามใจแกเสมอมา    ก็คนมันรักนี่นา อะไรที่จะทำให้พี่เขามีความสุขถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงฉันยินดีจะทำให้เสมอ


               แต่เพื่อนๆก็รักฉันอย่างเหลือเกิน    ตามเก็บภาพความสัมพันธ์ของพี่โอ๊ตกับ ตัวเล็กตัวน้อยมาให้ฉันซะเล่นเอาพี่แกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกดิ้นไม่หลุดกันเลยทีเดียว
                “ก็แค่ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวไม่จริงจังอะไร”พี่เขาบอก   แล้วรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวฉันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น   ฉันก็เหลือเกินพ่ายแพ้บทรักอย่างราบคาบยอมพี่เขาทุกทีไปสินะ    อาจเป็นเพราะพี่เขาให้ความสุขฉันได้เต็มที่ฉันจึงไม่ค่อยจะรู้สึกขาดเขินขุ่นเคืองสักเท่าไร
               
               แต่ยามใดก็ตามที่เราห่างกัน................ความเจ็บปวด   ความเจ็บช้ำ    จะรุกคืบถาโถม
ด้วยฉันรู้อยู่แก่ใจว่าพี่แกกำลังทำอะไรอยู่กับใครต่อใคร   ..............ความปวดช้ำที่ใจคงปิดไว้ไม่มิดมันแสดงออกมาให้เห็นทางสีหน้าและสายตาที่หม่นหมอง   น้ำตารินไหลไม่ขาดสาย.................ฉันรับรู้ได้ถึงความไม่มั่นคงการทรยศการหักหลัง   แต่ฉันไม่เคยโวยวายไม่ได้ร้องไห้คร่ำครวญ      ไม่มีแม้แต่จะต่อว่าเขาสักคำเดียว       ด้วยฉันรู้จากประสบการณ์รักที่ผ่านๆมาว่าไม่มีประโยชน์อะไร    ฉันทำได้เพียงแต่ยอมรับความปวดชาที่หัวใจ


             ฉันสวมบทเมียหลวงอยู่ได้ตั้งนานสองนานโดยไม่ได้รู้ว่าใครบ้างเป็นเมียน้อยรู้แต่ว่ามากหน้าหลายตาไม่เป็นตัวเป็นตนกันสักที         มารู้ตัวอีกทีก็ย่างเข้าเกือบๆจะสามปีที่คบกับพี่โอ๊ต...........คราวนี้เมียน้อยตัวจริงเสียงจริงอุบัติขึ้นมา   หล่อนตั้งหน้าตั้งตาราวีและจงใจจะแย่งพี่เขาไปเป็นของหล่อนให้จงได้
               “พี่ทีเหรอครับพี่โอ๊ตฝากของมาให้น่ะครับ” ก็แมนๆดีมาหาฉันถึงที่เชียว
               “อยู่ที่รถน่ะครับรบกวนพี่ตามไปที่ลานจอดหน่อยนะครับ”ฉันไม่ได้คิดระแวงอะไร
คิดแค่ว่าพี่โอ๊ตต้องการจะเซอไพรซ์ฉันแค่นั้นเอง
               “เปิดดูสิครับ.............”ฉันค่อยๆเปิดอัลบั้มรูปที่อยู่ตรงหน้าช้าๆทีละแผ่นๆ   พี่โอ๊ตในสภาพเปลือยเปล่ากำลังเล่นบทรักอันเร่าร้อนกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน......................มือฉันสั่นเทา
น้ำตาเอ่อนอง   
            “พี่เขาบอกว่า   ถ้าไม่มีคุณเขาจะเป็นของผมเพียงคนเดียว.................เขารักผมแต่เขายังสงสารคุณอยู่ก็เท่านั้นอย่ามาขวางทางสวรรค์ของเราเลย   จันทร์ถึงศุกร์พี่เขาก็อยู่กับผมอยู่แล้วเสาร์อาทิตย์อย่ามาพรากเขาจากผมเลย    ออกจากชีวิตของเราไปเถอะผมขอร้อง.......................”
เขาพูดประหนึ่งว่าฉันเป็นส่วนเกินทั้งๆที่เขาแย่งพี่โอ๊ตไปจากฉันโดยแท้

            ฉันจุกที่หน้าอกพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว   เขาจากไปแล้วทิ้งฉันให้หมดเรี่ยวแรง
หัวใจและลำคอแห้งผาก

             และแล้วความอดทนของฉันก็เดินทางมาถึงขีดสุด.....................ในเมื่อฉันยอมทุกอย่างทั้งๆที่รู้ว่าเขาปันใจ    เขามีใครต่อใครฉันไม่เคยไปวุ่นวาย    แต่เขากลับปล่อยให้คนของเขามาทำร้าย.................เขาปล่อยให้คนของเขามาเหยียบย่ำมาหยามเกียรติฉันถึงที่   

             ฉันทิ้งอัลบั้มรูปนั้นไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมทั้งเขียนบรรยายถ้อยคำที่เขาคนนั้นเอื้อนเอ่ยฉันเก็บข้าวของเข้าไปอยู่ประจำที่ศูนย์ฝึกอบรมในวันรุ่งขึ้น   บอกกับพี่ๆน้องๆเพื่อนร่วมงานว่า
ถ้าพี่โอ๊ตโทรมาหรือมาหา.........................    ให้บอกว่าฉันลาออกจากงานกลับต่างจังหวัดไปแล้ว   ฉันเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือและไม่ติดต่อกับพี่แกอีกเลย

                      ฉันยอมรับว่า.......................เจ็บปวดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาฉันรับรู้ถึงความสูญเสียแต่แปลกที่ฉันไม่เคยโวยวายไม่ร้องไห้คร่ำครวญ    อาจเป็นเพราะฉันรับรู้ความเป็นไปมาโดยตลอด
เรื่องราวไม่ได้เกิดขึ้นฉับพลันเหมือนครั้งก่อนๆ   ฉันมีโกาสได้เตรียมตัวเตรียมใจ.....................และที่สำคัญฉันไม่เคยคิดหรือทำร้ายตัวเองเลย   ตรงกันข้ามฉันกลายเป็นคนเก็บตัว    เลิกเที่ยว
เลิกเหล้าเลิกบุหรี่   .......................... ฉันทุ่มเทแรงกาย    แรงใจไปที่งานงานงานชีวิตของฉันมีแต่งาน งาน งาน

         เสเพลรัก       


            “เฮ้ย............เลิกงานแล้วเราไป ซัมธิ่งลองกันที่ไหนกันดี”
             วันนี้เราไปดูหนังกันดีกว่านะ…………..

            เดี๋ยวเราไปแด้นซ์กันน่ะ...............

            ไปผับเปิดใหม่กันน่ะ...................

               ไปคาราโอเกะกันดีกว่า................

            ฉันมีเพื่อนสนิท ทั้งชายหญิง สามสี่คนในกลุ่มที่คอยเทคแคร์ดูแลฉัน   ต่างไม่ยอมให้ฉันอยู่เพียงคนเดียวตามลำพัง   ด้วยกลัวฉันจะคิดมากและฟุ้งซ่านเพื่อนๆต่างช่วยกันตั้งโปรแกรมพาฉันไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆทุกวัน    ประมาณว่าเมื่อถึงห้องพักฉันก็อ่อนล้าหมดแรงหลับเป็นตายทุกคืนไม่มีเวลามาคร่ำครวญเสียอกเสียใจกับเรื่องราวเก่าๆ อีกเลย

             ถ้าเป็นวันหยุดยาวหรือเสาร์อาทิตย์เราจะเหมารถตู้ไปเที่ยวชายทะเลไกลๆเช่าบังกะโลอยู่กันหลายๆวันบางทีเพื่อนๆพี่ๆ รวมตัวกันได้กว่า 15-16   คนเลยทีเดียว
            เสาร์นี้ก็เช่นกันหลังจากเคลียร์งานเสร็จประมาณเที่ยง   พวกเรานั่งทานข้าวและสนทนากันถึงสถานที่ ที่จะไปพักผ่อนกันในช่วงวันหยุดยาวครั้งนี้.............................................   เราตกลงกันจะไปเที่ยวชายหาดแถวระยอง   

            ฉันนึกขอบคุณสวรรค์ที่ดลบันดาลให้ฉันมีเพื่อนร่วมงานที่ดี   
             “ถ้าไม่มีพวกเขาฉันในวันนี้จะเปลี่ยวเหงา   และจมจ่อมอยู่กับความรวดร้าวซักแค่ไหนนะ”ฉันนั่งดูวิวริมข้างทางขณะรถตู้วิ่งออกจากกรุงเทพหลังจากแวะซื้อ เหล้าเบียร์ของขบเคี้ยวและข้าวของจำเป็นที่ แมคโคร ย่านชานเมืองได้ครบถ้วนแล้ว

         เพื่อนๆหลับสนิทกันทุกคน คงเหนื่อยจากงานที่ทำกันมาทั้งสัปดาห์แต่ฉันอยากจะดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัวที่นานๆจะได้สัมผัสสักครั้ง

            
       พวกเราเดินทางมาถึงจุดหมายก็ประมาณ 4-5 โมงเย็นแล้ว   พอถึงที่พักเราก็เจอกับรถตู้ของเพื่อนๆพี่ๆอีกคันที่มาถึงก่อนสักพักแล้ว   เป็นอันว่าเราต้องเช่าบังกะโลหลังใหญ่ที่สุดเพราะไม่อยากแยกกันพักเป็นกลุ่มย่อย

      พอพวกเราจัดแจงที่พักเรียบร้อยแม่บ้านก็ยกปูมา 2 หม้อใหญ่ๆที่พี่เขาไปดักซื้อมาจากชาวประมง และวานแม่บ้านทำให้สุกและหาน้ำจิ้มให้ด้วยเป็นออเดิร์ฟที่อร่อยมากครับ

          ส่วนอาหารมื้ออื่นๆเราเข้าครัวกันเองโดยไปซื้ออาหารทะเลสดๆที่ชาวประมงเพิ่งจะขึ้นฝั่ง
สดอร่อยทุกเมนูครับ
            
          เรามีกิจกรรมสนุกๆกันตลอดอาทิเล่นดรัมมี่ ใครแพ้ยกเบียร์หมดกระป๋องครับ
คาราโอเกะก็มีครับ.................. พวกเราสนุกกันมาก โดยสรุปมาเที่ยวทะเลแต่ไม่มีใครได้ลงน้ำแม้แต่คนเดียวครับ


            ขากลับเราแวะชมวิวตามสถานที่ ที่เขาบอกว่าสวยแวะร้านอาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดในย่านนั้น
เป็นทริปที่ประทับมากใจอีกทริปหนึ่งครับ
         
            ฉันกลายเป็นนักท่องราตรีในวันจันทร์-ศุกร์   และเป็นนักท่องเที่ยวในวันหยุดเสาร์อาทิตย์
ชีวิตมันก็มีความสุขดีนะ“คนไม่มีแฟน” ไม่เห็นต้องมีแฟนเลยฉันบอกกับตัวเอง


            ศุกร์นี้พวกเราแต่งกาย อย่างสุดหล่อสุดสวย   ด้วยเป็นงานแต่งของพี่ปุ้ยกับพี่วัฒน์
เป็นงานแต่งที่หรูที่สุดที่ฉันเคยไปเลยทีเดียว

            หลังจากนั้นไม่นานนัก   ชีวิตนักท่องราตรีและนักท่องเที่ยวของฉันก็เริ่มห่างหายไป
เมื่อพี่ปุ้ยตั้งท้องอ่อนๆแล้วพี่วัฒน์ก็ต้องคอยดูแลนี่นา   เหลือเราเพียงสี่คนคนไปไหนมาไหนก็ให้รู้สึกกร่อยๆอย่างช่วยไม่ได้         




                        “เฮ้ยพวก.................... พรุ่งนี้วันเกิดฉันนะ”
         ต๊อกตั้งประเด็น   เพื่อหาที่เที่ยว   เราต่างรู้กัน
                     “ไปรัชดานะ”กุ้งบอก
                     “เฮ้ย.............บ่อย” เพื่อนๆแย้ง
                     “งั้นสุขุมวิท” เทอดเสนอ
                     “อีกแล้วเหรอ......................”เพื่อนๆครวญ
                        “สีลมเป็นไง.........”   
                     “ที่เดิมๆ................”เพื่อนๆตอบแทบจะพร้อมกัน


            ที่จริงแล้วมันก็น่าเบื่อจริงๆน่ะแหละ พวกเราตระเวนเที่ยวไปแล้วทุกๆที่ที่ละหลายๆครั้ง
มันก็เดิมๆ
                  “งั้น....ลองออกไปนอกเมืองกันหน่อยมั๊ย” ฉันเสนอ               
               “เออดิ.......เที่ยวแต่ในกรุง   ไปหมดทุกที่แล้วลองรอบนอกบ้าง” เพื่อนๆเห็นด้วยกับฉันเสมอจะไม่ให้รักได้อย่างไรกัน

                  พวกเราขับรถตระเวนไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายหรอกนะ ไม่คุ้นเคย   ก็ผ่านหูผ่านตาไปหลายที่ แต่ไม่น่าสนใจ    คนน้อยบ้าง   สถานที่เล็กคับแคบบ้าง   เงียบเหงาบ้าง   หาข้อติกันไป

                สุดท้ายเราเลือกผับ คาราโอเกะ แดนซ์ครบวงจรเลยย่านเทพารักษ์เกือบๆจะถึงสมุทรปราการอยู่แล้วเชียว   เพราะรูปลักษณ์ใหญ่โต โอ่อ่า   ผู้คนคึกคักมากมากมาย   
               
            ก็ไม่ผิดหวังบรรยากาศดีบริการดี   อาหารดี    นักเที่ยวกริยาดีใช้ได้ทีเดียว

            “สวัสดีครับ.......” ขณะที่ฉันล้างมืออยู่ที่อ่างล้างหน้า    ฉันหันไปตามเสียงทุ้มนั่น
               “ให้ตายเหอะ   เทพบุตรที่ไหนกันอีกล่ะเนี่ย”ฉันนึกในใจยิ้มให้อย่างประหม่า

            “ผมโอ๊ตครับ.......” เขาแนะนำตัวยิ้มให้กับอาการเคอะเขินของฉัน
            “ทิชชูเช็ดมือครับ” เขารุกต่อในขณะที่ฉันเริ่มได้สติ
            “ขอบคุณครับ............ผมทีครับ” ฉันรับกระดาษจากเขาพร้อมทั้งแนะนำตัว

         “คุณน่ารักมากนะครับผมแอบมองที่โต๊ะตั้งนานแล้วหล่ะครับ   แต่ไม่กล้าเข้าไปหา      เพื่อนคุณเยอะแยะไปหมด.................................. ว่างๆโทรหาผมหน่อยนะครับเราจะได้ทำความรู้จักกัน” เขาส่งยิ้มและทำตาหวานพร้อมทั้งยื่นนามบัตรให้ฉันและเดินจากไปโน่นแล้ว

            ฉันยังงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   แต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง   พยายามมองหาเขา    แต่ไม่เจอ
เอ๊......หรือว่าฉันละเมอไปนะ   เปล่านี่   นามบัตรยังอยู่ในกระเป๋านี่เอง


         สามสี่วันให้หลัง      ฉันหยิบนามบัตรนั้นขึ้นมาดูรายละเอียดหน้าที่การงานเขาก็ระดับผู้บริหาร   หน้าตาก็ขั้นเทพขนาดนั้น         เขาจะจริงจังกับเราสักแค่ไหนกันนะ   ......................    ฉันลังเลที่จะโทรหาเขา

         ฉันพยายามทบทวนทุกเหตุรัก..............ความสุขสม   ความเอิบอิ่มและการเติมเต็ม.........ความผิดหวัง   ความเจ็บช้ำและการร้างลา                  แท้ที่จริงแล้วฉันยังขลาดกลัว......................แต่สุดท้ายความเปลี่ยวเหงา   เป็นฝ่ายชนะ   ฉันกดโทรศัพท์หาเขา

         “สวัสดีครับ...........” เสียงทุ้ม ชวนฟังรับสาย
         “ครับผมเออ.....................” ฉันประหม่า พูดไม่ออก
         “ผมรู้ผมรู้ว่าเป็นคุณ...............ผมรออยู่นะครับ” ฉันรู้สึกผ่อนคลายแล้วเราก็คุยกันยืดยาวเนิ่นนานด้วยเป็นเวลาเลิกงานแล้ว

            
             ในตอนบ่ายวันอาทิตย์      ฉันไปพบเขาตามนัดที่โรงหนังชั้นหนึ่งกลางกรุง   

            เขารออยู่นั่นแล้ว
             “ได้เวลาพอดี    เราเข้าไปข้างในกันเลยนะครับ” เขาชักชวนและเดินนำฉันไปนั่นแล้ว
             เรานั่งกันข้างบนสุดซึ่งไม่มีผู้คนอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้นเลย

   
                     “อากาศเย็นมากนะครับ”เขากระซิบที่ข้างหูแล้วเอื้อมมือมาเกาะกุมมือฉันไว้
ฉันประหม่าแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
                     เขาหอมที่แก้มฉันแผ่วเบา   แล้วจูบที่หน้าผากก่อนจะบอกว่า
                  “ผมชอบคุณนะครับ” พร้อมทั้งดึงรั้งร่างฉันให้อิงซบที่ไหล่เขา
ฉันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย         ภายใต้อ้อมแขนที่ฉันโหยหามานานปี..........................
ถึงตอนนี้      ฉันตัดสินใจที่จะทำตามความต้องการของหัวใจที่มันร่ำร้องอยู่ข้างในจะไม่ยอมให้เป็นเหมือนรักร้างเมื่อสองครั้งที่ผ่านมา   


                   เรารับประทานอาหารที่ร้านหรูและลงเอยที่โรงแรมห้าดาวในย่านนั้น
                   พี่โอ๊ตดึงฉันเข้าไปกอดจูบและจู่โจมทันทีที่บริกรปิดประตูห้อง         ฉันไม่ทันได้ตั้งตัวแต่ฉันก็ไม่ได้ขัดขืน   ฉันยืนยันจะทำตามความต้องการข้างในที่มันเรียกร้อง         ฉันจะปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามพรหมลิขิต   ตามที่กามเทพนำพา............................

                  พี่โอ๊ตดูเร่าร้อนและหื่นกระหายมาก      แต่ก็ไม่ได้รุนแรงหรือซาดิสม์เอากับฉัน
ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับเพลงกามที่เขาปรนเปรอ      โดยที่เสื้อยังติดอยู่ที่ตัวแต่กระดุมโดนแกะทุกเม็ดในตอนที่พี่เขาสำรวจโลมเล้าร่างกายฉันนั้น

                  ถึงทีที่ฉันต้องแสดงฝีมือบ้างแล้ว      พี่โอ๊ตยืนขึ้นถอดกางเกงลงไปกองที่ข้อเท้า
แล้วกดให้ฉันนั่งลงตรงกลางระหว่างเป้า............ตรงแก่นกายนั้น
               เครื่องเพศของพี่โอ๊ต   ใหญ่โตเกินตัวฉันต้องอ้าปากสุดกว้างและพยายามอย่างยิ่งที่จะกลืนกินให้หมดความยาวของท่อนลำนั้น
                “โอ้ว.........................ซี๊ดดดดดดดดดดดดดดด”
               “ ดีครับ   ดีมากครับ......................................อย่างงั้นดีแล้ว โอววววววววววว”
พี่โอ๊ตครวญครางไม่ขาดเสียงปากก็พร่ำชมฉันตลอด
            ฉันเองก็ให้รู้สึกกระสัน   ดูดกินน้ำเสียวของพี่เขาอย่างเอร็ดอร่อยและพึงใจในความใหญ่โตและความแข็งแกร่งเกินชายของเขาอย่างไม่รู้สึกพอ

                   




                           “เดี๋ยวก่อนครับ”   พี่โอ๊ตดึงรั้งร่างฉันขึ้นมาแล้วใช้ปากบดขยี้ปากฉันอย่างรุนแรง      ฉันสัมผัสได้ถึงความต้องการอันท่วมท้นของพี่เขาในเวลานั้น    เขาเลื่อนมาไซร้รูหู    ท้ายทอยแล้วดึงรั้งชายเสื้อฉันขึ้นก่อนที่จะไล้เล็มเลียไปตามแผ่นหลังของฉัน      ฉันยอมรับว่า เสียว สยิวมาก บิดตัวไปมาตามจังหวะการฉกไล้เล็มเลียของพี่เขา         และแล้วพี่โอ๊ตก็ดึงกางเกงของฉันลงไปกองอยู่ที่ตรงข้อเท้าของฉันบ้าง       เขากัดเบาๆจูบเลียไปตามบั้นท้ายของฉัน      “เฮยยยยย.......................” เสียงสั่นเครือแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากฉันอย่างสุดจะทน   แล้วที่ทำให้ฉันต้องสะดุ้งสุดตัวก็ตอนที่พี่เขาใช้สองมือแหวกแก้มก้นฉันแล้วใช้ลิ้นฉกอย่างเชี่ยวชาญที่รูร่องนั้น
                  “โอ๊ย....พี่ครับผมไม่ไหวแล้ว”ฉันโพล่งออกไปอย่างสุดจะทน
                  พี่โอ๊ตถลันยืนขึ้นในทันที   ดันฉันให้หน้าอกไปติดกับผนังห้องแล้วพี่แกก็เอาเจลหล่อลื่นมาละเลงที่รูฉันและที่แก่นกายอันมโหฬารนั่น   แล้วพี่เขาก็ค่อยๆดันเข้ามา   ค่อยๆดันเข้ามาที่ประตูสวรรค์นั่น       ฉันรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งและร้อนรุ่มนั้น      
                   “เบาๆก่อนนะครับ.........” ฉันพร่ำบอกเสียงสั่นตัวสั่นตื่นกลัว.........
พี่โอ๊ต ขบที่ติ่งหูเบาๆกระซิบปลอบ
                   “ไม่ต้องกลัวที่รัก........ผมจะทะนุถนอมคุณ    ผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุดเลยครับ”
ฉันรู้สึกตึงแน่นที่รูมากถึงแม้ว่าจะเพิ่งเข้าไปได้แค่ส่วนหัวแต่ฉันก็ไม่ยอมท้อเพียงแต่บอกให้พี่เขาหยุดพักเป็นช่วงๆพอพี่เขาเห็นว่าฉันผ่อนคลายบ้างก็ค่อยๆรุกคืบต่อไป..................กึ๊ก    จนในที่สุดพี่โอ๊ตก็ดันเข้าไปได้จนสุดลำฉันรู้สึกคับแน่นไปทั้งตัวจุกจนแทบจะถึงคอ.........
               พี่เขาหยุดพักสักครู่ ลูบไล้จูบไซร้ให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย.................ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงกามต่อไป    พี่เขาซอยลึกบ้างตื้นบ้างแยงซ้ายที ขวาทีบางทีก็ส่ายวน   แรงบ้างเบาบ้าง.................... ฉันเสียวจนครวญครางไม่หยุดปาก   พี่เขากระแทกไม่ยอมหยุดพักจนฉันหมดแรง
                  “ พี่ครับ....ผมเหนื่อยแล้วครับ......” ฉันอุทรณ์
                  “น่า...........นะครับ...”พี่เขากระซิบที่ข้างหูเหมือนจะคอยให้กำลังใจ      แต่ไม่ยอมหยุดพักไม่ยอมไปที่เตียง       พี่เขาคอยเติมเยลทุกๆครั้งเมื่อเริ่มจะแห้งฝืด      พี่เขาเหงื่อท่วมตัว
ฉันเหงื่อท่วมกายจนเสื้อเปียกโชกทั้งเสื้อเชี้ตและเสื้อนอก      เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ได้   
พี่เขาร้องเสียงดังและกระแทกรูฉันกระชั้นขึ้นและแรงขึ้น
                “โอ๊ะๆ.......โอวววว...........................ทีจ๋า.........................”พี่เขากระเด้าสุดแรง   พร้อมกันนั้นเครื่องเพศของพี่เขาก็กระตุกถี่ๆอย่างแรงภายในรูฉันนั้น
                “โอยยยยยยยยยยยยยยย......................อา.......................อูยยยยยยยยยยยยยยยย”
เสียงของเราทั้งคู่ประสานกัน   ฉันเองก็เสร็จโดยที่ไม่ได้แตะท่อนลำของฉันเลย


         
            พี่โอ๊ตยังคงกอดฉันแน่นในท่าเดิมโดยยังไม่ยอมถอนแก่นกายออกจากรูฉัน      ฉันเองก็รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่ยังคงเดิมแม้เวลาจะผ่านไปหลังจากพี่เขาเสร็จแล้วนานกว่า 10 นาที
            และแล้วพี่เขาก็ค่อยๆดึงแก่นกายออกจากรูฉันอย่างช้าๆ   
            “อูยยยยย...............”เสียงฉันและพี่เขาครางแทบจะพร้อมๆกัน
               “บล็อก.........””โอ๊ย.....................”ฉันร้องอย่างสุดเสียวในทันทีที่ท่อนลำพี่โอ๊ดหลุดออกจากรูฉัน
             “โอ้โฮ.....อะไรกันนี่”พี่โอ๊ตอุทาน
             ฉันมองตามสายตาพี่โอ๊ตเลือดติดเต็มท่อนลำที่แข็งแกร่งของพี่เขาอยู่เต็มไปหมด ............เลือดแดงๆของฉันและน้ำกามของพี่โอ๊ต      หยดเต็มกางเกงในสีขาวของเราทั้งคู่      ฉันหลบสายตาพี่โอ๊ตที่ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างพึงพอใจก่อนจะหอมแก้มฉันแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
            
               “มานี่มา.......”พี่โอ๊ตนอนอ้าแขนรอรับฉันอยู่บนเตียงหลังจากที่ฉันอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเรียบร้อยแล้ว
             “เจ็บไหม..................ขอโทษทีผมไม่รู้ว่า........................” พี่โอ๊ตกอดจูบปลอบประโลมฉันคงเข้าใจว่าฉันไม่เคยผ่านชายใดมาแน่ๆเลย   มันก็เกือบจะจริงน่ะนะชายแรกหนึ่งเดียวของฉันน่ะไซส์เล็กไปถนัดตาเมื่อเทียบกับไซส์ขนาดเอ๊กซ์แอลของพี่โอ๊ตน่ะ   ดูสิฉันยังรู้สึกแสบร้อนผะผ่าวเหมือนดุ้นทั้งดุ้นของพี่แกยังอยู่ในรูฉันอยู่เลย      


               และแล้ว..............................เกมส์รักอันเร่าร้อนแต่นุ่มนวลของพี่โอ๊ตก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง      คราวนี้ฉันรู้สึกถึงความดื่มด่ำล้ำลึกกว่าเดิม      พี่เขาช่างเก่งขั้นเทพจริงๆ   ฉันยอมรับว่ามีความสุขสุดยอดอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน          เราต่างปรนเปรอกันอย่างสุดความปรารถนา.......................จนฉันหมดเรี่ยวแรงหลับคาอ้อมแขนของพี่เขาจนรุ่งสาง
      

                เรานัดเจอกันบ่อยมาก เกือบจะทุกวัน    ฉันยอมรับว่ามีความสุขเหลือเกิน
                  

               ฉันเริ่มห่างจากเพื่อนๆแต่ก็ไม่มีใครสังเกตได้เพราะว่าอยู่ในช่วงสับเปลี่ยนสายงาน   ย้ายแผนกกันให้วุ่นวายไปหมด    วันๆแทบไม่ได้เจอกับเพื่อนร่วมก๊วน


             ฉันได้รับเรียกตัวเข้าทำงานที่บริษัทยักษ์ใหญ่กลางกรุงในตำแหน่งวิทยากรฝึกอบรม    ซึ่งเป็นงานที่ตรงกับสายที่ฉันเรียนมา    ถึงแม้ว่าเงินเดือนจะไม่ได้มากไปกว่าเดิม   แต่ทำงานเป็นเวลาไม่ต้องเข้ากะและหยุดเสาร์อาทิตย์ด้วย    ที่สำคัญพ่อทูนหัวของฉันเป็นคนเลือกเองว่าให้ฉันทำงานที่นี่จากหลายๆที่ที่เรียกให้ฉันไปรายงานตัว

            ผลที่ตามมาคือ...................................ฉันได้เจอกับหวานใจได้แค่เสาร์อาทิตย์เพราะฉันพักอยู่กลางกรุงส่วนพี่แกบ้านอยู่ชานเมืองและทำงานที่บริษัทของญาติๆ ในย่านเดียวกันนั่นเอง
ถ้าวันไหนไปหากันในวันทำงาน    เหมือนกับว่าไม่ได้หลับนอนไม่ได้พักผ่อนกันทั้งคืน

            แต่ฉันก็มีความสุขดีด้วยหัวใจฉันเต็มอิ่ม   หน้าตาสุขสดชื่นเสมอจนคนรอบข้างรู้สึกได้และต่างออกปากทักถาม...................

            “โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย.........................................” ฉันรู้สึกเจ็บแปลบที่ท้องน้อยจนต้องนั่งลงเอามือกุมท้องก้าวเดินต่อไปไม่ไหว
            “เป็นอะไรไปน่ะที.......................” พี่ๆน้องๆต่างแย่งกันถามด้วยความเป็นห่วงฉันบอกเล่าถึงอาการเจ็บแปลบตามความเป็นจริง
            “นั่นมันอาการที่ผู้หญิงเขาเป็นกันนี่นา.......................” หัวหน้าฉันออกปาก    ฉันได้แต่ยิ้มอายๆแอบนึกในใจว่า “ก็ผมโดนทำ.......................เหมือนผู้หญิงนี่นา...........................”
หลังจากวันนั้นฉันไม่กล้าบ่นเจ็บที่ท้องน้อยให้ใครได้ยินอีกเลย


         ความสัมพันธ์ของฉันกับพี่โอ๊ตเป็นไปด้วยดีผ่านไปนานกว่าปีครึ่ง    ข่าวไม่ดีก็เริ่มได้ยินถึงหูฉัน
         “แฟนแกน่ะ    เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่นเลยนะที...................”เสียงเพื่อนรายงานมาจากปลายสาย ด้วยเพื่อนๆยังทำงานอยู่ที่เดิมในละแวกเดียวกันกับบริษัทพี่โอ๊ต
         “ ไม่หรอกน่า..............พี่เขาอาจจะแค่ไปกับคนรู้จัก” ฉันแย้งเพราะพี่เขาบอกให้ฉันหนักแน่นเสมอเพราะเขาต้องติดต่องานกับลูกค้าเสมอและเขาเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะมาก


            แต่นั่น ก็เริ่มทำให้ฉันหวั่นไหวไม่สบายใจได้ไม่น้อยเลย   เมื่อข่าวเริ่มหนาหูได้ยินจากปากของเพื่อนๆแทบจะทุกคน


             ฉันพยายามสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะมีให้เห็นบ้างแต่ไม่มีเลยพี่โอ๊ตดูเสมอต้นเสมอปลายเคยอย่างไรก็อย่างนั้นยิ่งเรื่องบนเตียงพี่เขาจะทำเหมือนหิวกระหายเหมือนกินอาหารมื้อหลักทุกมื้อก็ไม่ปานไม่เคยมีเลยสักครั้งที่จะทำแบบขอไปที........................ฉันพยายามสลัดความกลัดกลุ้มที่อาจจะบานปลายไปกัดกร่อนความสัมพันธ์ของสองเรา
            

             ฉันตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของพี่โอ๊ตในเช้าวันเสาร์    ฉันค่อยๆลุกขึ้นนั่ง พินิจพิจารณาเรือนร่างและหน้าตาของพี่เขา   ไม่มีอะไรบุบสลายหรือแปลกตาไป พี่เขายังคงเดิมทุกกระเบียด
หน้าตาหล่อเหลาปานเทพบุตร   ซึ่งพี่แกภูมิใจนักหนาว่า   ใครๆก็บอกหน้าตาดีที่สุดในตระกูล
ก็เห็นจะจริง หน้าตาแกเหมือนพระเอกดังคนหนึ่งซะด้วยซี   ฉันเคยบอกพี่เขาก็รับอย่างภูมิใจว่า
“ของมันแน่อยู่แล้ว”   ฉันยิ้มอย่างภูมิใจและหอมแก้มพี่เขาอย่างรักใคร่ก่อนจะลุกไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนพี่เขาจะตื่นนอน.................... ด้วยฉันรู้ว่าต้องเตรียมพร้อมรับศึกหนักหลังจากพี่แกนอนเต็มอิ่มในตอนเช้าเสมอๆ      

               พี่โอ๊ตเล่าเรื่องราวส่วนตัวให้ฉันฟังมากมายเขาเคยเป็นDJที่ผับดังแต่ไปเสียทีโคโยตี้สาวจอมยั่ว   “ดูท่าทางมันจะคันมากก็เลยเสียบๆให้มันไปแต่ไม่นึกว่ามันจะเอาจริงปล่อยให้ท้องแล้วมาบอกว่าเป็นลูกของเราซะงั้น    ครั้นจะรับก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นลูกเราหรือเปล่า วันๆไปเต้นสี่ซ้าห้าที่ใครจะรู้ว่าไปให้ท่าใครอีก”พี่แกบอกพี่แกเลยหนีไปบวชซะเป็นปี“ชะนีคลอดลูกทิ้งไว้แล้วไปร่านต่อ แต่โทษทีเด็กชายคนนั้นอยู่กับตายายยิ่งโตขึ้นหน้าก็หน้าฉัน หูก็หูกางๆของฉันนี่แหละตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วอีกสองสามปีขึ้นมัธยมเดี่ยวจะรับมาอยู่ด้วย” พี่โอ๊ตบอกนั่นยิ่งทำให้ฉันภูมิใจที่ได้ผู้ชายแท้ๆมาเป็นสามี   แกบอกเบื่อผู้หญิงจอมร่านพวกนั้นน่ะครับ
            
            ฉันพยายามจะลืมและไม่นึกถึงเรื่องราวการนอกใจของพี่เขา    ด้วยฉันตั้งปณิธานแน่วแน่ว่า   จะขอประคองรักนี้ให้ยืนยาวที่สุด    ฉันไม่เคยเลยสักครั้งที่จะปริปากเอ่ยถามเรื่องนี้กับพี่โอ๊ต
ซึ่งพี่เขาก็ดูจะมีความสุขมากที่ได้อยู่กับฉัน

            อ้อ.............ฉันลืมบอกให้รู้ถึง สิ่งที่พี่โอ๊ตโปรดปรานอีกอย่างคือแกชอบมีเซ็กซ์เอาท์ดอ
ทุกที่ที่ไปกับฉันเสมอๆ   ซึ่งพี่เขาบอกว่า   ชอบฉันมากที่ใจกล้าและตามใจแกเสมอมา    ก็คนมันรักนี่นา อะไรที่จะทำให้พี่เขามีความสุขถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงฉันยินดีจะทำให้เสมอ


               แต่เพื่อนๆก็รักฉันอย่างเหลือเกิน    ตามเก็บภาพความสัมพันธ์ของพี่โอ๊ตกับ ตัวเล็กตัวน้อยมาให้ฉันซะเล่นเอาพี่แกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกดิ้นไม่หลุดกันเลยทีเดียว
                “ก็แค่ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวไม่จริงจังอะไร”พี่เขาบอก   แล้วรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวฉันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น   ฉันก็เหลือเกินพ่ายแพ้บทรักอย่างราบคาบยอมพี่เขาทุกทีไปสินะ    อาจเป็นเพราะพี่เขาให้ความสุขฉันได้เต็มที่ฉันจึงไม่ค่อยจะรู้สึกขาดเขินขุ่นเคืองสักเท่าไร
               
               แต่ยามใดก็ตามที่เราห่างกัน................ความเจ็บปวด   ความเจ็บช้ำ    จะรุกคืบถาโถม
ด้วยฉันรู้อยู่แก่ใจว่าพี่แกกำลังทำอะไรอยู่กับใครต่อใคร   ..............ความปวดช้ำที่ใจคงปิดไว้ไม่มิดมันแสดงออกมาให้เห็นทางสีหน้าและสายตาที่หม่นหมอง   น้ำตารินไหลไม่ขาดสาย.................ฉันรับรู้ได้ถึงความไม่มั่นคงการทรยศการหักหลัง   แต่ฉันไม่เคยโวยวายไม่ได้ร้องไห้คร่ำครวญ      ไม่มีแม้แต่จะต่อว่าเขาสักคำเดียว       ด้วยฉันรู้จากประสบการณ์รักที่ผ่านๆมาว่าไม่มีประโยชน์อะไร    ฉันทำได้เพียงแต่ยอมรับความปวดชาที่หัวใจ


             ฉันสวมบทเมียหลวงอยู่ได้ตั้งนานสองนานโดยไม่ได้รู้ว่าใครบ้างเป็นเมียน้อยรู้แต่ว่ามากหน้าหลายตาไม่เป็นตัวเป็นตนกันสักที         มารู้ตัวอีกทีก็ย่างเข้าเกือบๆจะสามปีที่คบกับพี่โอ๊ต...........คราวนี้เมียน้อยตัวจริงเสียงจริงอุบัติขึ้นมา   หล่อนตั้งหน้าตั้งตาราวีและจงใจจะแย่งพี่เขาไปเป็นของหล่อนให้จงได้
               “พี่ทีเหรอครับพี่โอ๊ตฝากของมาให้น่ะครับ” ก็แมนๆดีมาหาฉันถึงที่เชียว
               “อยู่ที่รถน่ะครับรบกวนพี่ตามไปที่ลานจอดหน่อยนะครับ”ฉันไม่ได้คิดระแวงอะไร
คิดแค่ว่าพี่โอ๊ตต้องการจะเซอไพรซ์ฉันแค่นั้นเอง
               “เปิดดูสิครับ.............”ฉันค่อยๆเปิดอัลบั้มรูปที่อยู่ตรงหน้าช้าๆทีละแผ่นๆ   พี่โอ๊ตในสภาพเปลือยเปล่ากำลังเล่นบทรักอันเร่าร้อนกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน......................มือฉันสั่นเทา
น้ำตาเอ่อนอง   
            “พี่เขาบอกว่า   ถ้าไม่มีคุณเขาจะเป็นของผมเพียงคนเดียว.................เขารักผมแต่เขายังสงสารคุณอยู่ก็เท่านั้นอย่ามาขวางทางสวรรค์ของเราเลย   จันทร์ถึงศุกร์พี่เขาก็อยู่กับผมอยู่แล้วเสาร์อาทิตย์อย่ามาพรากเขาจากผมเลย    ออกจากชีวิตของเราไปเถอะผมขอร้อง.......................”
เขาพูดประหนึ่งว่าฉันเป็นส่วนเกินทั้งๆที่เขาแย่งพี่โอ๊ตไปจากฉันโดยแท้

            ฉันจุกที่หน้าอกพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว   เขาจากไปแล้วทิ้งฉันให้หมดเรี่ยวแรง
หัวใจและลำคอแห้งผาก

             และแล้วความอดทนของฉันก็เดินทางมาถึงขีดสุด.....................ในเมื่อฉันยอมทุกอย่างทั้งๆที่รู้ว่าเขาปันใจ    เขามีใครต่อใครฉันไม่เคยไปวุ่นวาย    แต่เขากลับปล่อยให้คนของเขามาทำร้าย.................เขาปล่อยให้คนของเขามาเหยียบย่ำมาหยามเกียรติฉันถึงที่   

             ฉันทิ้งอัลบั้มรูปนั้นไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมทั้งเขียนบรรยายถ้อยคำที่เขาคนนั้นเอื้อนเอ่ยฉันเก็บข้าวของเข้าไปอยู่ประจำที่ศูนย์ฝึกอบรมในวันรุ่งขึ้น   บอกกับพี่ๆน้องๆเพื่อนร่วมงานว่า
ถ้าพี่โอ๊ตโทรมาหรือมาหา.........................    ให้บอกว่าฉันลาออกจากงานกลับต่างจังหวัดไปแล้ว   ฉันเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือและไม่ติดต่อกับพี่แกอีกเลย

                      ฉันยอมรับว่า.......................เจ็บปวดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาฉันรับรู้ถึงความสูญเสียแต่แปลกที่ฉันไม่เคยโวยวายไม่ร้องไห้คร่ำครวญ    อาจเป็นเพราะฉันรับรู้ความเป็นไปมาโดยตลอด
เรื่องราวไม่ได้เกิดขึ้นฉับพลันเหมือนครั้งก่อนๆ   ฉันมีโกาสได้เตรียมตัวเตรียมใจ.....................และที่สำคัญฉันไม่เคยคิดหรือทำร้ายตัวเองเลย   ตรงกันข้ามฉันกลายเป็นคนเก็บตัว    เลิกเที่ยว
เลิกเหล้าเลิกบุหรี่   .......................... ฉันทุ่มเทแรงกาย    แรงใจไปที่งานงานงานชีวิตของฉันมีแต่งาน งาน งาน

            

            

               
               
   
เสเพลรัก       


            “เฮ้ย............เลิกงานแล้วเราไป ซัมธิ่งลองกันที่ไหนกันดี”
             วันนี้เราไปดูหนังกันดีกว่านะ…………..

            เดี๋ยวเราไปแด้นซ์กันน่ะ...............

            ไปผับเปิดใหม่กันน่ะ...................

               ไปคาราโอเกะกันดีกว่า................

            ฉันมีเพื่อนสนิท ทั้งชายหญิง สามสี่คนในกลุ่มที่คอยเทคแคร์ดูแลฉัน   ต่างไม่ยอมให้ฉันอยู่เพียงคนเดียวตามลำพัง   ด้วยกลัวฉันจะคิดมากและฟุ้งซ่านเพื่อนๆต่างช่วยกันตั้งโปรแกรมพาฉันไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆทุกวัน    ประมาณว่าเมื่อถึงห้องพักฉันก็อ่อนล้าหมดแรงหลับเป็นตายทุกคืนไม่มีเวลามาคร่ำครวญเสียอกเสียใจกับเรื่องราวเก่าๆ อีกเลย

             ถ้าเป็นวันหยุดยาวหรือเสาร์อาทิตย์เราจะเหมารถตู้ไปเที่ยวชายทะเลไกลๆเช่าบังกะโลอยู่กันหลายๆวันบางทีเพื่อนๆพี่ๆ รวมตัวกันได้กว่า 15-16   คนเลยทีเดียว
            เสาร์นี้ก็เช่นกันหลังจากเคลียร์งานเสร็จประมาณเที่ยง   พวกเรานั่งทานข้าวและสนทนากันถึงสถานที่ ที่จะไปพักผ่อนกันในช่วงวันหยุดยาวครั้งนี้.............................................   เราตกลงกันจะไปเที่ยวชายหาดแถวระยอง   

            ฉันนึกขอบคุณสวรรค์ที่ดลบันดาลให้ฉันมีเพื่อนร่วมงานที่ดี   
             “ถ้าไม่มีพวกเขาฉันในวันนี้จะเปลี่ยวเหงา   และจมจ่อมอยู่กับความรวดร้าวซักแค่ไหนนะ”ฉันนั่งดูวิวริมข้างทางขณะรถตู้วิ่งออกจากกรุงเทพหลังจากแวะซื้อ เหล้าเบียร์ของขบเคี้ยวและข้าวของจำเป็นที่ แมคโคร ย่านชานเมืองได้ครบถ้วนแล้ว

         เพื่อนๆหลับสนิทกันทุกคน คงเหนื่อยจากงานที่ทำกันมาทั้งสัปดาห์แต่ฉันอยากจะดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัวที่นานๆจะได้สัมผัสสักครั้ง

            
       พวกเราเดินทางมาถึงจุดหมายก็ประมาณ 4-5 โมงเย็นแล้ว   พอถึงที่พักเราก็เจอกับรถตู้ของเพื่อนๆพี่ๆอีกคันที่มาถึงก่อนสักพักแล้ว   เป็นอันว่าเราต้องเช่าบังกะโลหลังใหญ่ที่สุดเพราะไม่อยากแยกกันพักเป็นกลุ่มย่อย

      พอพวกเราจัดแจงที่พักเรียบร้อยแม่บ้านก็ยกปูมา 2 หม้อใหญ่ๆที่พี่เขาไปดักซื้อมาจากชาวประมง และวานแม่บ้านทำให้สุกและหาน้ำจิ้มให้ด้วยเป็นออเดิร์ฟที่อร่อยมากครับ

          ส่วนอาหารมื้ออื่นๆเราเข้าครัวกันเองโดยไปซื้ออาหารทะเลสดๆที่ชาวประมงเพิ่งจะขึ้นฝั่ง
สดอร่อยทุกเมนูครับ
            
          เรามีกิจกรรมสนุกๆกันตลอดอาทิเล่นดรัมมี่ ใครแพ้ยกเบียร์หมดกระป๋องครับ
คาราโอเกะก็มีครับ.................. พวกเราสนุกกันมาก โดยสรุปมาเที่ยวทะเลแต่ไม่มีใครได้ลงน้ำแม้แต่คนเดียวครับ


            ขากลับเราแวะชมวิวตามสถานที่ ที่เขาบอกว่าสวยแวะร้านอาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดในย่านนั้น
เป็นทริปที่ประทับมากใจอีกทริปหนึ่งครับ
         
            ฉันกลายเป็นนักท่องราตรีในวันจันทร์-ศุกร์   และเป็นนักท่องเที่ยวในวันหยุดเสาร์อาทิตย์
ชีวิตมันก็มีความสุขดีนะ“คนไม่มีแฟน” ไม่เห็นต้องมีแฟนเลยฉันบอกกับตัวเอง


            ศุกร์นี้พวกเราแต่งกาย อย่างสุดหล่อสุดสวย   ด้วยเป็นงานแต่งของพี่ปุ้ยกับพี่วัฒน์
เป็นงานแต่งที่หรูที่สุดที่ฉันเคยไปเลยทีเดียว

            หลังจากนั้นไม่นานนัก   ชีวิตนักท่องราตรีและนักท่องเที่ยวของฉันก็เริ่มห่างหายไป
เมื่อพี่ปุ้ยตั้งท้องอ่อนๆแล้วพี่วัฒน์ก็ต้องคอยดูแลนี่นา   เหลือเราเพียงสี่คนคนไปไหนมาไหนก็ให้รู้สึกกร่อยๆอย่างช่วยไม่ได้         




                        “เฮ้ยพวก.................... พรุ่งนี้วันเกิดฉันนะ”
         ต๊อกตั้งประเด็น   เพื่อหาที่เที่ยว   เราต่างรู้กัน
                     “ไปรัชดานะ”กุ้งบอก
                     “เฮ้ย.............บ่อย” เพื่อนๆแย้ง
                     “งั้นสุขุมวิท” เทอดเสนอ
                     “อีกแล้วเหรอ......................”เพื่อนๆครวญ
                        “สีลมเป็นไง.........”   
                     “ที่เดิมๆ................”เพื่อนๆตอบแทบจะพร้อมกัน


            ที่จริงแล้วมันก็น่าเบื่อจริงๆน่ะแหละ พวกเราตระเวนเที่ยวไปแล้วทุกๆที่ที่ละหลายๆครั้ง
มันก็เดิมๆ
                  “งั้น....ลองออกไปนอกเมืองกันหน่อยมั๊ย” ฉันเสนอ               
               “เออดิ.......เที่ยวแต่ในกรุง   ไปหมดทุกที่แล้วลองรอบนอกบ้าง” เพื่อนๆเห็นด้วยกับฉันเสมอจะไม่ให้รักได้อย่างไรกัน

                  พวกเราขับรถตระเวนไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายหรอกนะ ไม่คุ้นเคย   ก็ผ่านหูผ่านตาไปหลายที่ แต่ไม่น่าสนใจ    คนน้อยบ้าง   สถานที่เล็กคับแคบบ้าง   เงียบเหงาบ้าง   หาข้อติกันไป

                สุดท้ายเราเลือกผับ คาราโอเกะ แดนซ์ครบวงจรเลยย่านเทพารักษ์เกือบๆจะถึงสมุทรปราการอยู่แล้วเชียว   เพราะรูปลักษณ์ใหญ่โต โอ่อ่า   ผู้คนคึกคักมากมากมาย   
               
            ก็ไม่ผิดหวังบรรยากาศดีบริการดี   อาหารดี    นักเที่ยวกริยาดีใช้ได้ทีเดียว

            “สวัสดีครับ.......” ขณะที่ฉันล้างมืออยู่ที่อ่างล้างหน้า    ฉันหันไปตามเสียงทุ้มนั่น
               “ให้ตายเหอะ   เทพบุตรที่ไหนกันอีกล่ะเนี่ย”ฉันนึกในใจยิ้มให้อย่างประหม่า

            “ผมโอ๊ตครับ.......” เขาแนะนำตัวยิ้มให้กับอาการเคอะเขินของฉัน
            “ทิชชูเช็ดมือครับ” เขารุกต่อในขณะที่ฉันเริ่มได้สติ
            “ขอบคุณครับ............ผมทีครับ” ฉันรับกระดาษจากเขาพร้อมทั้งแนะนำตัว

         “คุณน่ารักมากนะครับผมแอบมองที่โต๊ะตั้งนานแล้วหล่ะครับ   แต่ไม่กล้าเข้าไปหา      เพื่อนคุณเยอะแยะไปหมด.................................. ว่างๆโทรหาผมหน่อยนะครับเราจะได้ทำความรู้จักกัน” เขาส่งยิ้มและทำตาหวานพร้อมทั้งยื่นนามบัตรให้ฉันและเดินจากไปโน่นแล้ว

            ฉันยังงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   แต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง   พยายามมองหาเขา    แต่ไม่เจอ
เอ๊......หรือว่าฉันละเมอไปนะ   เปล่านี่   นามบัตรยังอยู่ในกระเป๋านี่เอง


         สามสี่วันให้หลัง      ฉันหยิบนามบัตรนั้นขึ้นมาดูรายละเอียดหน้าที่การงานเขาก็ระดับผู้บริหาร   หน้าตาก็ขั้นเทพขนาดนั้น         เขาจะจริงจังกับเราสักแค่ไหนกันนะ   ......................    ฉันลังเลที่จะโทรหาเขา

         ฉันพยายามทบทวนทุกเหตุรัก..............ความสุขสม   ความเอิบอิ่มและการเติมเต็ม.........ความผิดหวัง   ความเจ็บช้ำและการร้างลา                  แท้ที่จริงแล้วฉันยังขลาดกลัว......................แต่สุดท้ายความเปลี่ยวเหงา   เป็นฝ่ายชนะ   ฉันกดโทรศัพท์หาเขา

         “สวัสดีครับ...........” เสียงทุ้ม ชวนฟังรับสาย
         “ครับผมเออ.....................” ฉันประหม่า พูดไม่ออก
         “ผมรู้ผมรู้ว่าเป็นคุณ...............ผมรออยู่นะครับ” ฉันรู้สึกผ่อนคลายแล้วเราก็คุยกันยืดยาวเนิ่นนานด้วยเป็นเวลาเลิกงานแล้ว

            
             ในตอนบ่ายวันอาทิตย์      ฉันไปพบเขาตามนัดที่โรงหนังชั้นหนึ่งกลางกรุง   

            เขารออยู่นั่นแล้ว
             “ได้เวลาพอดี    เราเข้าไปข้างในกันเลยนะครับ” เขาชักชวนและเดินนำฉันไปนั่นแล้ว
             เรานั่งกันข้างบนสุดซึ่งไม่มีผู้คนอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้นเลย

   
                     “อากาศเย็นมากนะครับ”เขากระซิบที่ข้างหูแล้วเอื้อมมือมาเกาะกุมมือฉันไว้
ฉันประหม่าแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
                     เขาหอมที่แก้มฉันแผ่วเบา   แล้วจูบที่หน้าผากก่อนจะบอกว่า
                  “ผมชอบคุณนะครับ” พร้อมทั้งดึงรั้งร่างฉันให้อิงซบที่ไหล่เขา
ฉันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย         ภายใต้อ้อมแขนที่ฉันโหยหามานานปี..........................
ถึงตอนนี้      ฉันตัดสินใจที่จะทำตามความต้องการของหัวใจที่มันร่ำร้องอยู่ข้างในจะไม่ยอมให้เป็นเหมือนรักร้างเมื่อสองครั้งที่ผ่านมา   


                   เรารับประทานอาหารที่ร้านหรูและลงเอยที่โรงแรมห้าดาวในย่านนั้น
                   พี่โอ๊ตดึงฉันเข้าไปกอดจูบและจู่โจมทันทีที่บริกรปิดประตูห้อง         ฉันไม่ทันได้ตั้งตัวแต่ฉันก็ไม่ได้ขัดขืน   ฉันยืนยันจะทำตามความต้องการข้างในที่มันเรียกร้อง         ฉันจะปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามพรหมลิขิต   ตามที่กามเทพนำพา............................

                  พี่โอ๊ตดูเร่าร้อนและหื่นกระหายมาก      แต่ก็ไม่ได้รุนแรงหรือซาดิสม์เอากับฉัน
ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับเพลงกามที่เขาปรนเปรอ      โดยที่เสื้อยังติดอยู่ที่ตัวแต่กระดุมโดนแกะทุกเม็ดในตอนที่พี่เขาสำรวจโลมเล้าร่างกายฉันนั้น

                  ถึงทีที่ฉันต้องแสดงฝีมือบ้างแล้ว      พี่โอ๊ตยืนขึ้นถอดกางเกงลงไปกองที่ข้อเท้า
แล้วกดให้ฉันนั่งลงตรงกลางระหว่างเป้า............ตรงแก่นกายนั้น
               เครื่องเพศของพี่โอ๊ต   ใหญ่โตเกินตัวฉันต้องอ้าปากสุดกว้างและพยายามอย่างยิ่งที่จะกลืนกินให้หมดความยาวของท่อนลำนั้น
                “โอ้ว.........................ซี๊ดดดดดดดดดดดดดดด”
               “ ดีครับ   ดีมากครับ......................................อย่างงั้นดีแล้ว โอววววววววววว”
พี่โอ๊ตครวญครางไม่ขาดเสียงปากก็พร่ำชมฉันตลอด
            ฉันเองก็ให้รู้สึกกระสัน   ดูดกินน้ำเสียวของพี่เขาอย่างเอร็ดอร่อยและพึงใจในความใหญ่โตและความแข็งแกร่งเกินชายของเขาอย่างไม่รู้สึกพอ

                   




                           “เดี๋ยวก่อนครับ”   พี่โอ๊ตดึงรั้งร่างฉันขึ้นมาแล้วใช้ปากบดขยี้ปากฉันอย่างรุนแรง      ฉันสัมผัสได้ถึงความต้องการอันท่วมท้นของพี่เขาในเวลานั้น    เขาเลื่อนมาไซร้รูหู    ท้ายทอยแล้วดึงรั้งชายเสื้อฉันขึ้นก่อนที่จะไล้เล็มเลียไปตามแผ่นหลังของฉัน      ฉันยอมรับว่า เสียว สยิวมาก บิดตัวไปมาตามจังหวะการฉกไล้เล็มเลียของพี่เขา         และแล้วพี่โอ๊ตก็ดึงกางเกงของฉันลงไปกองอยู่ที่ตรงข้อเท้าของฉันบ้าง       เขากัดเบาๆจูบเลียไปตามบั้นท้ายของฉัน      “เฮยยยยย.......................” เสียงสั่นเครือแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากฉันอย่างสุดจะทน   แล้วที่ทำให้ฉันต้องสะดุ้งสุดตัวก็ตอนที่พี่เขาใช้สองมือแหวกแก้มก้นฉันแล้วใช้ลิ้นฉกอย่างเชี่ยวชาญที่รูร่องนั้น
                  “โอ๊ย....พี่ครับผมไม่ไหวแล้ว”ฉันโพล่งออกไปอย่างสุดจะทน
                  พี่โอ๊ตถลันยืนขึ้นในทันที   ดันฉันให้หน้าอกไปติดกับผนังห้องแล้วพี่แกก็เอาเจลหล่อลื่นมาละเลงที่รูฉันและที่แก่นกายอันมโหฬารนั่น   แล้วพี่เขาก็ค่อยๆดันเข้ามา   ค่อยๆดันเข้ามาที่ประตูสวรรค์นั่น       ฉันรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งและร้อนรุ่มนั้น      
                   “เบาๆก่อนนะครับ.........” ฉันพร่ำบอกเสียงสั่นตัวสั่นตื่นกลัว.........
พี่โอ๊ต ขบที่ติ่งหูเบาๆกระซิบปลอบ
                   “ไม่ต้องกลัวที่รัก........ผมจะทะนุถนอมคุณ    ผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุดเลยครับ”
ฉันรู้สึกตึงแน่นที่รูมากถึงแม้ว่าจะเพิ่งเข้าไปได้แค่ส่วนหัวแต่ฉันก็ไม่ยอมท้อเพียงแต่บอกให้พี่เขาหยุดพักเป็นช่วงๆพอพี่เขาเห็นว่าฉันผ่อนคลายบ้างก็ค่อยๆรุกคืบต่อไป..................กึ๊ก    จนในที่สุดพี่โอ๊ตก็ดันเข้าไปได้จนสุดลำฉันรู้สึกคับแน่นไปทั้งตัวจุกจนแทบจะถึงคอ.........
               พี่เขาหยุดพักสักครู่ ลูบไล้จูบไซร้ให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย.................ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงกามต่อไป    พี่เขาซอยลึกบ้างตื้นบ้างแยงซ้ายที ขวาทีบางทีก็ส่ายวน   แรงบ้างเบาบ้าง.................... ฉันเสียวจนครวญครางไม่หยุดปาก   พี่เขากระแทกไม่ยอมหยุดพักจนฉันหมดแรง
                  “ พี่ครับ....ผมเหนื่อยแล้วครับ......” ฉันอุทรณ์
                  “น่า...........นะครับ...”พี่เขากระซิบที่ข้างหูเหมือนจะคอยให้กำลังใจ      แต่ไม่ยอมหยุดพักไม่ยอมไปที่เตียง       พี่เขาคอยเติมเยลทุกๆครั้งเมื่อเริ่มจะแห้งฝืด      พี่เขาเหงื่อท่วมตัว
ฉันเหงื่อท่วมกายจนเสื้อเปียกโชกทั้งเสื้อเชี้ตและเสื้อนอก      เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ได้   
พี่เขาร้องเสียงดังและกระแทกรูฉันกระชั้นขึ้นและแรงขึ้น
                “โอ๊ะๆ.......โอวววว...........................ทีจ๋า.........................”พี่เขากระเด้าสุดแรง   พร้อมกันนั้นเครื่องเพศของพี่เขาก็กระตุกถี่ๆอย่างแรงภายในรูฉันนั้น
                “โอยยยยยยยยยยยยยยย......................อา.......................อูยยยยยยยยยยยยยยยย”
เสียงของเราทั้งคู่ประสานกัน   ฉันเองก็เสร็จโดยที่ไม่ได้แตะท่อนลำของฉันเลย


         
            พี่โอ๊ตยังคงกอดฉันแน่นในท่าเดิมโดยยังไม่ยอมถอนแก่นกายออกจากรูฉัน      ฉันเองก็รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่ยังคงเดิมแม้เวลาจะผ่านไปหลังจากพี่เขาเสร็จแล้วนานกว่า 10 นาที
            และแล้วพี่เขาก็ค่อยๆดึงแก่นกายออกจากรูฉันอย่างช้าๆ   
            “อูยยยยย...............”เสียงฉันและพี่เขาครางแทบจะพร้อมๆกัน
               “บล็อก.........””โอ๊ย.....................”ฉันร้องอย่างสุดเสียวในทันทีที่ท่อนลำพี่โอ๊ดหลุดออกจากรูฉัน
             “โอ้โฮ.....อะไรกันนี่”พี่โอ๊ตอุทาน
             ฉันมองตามสายตาพี่โอ๊ตเลือดติดเต็มท่อนลำที่แข็งแกร่งของพี่เขาอยู่เต็มไปหมด ............เลือดแดงๆของฉันและน้ำกามของพี่โอ๊ต      หยดเต็มกางเกงในสีขาวของเราทั้งคู่      ฉันหลบสายตาพี่โอ๊ตที่ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างพึงพอใจก่อนจะหอมแก้มฉันแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
            
               “มานี่มา.......”พี่โอ๊ตนอนอ้าแขนรอรับฉันอยู่บนเตียงหลังจากที่ฉันอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเรียบร้อยแล้ว
             “เจ็บไหม..................ขอโทษทีผมไม่รู้ว่า........................” พี่โอ๊ตกอดจูบปลอบประโลมฉันคงเข้าใจว่าฉันไม่เคยผ่านชายใดมาแน่ๆเลย   มันก็เกือบจะจริงน่ะนะชายแรกหนึ่งเดียวของฉันน่ะไซส์เล็กไปถนัดตาเมื่อเทียบกับไซส์ขนาดเอ๊กซ์แอลของพี่โอ๊ตน่ะ   ดูสิฉันยังรู้สึกแสบร้อนผะผ่าวเหมือนดุ้นทั้งดุ้นของพี่แกยังอยู่ในรูฉันอยู่เลย      


               และแล้ว..............................เกมส์รักอันเร่าร้อนแต่นุ่มนวลของพี่โอ๊ตก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง      คราวนี้ฉันรู้สึกถึงความดื่มด่ำล้ำลึกกว่าเดิม      พี่เขาช่างเก่งขั้นเทพจริงๆ   ฉันยอมรับว่ามีความสุขสุดยอดอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน          เราต่างปรนเปรอกันอย่างสุดความปรารถนา.......................จนฉันหมดเรี่ยวแรงหลับคาอ้อมแขนของพี่เขาจนรุ่งสาง
      

                เรานัดเจอกันบ่อยมาก เกือบจะทุกวัน    ฉันยอมรับว่ามีความสุขเหลือเกิน
                  

               ฉันเริ่มห่างจากเพื่อนๆแต่ก็ไม่มีใครสังเกตได้เพราะว่าอยู่ในช่วงสับเปลี่ยนสายงาน   ย้ายแผนกกันให้วุ่นวายไปหมด    วันๆแทบไม่ได้เจอกับเพื่อนร่วมก๊วน


             ฉันได้รับเรียกตัวเข้าทำงานที่บริษัทยักษ์ใหญ่กลางกรุงในตำแหน่งวิทยากรฝึกอบรม    ซึ่งเป็นงานที่ตรงกับสายที่ฉันเรียนมา    ถึงแม้ว่าเงินเดือนจะไม่ได้มากไปกว่าเดิม   แต่ทำงานเป็นเวลาไม่ต้องเข้ากะและหยุดเสาร์อาทิตย์ด้วย    ที่สำคัญพ่อทูนหัวของฉันเป็นคนเลือกเองว่าให้ฉันทำงานที่นี่จากหลายๆที่ที่เรียกให้ฉันไปรายงานตัว

            ผลที่ตามมาคือ...................................ฉันได้เจอกับหวานใจได้แค่เสาร์อาทิตย์เพราะฉันพักอยู่กลางกรุงส่วนพี่แกบ้านอยู่ชานเมืองและทำงานที่บริษัทของญาติๆ ในย่านเดียวกันนั่นเอง
ถ้าวันไหนไปหากันในวันทำงาน    เหมือนกับว่าไม่ได้หลับนอนไม่ได้พักผ่อนกันทั้งคืน

            แต่ฉันก็มีความสุขดีด้วยหัวใจฉันเต็มอิ่ม   หน้าตาสุขสดชื่นเสมอจนคนรอบข้างรู้สึกได้และต่างออกปากทักถาม...................

            “โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย.........................................” ฉันรู้สึกเจ็บแปลบที่ท้องน้อยจนต้องนั่งลงเอามือกุมท้องก้าวเดินต่อไปไม่ไหว
            “เป็นอะไรไปน่ะที.......................” พี่ๆน้องๆต่างแย่งกันถามด้วยความเป็นห่วงฉันบอกเล่าถึงอาการเจ็บแปลบตามความเป็นจริง
            “นั่นมันอาการที่ผู้หญิงเขาเป็นกันนี่นา.......................” หัวหน้าฉันออกปาก    ฉันได้แต่ยิ้มอายๆแอบนึกในใจว่า “ก็ผมโดนทำ.......................เหมือนผู้หญิงนี่นา...........................”
หลังจากวันนั้นฉันไม่กล้าบ่นเจ็บที่ท้องน้อยให้ใครได้ยินอีกเลย


         ความสัมพันธ์ของฉันกับพี่โอ๊ตเป็นไปด้วยดีผ่านไปนานกว่าปีครึ่ง    ข่าวไม่ดีก็เริ่มได้ยินถึงหูฉัน
         “แฟนแกน่ะ    เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่นเลยนะที...................”เสียงเพื่อนรายงานมาจากปลายสาย ด้วยเพื่อนๆยังทำงานอยู่ที่เดิมในละแวกเดียวกันกับบริษัทพี่โอ๊ต
         “ ไม่หรอกน่า..............พี่เขาอาจจะแค่ไปกับคนรู้จัก” ฉันแย้งเพราะพี่เขาบอกให้ฉันหนักแน่นเสมอเพราะเขาต้องติดต่องานกับลูกค้าเสมอและเขาเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะมาก


            แต่นั่น ก็เริ่มทำให้ฉันหวั่นไหวไม่สบายใจได้ไม่น้อยเลย   เมื่อข่าวเริ่มหนาหูได้ยินจากปากของเพื่อนๆแทบจะทุกคน


             ฉันพยายามสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะมีให้เห็นบ้างแต่ไม่มีเลยพี่โอ๊ตดูเสมอต้นเสมอปลายเคยอย่างไรก็อย่างนั้นยิ่งเรื่องบนเตียงพี่เขาจะทำเหมือนหิวกระหายเหมือนกินอาหารมื้อหลักทุกมื้อก็ไม่ปานไม่เคยมีเลยสักครั้งที่จะทำแบบขอไปที........................ฉันพยายามสลัดความกลัดกลุ้มที่อาจจะบานปลายไปกัดกร่อนความสัมพันธ์ของสองเรา
            

             ฉันตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของพี่โอ๊ตในเช้าวันเสาร์    ฉันค่อยๆลุกขึ้นนั่ง พินิจพิจารณาเรือนร่างและหน้าตาของพี่เขา   ไม่มีอะไรบุบสลายหรือแปลกตาไป พี่เขายังคงเดิมทุกกระเบียด
หน้าตาหล่อเหลาปานเทพบุตร   ซึ่งพี่แกภูมิใจนักหนาว่า   ใครๆก็บอกหน้าตาดีที่สุดในตระกูล
ก็เห็นจะจริง หน้าตาแกเหมือนพระเอกดังคนหนึ่งซะด้วยซี   ฉันเคยบอกพี่เขาก็รับอย่างภูมิใจว่า
“ของมันแน่อยู่แล้ว”   ฉันยิ้มอย่างภูมิใจและหอมแก้มพี่เขาอย่างรักใคร่ก่อนจะลุกไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนพี่เขาจะตื่นนอน.................... ด้วยฉันรู้ว่าต้องเตรียมพร้อมรับศึกหนักหลังจากพี่แกนอนเต็มอิ่มในตอนเช้าเสมอๆ      

               พี่โอ๊ตเล่าเรื่องราวส่วนตัวให้ฉันฟังมากมายเขาเคยเป็นDJที่ผับดังแต่ไปเสียทีโคโยตี้สาวจอมยั่ว   “ดูท่าทางมันจะคันมากก็เลยเสียบๆให้มันไปแต่ไม่นึกว่ามันจะเอาจริงปล่อยให้ท้องแล้วมาบอกว่าเป็นลูกของเราซะงั้น    ครั้นจะรับก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นลูกเราหรือเปล่า วันๆไปเต้นสี่ซ้าห้าที่ใครจะรู้ว่าไปให้ท่าใครอีก”พี่แกบอกพี่แกเลยหนีไปบวชซะเป็นปี“ชะนีคลอดลูกทิ้งไว้แล้วไปร่านต่อ แต่โทษทีเด็กชายคนนั้นอยู่กับตายายยิ่งโตขึ้นหน้าก็หน้าฉัน หูก็หูกางๆของฉันนี่แหละตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วอีกสองสามปีขึ้นมัธยมเดี่ยวจะรับมาอยู่ด้วย” พี่โอ๊ตบอกนั่นยิ่งทำให้ฉันภูมิใจที่ได้ผู้ชายแท้ๆมาเป็นสามี   แกบอกเบื่อผู้หญิงจอมร่านพวกนั้นน่ะครับ
            
            ฉันพยายามจะลืมและไม่นึกถึงเรื่องราวการนอกใจของพี่เขา    ด้วยฉันตั้งปณิธานแน่วแน่ว่า   จะขอประคองรักนี้ให้ยืนยาวที่สุด    ฉันไม่เคยเลยสักครั้งที่จะปริปากเอ่ยถามเรื่องนี้กับพี่โอ๊ต
ซึ่งพี่เขาก็ดูจะมีความสุขมากที่ได้อยู่กับฉัน

            อ้อ.............ฉันลืมบอกให้รู้ถึง สิ่งที่พี่โอ๊ตโปรดปรานอีกอย่างคือแกชอบมีเซ็กซ์เอาท์ดอ
ทุกที่ที่ไปกับฉันเสมอๆ   ซึ่งพี่เขาบอกว่า   ชอบฉันมากที่ใจกล้าและตามใจแกเสมอมา    ก็คนมันรักนี่นา อะไรที่จะทำให้พี่เขามีความสุขถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงฉันยินดีจะทำให้เสมอ


               แต่เพื่อนๆก็รักฉันอย่างเหลือเกิน    ตามเก็บภาพความสัมพันธ์ของพี่โอ๊ตกับ ตัวเล็กตัวน้อยมาให้ฉันซะเล่นเอาพี่แกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกดิ้นไม่หลุดกันเลยทีเดียว
                “ก็แค่ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวไม่จริงจังอะไร”พี่เขาบอก   แล้วรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวฉันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น   ฉันก็เหลือเกินพ่ายแพ้บทรักอย่างราบคาบยอมพี่เขาทุกทีไปสินะ    อาจเป็นเพราะพี่เขาให้ความสุขฉันได้เต็มที่ฉันจึงไม่ค่อยจะรู้สึกขาดเขินขุ่นเคืองสักเท่าไร
               
               แต่ยามใดก็ตามที่เราห่างกัน................ความเจ็บปวด   ความเจ็บช้ำ    จะรุกคืบถาโถม
ด้วยฉันรู้อยู่แก่ใจว่าพี่แกกำลังทำอะไรอยู่กับใครต่อใคร   ..............ความปวดช้ำที่ใจคงปิดไว้ไม่มิดมันแสดงออกมาให้เห็นทางสีหน้าและสายตาที่หม่นหมอง   น้ำตารินไหลไม่ขาดสาย.................ฉันรับรู้ได้ถึงความไม่มั่นคงการทรยศการหักหลัง   แต่ฉันไม่เคยโวยวายไม่ได้ร้องไห้คร่ำครวญ      ไม่มีแม้แต่จะต่อว่าเขาสักคำเดียว       ด้วยฉันรู้จากประสบการณ์รักที่ผ่านๆมาว่าไม่มีประโยชน์อะไร    ฉันทำได้เพียงแต่ยอมรับความปวดชาที่หัวใจ


             ฉันสวมบทเมียหลวงอยู่ได้ตั้งนานสองนานโดยไม่ได้รู้ว่าใครบ้างเป็นเมียน้อยรู้แต่ว่ามากหน้าหลายตาไม่เป็นตัวเป็นตนกันสักที         มารู้ตัวอีกทีก็ย่างเข้าเกือบๆจะสามปีที่คบกับพี่โอ๊ต...........คราวนี้เมียน้อยตัวจริงเสียงจริงอุบัติขึ้นมา   หล่อนตั้งหน้าตั้งตาราวีและจงใจจะแย่งพี่เขาไปเป็นของหล่อนให้จงได้
               “พี่ทีเหรอครับพี่โอ๊ตฝากของมาให้น่ะครับ” ก็แมนๆดีมาหาฉันถึงที่เชียว
               “อยู่ที่รถน่ะครับรบกวนพี่ตามไปที่ลานจอดหน่อยนะครับ”ฉันไม่ได้คิดระแวงอะไร
คิดแค่ว่าพี่โอ๊ตต้องการจะเซอไพรซ์ฉันแค่นั้นเอง
               “เปิดดูสิครับ.............”ฉันค่อยๆเปิดอัลบั้มรูปที่อยู่ตรงหน้าช้าๆทีละแผ่นๆ   พี่โอ๊ตในสภาพเปลือยเปล่ากำลังเล่นบทรักอันเร่าร้อนกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน......................มือฉันสั่นเทา
น้ำตาเอ่อนอง   
            “พี่เขาบอกว่า   ถ้าไม่มีคุณเขาจะเป็นของผมเพียงคนเดียว.................เขารักผมแต่เขายังสงสารคุณอยู่ก็เท่านั้นอย่ามาขวางทางสวรรค์ของเราเลย   จันทร์ถึงศุกร์พี่เขาก็อยู่กับผมอยู่แล้วเสาร์อาทิตย์อย่ามาพรากเขาจากผมเลย    ออกจากชีวิตของเราไปเถอะผมขอร้อง.......................”
เขาพูดประหนึ่งว่าฉันเป็นส่วนเกินทั้งๆที่เขาแย่งพี่โอ๊ตไปจากฉันโดยแท้

            ฉันจุกที่หน้าอกพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว   เขาจากไปแล้วทิ้งฉันให้หมดเรี่ยวแรง
หัวใจและลำคอแห้งผาก

             และแล้วความอดทนของฉันก็เดินทางมาถึงขีดสุด.....................ในเมื่อฉันยอมทุกอย่างทั้งๆที่รู้ว่าเขาปันใจ    เขามีใครต่อใครฉันไม่เคยไปวุ่นวาย    แต่เขากลับปล่อยให้คนของเขามาทำร้าย.................เขาปล่อยให้คนของเขามาเหยียบย่ำมาหยามเกียรติฉันถึงที่   

             ฉันทิ้งอัลบั้มรูปนั้นไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมทั้งเขียนบรรยายถ้อยคำที่เขาคนนั้นเอื้อนเอ่ยฉันเก็บข้าวของเข้าไปอยู่ประจำที่ศูนย์ฝึกอบรมในวันรุ่งขึ้น   บอกกับพี่ๆน้องๆเพื่อนร่วมงานว่า
ถ้าพี่โอ๊ตโทรมาหรือมาหา.........................    ให้บอกว่าฉันลาออกจากงานกลับต่างจังหวัดไปแล้ว   ฉันเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือและไม่ติดต่อกับพี่แกอีกเลย

                      ฉันยอมรับว่า.......................เจ็บปวดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาฉันรับรู้ถึงความสูญเสียแต่แปลกที่ฉันไม่เคยโวยวายไม่ร้องไห้คร่ำครวญ    อาจเป็นเพราะฉันรับรู้ความเป็นไปมาโดยตลอด
เรื่องราวไม่ได้เกิดขึ้นฉับพลันเหมือนครั้งก่อนๆ   ฉันมีโกาสได้เตรียมตัวเตรียมใจ.....................และที่สำคัญฉันไม่เคยคิดหรือทำร้ายตัวเองเลย   ตรงกันข้ามฉันกลายเป็นคนเก็บตัว    เลิกเที่ยว
เลิกเหล้าเลิกบุหรี่   .......................... ฉันทุ่มเทแรงกาย    แรงใจไปที่งานงานงานชีวิตของฉันมีแต่งาน งาน งาน

            

            
เสเพลรัก       


            “เฮ้ย............เลิกงานแล้วเราไป ซัมธิ่งลองกันที่ไหนกันดี”
             วันนี้เราไปดูหนังกันดีกว่านะ…………..

            เดี๋ยวเราไปแด้นซ์กันน่ะ...............

            ไปผับเปิดใหม่กันน่ะ...................

               ไปคาราโอเกะกันดีกว่า................

            ฉันมีเพื่อนสนิท ทั้งชายหญิง สามสี่คนในกลุ่มที่คอยเทคแคร์ดูแลฉัน   ต่างไม่ยอมให้ฉันอยู่เพียงคนเดียวตามลำพัง   ด้วยกลัวฉันจะคิดมากและฟุ้งซ่านเพื่อนๆต่างช่วยกันตั้งโปรแกรมพาฉันไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆทุกวัน    ประมาณว่าเมื่อถึงห้องพักฉันก็อ่อนล้าหมดแรงหลับเป็นตายทุกคืนไม่มีเวลามาคร่ำครวญเสียอกเสียใจกับเรื่องราวเก่าๆ อีกเลย

             ถ้าเป็นวันหยุดยาวหรือเสาร์อาทิตย์เราจะเหมารถตู้ไปเที่ยวชายทะเลไกลๆเช่าบังกะโลอยู่กันหลายๆวันบางทีเพื่อนๆพี่ๆ รวมตัวกันได้กว่า 15-16   คนเลยทีเดียว
            เสาร์นี้ก็เช่นกันหลังจากเคลียร์งานเสร็จประมาณเที่ยง   พวกเรานั่งทานข้าวและสนทนากันถึงสถานที่ ที่จะไปพักผ่อนกันในช่วงวันหยุดยาวครั้งนี้.............................................   เราตกลงกันจะไปเที่ยวชายหาดแถวระยอง   

            ฉันนึกขอบคุณสวรรค์ที่ดลบันดาลให้ฉันมีเพื่อนร่วมงานที่ดี   
             “ถ้าไม่มีพวกเขาฉันในวันนี้จะเปลี่ยวเหงา   และจมจ่อมอยู่กับความรวดร้าวซักแค่ไหนนะ”ฉันนั่งดูวิวริมข้างทางขณะรถตู้วิ่งออกจากกรุงเทพหลังจากแวะซื้อ เหล้าเบียร์ของขบเคี้ยวและข้าวของจำเป็นที่ แมคโคร ย่านชานเมืองได้ครบถ้วนแล้ว

         เพื่อนๆหลับสนิทกันทุกคน คงเหนื่อยจากงานที่ทำกันมาทั้งสัปดาห์แต่ฉันอยากจะดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัวที่นานๆจะได้สัมผัสสักครั้ง

            
       พวกเราเดินทางมาถึงจุดหมายก็ประมาณ 4-5 โมงเย็นแล้ว   พอถึงที่พักเราก็เจอกับรถตู้ของเพื่อนๆพี่ๆอีกคันที่มาถึงก่อนสักพักแล้ว   เป็นอันว่าเราต้องเช่าบังกะโลหลังใหญ่ที่สุดเพราะไม่อยากแยกกันพักเป็นกลุ่มย่อย

      พอพวกเราจัดแจงที่พักเรียบร้อยแม่บ้านก็ยกปูมา 2 หม้อใหญ่ๆที่พี่เขาไปดักซื้อมาจากชาวประมง และวานแม่บ้านทำให้สุกและหาน้ำจิ้มให้ด้วยเป็นออเดิร์ฟที่อร่อยมากครับ

          ส่วนอาหารมื้ออื่นๆเราเข้าครัวกันเองโดยไปซื้ออาหารทะเลสดๆที่ชาวประมงเพิ่งจะขึ้นฝั่ง
สดอร่อยทุกเมนูครับ
            
          เรามีกิจกรรมสนุกๆกันตลอดอาทิเล่นดรัมมี่ ใครแพ้ยกเบียร์หมดกระป๋องครับ
คาราโอเกะก็มีครับ.................. พวกเราสนุกกันมาก โดยสรุปมาเที่ยวทะเลแต่ไม่มีใครได้ลงน้ำแม้แต่คนเดียวครับ


            ขากลับเราแวะชมวิวตามสถานที่ ที่เขาบอกว่าสวยแวะร้านอาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดในย่านนั้น
เป็นทริปที่ประทับมากใจอีกทริปหนึ่งครับ
         
            ฉันกลายเป็นนักท่องราตรีในวันจันทร์-ศุกร์   และเป็นนักท่องเที่ยวในวันหยุดเสาร์อาทิตย์
ชีวิตมันก็มีความสุขดีนะ“คนไม่มีแฟน” ไม่เห็นต้องมีแฟนเลยฉันบอกกับตัวเอง


            ศุกร์นี้พวกเราแต่งกาย อย่างสุดหล่อสุดสวย   ด้วยเป็นงานแต่งของพี่ปุ้ยกับพี่วัฒน์
เป็นงานแต่งที่หรูที่สุดที่ฉันเคยไปเลยทีเดียว

            หลังจากนั้นไม่นานนัก   ชีวิตนักท่องราตรีและนักท่องเที่ยวของฉันก็เริ่มห่างหายไป
เมื่อพี่ปุ้ยตั้งท้องอ่อนๆแล้วพี่วัฒน์ก็ต้องคอยดูแลนี่นา   เหลือเราเพียงสี่คนคนไปไหนมาไหนก็ให้รู้สึกกร่อยๆอย่างช่วยไม่ได้         




                        “เฮ้ยพวก.................... พรุ่งนี้วันเกิดฉันนะ”
         ต๊อกตั้งประเด็น   เพื่อหาที่เที่ยว   เราต่างรู้กัน
                     “ไปรัชดานะ”กุ้งบอก
                     “เฮ้ย.............บ่อย” เพื่อนๆแย้ง
                     “งั้นสุขุมวิท” เทอดเสนอ
                     “อีกแล้วเหรอ......................”เพื่อนๆครวญ
                        “สีลมเป็นไง.........”   
                     “ที่เดิมๆ................”เพื่อนๆตอบแทบจะพร้อมกัน


            ที่จริงแล้วมันก็น่าเบื่อจริงๆน่ะแหละ พวกเราตระเวนเที่ยวไปแล้วทุกๆที่ที่ละหลายๆครั้ง
มันก็เดิมๆ
                  “งั้น....ลองออกไปนอกเมืองกันหน่อยมั๊ย” ฉันเสนอ               
               “เออดิ.......เที่ยวแต่ในกรุง   ไปหมดทุกที่แล้วลองรอบนอกบ้าง” เพื่อนๆเห็นด้วยกับฉันเสมอจะไม่ให้รักได้อย่างไรกัน

                  พวกเราขับรถตระเวนไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายหรอกนะ ไม่คุ้นเคย   ก็ผ่านหูผ่านตาไปหลายที่ แต่ไม่น่าสนใจ    คนน้อยบ้าง   สถานที่เล็กคับแคบบ้าง   เงียบเหงาบ้าง   หาข้อติกันไป

                สุดท้ายเราเลือกผับ คาราโอเกะ แดนซ์ครบวงจรเลยย่านเทพารักษ์เกือบๆจะถึงสมุทรปราการอยู่แล้วเชียว   เพราะรูปลักษณ์ใหญ่โต โอ่อ่า   ผู้คนคึกคักมากมากมาย   
               
            ก็ไม่ผิดหวังบรรยากาศดีบริการดี   อาหารดี    นักเที่ยวกริยาดีใช้ได้ทีเดียว

            “สวัสดีครับ.......” ขณะที่ฉันล้างมืออยู่ที่อ่างล้างหน้า    ฉันหันไปตามเสียงทุ้มนั่น
               “ให้ตายเหอะ   เทพบุตรที่ไหนกันอีกล่ะเนี่ย”ฉันนึกในใจยิ้มให้อย่างประหม่า

            “ผมโอ๊ตครับ.......” เขาแนะนำตัวยิ้มให้กับอาการเคอะเขินของฉัน
            “ทิชชูเช็ดมือครับ” เขารุกต่อในขณะที่ฉันเริ่มได้สติ
            “ขอบคุณครับ............ผมทีครับ” ฉันรับกระดาษจากเขาพร้อมทั้งแนะนำตัว

         “คุณน่ารักมากนะครับผมแอบมองที่โต๊ะตั้งนานแล้วหล่ะครับ   แต่ไม่กล้าเข้าไปหา      เพื่อนคุณเยอะแยะไปหมด.................................. ว่างๆโทรหาผมหน่อยนะครับเราจะได้ทำความรู้จักกัน” เขาส่งยิ้มและทำตาหวานพร้อมทั้งยื่นนามบัตรให้ฉันและเดินจากไปโน่นแล้ว

            ฉันยังงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   แต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง   พยายามมองหาเขา    แต่ไม่เจอ
เอ๊......หรือว่าฉันละเมอไปนะ   เปล่านี่   นามบัตรยังอยู่ในกระเป๋านี่เอง


         สามสี่วันให้หลัง      ฉันหยิบนามบัตรนั้นขึ้นมาดูรายละเอียดหน้าที่การงานเขาก็ระดับผู้บริหาร   หน้าตาก็ขั้นเทพขนาดนั้น         เขาจะจริงจังกับเราสักแค่ไหนกันนะ   ......................    ฉันลังเลที่จะโทรหาเขา

         ฉันพยายามทบทวนทุกเหตุรัก..............ความสุขสม   ความเอิบอิ่มและการเติมเต็ม.........ความผิดหวัง   ความเจ็บช้ำและการร้างลา                  แท้ที่จริงแล้วฉันยังขลาดกลัว......................แต่สุดท้ายความเปลี่ยวเหงา   เป็นฝ่ายชนะ   ฉันกดโทรศัพท์หาเขา

         “สวัสดีครับ...........” เสียงทุ้ม ชวนฟังรับสาย
         “ครับผมเออ.....................” ฉันประหม่า พูดไม่ออก
         “ผมรู้ผมรู้ว่าเป็นคุณ...............ผมรออยู่นะครับ” ฉันรู้สึกผ่อนคลายแล้วเราก็คุยกันยืดยาวเนิ่นนานด้วยเป็นเวลาเลิกงานแล้ว

            
             ในตอนบ่ายวันอาทิตย์      ฉันไปพบเขาตามนัดที่โรงหนังชั้นหนึ่งกลางกรุง   

            เขารออยู่นั่นแล้ว
             “ได้เวลาพอดี    เราเข้าไปข้างในกันเลยนะครับ” เขาชักชวนและเดินนำฉันไปนั่นแล้ว
             เรานั่งกันข้างบนสุดซึ่งไม่มีผู้คนอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้นเลย

   
                     “อากาศเย็นมากนะครับ”เขากระซิบที่ข้างหูแล้วเอื้อมมือมาเกาะกุมมือฉันไว้
ฉันประหม่าแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
                     เขาหอมที่แก้มฉันแผ่วเบา   แล้วจูบที่หน้าผากก่อนจะบอกว่า
                  “ผมชอบคุณนะครับ” พร้อมทั้งดึงรั้งร่างฉันให้อิงซบที่ไหล่เขา
ฉันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย         ภายใต้อ้อมแขนที่ฉันโหยหามานานปี..........................
ถึงตอนนี้      ฉันตัดสินใจที่จะทำตามความต้องการของหัวใจที่มันร่ำร้องอยู่ข้างในจะไม่ยอมให้เป็นเหมือนรักร้างเมื่อสองครั้งที่ผ่านมา   


                   เรารับประทานอาหารที่ร้านหรูและลงเอยที่โรงแรมห้าดาวในย่านนั้น
                   พี่โอ๊ตดึงฉันเข้าไปกอดจูบและจู่โจมทันทีที่บริกรปิดประตูห้อง         ฉันไม่ทันได้ตั้งตัวแต่ฉันก็ไม่ได้ขัดขืน   ฉันยืนยันจะทำตามความต้องการข้างในที่มันเรียกร้อง         ฉันจะปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามพรหมลิขิต   ตามที่กามเทพนำพา............................

                  พี่โอ๊ตดูเร่าร้อนและหื่นกระหายมาก      แต่ก็ไม่ได้รุนแรงหรือซาดิสม์เอากับฉัน
ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับเพลงกามที่เขาปรนเปรอ      โดยที่เสื้อยังติดอยู่ที่ตัวแต่กระดุมโดนแกะทุกเม็ดในตอนที่พี่เขาสำรวจโลมเล้าร่างกายฉันนั้น

                  ถึงทีที่ฉันต้องแสดงฝีมือบ้างแล้ว      พี่โอ๊ตยืนขึ้นถอดกางเกงลงไปกองที่ข้อเท้า
แล้วกดให้ฉันนั่งลงตรงกลางระหว่างเป้า............ตรงแก่นกายนั้น
               เครื่องเพศของพี่โอ๊ต   ใหญ่โตเกินตัวฉันต้องอ้าปากสุดกว้างและพยายามอย่างยิ่งที่จะกลืนกินให้หมดความยาวของท่อนลำนั้น
                “โอ้ว.........................ซี๊ดดดดดดดดดดดดดดด”
               “ ดีครับ   ดีมากครับ......................................อย่างงั้นดีแล้ว โอววววววววววว”
พี่โอ๊ตครวญครางไม่ขาดเสียงปากก็พร่ำชมฉันตลอด
            ฉันเองก็ให้รู้สึกกระสัน   ดูดกินน้ำเสียวของพี่เขาอย่างเอร็ดอร่อยและพึงใจในความใหญ่โตและความแข็งแกร่งเกินชายของเขาอย่างไม่รู้สึกพอ

                   




                           “เดี๋ยวก่อนครับ”   พี่โอ๊ตดึงรั้งร่างฉันขึ้นมาแล้วใช้ปากบดขยี้ปากฉันอย่างรุนแรง      ฉันสัมผัสได้ถึงความต้องการอันท่วมท้นของพี่เขาในเวลานั้น    เขาเลื่อนมาไซร้รูหู    ท้ายทอยแล้วดึงรั้งชายเสื้อฉันขึ้นก่อนที่จะไล้เล็มเลียไปตามแผ่นหลังของฉัน      ฉันยอมรับว่า เสียว สยิวมาก บิดตัวไปมาตามจังหวะการฉกไล้เล็มเลียของพี่เขา         และแล้วพี่โอ๊ตก็ดึงกางเกงของฉันลงไปกองอยู่ที่ตรงข้อเท้าของฉันบ้าง       เขากัดเบาๆจูบเลียไปตามบั้นท้ายของฉัน      “เฮยยยยย.......................” เสียงสั่นเครือแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากฉันอย่างสุดจะทน   แล้วที่ทำให้ฉันต้องสะดุ้งสุดตัวก็ตอนที่พี่เขาใช้สองมือแหวกแก้มก้นฉันแล้วใช้ลิ้นฉกอย่างเชี่ยวชาญที่รูร่องนั้น
                  “โอ๊ย....พี่ครับผมไม่ไหวแล้ว”ฉันโพล่งออกไปอย่างสุดจะทน
                  พี่โอ๊ตถลันยืนขึ้นในทันที   ดันฉันให้หน้าอกไปติดกับผนังห้องแล้วพี่แกก็เอาเจลหล่อลื่นมาละเลงที่รูฉันและที่แก่นกายอันมโหฬารนั่น   แล้วพี่เขาก็ค่อยๆดันเข้ามา   ค่อยๆดันเข้ามาที่ประตูสวรรค์นั่น       ฉันรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งและร้อนรุ่มนั้น      
                   “เบาๆก่อนนะครับ.........” ฉันพร่ำบอกเสียงสั่นตัวสั่นตื่นกลัว.........
พี่โอ๊ต ขบที่ติ่งหูเบาๆกระซิบปลอบ
                   “ไม่ต้องกลัวที่รัก........ผมจะทะนุถนอมคุณ    ผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุดเลยครับ”
ฉันรู้สึกตึงแน่นที่รูมากถึงแม้ว่าจะเพิ่งเข้าไปได้แค่ส่วนหัวแต่ฉันก็ไม่ยอมท้อเพียงแต่บอกให้พี่เขาหยุดพักเป็นช่วงๆพอพี่เขาเห็นว่าฉันผ่อนคลายบ้างก็ค่อยๆรุกคืบต่อไป..................กึ๊ก    จนในที่สุดพี่โอ๊ตก็ดันเข้าไปได้จนสุดลำฉันรู้สึกคับแน่นไปทั้งตัวจุกจนแทบจะถึงคอ.........
               พี่เขาหยุดพักสักครู่ ลูบไล้จูบไซร้ให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย.................ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงกามต่อไป    พี่เขาซอยลึกบ้างตื้นบ้างแยงซ้ายที ขวาทีบางทีก็ส่ายวน   แรงบ้างเบาบ้าง.................... ฉันเสียวจนครวญครางไม่หยุดปาก   พี่เขากระแทกไม่ยอมหยุดพักจนฉันหมดแรง
                  “ พี่ครับ....ผมเหนื่อยแล้วครับ......” ฉันอุทรณ์
                  “น่า...........นะครับ...”พี่เขากระซิบที่ข้างหูเหมือนจะคอยให้กำลังใจ      แต่ไม่ยอมหยุดพักไม่ยอมไปที่เตียง       พี่เขาคอยเติมเยลทุกๆครั้งเมื่อเริ่มจะแห้งฝืด      พี่เขาเหงื่อท่วมตัว
ฉันเหงื่อท่วมกายจนเสื้อเปียกโชกทั้งเสื้อเชี้ตและเสื้อนอก      เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ได้   
พี่เขาร้องเสียงดังและกระแทกรูฉันกระชั้นขึ้นและแรงขึ้น
                “โอ๊ะๆ.......โอวววว...........................ทีจ๋า.........................”พี่เขากระเด้าสุดแรง   พร้อมกันนั้นเครื่องเพศของพี่เขาก็กระตุกถี่ๆอย่างแรงภายในรูฉันนั้น
                “โอยยยยยยยยยยยยยยย......................อา.......................อูยยยยยยยยยยยยยยยย”
เสียงของเราทั้งคู่ประสานกัน   ฉันเองก็เสร็จโดยที่ไม่ได้แตะท่อนลำของฉันเลย


         
            พี่โอ๊ตยังคงกอดฉันแน่นในท่าเดิมโดยยังไม่ยอมถอนแก่นกายออกจากรูฉัน      ฉันเองก็รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่ยังคงเดิมแม้เวลาจะผ่านไปหลังจากพี่เขาเสร็จแล้วนานกว่า 10 นาที
            และแล้วพี่เขาก็ค่อยๆดึงแก่นกายออกจากรูฉันอย่างช้าๆ   
            “อูยยยยย...............”เสียงฉันและพี่เขาครางแทบจะพร้อมๆกัน
               “บล็อก.........””โอ๊ย.....................”ฉันร้องอย่างสุดเสียวในทันทีที่ท่อนลำพี่โอ๊ดหลุดออกจากรูฉัน
             “โอ้โฮ.....อะไรกันนี่”พี่โอ๊ตอุทาน
             ฉันมองตามสายตาพี่โอ๊ตเลือดติดเต็มท่อนลำที่แข็งแกร่งของพี่เขาอยู่เต็มไปหมด ............เลือดแดงๆของฉันและน้ำกามของพี่โอ๊ต      หยดเต็มกางเกงในสีขาวของเราทั้งคู่      ฉันหลบสายตาพี่โอ๊ตที่ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างพึงพอใจก่อนจะหอมแก้มฉันแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
            
               “มานี่มา.......”พี่โอ๊ตนอนอ้าแขนรอรับฉันอยู่บนเตียงหลังจากที่ฉันอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเรียบร้อยแล้ว
             “เจ็บไหม..................ขอโทษทีผมไม่รู้ว่า........................” พี่โอ๊ตกอดจูบปลอบประโลมฉันคงเข้าใจว่าฉันไม่เคยผ่านชายใดมาแน่ๆเลย   มันก็เกือบจะจริงน่ะนะชายแรกหนึ่งเดียวของฉันน่ะไซส์เล็กไปถนัดตาเมื่อเทียบกับไซส์ขนาดเอ๊กซ์แอลของพี่โอ๊ตน่ะ   ดูสิฉันยังรู้สึกแสบร้อนผะผ่าวเหมือนดุ้นทั้งดุ้นของพี่แกยังอยู่ในรูฉันอยู่เลย      


               และแล้ว..............................เกมส์รักอันเร่าร้อนแต่นุ่มนวลของพี่โอ๊ตก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง      คราวนี้ฉันรู้สึกถึงความดื่มด่ำล้ำลึกกว่าเดิม      พี่เขาช่างเก่งขั้นเทพจริงๆ   ฉันยอมรับว่ามีความสุขสุดยอดอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน          เราต่างปรนเปรอกันอย่างสุดความปรารถนา.......................จนฉันหมดเรี่ยวแรงหลับคาอ้อมแขนของพี่เขาจนรุ่งสาง
      

                เรานัดเจอกันบ่อยมาก เกือบจะทุกวัน    ฉันยอมรับว่ามีความสุขเหลือเกิน
                  

               ฉันเริ่มห่างจากเพื่อนๆแต่ก็ไม่มีใครสังเกตได้เพราะว่าอยู่ในช่วงสับเปลี่ยนสายงาน   ย้ายแผนกกันให้วุ่นวายไปหมด    วันๆแทบไม่ได้เจอกับเพื่อนร่วมก๊วน


             ฉันได้รับเรียกตัวเข้าทำงานที่บริษัทยักษ์ใหญ่กลางกรุงในตำแหน่งวิทยากรฝึกอบรม    ซึ่งเป็นงานที่ตรงกับสายที่ฉันเรียนมา    ถึงแม้ว่าเงินเดือนจะไม่ได้มากไปกว่าเดิม   แต่ทำงานเป็นเวลาไม่ต้องเข้ากะและหยุดเสาร์อาทิตย์ด้วย    ที่สำคัญพ่อทูนหัวของฉันเป็นคนเลือกเองว่าให้ฉันทำงานที่นี่จากหลายๆที่ที่เรียกให้ฉันไปรายงานตัว

            ผลที่ตามมาคือ...................................ฉันได้เจอกับหวานใจได้แค่เสาร์อาทิตย์เพราะฉันพักอยู่กลางกรุงส่วนพี่แกบ้านอยู่ชานเมืองและทำงานที่บริษัทของญาติๆ ในย่านเดียวกันนั่นเอง
ถ้าวันไหนไปหากันในวันทำงาน    เหมือนกับว่าไม่ได้หลับนอนไม่ได้พักผ่อนกันทั้งคืน

            แต่ฉันก็มีความสุขดีด้วยหัวใจฉันเต็มอิ่ม   หน้าตาสุขสดชื่นเสมอจนคนรอบข้างรู้สึกได้และต่างออกปากทักถาม...................

            “โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย.........................................” ฉันรู้สึกเจ็บแปลบที่ท้องน้อยจนต้องนั่งลงเอามือกุมท้องก้าวเดินต่อไปไม่ไหว
            “เป็นอะไรไปน่ะที.......................” พี่ๆน้องๆต่างแย่งกันถามด้วยความเป็นห่วงฉันบอกเล่าถึงอาการเจ็บแปลบตามความเป็นจริง
            “นั่นมันอาการที่ผู้หญิงเขาเป็นกันนี่นา.......................” หัวหน้าฉันออกปาก    ฉันได้แต่ยิ้มอายๆแอบนึกในใจว่า “ก็ผมโดนทำ.......................เหมือนผู้หญิงนี่นา...........................”
หลังจากวันนั้นฉันไม่กล้าบ่นเจ็บที่ท้องน้อยให้ใครได้ยินอีกเลย


         ความสัมพันธ์ของฉันกับพี่โอ๊ตเป็นไปด้วยดีผ่านไปนานกว่าปีครึ่ง    ข่าวไม่ดีก็เริ่มได้ยินถึงหูฉัน
         “แฟนแกน่ะ    เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่นเลยนะที...................”เสียงเพื่อนรายงานมาจากปลายสาย ด้วยเพื่อนๆยังทำงานอยู่ที่เดิมในละแวกเดียวกันกับบริษัทพี่โอ๊ต
         “ ไม่หรอกน่า..............พี่เขาอาจจะแค่ไปกับคนรู้จัก” ฉันแย้งเพราะพี่เขาบอกให้ฉันหนักแน่นเสมอเพราะเขาต้องติดต่องานกับลูกค้าเสมอและเขาเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะมาก


            แต่นั่น ก็เริ่มทำให้ฉันหวั่นไหวไม่สบายใจได้ไม่น้อยเลย   เมื่อข่าวเริ่มหนาหูได้ยินจากปากของเพื่อนๆแทบจะทุกคน


             ฉันพยายามสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะมีให้เห็นบ้างแต่ไม่มีเลยพี่โอ๊ตดูเสมอต้นเสมอปลายเคยอย่างไรก็อย่างนั้นยิ่งเรื่องบนเตียงพี่เขาจะทำเหมือนหิวกระหายเหมือนกินอาหารมื้อหลักทุกมื้อก็ไม่ปานไม่เคยมีเลยสักครั้งที่จะทำแบบขอไปที........................ฉันพยายามสลัดความกลัดกลุ้มที่อาจจะบานปลายไปกัดกร่อนความสัมพันธ์ของสองเรา
            

             ฉันตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของพี่โอ๊ตในเช้าวันเสาร์    ฉันค่อยๆลุกขึ้นนั่ง พินิจพิจารณาเรือนร่างและหน้าตาของพี่เขา   ไม่มีอะไรบุบสลายหรือแปลกตาไป พี่เขายังคงเดิมทุกกระเบียด
หน้าตาหล่อเหลาปานเทพบุตร   ซึ่งพี่แกภูมิใจนักหนาว่า   ใครๆก็บอกหน้าตาดีที่สุดในตระกูล
ก็เห็นจะจริง หน้าตาแกเหมือนพระเอกดังคนหนึ่งซะด้วยซี   ฉันเคยบอกพี่เขาก็รับอย่างภูมิใจว่า
“ของมันแน่อยู่แล้ว”   ฉันยิ้มอย่างภูมิใจและหอมแก้มพี่เขาอย่างรักใคร่ก่อนจะลุกไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนพี่เขาจะตื่นนอน.................... ด้วยฉันรู้ว่าต้องเตรียมพร้อมรับศึกหนักหลังจากพี่แกนอนเต็มอิ่มในตอนเช้าเสมอๆ      

               พี่โอ๊ตเล่าเรื่องราวส่วนตัวให้ฉันฟังมากมายเขาเคยเป็นDJที่ผับดังแต่ไปเสียทีโคโยตี้สาวจอมยั่ว   “ดูท่าทางมันจะคันมากก็เลยเสียบๆให้มันไปแต่ไม่นึกว่ามันจะเอาจริงปล่อยให้ท้องแล้วมาบอกว่าเป็นลูกของเราซะงั้น    ครั้นจะรับก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นลูกเราหรือเปล่า วันๆไปเต้นสี่ซ้าห้าที่ใครจะรู้ว่าไปให้ท่าใครอีก”พี่แกบอกพี่แกเลยหนีไปบวชซะเป็นปี“ชะนีคลอดลูกทิ้งไว้แล้วไปร่านต่อ แต่โทษทีเด็กชายคนนั้นอยู่กับตายายยิ่งโตขึ้นหน้าก็หน้าฉัน หูก็หูกางๆของฉันนี่แหละตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วอีกสองสามปีขึ้นมัธยมเดี่ยวจะรับมาอยู่ด้วย” พี่โอ๊ตบอกนั่นยิ่งทำให้ฉันภูมิใจที่ได้ผู้ชายแท้ๆมาเป็นสามี   แกบอกเบื่อผู้หญิงจอมร่านพวกนั้นน่ะครับ
            
            ฉันพยายามจะลืมและไม่นึกถึงเรื่องราวการนอกใจของพี่เขา    ด้วยฉันตั้งปณิธานแน่วแน่ว่า   จะขอประคองรักนี้ให้ยืนยาวที่สุด    ฉันไม่เคยเลยสักครั้งที่จะปริปากเอ่ยถามเรื่องนี้กับพี่โอ๊ต
ซึ่งพี่เขาก็ดูจะมีความสุขมากที่ได้อยู่กับฉัน

            อ้อ.............ฉันลืมบอกให้รู้ถึง สิ่งที่พี่โอ๊ตโปรดปรานอีกอย่างคือแกชอบมีเซ็กซ์เอาท์ดอ
ทุกที่ที่ไปกับฉันเสมอๆ   ซึ่งพี่เขาบอกว่า   ชอบฉันมากที่ใจกล้าและตามใจแกเสมอมา    ก็คนมันรักนี่นา อะไรที่จะทำให้พี่เขามีความสุขถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงฉันยินดีจะทำให้เสมอ


               แต่เพื่อนๆก็รักฉันอย่างเหลือเกิน    ตามเก็บภาพความสัมพันธ์ของพี่โอ๊ตกับ ตัวเล็กตัวน้อยมาให้ฉันซะเล่นเอาพี่แกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกดิ้นไม่หลุดกันเลยทีเดียว
                “ก็แค่ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวไม่จริงจังอะไร”พี่เขาบอก   แล้วรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวฉันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น   ฉันก็เหลือเกินพ่ายแพ้บทรักอย่างราบคาบยอมพี่เขาทุกทีไปสินะ    อาจเป็นเพราะพี่เขาให้ความสุขฉันได้เต็มที่ฉันจึงไม่ค่อยจะรู้สึกขาดเขินขุ่นเคืองสักเท่าไร
               
               แต่ยามใดก็ตามที่เราห่างกัน................ความเจ็บปวด   ความเจ็บช้ำ    จะรุกคืบถาโถม
ด้วยฉันรู้อยู่แก่ใจว่าพี่แกกำลังทำอะไรอยู่กับใครต่อใคร   ..............ความปวดช้ำที่ใจคงปิดไว้ไม่มิดมันแสดงออกมาให้เห็นทางสีหน้าและสายตาที่หม่นหมอง   น้ำตารินไหลไม่ขาดสาย.................ฉันรับรู้ได้ถึงความไม่มั่นคงการทรยศการหักหลัง   แต่ฉันไม่เคยโวยวายไม่ได้ร้องไห้คร่ำครวญ      ไม่มีแม้แต่จะต่อว่าเขาสักคำเดียว       ด้วยฉันรู้จากประสบการณ์รักที่ผ่านๆมาว่าไม่มีประโยชน์อะไร    ฉันทำได้เพียงแต่ยอมรับความปวดชาที่หัวใจ


             ฉันสวมบทเมียหลวงอยู่ได้ตั้งนานสองนานโดยไม่ได้รู้ว่าใครบ้างเป็นเมียน้อยรู้แต่ว่ามากหน้าหลายตาไม่เป็นตัวเป็นตนกันสักที         มารู้ตัวอีกทีก็ย่างเข้าเกือบๆจะสามปีที่คบกับพี่โอ๊ต...........คราวนี้เมียน้อยตัวจริงเสียงจริงอุบัติขึ้นมา   หล่อนตั้งหน้าตั้งตาราวีและจงใจจะแย่งพี่เขาไปเป็นของหล่อนให้จงได้
               “พี่ทีเหรอครับพี่โอ๊ตฝากของมาให้น่ะครับ” ก็แมนๆดีมาหาฉันถึงที่เชียว
               “อยู่ที่รถน่ะครับรบกวนพี่ตามไปที่ลานจอดหน่อยนะครับ”ฉันไม่ได้คิดระแวงอะไร
คิดแค่ว่าพี่โอ๊ตต้องการจะเซอไพรซ์ฉันแค่นั้นเอง
               “เปิดดูสิครับ.............”ฉันค่อยๆเปิดอัลบั้มรูปที่อยู่ตรงหน้าช้าๆทีละแผ่นๆ   พี่โอ๊ตในสภาพเปลือยเปล่ากำลังเล่นบทรักอันเร่าร้อนกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน......................มือฉันสั่นเทา
น้ำตาเอ่อนอง   
            “พี่เขาบอกว่า   ถ้าไม่มีคุณเขาจะเป็นของผมเพียงคนเดียว.................เขารักผมแต่เขายังสงสารคุณอยู่ก็เท่านั้นอย่ามาขวางทางสวรรค์ของเราเลย   จันทร์ถึงศุกร์พี่เขาก็อยู่กับผมอยู่แล้วเสาร์อาทิตย์อย่ามาพรากเขาจากผมเลย    ออกจากชีวิตของเราไปเถอะผมขอร้อง.......................”
เขาพูดประหนึ่งว่าฉันเป็นส่วนเกินทั้งๆที่เขาแย่งพี่โอ๊ตไปจากฉันโดยแท้

            ฉันจุกที่หน้าอกพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว   เขาจากไปแล้วทิ้งฉันให้หมดเรี่ยวแรง
หัวใจและลำคอแห้งผาก

             และแล้วความอดทนของฉันก็เดินทางมาถึงขีดสุด.....................ในเมื่อฉันยอมทุกอย่างทั้งๆที่รู้ว่าเขาปันใจ    เขามีใครต่อใครฉันไม่เคยไปวุ่นวาย    แต่เขากลับปล่อยให้คนของเขามาทำร้าย.................เขาปล่อยให้คนของเขามาเหยียบย่ำมาหยามเกียรติฉันถึงที่   

             ฉันทิ้งอัลบั้มรูปนั้นไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมทั้งเขียนบรรยายถ้อยคำที่เขาคนนั้นเอื้อนเอ่ยฉันเก็บข้าวของเข้าไปอยู่ประจำที่ศูนย์ฝึกอบรมในวันรุ่งขึ้น   บอกกับพี่ๆน้องๆเพื่อนร่วมงานว่า
ถ้าพี่โอ๊ตโทรมาหรือมาหา.........................    ให้บอกว่าฉันลาออกจากงานกลับต่างจังหวัดไปแล้ว   ฉันเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือและไม่ติดต่อกับพี่แกอีกเลย

                      ฉันยอมรับว่า.......................เจ็บปวดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาฉันรับรู้ถึงความสูญเสียแต่แปลกที่ฉันไม่เคยโวยวายไม่ร้องไห้คร่ำครวญ    อาจเป็นเพราะฉันรับรู้ความเป็นไปมาโดยตลอด
เรื่องราวไม่ได้เกิดขึ้นฉับพลันเหมือนครั้งก่อนๆ   ฉันมีโกาสได้เตรียมตัวเตรียมใจ.....................และที่สำคัญฉันไม่เคยคิดหรือทำร้ายตัวเองเลย   ตรงกันข้ามฉันกลายเป็นคนเก็บตัว    เลิกเที่ยว
เลิกเหล้าเลิกบุหรี่   .......................... ฉันทุ่มเทแรงกาย    แรงใจไปที่งานงานงานชีวิตของฉันมีแต่งาน งาน งาน

            

            
เสเพลรัก       


            “เฮ้ย............เลิกงานแล้วเราไป ซัมธิ่งลองกันที่ไหนกันดี”
             วันนี้เราไปดูหนังกันดีกว่านะ…………..

            เดี๋ยวเราไปแด้นซ์กันน่ะ...............

            ไปผับเปิดใหม่กันน่ะ...................

               ไปคาราโอเกะกันดีกว่า................

            ฉันมีเพื่อนสนิท ทั้งชายหญิง สามสี่คนในกลุ่มที่คอยเทคแคร์ดูแลฉัน   ต่างไม่ยอมให้ฉันอยู่เพียงคนเดียวตามลำพัง   ด้วยกลัวฉันจะคิดมากและฟุ้งซ่านเพื่อนๆต่างช่วยกันตั้งโปรแกรมพาฉันไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆทุกวัน    ประมาณว่าเมื่อถึงห้องพักฉันก็อ่อนล้าหมดแรงหลับเป็นตายทุกคืนไม่มีเวลามาคร่ำครวญเสียอกเสียใจกับเรื่องราวเก่าๆ อีกเลย

             ถ้าเป็นวันหยุดยาวหรือเสาร์อาทิตย์เราจะเหมารถตู้ไปเที่ยวชายทะเลไกลๆเช่าบังกะโลอยู่กันหลายๆวันบางทีเพื่อนๆพี่ๆ รวมตัวกันได้กว่า 15-16   คนเลยทีเดียว
            เสาร์นี้ก็เช่นกันหลังจากเคลียร์งานเสร็จประมาณเที่ยง   พวกเรานั่งทานข้าวและสนทนากันถึงสถานที่ ที่จะไปพักผ่อนกันในช่วงวันหยุดยาวครั้งนี้.............................................   เราตกลงกันจะไปเที่ยวชายหาดแถวระยอง   

            ฉันนึกขอบคุณสวรรค์ที่ดลบันดาลให้ฉันมีเพื่อนร่วมงานที่ดี   
             “ถ้าไม่มีพวกเขาฉันในวันนี้จะเปลี่ยวเหงา   และจมจ่อมอยู่กับความรวดร้าวซักแค่ไหนนะ”ฉันนั่งดูวิวริมข้างทางขณะรถตู้วิ่งออกจากกรุงเทพหลังจากแวะซื้อ เหล้าเบียร์ของขบเคี้ยวและข้าวของจำเป็นที่ แมคโคร ย่านชานเมืองได้ครบถ้วนแล้ว

         เพื่อนๆหลับสนิทกันทุกคน คงเหนื่อยจากงานที่ทำกันมาทั้งสัปดาห์แต่ฉันอยากจะดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัวที่นานๆจะได้สัมผัสสักครั้ง

            
       พวกเราเดินทางมาถึงจุดหมายก็ประมาณ 4-5 โมงเย็นแล้ว   พอถึงที่พักเราก็เจอกับรถตู้ของเพื่อนๆพี่ๆอีกคันที่มาถึงก่อนสักพักแล้ว   เป็นอันว่าเราต้องเช่าบังกะโลหลังใหญ่ที่สุดเพราะไม่อยากแยกกันพักเป็นกลุ่มย่อย

      พอพวกเราจัดแจงที่พักเรียบร้อยแม่บ้านก็ยกปูมา 2 หม้อใหญ่ๆที่พี่เขาไปดักซื้อมาจากชาวประมง และวานแม่บ้านทำให้สุกและหาน้ำจิ้มให้ด้วยเป็นออเดิร์ฟที่อร่อยมากครับ

          ส่วนอาหารมื้ออื่นๆเราเข้าครัวกันเองโดยไปซื้ออาหารทะเลสดๆที่ชาวประมงเพิ่งจะขึ้นฝั่ง
สดอร่อยทุกเมนูครับ
            
          เรามีกิจกรรมสนุกๆกันตลอดอาทิเล่นดรัมมี่ ใครแพ้ยกเบียร์หมดกระป๋องครับ
คาราโอเกะก็มีครับ.................. พวกเราสนุกกันมาก โดยสรุปมาเที่ยวทะเลแต่ไม่มีใครได้ลงน้ำแม้แต่คนเดียวครับ


            ขากลับเราแวะชมวิวตามสถานที่ ที่เขาบอกว่าสวยแวะร้านอาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดในย่านนั้น
เป็นทริปที่ประทับมากใจอีกทริปหนึ่งครับ
         
            ฉันกลายเป็นนักท่องราตรีในวันจันทร์-ศุกร์   และเป็นนักท่องเที่ยวในวันหยุดเสาร์อาทิตย์
ชีวิตมันก็มีความสุขดีนะ“คนไม่มีแฟน” ไม่เห็นต้องมีแฟนเลยฉันบอกกับตัวเอง


            ศุกร์นี้พวกเราแต่งกาย อย่างสุดหล่อสุดสวย   ด้วยเป็นงานแต่งของพี่ปุ้ยกับพี่วัฒน์
เป็นงานแต่งที่หรูที่สุดที่ฉันเคยไปเลยทีเดียว

            หลังจากนั้นไม่นานนัก   ชีวิตนักท่องราตรีและนักท่องเที่ยวของฉันก็เริ่มห่างหายไป
เมื่อพี่ปุ้ยตั้งท้องอ่อนๆแล้วพี่วัฒน์ก็ต้องคอยดูแลนี่นา   เหลือเราเพียงสี่คนคนไปไหนมาไหนก็ให้รู้สึกกร่อยๆอย่างช่วยไม่ได้         




                        “เฮ้ยพวก.................... พรุ่งนี้วันเกิดฉันนะ”
         ต๊อกตั้งประเด็น   เพื่อหาที่เที่ยว   เราต่างรู้กัน
                     “ไปรัชดานะ”กุ้งบอก
                     “เฮ้ย.............บ่อย” เพื่อนๆแย้ง
                     “งั้นสุขุมวิท” เทอดเสนอ
                     “อีกแล้วเหรอ......................”เพื่อนๆครวญ
                        “สีลมเป็นไง.........”   
                     “ที่เดิมๆ................”เพื่อนๆตอบแทบจะพร้อมกัน


            ที่จริงแล้วมันก็น่าเบื่อจริงๆน่ะแหละ พวกเราตระเวนเที่ยวไปแล้วทุกๆที่ที่ละหลายๆครั้ง
มันก็เดิมๆ
                  “งั้น....ลองออกไปนอกเมืองกันหน่อยมั๊ย” ฉันเสนอ               
               “เออดิ.......เที่ยวแต่ในกรุง   ไปหมดทุกที่แล้วลองรอบนอกบ้าง” เพื่อนๆเห็นด้วยกับฉันเสมอจะไม่ให้รักได้อย่างไรกัน

                  พวกเราขับรถตระเวนไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายหรอกนะ ไม่คุ้นเคย   ก็ผ่านหูผ่านตาไปหลายที่ แต่ไม่น่าสนใจ    คนน้อยบ้าง   สถานที่เล็กคับแคบบ้าง   เงียบเหงาบ้าง   หาข้อติกันไป

                สุดท้ายเราเลือกผับ คาราโอเกะ แดนซ์ครบวงจรเลยย่านเทพารักษ์เกือบๆจะถึงสมุทรปราการอยู่แล้วเชียว   เพราะรูปลักษณ์ใหญ่โต โอ่อ่า   ผู้คนคึกคักมากมากมาย   
               
            ก็ไม่ผิดหวังบรรยากาศดีบริการดี   อาหารดี    นักเที่ยวกริยาดีใช้ได้ทีเดียว

            “สวัสดีครับ.......” ขณะที่ฉันล้างมืออยู่ที่อ่างล้างหน้า    ฉันหันไปตามเสียงทุ้มนั่น
               “ให้ตายเหอะ   เทพบุตรที่ไหนกันอีกล่ะเนี่ย”ฉันนึกในใจยิ้มให้อย่างประหม่า

            “ผมโอ๊ตครับ.......” เขาแนะนำตัวยิ้มให้กับอาการเคอะเขินของฉัน
            “ทิชชูเช็ดมือครับ” เขารุกต่อในขณะที่ฉันเริ่มได้สติ
            “ขอบคุณครับ............ผมทีครับ” ฉันรับกระดาษจากเขาพร้อมทั้งแนะนำตัว

         “คุณน่ารักมากนะครับผมแอบมองที่โต๊ะตั้งนานแล้วหล่ะครับ   แต่ไม่กล้าเข้าไปหา      เพื่อนคุณเยอะแยะไปหมด.................................. ว่างๆโทรหาผมหน่อยนะครับเราจะได้ทำความรู้จักกัน” เขาส่งยิ้มและทำตาหวานพร้อมทั้งยื่นนามบัตรให้ฉันและเดินจากไปโน่นแล้ว

            ฉันยังงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   แต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง   พยายามมองหาเขา    แต่ไม่เจอ
เอ๊......หรือว่าฉันละเมอไปนะ   เปล่านี่   นามบัตรยังอยู่ในกระเป๋านี่เอง


         สามสี่วันให้หลัง      ฉันหยิบนามบัตรนั้นขึ้นมาดูรายละเอียดหน้าที่การงานเขาก็ระดับผู้บริหาร   หน้าตาก็ขั้นเทพขนาดนั้น         เขาจะจริงจังกับเราสักแค่ไหนกันนะ   ......................    ฉันลังเลที่จะโทรหาเขา

         ฉันพยายามทบทวนทุกเหตุรัก..............ความสุขสม   ความเอิบอิ่มและการเติมเต็ม.........ความผิดหวัง   ความเจ็บช้ำและการร้างลา                  แท้ที่จริงแล้วฉันยังขลาดกลัว......................แต่สุดท้ายความเปลี่ยวเหงา   เป็นฝ่ายชนะ   ฉันกดโทรศัพท์หาเขา

         “สวัสดีครับ...........” เสียงทุ้ม ชวนฟังรับสาย
         “ครับผมเออ.....................” ฉันประหม่า พูดไม่ออก
         “ผมรู้ผมรู้ว่าเป็นคุณ...............ผมรออยู่นะครับ” ฉันรู้สึกผ่อนคลายแล้วเราก็คุยกันยืดยาวเนิ่นนานด้วยเป็นเวลาเลิกงานแล้ว

            
             ในตอนบ่ายวันอาทิตย์      ฉันไปพบเขาตามนัดที่โรงหนังชั้นหนึ่งกลางกรุง   

            เขารออยู่นั่นแล้ว
             “ได้เวลาพอดี    เราเข้าไปข้างในกันเลยนะครับ” เขาชักชวนและเดินนำฉันไปนั่นแล้ว
             เรานั่งกันข้างบนสุดซึ่งไม่มีผู้คนอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้นเลย

   
                     “อากาศเย็นมากนะครับ”เขากระซิบที่ข้างหูแล้วเอื้อมมือมาเกาะกุมมือฉันไว้
ฉันประหม่าแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
                     เขาหอมที่แก้มฉันแผ่วเบา   แล้วจูบที่หน้าผากก่อนจะบอกว่า
                  “ผมชอบคุณนะครับ” พร้อมทั้งดึงรั้งร่างฉันให้อิงซบที่ไหล่เขา
ฉันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย         ภายใต้อ้อมแขนที่ฉันโหยหามานานปี..........................
ถึงตอนนี้      ฉันตัดสินใจที่จะทำตามความต้องการของหัวใจที่มันร่ำร้องอยู่ข้างในจะไม่ยอมให้เป็นเหมือนรักร้างเมื่อสองครั้งที่ผ่านมา   


                   เรารับประทานอาหารที่ร้านหรูและลงเอยที่โรงแรมห้าดาวในย่านนั้น
                   พี่โอ๊ตดึงฉันเข้าไปกอดจูบและจู่โจมทันทีที่บริกรปิดประตูห้อง         ฉันไม่ทันได้ตั้งตัวแต่ฉันก็ไม่ได้ขัดขืน   ฉันยืนยันจะทำตามความต้องการข้างในที่มันเรียกร้อง         ฉันจะปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามพรหมลิขิต   ตามที่กามเทพนำพา............................

                  พี่โอ๊ตดูเร่าร้อนและหื่นกระหายมาก      แต่ก็ไม่ได้รุนแรงหรือซาดิสม์เอากับฉัน
ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับเพลงกามที่เขาปรนเปรอ      โดยที่เสื้อยังติดอยู่ที่ตัวแต่กระดุมโดนแกะทุกเม็ดในตอนที่พี่เขาสำรวจโลมเล้าร่างกายฉันนั้น

                  ถึงทีที่ฉันต้องแสดงฝีมือบ้างแล้ว      พี่โอ๊ตยืนขึ้นถอดกางเกงลงไปกองที่ข้อเท้า
แล้วกดให้ฉันนั่งลงตรงกลางระหว่างเป้า............ตรงแก่นกายนั้น
               เครื่องเพศของพี่โอ๊ต   ใหญ่โตเกินตัวฉันต้องอ้าปากสุดกว้างและพยายามอย่างยิ่งที่จะกลืนกินให้หมดความยาวของท่อนลำนั้น
                “โอ้ว.........................ซี๊ดดดดดดดดดดดดดดด”
               “ ดีครับ   ดีมากครับ......................................อย่างงั้นดีแล้ว โอววววววววววว”
พี่โอ๊ตครวญครางไม่ขาดเสียงปากก็พร่ำชมฉันตลอด
            ฉันเองก็ให้รู้สึกกระสัน   ดูดกินน้ำเสียวของพี่เขาอย่างเอร็ดอร่อยและพึงใจในความใหญ่โตและความแข็งแกร่งเกินชายของเขาอย่างไม่รู้สึกพอ

                   




                           “เดี๋ยวก่อนครับ”   พี่โอ๊ตดึงรั้งร่างฉันขึ้นมาแล้วใช้ปากบดขยี้ปากฉันอย่างรุนแรง      ฉันสัมผัสได้ถึงความต้องการอันท่วมท้นของพี่เขาในเวลานั้น    เขาเลื่อนมาไซร้รูหู    ท้ายทอยแล้วดึงรั้งชายเสื้อฉันขึ้นก่อนที่จะไล้เล็มเลียไปตามแผ่นหลังของฉัน      ฉันยอมรับว่า เสียว สยิวมาก บิดตัวไปมาตามจังหวะการฉกไล้เล็มเลียของพี่เขา         และแล้วพี่โอ๊ตก็ดึงกางเกงของฉันลงไปกองอยู่ที่ตรงข้อเท้าของฉันบ้าง       เขากัดเบาๆจูบเลียไปตามบั้นท้ายของฉัน      “เฮยยยยย.......................” เสียงสั่นเครือแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากฉันอย่างสุดจะทน   แล้วที่ทำให้ฉันต้องสะดุ้งสุดตัวก็ตอนที่พี่เขาใช้สองมือแหวกแก้มก้นฉันแล้วใช้ลิ้นฉกอย่างเชี่ยวชาญที่รูร่องนั้น
                  “โอ๊ย....พี่ครับผมไม่ไหวแล้ว”ฉันโพล่งออกไปอย่างสุดจะทน
                  พี่โอ๊ตถลันยืนขึ้นในทันที   ดันฉันให้หน้าอกไปติดกับผนังห้องแล้วพี่แกก็เอาเจลหล่อลื่นมาละเลงที่รูฉันและที่แก่นกายอันมโหฬารนั่น   แล้วพี่เขาก็ค่อยๆดันเข้ามา   ค่อยๆดันเข้ามาที่ประตูสวรรค์นั่น       ฉันรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งและร้อนรุ่มนั้น      
                   “เบาๆก่อนนะครับ.........” ฉันพร่ำบอกเสียงสั่นตัวสั่นตื่นกลัว.........
พี่โอ๊ต ขบที่ติ่งหูเบาๆกระซิบปลอบ
                   “ไม่ต้องกลัวที่รัก........ผมจะทะนุถนอมคุณ    ผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุดเลยครับ”
ฉันรู้สึกตึงแน่นที่รูมากถึงแม้ว่าจะเพิ่งเข้าไปได้แค่ส่วนหัวแต่ฉันก็ไม่ยอมท้อเพียงแต่บอกให้พี่เขาหยุดพักเป็นช่วงๆพอพี่เขาเห็นว่าฉันผ่อนคลายบ้างก็ค่อยๆรุกคืบต่อไป..................กึ๊ก    จนในที่สุดพี่โอ๊ตก็ดันเข้าไปได้จนสุดลำฉันรู้สึกคับแน่นไปทั้งตัวจุกจนแทบจะถึงคอ.........
               พี่เขาหยุดพักสักครู่ ลูบไล้จูบไซร้ให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย.................ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงกามต่อไป    พี่เขาซอยลึกบ้างตื้นบ้างแยงซ้ายที ขวาทีบางทีก็ส่ายวน   แรงบ้างเบาบ้าง.................... ฉันเสียวจนครวญครางไม่หยุดปาก   พี่เขากระแทกไม่ยอมหยุดพักจนฉันหมดแรง
                  “ พี่ครับ....ผมเหนื่อยแล้วครับ......” ฉันอุทรณ์
                  “น่า...........นะครับ...”พี่เขากระซิบที่ข้างหูเหมือนจะคอยให้กำลังใจ      แต่ไม่ยอมหยุดพักไม่ยอมไปที่เตียง       พี่เขาคอยเติมเยลทุกๆครั้งเมื่อเริ่มจะแห้งฝืด      พี่เขาเหงื่อท่วมตัว
ฉันเหงื่อท่วมกายจนเสื้อเปียกโชกทั้งเสื้อเชี้ตและเสื้อนอก      เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ได้   
พี่เขาร้องเสียงดังและกระแทกรูฉันกระชั้นขึ้นและแรงขึ้น
                “โอ๊ะๆ.......โอวววว...........................ทีจ๋า.........................”พี่เขากระเด้าสุดแรง   พร้อมกันนั้นเครื่องเพศของพี่เขาก็กระตุกถี่ๆอย่างแรงภายในรูฉันนั้น
                “โอยยยยยยยยยยยยยยย......................อา.......................อูยยยยยยยยยยยยยยยย”
เสียงของเราทั้งคู่ประสานกัน   ฉันเองก็เสร็จโดยที่ไม่ได้แตะท่อนลำของฉันเลย


         
            พี่โอ๊ตยังคงกอดฉันแน่นในท่าเดิมโดยยังไม่ยอมถอนแก่นกายออกจากรูฉัน      ฉันเองก็รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่ยังคงเดิมแม้เวลาจะผ่านไปหลังจากพี่เขาเสร็จแล้วนานกว่า 10 นาที
            และแล้วพี่เขาก็ค่อยๆดึงแก่นกายออกจากรูฉันอย่างช้าๆ   
            “อูยยยยย...............”เสียงฉันและพี่เขาครางแทบจะพร้อมๆกัน
               “บล็อก.........””โอ๊ย.....................”ฉันร้องอย่างสุดเสียวในทันทีที่ท่อนลำพี่โอ๊ดหลุดออกจากรูฉัน
             “โอ้โฮ.....อะไรกันนี่”พี่โอ๊ตอุทาน
             ฉันมองตามสายตาพี่โอ๊ตเลือดติดเต็มท่อนลำที่แข็งแกร่งของพี่เขาอยู่เต็มไปหมด ............เลือดแดงๆของฉันและน้ำกามของพี่โอ๊ต      หยดเต็มกางเกงในสีขาวของเราทั้งคู่      ฉันหลบสายตาพี่โอ๊ตที่ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างพึงพอใจก่อนจะหอมแก้มฉันแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
            
               “มานี่มา.......”พี่โอ๊ตนอนอ้าแขนรอรับฉันอยู่บนเตียงหลังจากที่ฉันอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเรียบร้อยแล้ว
             “เจ็บไหม..................ขอโทษทีผมไม่รู้ว่า........................” พี่โอ๊ตกอดจูบปลอบประโลมฉันคงเข้าใจว่าฉันไม่เคยผ่านชายใดมาแน่ๆเลย   มันก็เกือบจะจริงน่ะนะชายแรกหนึ่งเดียวของฉันน่ะไซส์เล็กไปถนัดตาเมื่อเทียบกับไซส์ขนาดเอ๊กซ์แอลของพี่โอ๊ตน่ะ   ดูสิฉันยังรู้สึกแสบร้อนผะผ่าวเหมือนดุ้นทั้งดุ้นของพี่แกยังอยู่ในรูฉันอยู่เลย      


               และแล้ว..............................เกมส์รักอันเร่าร้อนแต่นุ่มนวลของพี่โอ๊ตก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง      คราวนี้ฉันรู้สึกถึงความดื่มด่ำล้ำลึกกว่าเดิม      พี่เขาช่างเก่งขั้นเทพจริงๆ   ฉันยอมรับว่ามีความสุขสุดยอดอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน          เราต่างปรนเปรอกันอย่างสุดความปรารถนา.......................จนฉันหมดเรี่ยวแรงหลับคาอ้อมแขนของพี่เขาจนรุ่งสาง
      

                เรานัดเจอกันบ่อยมาก เกือบจะทุกวัน    ฉันยอมรับว่ามีความสุขเหลือเกิน
                  

               ฉันเริ่มห่างจากเพื่อนๆแต่ก็ไม่มีใครสังเกตได้เพราะว่าอยู่ในช่วงสับเปลี่ยนสายงาน   ย้ายแผนกกันให้วุ่นวายไปหมด    วันๆแทบไม่ได้เจอกับเพื่อนร่วมก๊วน


             ฉันได้รับเรียกตัวเข้าทำงานที่บริษัทยักษ์ใหญ่กลางกรุงในตำแหน่งวิทยากรฝึกอบรม    ซึ่งเป็นงานที่ตรงกับสายที่ฉันเรียนมา    ถึงแม้ว่าเงินเดือนจะไม่ได้มากไปกว่าเดิม   แต่ทำงานเป็นเวลาไม่ต้องเข้ากะและหยุดเสาร์อาทิตย์ด้วย    ที่สำคัญพ่อทูนหัวของฉันเป็นคนเลือกเองว่าให้ฉันทำงานที่นี่จากหลายๆที่ที่เรียกให้ฉันไปรายงานตัว

            ผลที่ตามมาคือ...................................ฉันได้เจอกับหวานใจได้แค่เสาร์อาทิตย์เพราะฉันพักอยู่กลางกรุงส่วนพี่แกบ้านอยู่ชานเมืองและทำงานที่บริษัทของญาติๆ ในย่านเดียวกันนั่นเอง
ถ้าวันไหนไปหากันในวันทำงาน    เหมือนกับว่าไม่ได้หลับนอนไม่ได้พักผ่อนกันทั้งคืน

            แต่ฉันก็มีความสุขดีด้วยหัวใจฉันเต็มอิ่ม   หน้าตาสุขสดชื่นเสมอจนคนรอบข้างรู้สึกได้และต่างออกปากทักถาม...................

            “โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย.........................................” ฉันรู้สึกเจ็บแปลบที่ท้องน้อยจนต้องนั่งลงเอามือกุมท้องก้าวเดินต่อไปไม่ไหว
            “เป็นอะไรไปน่ะที.......................” พี่ๆน้องๆต่างแย่งกันถามด้วยความเป็นห่วงฉันบอกเล่าถึงอาการเจ็บแปลบตามความเป็นจริง
            “นั่นมันอาการที่ผู้หญิงเขาเป็นกันนี่นา.......................” หัวหน้าฉันออกปาก    ฉันได้แต่ยิ้มอายๆแอบนึกในใจว่า “ก็ผมโดนทำ.......................เหมือนผู้หญิงนี่นา...........................”
หลังจากวันนั้นฉันไม่กล้าบ่นเจ็บที่ท้องน้อยให้ใครได้ยินอีกเลย


         ความสัมพันธ์ของฉันกับพี่โอ๊ตเป็นไปด้วยดีผ่านไปนานกว่าปีครึ่ง    ข่าวไม่ดีก็เริ่มได้ยินถึงหูฉัน
         “แฟนแกน่ะ    เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่นเลยนะที...................”เสียงเพื่อนรายงานมาจากปลายสาย ด้วยเพื่อนๆยังทำงานอยู่ที่เดิมในละแวกเดียวกันกับบริษัทพี่โอ๊ต
         “ ไม่หรอกน่า..............พี่เขาอาจจะแค่ไปกับคนรู้จัก” ฉันแย้งเพราะพี่เขาบอกให้ฉันหนักแน่นเสมอเพราะเขาต้องติดต่องานกับลูกค้าเสมอและเขาเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะมาก


            แต่นั่น ก็เริ่มทำให้ฉันหวั่นไหวไม่สบายใจได้ไม่น้อยเลย   เมื่อข่าวเริ่มหนาหูได้ยินจากปากของเพื่อนๆแทบจะทุกคน


             ฉันพยายามสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะมีให้เห็นบ้างแต่ไม่มีเลยพี่โอ๊ตดูเสมอต้นเสมอปลายเคยอย่างไรก็อย่างนั้นยิ่งเรื่องบนเตียงพี่เขาจะทำเหมือนหิวกระหายเหมือนกินอาหารมื้อหลักทุกมื้อก็ไม่ปานไม่เคยมีเลยสักครั้งที่จะทำแบบขอไปที........................ฉันพยายามสลัดความกลัดกลุ้มที่อาจจะบานปลายไปกัดกร่อนความสัมพันธ์ของสองเรา
            

             ฉันตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของพี่โอ๊ตในเช้าวันเสาร์    ฉันค่อยๆลุกขึ้นนั่ง พินิจพิจารณาเรือนร่างและหน้าตาของพี่เขา   ไม่มีอะไรบุบสลายหรือแปลกตาไป พี่เขายังคงเดิมทุกกระเบียด
หน้าตาหล่อเหลาปานเทพบุตร   ซึ่งพี่แกภูมิใจนักหนาว่า   ใครๆก็บอกหน้าตาดีที่สุดในตระกูล
ก็เห็นจะจริง หน้าตาแกเหมือนพระเอกดังคนหนึ่งซะด้วยซี   ฉันเคยบอกพี่เขาก็รับอย่างภูมิใจว่า
“ของมันแน่อยู่แล้ว”   ฉันยิ้มอย่างภูมิใจและหอมแก้มพี่เขาอย่างรักใคร่ก่อนจะลุกไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนพี่เขาจะตื่นนอน.................... ด้วยฉันรู้ว่าต้องเตรียมพร้อมรับศึกหนักหลังจากพี่แกนอนเต็มอิ่มในตอนเช้าเสมอๆ      

               พี่โอ๊ตเล่าเรื่องราวส่วนตัวให้ฉันฟังมากมายเขาเคยเป็นDJที่ผับดังแต่ไปเสียทีโคโยตี้สาวจอมยั่ว   “ดูท่าทางมันจะคันมากก็เลยเสียบๆให้มันไปแต่ไม่นึกว่ามันจะเอาจริงปล่อยให้ท้องแล้วมาบอกว่าเป็นลูกของเราซะงั้น    ครั้นจะรับก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นลูกเราหรือเปล่า วันๆไปเต้นสี่ซ้าห้าที่ใครจะรู้ว่าไปให้ท่าใครอีก”พี่แกบอกพี่แกเลยหนีไปบวชซะเป็นปี“ชะนีคลอดลูกทิ้งไว้แล้วไปร่านต่อ แต่โทษทีเด็กชายคนนั้นอยู่กับตายายยิ่งโตขึ้นหน้าก็หน้าฉัน หูก็หูกางๆของฉันนี่แหละตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วอีกสองสามปีขึ้นมัธยมเดี่ยวจะรับมาอยู่ด้วย” พี่โอ๊ตบอกนั่นยิ่งทำให้ฉันภูมิใจที่ได้ผู้ชายแท้ๆมาเป็นสามี   แกบอกเบื่อผู้หญิงจอมร่านพวกนั้นน่ะครับ
            
            ฉันพยายามจะลืมและไม่นึกถึงเรื่องราวการนอกใจของพี่เขา    ด้วยฉันตั้งปณิธานแน่วแน่ว่า   จะขอประคองรักนี้ให้ยืนยาวที่สุด    ฉันไม่เคยเลยสักครั้งที่จะปริปากเอ่ยถามเรื่องนี้กับพี่โอ๊ต
ซึ่งพี่เขาก็ดูจะมีความสุขมากที่ได้อยู่กับฉัน

            อ้อ.............ฉันลืมบอกให้รู้ถึง สิ่งที่พี่โอ๊ตโปรดปรานอีกอย่างคือแกชอบมีเซ็กซ์เอาท์ดอ
ทุกที่ที่ไปกับฉันเสมอๆ   ซึ่งพี่เขาบอกว่า   ชอบฉันมากที่ใจกล้าและตามใจแกเสมอมา    ก็คนมันรักนี่นา อะไรที่จะทำให้พี่เขามีความสุขถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงฉันยินดีจะทำให้เสมอ


               แต่เพื่อนๆก็รักฉันอย่างเหลือเกิน    ตามเก็บภาพความสัมพันธ์ของพี่โอ๊ตกับ ตัวเล็กตัวน้อยมาให้ฉันซะเล่นเอาพี่แกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกดิ้นไม่หลุดกันเลยทีเดียว
                “ก็แค่ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวไม่จริงจังอะไร”พี่เขาบอก   แล้วรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวฉันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น   ฉันก็เหลือเกินพ่ายแพ้บทรักอย่างราบคาบยอมพี่เขาทุกทีไปสินะ    อาจเป็นเพราะพี่เขาให้ความสุขฉันได้เต็มที่ฉันจึงไม่ค่อยจะรู้สึกขาดเขินขุ่นเคืองสักเท่าไร
               
               แต่ยามใดก็ตามที่เราห่างกัน................ความเจ็บปวด   ความเจ็บช้ำ    จะรุกคืบถาโถม
ด้วยฉันรู้อยู่แก่ใจว่าพี่แกกำลังทำอะไรอยู่กับใครต่อใคร   ..............ความปวดช้ำที่ใจคงปิดไว้ไม่มิดมันแสดงออกมาให้เห็นทางสีหน้าและสายตาที่หม่นหมอง   น้ำตารินไหลไม่ขาดสาย.................ฉันรับรู้ได้ถึงความไม่มั่นคงการทรยศการหักหลัง   แต่ฉันไม่เคยโวยวายไม่ได้ร้องไห้คร่ำครวญ      ไม่มีแม้แต่จะต่อว่าเขาสักคำเดียว       ด้วยฉันรู้จากประสบการณ์รักที่ผ่านๆมาว่าไม่มีประโยชน์อะไร    ฉันทำได้เพียงแต่ยอมรับความปวดชาที่หัวใจ


             ฉันสวมบทเมียหลวงอยู่ได้ตั้งนานสองนานโดยไม่ได้รู้ว่าใครบ้างเป็นเมียน้อยรู้แต่ว่ามากหน้าหลายตาไม่เป็นตัวเป็นตนกันสักที         มารู้ตัวอีกทีก็ย่างเข้าเกือบๆจะสามปีที่คบกับพี่โอ๊ต...........คราวนี้เมียน้อยตัวจริงเสียงจริงอุบัติขึ้นมา   หล่อนตั้งหน้าตั้งตาราวีและจงใจจะแย่งพี่เขาไปเป็นของหล่อนให้จงได้
               “พี่ทีเหรอครับพี่โอ๊ตฝากของมาให้น่ะครับ” ก็แมนๆดีมาหาฉันถึงที่เชียว
               “อยู่ที่รถน่ะครับรบกวนพี่ตามไปที่ลานจอดหน่อยนะครับ”ฉันไม่ได้คิดระแวงอะไร
คิดแค่ว่าพี่โอ๊ตต้องการจะเซอไพรซ์ฉันแค่นั้นเอง
               “เปิดดูสิครับ.............”ฉันค่อยๆเปิดอัลบั้มรูปที่อยู่ตรงหน้าช้าๆทีละแผ่นๆ   พี่โอ๊ตในสภาพเปลือยเปล่ากำลังเล่นบทรักอันเร่าร้อนกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน......................มือฉันสั่นเทา
น้ำตาเอ่อนอง   
            “พี่เขาบอกว่า   ถ้าไม่มีคุณเขาจะเป็นของผมเพียงคนเดียว.................เขารักผมแต่เขายังสงสารคุณอยู่ก็เท่านั้นอย่ามาขวางทางสวรรค์ของเราเลย   จันทร์ถึงศุกร์พี่เขาก็อยู่กับผมอยู่แล้วเสาร์อาทิตย์อย่ามาพรากเขาจากผมเลย    ออกจากชีวิตของเราไปเถอะผมขอร้อง.......................”
เขาพูดประหนึ่งว่าฉันเป็นส่วนเกินทั้งๆที่เขาแย่งพี่โอ๊ตไปจากฉันโดยแท้

            ฉันจุกที่หน้าอกพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว   เขาจากไปแล้วทิ้งฉันให้หมดเรี่ยวแรง
หัวใจและลำคอแห้งผาก

             และแล้วความอดทนของฉันก็เดินทางมาถึงขีดสุด.....................ในเมื่อฉันยอมทุกอย่างทั้งๆที่รู้ว่าเขาปันใจ    เขามีใครต่อใครฉันไม่เคยไปวุ่นวาย    แต่เขากลับปล่อยให้คนของเขามาทำร้าย.................เขาปล่อยให้คนของเขามาเหยียบย่ำมาหยามเกียรติฉันถึงที่   

             ฉันทิ้งอัลบั้มรูปนั้นไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมทั้งเขียนบรรยายถ้อยคำที่เขาคนนั้นเอื้อนเอ่ยฉันเก็บข้าวของเข้าไปอยู่ประจำที่ศูนย์ฝึกอบรมในวันรุ่งขึ้น   บอกกับพี่ๆน้องๆเพื่อนร่วมงานว่า
ถ้าพี่โอ๊ตโทรมาหรือมาหา.........................    ให้บอกว่าฉันลาออกจากงานกลับต่างจังหวัดไปแล้ว   ฉันเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือและไม่ติดต่อกับพี่แกอีกเลย

                      ฉันยอมรับว่า.......................เจ็บปวดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาฉันรับรู้ถึงความสูญเสียแต่แปลกที่ฉันไม่เคยโวยวายไม่ร้องไห้คร่ำครวญ    อาจเป็นเพราะฉันรับรู้ความเป็นไปมาโดยตลอด
เรื่องราวไม่ได้เกิดขึ้นฉับพลันเหมือนครั้งก่อนๆ   ฉันมีโกาสได้เตรียมตัวเตรียมใจ.....................และที่สำคัญฉันไม่เคยคิดหรือทำร้ายตัวเองเลย   ตรงกันข้ามฉันกลายเป็นคนเก็บตัว    เลิกเที่ยว
เลิกเหล้าเลิกบุหรี่   .......................... ฉันทุ่มเทแรงกาย    แรงใจไปที่งานงานงานชีวิตของฉันมีแต่งาน งาน งาน

            

            
เสเพลรัก       


            “เฮ้ย............เลิกงานแล้วเราไป ซัมธิ่งลองกันที่ไหนกันดี”
             วันนี้เราไปดูหนังกันดีกว่านะ…………..

            เดี๋ยวเราไปแด้นซ์กันน่ะ...............

            ไปผับเปิดใหม่กันน่ะ...................

               ไปคาราโอเกะกันดีกว่า................

            ฉันมีเพื่อนสนิท ทั้งชายหญิง สามสี่คนในกลุ่มที่คอยเทคแคร์ดูแลฉัน   ต่างไม่ยอมให้ฉันอยู่เพียงคนเดียวตามลำพัง   ด้วยกลัวฉันจะคิดมากและฟุ้งซ่านเพื่อนๆต่างช่วยกันตั้งโปรแกรมพาฉันไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆทุกวัน    ประมาณว่าเมื่อถึงห้องพักฉันก็อ่อนล้าหมดแรงหลับเป็นตายทุกคืนไม่มีเวลามาคร่ำครวญเสียอกเสียใจกับเรื่องราวเก่าๆ อีกเลย

             ถ้าเป็นวันหยุดยาวหรือเสาร์อาทิตย์เราจะเหมารถตู้ไปเที่ยวชายทะเลไกลๆเช่าบังกะโลอยู่กันหลายๆวันบางทีเพื่อนๆพี่ๆ รวมตัวกันได้กว่า 15-16   คนเลยทีเดียว
            เสาร์นี้ก็เช่นกันหลังจากเคลียร์งานเสร็จประมาณเที่ยง   พวกเรานั่งทานข้าวและสนทนากันถึงสถานที่ ที่จะไปพักผ่อนกันในช่วงวันหยุดยาวครั้งนี้.............................................   เราตกลงกันจะไปเที่ยวชายหาดแถวระยอง   

            ฉันนึกขอบคุณสวรรค์ที่ดลบันดาลให้ฉันมีเพื่อนร่วมงานที่ดี   
             “ถ้าไม่มีพวกเขาฉันในวันนี้จะเปลี่ยวเหงา   และจมจ่อมอยู่กับความรวดร้าวซักแค่ไหนนะ”ฉันนั่งดูวิวริมข้างทางขณะรถตู้วิ่งออกจากกรุงเทพหลังจากแวะซื้อ เหล้าเบียร์ของขบเคี้ยวและข้าวของจำเป็นที่ แมคโคร ย่านชานเมืองได้ครบถ้วนแล้ว

         เพื่อนๆหลับสนิทกันทุกคน คงเหนื่อยจากงานที่ทำกันมาทั้งสัปดาห์แต่ฉันอยากจะดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัวที่นานๆจะได้สัมผัสสักครั้ง

            
       พวกเราเดินทางมาถึงจุดหมายก็ประมาณ 4-5 โมงเย็นแล้ว   พอถึงที่พักเราก็เจอกับรถตู้ของเพื่อนๆพี่ๆอีกคันที่มาถึงก่อนสักพักแล้ว   เป็นอันว่าเราต้องเช่าบังกะโลหลังใหญ่ที่สุดเพราะไม่อยากแยกกันพักเป็นกลุ่มย่อย

      พอพวกเราจัดแจงที่พักเรียบร้อยแม่บ้านก็ยกปูมา 2 หม้อใหญ่ๆที่พี่เขาไปดักซื้อมาจากชาวประมง และวานแม่บ้านทำให้สุกและหาน้ำจิ้มให้ด้วยเป็นออเดิร์ฟที่อร่อยมากครับ

          ส่วนอาหารมื้ออื่นๆเราเข้าครัวกันเองโดยไปซื้ออาหารทะเลสดๆที่ชาวประมงเพิ่งจะขึ้นฝั่ง
สดอร่อยทุกเมนูครับ
            
          เรามีกิจกรรมสนุกๆกันตลอดอาทิเล่นดรัมมี่ ใครแพ้ยกเบียร์หมดกระป๋องครับ
คาราโอเกะก็มีครับ.................. พวกเราสนุกกันมาก โดยสรุปมาเที่ยวทะเลแต่ไม่มีใครได้ลงน้ำแม้แต่คนเดียวครับ


            ขากลับเราแวะชมวิวตามสถานที่ ที่เขาบอกว่าสวยแวะร้านอาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดในย่านนั้น
เป็นทริปที่ประทับมากใจอีกทริปหนึ่งครับ
         
            ฉันกลายเป็นนักท่องราตรีในวันจันทร์-ศุกร์   และเป็นนักท่องเที่ยวในวันหยุดเสาร์อาทิตย์
ชีวิตมันก็มีความสุขดีนะ“คนไม่มีแฟน” ไม่เห็นต้องมีแฟนเลยฉันบอกกับตัวเอง


            ศุกร์นี้พวกเราแต่งกาย อย่างสุดหล่อสุดสวย   ด้วยเป็นงานแต่งของพี่ปุ้ยกับพี่วัฒน์
เป็นงานแต่งที่หรูที่สุดที่ฉันเคยไปเลยทีเดียว

            หลังจากนั้นไม่นานนัก   ชีวิตนักท่องราตรีและนักท่องเที่ยวของฉันก็เริ่มห่างหายไป
เมื่อพี่ปุ้ยตั้งท้องอ่อนๆแล้วพี่วัฒน์ก็ต้องคอยดูแลนี่นา   เหลือเราเพียงสี่คนคนไปไหนมาไหนก็ให้รู้สึกกร่อยๆอย่างช่วยไม่ได้         




                        “เฮ้ยพวก.................... พรุ่งนี้วันเกิดฉันนะ”
         ต๊อกตั้งประเด็น   เพื่อหาที่เที่ยว   เราต่างรู้กัน
                     “ไปรัชดานะ”กุ้งบอก
                     “เฮ้ย.............บ่อย” เพื่อนๆแย้ง
                     “งั้นสุขุมวิท” เทอดเสนอ
                     “อีกแล้วเหรอ......................”เพื่อนๆครวญ
                        “สีลมเป็นไง.........”   
                     “ที่เดิมๆ................”เพื่อนๆตอบแทบจะพร้อมกัน


            ที่จริงแล้วมันก็น่าเบื่อจริงๆน่ะแหละ พวกเราตระเวนเที่ยวไปแล้วทุกๆที่ที่ละหลายๆครั้ง
มันก็เดิมๆ
                  “งั้น....ลองออกไปนอกเมืองกันหน่อยมั๊ย” ฉันเสนอ               
               “เออดิ.......เที่ยวแต่ในกรุง   ไปหมดทุกที่แล้วลองรอบนอกบ้าง” เพื่อนๆเห็นด้วยกับฉันเสมอจะไม่ให้รักได้อย่างไรกัน

                  พวกเราขับรถตระเวนไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายหรอกนะ ไม่คุ้นเคย   ก็ผ่านหูผ่านตาไปหลายที่ แต่ไม่น่าสนใจ    คนน้อยบ้าง   สถานที่เล็กคับแคบบ้าง   เงียบเหงาบ้าง   หาข้อติกันไป

                สุดท้ายเราเลือกผับ คาราโอเกะ แดนซ์ครบวงจรเลยย่านเทพารักษ์เกือบๆจะถึงสมุทรปราการอยู่แล้วเชียว   เพราะรูปลักษณ์ใหญ่โต โอ่อ่า   ผู้คนคึกคักมากมากมาย   
               
            ก็ไม่ผิดหวังบรรยากาศดีบริการดี   อาหารดี    นักเที่ยวกริยาดีใช้ได้ทีเดียว

            “สวัสดีครับ.......” ขณะที่ฉันล้างมืออยู่ที่อ่างล้างหน้า    ฉันหันไปตามเสียงทุ้มนั่น
               “ให้ตายเหอะ   เทพบุตรที่ไหนกันอีกล่ะเนี่ย”ฉันนึกในใจยิ้มให้อย่างประหม่า

            “ผมโอ๊ตครับ.......” เขาแนะนำตัวยิ้มให้กับอาการเคอะเขินของฉัน
            “ทิชชูเช็ดมือครับ” เขารุกต่อในขณะที่ฉันเริ่มได้สติ
            “ขอบคุณครับ............ผมทีครับ” ฉันรับกระดาษจากเขาพร้อมทั้งแนะนำตัว

         “คุณน่ารักมากนะครับผมแอบมองที่โต๊ะตั้งนานแล้วหล่ะครับ   แต่ไม่กล้าเข้าไปหา      เพื่อนคุณเยอะแยะไปหมด.................................. ว่างๆโทรหาผมหน่อยนะครับเราจะได้ทำความรู้จักกัน” เขาส่งยิ้มและทำตาหวานพร้อมทั้งยื่นนามบัตรให้ฉันและเดินจากไปโน่นแล้ว

            ฉันยังงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   แต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง   พยายามมองหาเขา    แต่ไม่เจอ
เอ๊......หรือว่าฉันละเมอไปนะ   เปล่านี่   นามบัตรยังอยู่ในกระเป๋านี่เอง


         สามสี่วันให้หลัง      ฉันหยิบนามบัตรนั้นขึ้นมาดูรายละเอียดหน้าที่การงานเขาก็ระดับผู้บริหาร   หน้าตาก็ขั้นเทพขนาดนั้น         เขาจะจริงจังกับเราสักแค่ไหนกันนะ   ......................    ฉันลังเลที่จะโทรหาเขา

         ฉันพยายามทบทวนทุกเหตุรัก..............ความสุขสม   ความเอิบอิ่มและการเติมเต็ม.........ความผิดหวัง   ความเจ็บช้ำและการร้างลา                  แท้ที่จริงแล้วฉันยังขลาดกลัว......................แต่สุดท้ายความเปลี่ยวเหงา   เป็นฝ่ายชนะ   ฉันกดโทรศัพท์หาเขา

         “สวัสดีครับ...........” เสียงทุ้ม ชวนฟังรับสาย
         “ครับผมเออ.....................” ฉันประหม่า พูดไม่ออก
         “ผมรู้ผมรู้ว่าเป็นคุณ...............ผมรออยู่นะครับ” ฉันรู้สึกผ่อนคลายแล้วเราก็คุยกันยืดยาวเนิ่นนานด้วยเป็นเวลาเลิกงานแล้ว

            
             ในตอนบ่ายวันอาทิตย์      ฉันไปพบเขาตามนัดที่โรงหนังชั้นหนึ่งกลางกรุง   

            เขารออยู่นั่นแล้ว
             “ได้เวลาพอดี    เราเข้าไปข้างในกันเลยนะครับ” เขาชักชวนและเดินนำฉันไปนั่นแล้ว
             เรานั่งกันข้างบนสุดซึ่งไม่มีผู้คนอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้นเลย

   
                     “อากาศเย็นมากนะครับ”เขากระซิบที่ข้างหูแล้วเอื้อมมือมาเกาะกุมมือฉันไว้
ฉันประหม่าแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
                     เขาหอมที่แก้มฉันแผ่วเบา   แล้วจูบที่หน้าผากก่อนจะบอกว่า
                  “ผมชอบคุณนะครับ” พร้อมทั้งดึงรั้งร่างฉันให้อิงซบที่ไหล่เขา
ฉันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย         ภายใต้อ้อมแขนที่ฉันโหยหามานานปี..........................
ถึงตอนนี้      ฉันตัดสินใจที่จะทำตามความต้องการของหัวใจที่มันร่ำร้องอยู่ข้างในจะไม่ยอมให้เป็นเหมือนรักร้างเมื่อสองครั้งที่ผ่านมา   


                   เรารับประทานอาหารที่ร้านหรูและลงเอยที่โรงแรมห้าดาวในย่านนั้น
                   พี่โอ๊ตดึงฉันเข้าไปกอดจูบและจู่โจมทันทีที่บริกรปิดประตูห้อง         ฉันไม่ทันได้ตั้งตัวแต่ฉันก็ไม่ได้ขัดขืน   ฉันยืนยันจะทำตามความต้องการข้างในที่มันเรียกร้อง         ฉันจะปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามพรหมลิขิต   ตามที่กามเทพนำพา............................

                  พี่โอ๊ตดูเร่าร้อนและหื่นกระหายมาก      แต่ก็ไม่ได้รุนแรงหรือซาดิสม์เอากับฉัน
ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับเพลงกามที่เขาปรนเปรอ      โดยที่เสื้อยังติดอยู่ที่ตัวแต่กระดุมโดนแกะทุกเม็ดในตอนที่พี่เขาสำรวจโลมเล้าร่างกายฉันนั้น

                  ถึงทีที่ฉันต้องแสดงฝีมือบ้างแล้ว      พี่โอ๊ตยืนขึ้นถอดกางเกงลงไปกองที่ข้อเท้า
แล้วกดให้ฉันนั่งลงตรงกลางระหว่างเป้า............ตรงแก่นกายนั้น
               เครื่องเพศของพี่โอ๊ต   ใหญ่โตเกินตัวฉันต้องอ้าปากสุดกว้างและพยายามอย่างยิ่งที่จะกลืนกินให้หมดความยาวของท่อนลำนั้น
                “โอ้ว.........................ซี๊ดดดดดดดดดดดดดดด”
               “ ดีครับ   ดีมากครับ......................................อย่างงั้นดีแล้ว โอววววววววววว”
พี่โอ๊ตครวญครางไม่ขาดเสียงปากก็พร่ำชมฉันตลอด
            ฉันเองก็ให้รู้สึกกระสัน   ดูดกินน้ำเสียวของพี่เขาอย่างเอร็ดอร่อยและพึงใจในความใหญ่โตและความแข็งแกร่งเกินชายของเขาอย่างไม่รู้สึกพอ

                   




                           “เดี๋ยวก่อนครับ”   พี่โอ๊ตดึงรั้งร่างฉันขึ้นมาแล้วใช้ปากบดขยี้ปากฉันอย่างรุนแรง      ฉันสัมผัสได้ถึงความต้องการอันท่วมท้นของพี่เขาในเวลานั้น    เขาเลื่อนมาไซร้รูหู    ท้ายทอยแล้วดึงรั้งชายเสื้อฉันขึ้นก่อนที่จะไล้เล็มเลียไปตามแผ่นหลังของฉัน      ฉันยอมรับว่า เสียว สยิวมาก บิดตัวไปมาตามจังหวะการฉกไล้เล็มเลียของพี่เขา         และแล้วพี่โอ๊ตก็ดึงกางเกงของฉันลงไปกองอยู่ที่ตรงข้อเท้าของฉันบ้าง       เขากัดเบาๆจูบเลียไปตามบั้นท้ายของฉัน      “เฮยยยยย.......................” เสียงสั่นเครือแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากฉันอย่างสุดจะทน   แล้วที่ทำให้ฉันต้องสะดุ้งสุดตัวก็ตอนที่พี่เขาใช้สองมือแหวกแก้มก้นฉันแล้วใช้ลิ้นฉกอย่างเชี่ยวชาญที่รูร่องนั้น
                  “โอ๊ย....พี่ครับผมไม่ไหวแล้ว”ฉันโพล่งออกไปอย่างสุดจะทน
                  พี่โอ๊ตถลันยืนขึ้นในทันที   ดันฉันให้หน้าอกไปติดกับผนังห้องแล้วพี่แกก็เอาเจลหล่อลื่นมาละเลงที่รูฉันและที่แก่นกายอันมโหฬารนั่น   แล้วพี่เขาก็ค่อยๆดันเข้ามา   ค่อยๆดันเข้ามาที่ประตูสวรรค์นั่น       ฉันรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งและร้อนรุ่มนั้น      
                   “เบาๆก่อนนะครับ.........” ฉันพร่ำบอกเสียงสั่นตัวสั่นตื่นกลัว.........
พี่โอ๊ต ขบที่ติ่งหูเบาๆกระซิบปลอบ
                   “ไม่ต้องกลัวที่รัก........ผมจะทะนุถนอมคุณ    ผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุดเลยครับ”
ฉันรู้สึกตึงแน่นที่รูมากถึงแม้ว่าจะเพิ่งเข้าไปได้แค่ส่วนหัวแต่ฉันก็ไม่ยอมท้อเพียงแต่บอกให้พี่เขาหยุดพักเป็นช่วงๆพอพี่เขาเห็นว่าฉันผ่อนคลายบ้างก็ค่อยๆรุกคืบต่อไป..................กึ๊ก    จนในที่สุดพี่โอ๊ตก็ดันเข้าไปได้จนสุดลำฉันรู้สึกคับแน่นไปทั้งตัวจุกจนแทบจะถึงคอ.........
               พี่เขาหยุดพักสักครู่ ลูบไล้จูบไซร้ให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย.................ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงกามต่อไป    พี่เขาซอยลึกบ้างตื้นบ้างแยงซ้ายที ขวาทีบางทีก็ส่ายวน   แรงบ้างเบาบ้าง.................... ฉันเสียวจนครวญครางไม่หยุดปาก   พี่เขากระแทกไม่ยอมหยุดพักจนฉันหมดแรง
                  “ พี่ครับ....ผมเหนื่อยแล้วครับ......” ฉันอุทรณ์
                  “น่า...........นะครับ...”พี่เขากระซิบที่ข้างหูเหมือนจะคอยให้กำลังใจ      แต่ไม่ยอมหยุดพักไม่ยอมไปที่เตียง       พี่เขาคอยเติมเยลทุกๆครั้งเมื่อเริ่มจะแห้งฝืด      พี่เขาเหงื่อท่วมตัว
ฉันเหงื่อท่วมกายจนเสื้อเปียกโชกทั้งเสื้อเชี้ตและเสื้อนอก      เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ได้   
พี่เขาร้องเสียงดังและกระแทกรูฉันกระชั้นขึ้นและแรงขึ้น
                “โอ๊ะๆ.......โอวววว...........................ทีจ๋า.........................”พี่เขากระเด้าสุดแรง   พร้อมกันนั้นเครื่องเพศของพี่เขาก็กระตุกถี่ๆอย่างแรงภายในรูฉันนั้น
                “โอยยยยยยยยยยยยยยย......................อา.......................อูยยยยยยยยยยยยยยยย”
เสียงของเราทั้งคู่ประสานกัน   ฉันเองก็เสร็จโดยที่ไม่ได้แตะท่อนลำของฉันเลย


         
            พี่โอ๊ตยังคงกอดฉันแน่นในท่าเดิมโดยยังไม่ยอมถอนแก่นกายออกจากรูฉัน      ฉันเองก็รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่ยังคงเดิมแม้เวลาจะผ่านไปหลังจากพี่เขาเสร็จแล้วนานกว่า 10 นาที
            และแล้วพี่เขาก็ค่อยๆดึงแก่นกายออกจากรูฉันอย่างช้าๆ   
            “อูยยยยย...............”เสียงฉันและพี่เขาครางแทบจะพร้อมๆกัน
               “บล็อก.........””โอ๊ย.....................”ฉันร้องอย่างสุดเสียวในทันทีที่ท่อนลำพี่โอ๊ดหลุดออกจากรูฉัน
             “โอ้โฮ.....อะไรกันนี่”พี่โอ๊ตอุทาน
             ฉันมองตามสายตาพี่โอ๊ตเลือดติดเต็มท่อนลำที่แข็งแกร่งของพี่เขาอยู่เต็มไปหมด ............เลือดแดงๆของฉันและน้ำกามของพี่โอ๊ต      หยดเต็มกางเกงในสีขาวของเราทั้งคู่      ฉันหลบสายตาพี่โอ๊ตที่ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างพึงพอใจก่อนจะหอมแก้มฉันแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
            
               “มานี่มา.......”พี่โอ๊ตนอนอ้าแขนรอรับฉันอยู่บนเตียงหลังจากที่ฉันอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเรียบร้อยแล้ว
             “เจ็บไหม..................ขอโทษทีผมไม่รู้ว่า........................” พี่โอ๊ตกอดจูบปลอบประโลมฉันคงเข้าใจว่าฉันไม่เคยผ่านชายใดมาแน่ๆเลย   มันก็เกือบจะจริงน่ะนะชายแรกหนึ่งเดียวของฉันน่ะไซส์เล็กไปถนัดตาเมื่อเทียบกับไซส์ขนาดเอ๊กซ์แอลของพี่โอ๊ตน่ะ   ดูสิฉันยังรู้สึกแสบร้อนผะผ่าวเหมือนดุ้นทั้งดุ้นของพี่แกยังอยู่ในรูฉันอยู่เลย      


               และแล้ว..............................เกมส์รักอันเร่าร้อนแต่นุ่มนวลของพี่โอ๊ตก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง      คราวนี้ฉันรู้สึกถึงความดื่มด่ำล้ำลึกกว่าเดิม      พี่เขาช่างเก่งขั้นเทพจริงๆ   ฉันยอมรับว่ามีความสุขสุดยอดอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน          เราต่างปรนเปรอกันอย่างสุดความปรารถนา.......................จนฉันหมดเรี่ยวแรงหลับคาอ้อมแขนของพี่เขาจนรุ่งสาง
      

                เรานัดเจอกันบ่อยมาก เกือบจะทุกวัน    ฉันยอมรับว่ามีความสุขเหลือเกิน
                  

               ฉันเริ่มห่างจากเพื่อนๆแต่ก็ไม่มีใครสังเกตได้เพราะว่าอยู่ในช่วงสับเปลี่ยนสายงาน   ย้ายแผนกกันให้วุ่นวายไปหมด    วันๆแทบไม่ได้เจอกับเพื่อนร่วมก๊วน


             ฉันได้รับเรียกตัวเข้าทำงานที่บริษัทยักษ์ใหญ่กลางกรุงในตำแหน่งวิทยากรฝึกอบรม    ซึ่งเป็นงานที่ตรงกับสายที่ฉันเรียนมา    ถึงแม้ว่าเงินเดือนจะไม่ได้มากไปกว่าเดิม   แต่ทำงานเป็นเวลาไม่ต้องเข้ากะและหยุดเสาร์อาทิตย์ด้วย    ที่สำคัญพ่อทูนหัวของฉันเป็นคนเลือกเองว่าให้ฉันทำงานที่นี่จากหลายๆที่ที่เรียกให้ฉันไปรายงานตัว

            ผลที่ตามมาคือ...................................ฉันได้เจอกับหวานใจได้แค่เสาร์อาทิตย์เพราะฉันพักอยู่กลางกรุงส่วนพี่แกบ้านอยู่ชานเมืองและทำงานที่บริษัทของญาติๆ ในย่านเดียวกันนั่นเอง
ถ้าวันไหนไปหากันในวันทำงาน    เหมือนกับว่าไม่ได้หลับนอนไม่ได้พักผ่อนกันทั้งคืน

            แต่ฉันก็มีความสุขดีด้วยหัวใจฉันเต็มอิ่ม   หน้าตาสุขสดชื่นเสมอจนคนรอบข้างรู้สึกได้และต่างออกปากทักถาม...................

            “โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย.........................................” ฉันรู้สึกเจ็บแปลบที่ท้องน้อยจนต้องนั่งลงเอามือกุมท้องก้าวเดินต่อไปไม่ไหว
            “เป็นอะไรไปน่ะที.......................” พี่ๆน้องๆต่างแย่งกันถามด้วยความเป็นห่วงฉันบอกเล่าถึงอาการเจ็บแปลบตามความเป็นจริง
            “นั่นมันอาการที่ผู้หญิงเขาเป็นกันนี่นา.......................” หัวหน้าฉันออกปาก    ฉันได้แต่ยิ้มอายๆแอบนึกในใจว่า “ก็ผมโดนทำ.......................เหมือนผู้หญิงนี่นา...........................”
หลังจากวันนั้นฉันไม่กล้าบ่นเจ็บที่ท้องน้อยให้ใครได้ยินอีกเลย


         ความสัมพันธ์ของฉันกับพี่โอ๊ตเป็นไปด้วยดีผ่านไปนานกว่าปีครึ่ง    ข่าวไม่ดีก็เริ่มได้ยินถึงหูฉัน
         “แฟนแกน่ะ    เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่นเลยนะที...................”เสียงเพื่อนรายงานมาจากปลายสาย ด้วยเพื่อนๆยังทำงานอยู่ที่เดิมในละแวกเดียวกันกับบริษัทพี่โอ๊ต
         “ ไม่หรอกน่า..............พี่เขาอาจจะแค่ไปกับคนรู้จัก” ฉันแย้งเพราะพี่เขาบอกให้ฉันหนักแน่นเสมอเพราะเขาต้องติดต่องานกับลูกค้าเสมอและเขาเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะมาก


            แต่นั่น ก็เริ่มทำให้ฉันหวั่นไหวไม่สบายใจได้ไม่น้อยเลย   เมื่อข่าวเริ่มหนาหูได้ยินจากปากของเพื่อนๆแทบจะทุกคน


             ฉันพยายามสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะมีให้เห็นบ้างแต่ไม่มีเลยพี่โอ๊ตดูเสมอต้นเสมอปลายเคยอย่างไรก็อย่างนั้นยิ่งเรื่องบนเตียงพี่เขาจะทำเหมือนหิวกระหายเหมือนกินอาหารมื้อหลักทุกมื้อก็ไม่ปานไม่เคยมีเลยสักครั้งที่จะทำแบบขอไปที........................ฉันพยายามสลัดความกลัดกลุ้มที่อาจจะบานปลายไปกัดกร่อนความสัมพันธ์ของสองเรา
            

             ฉันตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของพี่โอ๊ตในเช้าวันเสาร์    ฉันค่อยๆลุกขึ้นนั่ง พินิจพิจารณาเรือนร่างและหน้าตาของพี่เขา   ไม่มีอะไรบุบสลายหรือแปลกตาไป พี่เขายังคงเดิมทุกกระเบียด
หน้าตาหล่อเหลาปานเทพบุตร   ซึ่งพี่แกภูมิใจนักหนาว่า   ใครๆก็บอกหน้าตาดีที่สุดในตระกูล
ก็เห็นจะจริง หน้าตาแกเหมือนพระเอกดังคนหนึ่งซะด้วยซี   ฉันเคยบอกพี่เขาก็รับอย่างภูมิใจว่า
“ของมันแน่อยู่แล้ว”   ฉันยิ้มอย่างภูมิใจและหอมแก้มพี่เขาอย่างรักใคร่ก่อนจะลุกไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนพี่เขาจะตื่นนอน.................... ด้วยฉันรู้ว่าต้องเตรียมพร้อมรับศึกหนักหลังจากพี่แกนอนเต็มอิ่มในตอนเช้าเสมอๆ      

               พี่โอ๊ตเล่าเรื่องราวส่วนตัวให้ฉันฟังมากมายเขาเคยเป็นDJที่ผับดังแต่ไปเสียทีโคโยตี้สาวจอมยั่ว   “ดูท่าทางมันจะคันมากก็เลยเสียบๆให้มันไปแต่ไม่นึกว่ามันจะเอาจริงปล่อยให้ท้องแล้วมาบอกว่าเป็นลูกของเราซะงั้น    ครั้นจะรับก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นลูกเราหรือเปล่า วันๆไปเต้นสี่ซ้าห้าที่ใครจะรู้ว่าไปให้ท่าใครอีก”พี่แกบอกพี่แกเลยหนีไปบวชซะเป็นปี“ชะนีคลอดลูกทิ้งไว้แล้วไปร่านต่อ แต่โทษทีเด็กชายคนนั้นอยู่กับตายายยิ่งโตขึ้นหน้าก็หน้าฉัน หูก็หูกางๆของฉันนี่แหละตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วอีกสองสามปีขึ้นมัธยมเดี่ยวจะรับมาอยู่ด้วย” พี่โอ๊ตบอกนั่นยิ่งทำให้ฉันภูมิใจที่ได้ผู้ชายแท้ๆมาเป็นสามี   แกบอกเบื่อผู้หญิงจอมร่านพวกนั้นน่ะครับ
            
            ฉันพยายามจะลืมและไม่นึกถึงเรื่องราวการนอกใจของพี่เขา    ด้วยฉันตั้งปณิธานแน่วแน่ว่า   จะขอประคองรักนี้ให้ยืนยาวที่สุด    ฉันไม่เคยเลยสักครั้งที่จะปริปากเอ่ยถามเรื่องนี้กับพี่โอ๊ต
ซึ่งพี่เขาก็ดูจะมีความสุขมากที่ได้อยู่กับฉัน

            อ้อ.............ฉันลืมบอกให้รู้ถึง สิ่งที่พี่โอ๊ตโปรดปรานอีกอย่างคือแกชอบมีเซ็กซ์เอาท์ดอ
ทุกที่ที่ไปกับฉันเสมอๆ   ซึ่งพี่เขาบอกว่า   ชอบฉันมากที่ใจกล้าและตามใจแกเสมอมา    ก็คนมันรักนี่นา อะไรที่จะทำให้พี่เขามีความสุขถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงฉันยินดีจะทำให้เสมอ


               แต่เพื่อนๆก็รักฉันอย่างเหลือเกิน    ตามเก็บภาพความสัมพันธ์ของพี่โอ๊ตกับ ตัวเล็กตัวน้อยมาให้ฉันซะเล่นเอาพี่แกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกดิ้นไม่หลุดกันเลยทีเดียว
                “ก็แค่ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวไม่จริงจังอะไร”พี่เขาบอก   แล้วรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวฉันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น   ฉันก็เหลือเกินพ่ายแพ้บทรักอย่างราบคาบยอมพี่เขาทุกทีไปสินะ    อาจเป็นเพราะพี่เขาให้ความสุขฉันได้เต็มที่ฉันจึงไม่ค่อยจะรู้สึกขาดเขินขุ่นเคืองสักเท่าไร
               
               แต่ยามใดก็ตามที่เราห่างกัน................ความเจ็บปวด   ความเจ็บช้ำ    จะรุกคืบถาโถม
ด้วยฉันรู้อยู่แก่ใจว่าพี่แกกำลังทำอะไรอยู่กับใครต่อใคร   ..............ความปวดช้ำที่ใจคงปิดไว้ไม่มิดมันแสดงออกมาให้เห็นทางสีหน้าและสายตาที่หม่นหมอง   น้ำตารินไหลไม่ขาดสาย.................ฉันรับรู้ได้ถึงความไม่มั่นคงการทรยศการหักหลัง   แต่ฉันไม่เคยโวยวายไม่ได้ร้องไห้คร่ำครวญ      ไม่มีแม้แต่จะต่อว่าเขาสักคำเดียว       ด้วยฉันรู้จากประสบการณ์รักที่ผ่านๆมาว่าไม่มีประโยชน์อะไร    ฉันทำได้เพียงแต่ยอมรับความปวดชาที่หัวใจ


             ฉันสวมบทเมียหลวงอยู่ได้ตั้งนานสองนานโดยไม่ได้รู้ว่าใครบ้างเป็นเมียน้อยรู้แต่ว่ามากหน้าหลายตาไม่เป็นตัวเป็นตนกันสักที         มารู้ตัวอีกทีก็ย่างเข้าเกือบๆจะสามปีที่คบกับพี่โอ๊ต...........คราวนี้เมียน้อยตัวจริงเสียงจริงอุบัติขึ้นมา   หล่อนตั้งหน้าตั้งตาราวีและจงใจจะแย่งพี่เขาไปเป็นของหล่อนให้จงได้
               “พี่ทีเหรอครับพี่โอ๊ตฝากของมาให้น่ะครับ” ก็แมนๆดีมาหาฉันถึงที่เชียว
               “อยู่ที่รถน่ะครับรบกวนพี่ตามไปที่ลานจอดหน่อยนะครับ”ฉันไม่ได้คิดระแวงอะไร
คิดแค่ว่าพี่โอ๊ตต้องการจะเซอไพรซ์ฉันแค่นั้นเอง
               “เปิดดูสิครับ.............”ฉันค่อยๆเปิดอัลบั้มรูปที่อยู่ตรงหน้าช้าๆทีละแผ่นๆ   พี่โอ๊ตในสภาพเปลือยเปล่ากำลังเล่นบทรักอันเร่าร้อนกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน......................มือฉันสั่นเทา
น้ำตาเอ่อนอง   
            “พี่เขาบอกว่า   ถ้าไม่มีคุณเขาจะเป็นของผมเพียงคนเดียว.................เขารักผมแต่เขายังสงสารคุณอยู่ก็เท่านั้นอย่ามาขวางทางสวรรค์ของเราเลย   จันทร์ถึงศุกร์พี่เขาก็อยู่กับผมอยู่แล้วเสาร์อาทิตย์อย่ามาพรากเขาจากผมเลย    ออกจากชีวิตของเราไปเถอะผมขอร้อง.......................”
เขาพูดประหนึ่งว่าฉันเป็นส่วนเกินทั้งๆที่เขาแย่งพี่โอ๊ตไปจากฉันโดยแท้

            ฉันจุกที่หน้าอกพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว   เขาจากไปแล้วทิ้งฉันให้หมดเรี่ยวแรง
หัวใจและลำคอแห้งผาก

             และแล้วความอดทนของฉันก็เดินทางมาถึงขีดสุด.....................ในเมื่อฉันยอมทุกอย่างทั้งๆที่รู้ว่าเขาปันใจ    เขามีใครต่อใครฉันไม่เคยไปวุ่นวาย    แต่เขากลับปล่อยให้คนของเขามาทำร้าย.................เขาปล่อยให้คนของเขามาเหยียบย่ำมาหยามเกียรติฉันถึงที่   

             ฉันทิ้งอัลบั้มรูปนั้นไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมทั้งเขียนบรรยายถ้อยคำที่เขาคนนั้นเอื้อนเอ่ยฉันเก็บข้าวของเข้าไปอยู่ประจำที่ศูนย์ฝึกอบรมในวันรุ่งขึ้น   บอกกับพี่ๆน้องๆเพื่อนร่วมงานว่า
ถ้าพี่โอ๊ตโทรมาหรือมาหา.........................    ให้บอกว่าฉันลาออกจากงานกลับต่างจังหวัดไปแล้ว   ฉันเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือและไม่ติดต่อกับพี่แกอีกเลย

                      ฉันยอมรับว่า.......................เจ็บปวดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาฉันรับรู้ถึงความสูญเสียแต่แปลกที่ฉันไม่เคยโวยวายไม่ร้องไห้คร่ำครวญ    อาจเป็นเพราะฉันรับรู้ความเป็นไปมาโดยตลอด
เรื่องราวไม่ได้เกิดขึ้นฉับพลันเหมือนครั้งก่อนๆ   ฉันมีโกาสได้เตรียมตัวเตรียมใจ.....................และที่สำคัญฉันไม่เคยคิดหรือทำร้ายตัวเองเลย   ตรงกันข้ามฉันกลายเป็นคนเก็บตัว    เลิกเที่ยว
เลิกเหล้าเลิกบุหรี่   .......................... ฉันทุ่มเทแรงกาย    แรงใจไปที่งานงานงานชีวิตของฉันมีแต่งาน งาน งาน

            

            
เสเพลรัก       


            “เฮ้ย............เลิกงานแล้วเราไป ซัมธิ่งลองกันที่ไหนกันดี”
             วันนี้เราไปดูหนังกันดีกว่านะ…………..

            เดี๋ยวเราไปแด้นซ์กันน่ะ...............

            ไปผับเปิดใหม่กันน่ะ...................

               ไปคาราโอเกะกันดีกว่า................

            ฉันมีเพื่อนสนิท ทั้งชายหญิง สามสี่คนในกลุ่มที่คอยเทคแคร์ดูแลฉัน   ต่างไม่ยอมให้ฉันอยู่เพียงคนเดียวตามลำพัง   ด้วยกลัวฉันจะคิดมากและฟุ้งซ่านเพื่อนๆต่างช่วยกันตั้งโปรแกรมพาฉันไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆทุกวัน    ประมาณว่าเมื่อถึงห้องพักฉันก็อ่อนล้าหมดแรงหลับเป็นตายทุกคืนไม่มีเวลามาคร่ำครวญเสียอกเสียใจกับเรื่องราวเก่าๆ อีกเลย

             ถ้าเป็นวันหยุดยาวหรือเสาร์อาทิตย์เราจะเหมารถตู้ไปเที่ยวชายทะเลไกลๆเช่าบังกะโลอยู่กันหลายๆวันบางทีเพื่อนๆพี่ๆ รวมตัวกันได้กว่า 15-16   คนเลยทีเดียว
            เสาร์นี้ก็เช่นกันหลังจากเคลียร์งานเสร็จประมาณเที่ยง   พวกเรานั่งทานข้าวและสนทนากันถึงสถานที่ ที่จะไปพักผ่อนกันในช่วงวันหยุดยาวครั้งนี้.............................................   เราตกลงกันจะไปเที่ยวชายหาดแถวระยอง   

            ฉันนึกขอบคุณสวรรค์ที่ดลบันดาลให้ฉันมีเพื่อนร่วมงานที่ดี   
             “ถ้าไม่มีพวกเขาฉันในวันนี้จะเปลี่ยวเหงา   และจมจ่อมอยู่กับความรวดร้าวซักแค่ไหนนะ”ฉันนั่งดูวิวริมข้างทางขณะรถตู้วิ่งออกจากกรุงเทพหลังจากแวะซื้อ เหล้าเบียร์ของขบเคี้ยวและข้าวของจำเป็นที่ แมคโคร ย่านชานเมืองได้ครบถ้วนแล้ว

         เพื่อนๆหลับสนิทกันทุกคน คงเหนื่อยจากงานที่ทำกันมาทั้งสัปดาห์แต่ฉันอยากจะดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัวที่นานๆจะได้สัมผัสสักครั้ง

            
       พวกเราเดินทางมาถึงจุดหมายก็ประมาณ 4-5 โมงเย็นแล้ว   พอถึงที่พักเราก็เจอกับรถตู้ของเพื่อนๆพี่ๆอีกคันที่มาถึงก่อนสักพักแล้ว   เป็นอันว่าเราต้องเช่าบังกะโลหลังใหญ่ที่สุดเพราะไม่อยากแยกกันพักเป็นกลุ่มย่อย

      พอพวกเราจัดแจงที่พักเรียบร้อยแม่บ้านก็ยกปูมา 2 หม้อใหญ่ๆที่พี่เขาไปดักซื้อมาจากชาวประมง และวานแม่บ้านทำให้สุกและหาน้ำจิ้มให้ด้วยเป็นออเดิร์ฟที่อร่อยมากครับ

          ส่วนอาหารมื้ออื่นๆเราเข้าครัวกันเองโดยไปซื้ออาหารทะเลสดๆที่ชาวประมงเพิ่งจะขึ้นฝั่ง
สดอร่อยทุกเมนูครับ
            
          เรามีกิจกรรมสนุกๆกันตลอดอาทิเล่นดรัมมี่ ใครแพ้ยกเบียร์หมดกระป๋องครับ
คาราโอเกะก็มีครับ.................. พวกเราสนุกกันมาก โดยสรุปมาเที่ยวทะเลแต่ไม่มีใครได้ลงน้ำแม้แต่คนเดียวครับ


            ขากลับเราแวะชมวิวตามสถานที่ ที่เขาบอกว่าสวยแวะร้านอาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดในย่านนั้น
เป็นทริปที่ประทับมากใจอีกทริปหนึ่งครับ
         
            ฉันกลายเป็นนักท่องราตรีในวันจันทร์-ศุกร์   และเป็นนักท่องเที่ยวในวันหยุดเสาร์อาทิตย์
ชีวิตมันก็มีความสุขดีนะ“คนไม่มีแฟน” ไม่เห็นต้องมีแฟนเลยฉันบอกกับตัวเอง


            ศุกร์นี้พวกเราแต่งกาย อย่างสุดหล่อสุดสวย   ด้วยเป็นงานแต่งของพี่ปุ้ยกับพี่วัฒน์
เป็นงานแต่งที่หรูที่สุดที่ฉันเคยไปเลยทีเดียว

            หลังจากนั้นไม่นานนัก   ชีวิตนักท่องราตรีและนักท่องเที่ยวของฉันก็เริ่มห่างหายไป
เมื่อพี่ปุ้ยตั้งท้องอ่อนๆแล้วพี่วัฒน์ก็ต้องคอยดูแลนี่นา   เหลือเราเพียงสี่คนคนไปไหนมาไหนก็ให้รู้สึกกร่อยๆอย่างช่วยไม่ได้         




                        “เฮ้ยพวก.................... พรุ่งนี้วันเกิดฉันนะ”
         ต๊อกตั้งประเด็น   เพื่อหาที่เที่ยว   เราต่างรู้กัน
                     “ไปรัชดานะ”กุ้งบอก
                     “เฮ้ย.............บ่อย” เพื่อนๆแย้ง
                     “งั้นสุขุมวิท” เทอดเสนอ
                     “อีกแล้วเหรอ......................”เพื่อนๆครวญ
                        “สีลมเป็นไง.........”   
                     “ที่เดิมๆ................”เพื่อนๆตอบแทบจะพร้อมกัน


            ที่จริงแล้วมันก็น่าเบื่อจริงๆน่ะแหละ พวกเราตระเวนเที่ยวไปแล้วทุกๆที่ที่ละหลายๆครั้ง
มันก็เดิมๆ
                  “งั้น....ลองออกไปนอกเมืองกันหน่อยมั๊ย” ฉันเสนอ               
               “เออดิ.......เที่ยวแต่ในกรุง   ไปหมดทุกที่แล้วลองรอบนอกบ้าง” เพื่อนๆเห็นด้วยกับฉันเสมอจะไม่ให้รักได้อย่างไรกัน

                  พวกเราขับรถตระเวนไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายหรอกนะ ไม่คุ้นเคย   ก็ผ่านหูผ่านตาไปหลายที่ แต่ไม่น่าสนใจ    คนน้อยบ้าง   สถานที่เล็กคับแคบบ้าง   เงียบเหงาบ้าง   หาข้อติกันไป

                สุดท้ายเราเลือกผับ คาราโอเกะ แดนซ์ครบวงจรเลยย่านเทพารักษ์เกือบๆจะถึงสมุทรปราการอยู่แล้วเชียว   เพราะรูปลักษณ์ใหญ่โต โอ่อ่า   ผู้คนคึกคักมากมากมาย   
               
            ก็ไม่ผิดหวังบรรยากาศดีบริการดี   อาหารดี    นักเที่ยวกริยาดีใช้ได้ทีเดียว

            “สวัสดีครับ.......” ขณะที่ฉันล้างมืออยู่ที่อ่างล้างหน้า    ฉันหันไปตามเสียงทุ้มนั่น
               “ให้ตายเหอะ   เทพบุตรที่ไหนกันอีกล่ะเนี่ย”ฉันนึกในใจยิ้มให้อย่างประหม่า

            “ผมโอ๊ตครับ.......” เขาแนะนำตัวยิ้มให้กับอาการเคอะเขินของฉัน
            “ทิชชูเช็ดมือครับ” เขารุกต่อในขณะที่ฉันเริ่มได้สติ
            “ขอบคุณครับ............ผมทีครับ” ฉันรับกระดาษจากเขาพร้อมทั้งแนะนำตัว

         “คุณน่ารักมากนะครับผมแอบมองที่โต๊ะตั้งนานแล้วหล่ะครับ   แต่ไม่กล้าเข้าไปหา      เพื่อนคุณเยอะแยะไปหมด.................................. ว่างๆโทรหาผมหน่อยนะครับเราจะได้ทำความรู้จักกัน” เขาส่งยิ้มและทำตาหวานพร้อมทั้งยื่นนามบัตรให้ฉันและเดินจากไปโน่นแล้ว

            ฉันยังงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   แต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง   พยายามมองหาเขา    แต่ไม่เจอ
เอ๊......หรือว่าฉันละเมอไปนะ   เปล่านี่   นามบัตรยังอยู่ในกระเป๋านี่เอง


         สามสี่วันให้หลัง      ฉันหยิบนามบัตรนั้นขึ้นมาดูรายละเอียดหน้าที่การงานเขาก็ระดับผู้บริหาร   หน้าตาก็ขั้นเทพขนาดนั้น         เขาจะจริงจังกับเราสักแค่ไหนกันนะ   ......................    ฉันลังเลที่จะโทรหาเขา

         ฉันพยายามทบทวนทุกเหตุรัก..............ความสุขสม   ความเอิบอิ่มและการเติมเต็ม.........ความผิดหวัง   ความเจ็บช้ำและการร้างลา                  แท้ที่จริงแล้วฉันยังขลาดกลัว......................แต่สุดท้ายความเปลี่ยวเหงา   เป็นฝ่ายชนะ   ฉันกดโทรศัพท์หาเขา

         “สวัสดีครับ...........” เสียงทุ้ม ชวนฟังรับสาย
         “ครับผมเออ.....................” ฉันประหม่า พูดไม่ออก
         “ผมรู้ผมรู้ว่าเป็นคุณ...............ผมรออยู่นะครับ” ฉันรู้สึกผ่อนคลายแล้วเราก็คุยกันยืดยาวเนิ่นนานด้วยเป็นเวลาเลิกงานแล้ว

            
             ในตอนบ่ายวันอาทิตย์      ฉันไปพบเขาตามนัดที่โรงหนังชั้นหนึ่งกลางกรุง   

            เขารออยู่นั่นแล้ว
             “ได้เวลาพอดี    เราเข้าไปข้างในกันเลยนะครับ” เขาชักชวนและเดินนำฉันไปนั่นแล้ว
             เรานั่งกันข้างบนสุดซึ่งไม่มีผู้คนอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้นเลย

   
                     “อากาศเย็นมากนะครับ”เขากระซิบที่ข้างหูแล้วเอื้อมมือมาเกาะกุมมือฉันไว้
ฉันประหม่าแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
                     เขาหอมที่แก้มฉันแผ่วเบา   แล้วจูบที่หน้าผากก่อนจะบอกว่า
                  “ผมชอบคุณนะครับ” พร้อมทั้งดึงรั้งร่างฉันให้อิงซบที่ไหล่เขา
ฉันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย         ภายใต้อ้อมแขนที่ฉันโหยหามานานปี..........................
ถึงตอนนี้      ฉันตัดสินใจที่จะทำตามความต้องการของหัวใจที่มันร่ำร้องอยู่ข้างในจะไม่ยอมให้เป็นเหมือนรักร้างเมื่อสองครั้งที่ผ่านมา   


                   เรารับประทานอาหารที่ร้านหรูและลงเอยที่โรงแรมห้าดาวในย่านนั้น
                   พี่โอ๊ตดึงฉันเข้าไปกอดจูบและจู่โจมทันทีที่บริกรปิดประตูห้อง         ฉันไม่ทันได้ตั้งตัวแต่ฉันก็ไม่ได้ขัดขืน   ฉันยืนยันจะทำตามความต้องการข้างในที่มันเรียกร้อง         ฉันจะปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามพรหมลิขิต   ตามที่กามเทพนำพา............................

                  พี่โอ๊ตดูเร่าร้อนและหื่นกระหายมาก      แต่ก็ไม่ได้รุนแรงหรือซาดิสม์เอากับฉัน
ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับเพลงกามที่เขาปรนเปรอ      โดยที่เสื้อยังติดอยู่ที่ตัวแต่กระดุมโดนแกะทุกเม็ดในตอนที่พี่เขาสำรวจโลมเล้าร่างกายฉันนั้น

                  ถึงทีที่ฉันต้องแสดงฝีมือบ้างแล้ว      พี่โอ๊ตยืนขึ้นถอดกางเกงลงไปกองที่ข้อเท้า
แล้วกดให้ฉันนั่งลงตรงกลางระหว่างเป้า............ตรงแก่นกายนั้น
               เครื่องเพศของพี่โอ๊ต   ใหญ่โตเกินตัวฉันต้องอ้าปากสุดกว้างและพยายามอย่างยิ่งที่จะกลืนกินให้หมดความยาวของท่อนลำนั้น
                “โอ้ว.........................ซี๊ดดดดดดดดดดดดดดด”
               “ ดีครับ   ดีมากครับ......................................อย่างงั้นดีแล้ว โอววววววววววว”
พี่โอ๊ตครวญครางไม่ขาดเสียงปากก็พร่ำชมฉันตลอด
            ฉันเองก็ให้รู้สึกกระสัน   ดูดกินน้ำเสียวของพี่เขาอย่างเอร็ดอร่อยและพึงใจในความใหญ่โตและความแข็งแกร่งเกินชายของเขาอย่างไม่รู้สึกพอ

                   




                           “เดี๋ยวก่อนครับ”   พี่โอ๊ตดึงรั้งร่างฉันขึ้นมาแล้วใช้ปากบดขยี้ปากฉันอย่างรุนแรง      ฉันสัมผัสได้ถึงความต้องการอันท่วมท้นของพี่เขาในเวลานั้น    เขาเลื่อนมาไซร้รูหู    ท้ายทอยแล้วดึงรั้งชายเสื้อฉันขึ้นก่อนที่จะไล้เล็มเลียไปตามแผ่นหลังของฉัน      ฉันยอมรับว่า เสียว สยิวมาก บิดตัวไปมาตามจังหวะการฉกไล้เล็มเลียของพี่เขา         และแล้วพี่โอ๊ตก็ดึงกางเกงของฉันลงไปกองอยู่ที่ตรงข้อเท้าของฉันบ้าง       เขากัดเบาๆจูบเลียไปตามบั้นท้ายของฉัน      “เฮยยยยย.......................” เสียงสั่นเครือแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากฉันอย่างสุดจะทน   แล้วที่ทำให้ฉันต้องสะดุ้งสุดตัวก็ตอนที่พี่เขาใช้สองมือแหวกแก้มก้นฉันแล้วใช้ลิ้นฉกอย่างเชี่ยวชาญที่รูร่องนั้น
                  “โอ๊ย....พี่ครับผมไม่ไหวแล้ว”ฉันโพล่งออกไปอย่างสุดจะทน
                  พี่โอ๊ตถลันยืนขึ้นในทันที   ดันฉันให้หน้าอกไปติดกับผนังห้องแล้วพี่แกก็เอาเจลหล่อลื่นมาละเลงที่รูฉันและที่แก่นกายอันมโหฬารนั่น   แล้วพี่เขาก็ค่อยๆดันเข้ามา   ค่อยๆดันเข้ามาที่ประตูสวรรค์นั่น       ฉันรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งและร้อนรุ่มนั้น      
                   “เบาๆก่อนนะครับ.........” ฉันพร่ำบอกเสียงสั่นตัวสั่นตื่นกลัว.........
พี่โอ๊ต ขบที่ติ่งหูเบาๆกระซิบปลอบ
                   “ไม่ต้องกลัวที่รัก........ผมจะทะนุถนอมคุณ    ผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุดเลยครับ”
ฉันรู้สึกตึงแน่นที่รูมากถึงแม้ว่าจะเพิ่งเข้าไปได้แค่ส่วนหัวแต่ฉันก็ไม่ยอมท้อเพียงแต่บอกให้พี่เขาหยุดพักเป็นช่วงๆพอพี่เขาเห็นว่าฉันผ่อนคลายบ้างก็ค่อยๆรุกคืบต่อไป..................กึ๊ก    จนในที่สุดพี่โอ๊ตก็ดันเข้าไปได้จนสุดลำฉันรู้สึกคับแน่นไปทั้งตัวจุกจนแทบจะถึงคอ.........
               พี่เขาหยุดพักสักครู่ ลูบไล้จูบไซร้ให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย.................ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงกามต่อไป    พี่เขาซอยลึกบ้างตื้นบ้างแยงซ้ายที ขวาทีบางทีก็ส่ายวน   แรงบ้างเบาบ้าง.................... ฉันเสียวจนครวญครางไม่หยุดปาก   พี่เขากระแทกไม่ยอมหยุดพักจนฉันหมดแรง
                  “ พี่ครับ....ผมเหนื่อยแล้วครับ......” ฉันอุทรณ์
                  “น่า...........นะครับ...”พี่เขากระซิบที่ข้างหูเหมือนจะคอยให้กำลังใจ      แต่ไม่ยอมหยุดพักไม่ยอมไปที่เตียง       พี่เขาคอยเติมเยลทุกๆครั้งเมื่อเริ่มจะแห้งฝืด      พี่เขาเหงื่อท่วมตัว
ฉันเหงื่อท่วมกายจนเสื้อเปียกโชกทั้งเสื้อเชี้ตและเสื้อนอก      เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ได้   
พี่เขาร้องเสียงดังและกระแทกรูฉันกระชั้นขึ้นและแรงขึ้น
                “โอ๊ะๆ.......โอวววว...........................ทีจ๋า.........................”พี่เขากระเด้าสุดแรง   พร้อมกันนั้นเครื่องเพศของพี่เขาก็กระตุกถี่ๆอย่างแรงภายในรูฉันนั้น
                “โอยยยยยยยยยยยยยยย......................อา.......................อูยยยยยยยยยยยยยยยย”
เสียงของเราทั้งคู่ประสานกัน   ฉันเองก็เสร็จโดยที่ไม่ได้แตะท่อนลำของฉันเลย


         
            พี่โอ๊ตยังคงกอดฉันแน่นในท่าเดิมโดยยังไม่ยอมถอนแก่นกายออกจากรูฉัน      ฉันเองก็รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่ยังคงเดิมแม้เวลาจะผ่านไปหลังจากพี่เขาเสร็จแล้วนานกว่า 10 นาที
            และแล้วพี่เขาก็ค่อยๆดึงแก่นกายออกจากรูฉันอย่างช้าๆ   
            “อูยยยยย...............”เสียงฉันและพี่เขาครางแทบจะพร้อมๆกัน
               “บล็อก.........””โอ๊ย.....................”ฉันร้องอย่างสุดเสียวในทันทีที่ท่อนลำพี่โอ๊ดหลุดออกจากรูฉัน
             “โอ้โฮ.....อะไรกันนี่”พี่โอ๊ตอุทาน
             ฉันมองตามสายตาพี่โอ๊ตเลือดติดเต็มท่อนลำที่แข็งแกร่งของพี่เขาอยู่เต็มไปหมด ............เลือดแดงๆของฉันและน้ำกามของพี่โอ๊ต      หยดเต็มกางเกงในสีขาวของเราทั้งคู่      ฉันหลบสายตาพี่โอ๊ตที่ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างพึงพอใจก่อนจะหอมแก้มฉันแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
            
               “มานี่มา.......”พี่โอ๊ตนอนอ้าแขนรอรับฉันอยู่บนเตียงหลังจากที่ฉันอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเรียบร้อยแล้ว
             “เจ็บไหม..................ขอโทษทีผมไม่รู้ว่า........................” พี่โอ๊ตกอดจูบปลอบประโลมฉันคงเข้าใจว่าฉันไม่เคยผ่านชายใดมาแน่ๆเลย   มันก็เกือบจะจริงน่ะนะชายแรกหนึ่งเดียวของฉันน่ะไซส์เล็กไปถนัดตาเมื่อเทียบกับไซส์ขนาดเอ๊กซ์แอลของพี่โอ๊ตน่ะ   ดูสิฉันยังรู้สึกแสบร้อนผะผ่าวเหมือนดุ้นทั้งดุ้นของพี่แกยังอยู่ในรูฉันอยู่เลย      


               และแล้ว..............................เกมส์รักอันเร่าร้อนแต่นุ่มนวลของพี่โอ๊ตก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง      คราวนี้ฉันรู้สึกถึงความดื่มด่ำล้ำลึกกว่าเดิม      พี่เขาช่างเก่งขั้นเทพจริงๆ   ฉันยอมรับว่ามีความสุขสุดยอดอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน          เราต่างปรนเปรอกันอย่างสุดความปรารถนา.......................จนฉันหมดเรี่ยวแรงหลับคาอ้อมแขนของพี่เขาจนรุ่งสาง
      

                เรานัดเจอกันบ่อยมาก เกือบจะทุกวัน    ฉันยอมรับว่ามีความสุขเหลือเกิน
                  

               ฉันเริ่มห่างจากเพื่อนๆแต่ก็ไม่มีใครสังเกตได้เพราะว่าอยู่ในช่วงสับเปลี่ยนสายงาน   ย้ายแผนกกันให้วุ่นวายไปหมด    วันๆแทบไม่ได้เจอกับเพื่อนร่วมก๊วน


             ฉันได้รับเรียกตัวเข้าทำงานที่บริษัทยักษ์ใหญ่กลางกรุงในตำแหน่งวิทยากรฝึกอบรม    ซึ่งเป็นงานที่ตรงกับสายที่ฉันเรียนมา    ถึงแม้ว่าเงินเดือนจะไม่ได้มากไปกว่าเดิม   แต่ทำงานเป็นเวลาไม่ต้องเข้ากะและหยุดเสาร์อาทิตย์ด้วย    ที่สำคัญพ่อทูนหัวของฉันเป็นคนเลือกเองว่าให้ฉันทำงานที่นี่จากหลายๆที่ที่เรียกให้ฉันไปรายงานตัว

            ผลที่ตามมาคือ...................................ฉันได้เจอกับหวานใจได้แค่เสาร์อาทิตย์เพราะฉันพักอยู่กลางกรุงส่วนพี่แกบ้านอยู่ชานเมืองและทำงานที่บริษัทของญาติๆ ในย่านเดียวกันนั่นเอง
ถ้าวันไหนไปหากันในวันทำงาน    เหมือนกับว่าไม่ได้หลับนอนไม่ได้พักผ่อนกันทั้งคืน

            แต่ฉันก็มีความสุขดีด้วยหัวใจฉันเต็มอิ่ม   หน้าตาสุขสดชื่นเสมอจนคนรอบข้างรู้สึกได้และต่างออกปากทักถาม...................

            “โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย.........................................” ฉันรู้สึกเจ็บแปลบที่ท้องน้อยจนต้องนั่งลงเอามือกุมท้องก้าวเดินต่อไปไม่ไหว
            “เป็นอะไรไปน่ะที.......................” พี่ๆน้องๆต่างแย่งกันถามด้วยความเป็นห่วงฉันบอกเล่าถึงอาการเจ็บแปลบตามความเป็นจริง
            “นั่นมันอาการที่ผู้หญิงเขาเป็นกันนี่นา.......................” หัวหน้าฉันออกปาก    ฉันได้แต่ยิ้มอายๆแอบนึกในใจว่า “ก็ผมโดนทำ.......................เหมือนผู้หญิงนี่นา...........................”
หลังจากวันนั้นฉันไม่กล้าบ่นเจ็บที่ท้องน้อยให้ใครได้ยินอีกเลย


         ความสัมพันธ์ของฉันกับพี่โอ๊ตเป็นไปด้วยดีผ่านไปนานกว่าปีครึ่ง    ข่าวไม่ดีก็เริ่มได้ยินถึงหูฉัน
         “แฟนแกน่ะ    เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่นเลยนะที...................”เสียงเพื่อนรายงานมาจากปลายสาย ด้วยเพื่อนๆยังทำงานอยู่ที่เดิมในละแวกเดียวกันกับบริษัทพี่โอ๊ต
         “ ไม่หรอกน่า..............พี่เขาอาจจะแค่ไปกับคนรู้จัก” ฉันแย้งเพราะพี่เขาบอกให้ฉันหนักแน่นเสมอเพราะเขาต้องติดต่องานกับลูกค้าเสมอและเขาเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะมาก


            แต่นั่น ก็เริ่มทำให้ฉันหวั่นไหวไม่สบายใจได้ไม่น้อยเลย   เมื่อข่าวเริ่มหนาหูได้ยินจากปากของเพื่อนๆแทบจะทุกคน


             ฉันพยายามสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะมีให้เห็นบ้างแต่ไม่มีเลยพี่โอ๊ตดูเสมอต้นเสมอปลายเคยอย่างไรก็อย่างนั้นยิ่งเรื่องบนเตียงพี่เขาจะทำเหมือนหิวกระหายเหมือนกินอาหารมื้อหลักทุกมื้อก็ไม่ปานไม่เคยมีเลยสักครั้งที่จะทำแบบขอไปที........................ฉันพยายามสลัดความกลัดกลุ้มที่อาจจะบานปลายไปกัดกร่อนความสัมพันธ์ของสองเรา
            

             ฉันตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของพี่โอ๊ตในเช้าวันเสาร์    ฉันค่อยๆลุกขึ้นนั่ง พินิจพิจารณาเรือนร่างและหน้าตาของพี่เขา   ไม่มีอะไรบุบสลายหรือแปลกตาไป พี่เขายังคงเดิมทุกกระเบียด
หน้าตาหล่อเหลาปานเทพบุตร   ซึ่งพี่แกภูมิใจนักหนาว่า   ใครๆก็บอกหน้าตาดีที่สุดในตระกูล
ก็เห็นจะจริง หน้าตาแกเหมือนพระเอกดังคนหนึ่งซะด้วยซี   ฉันเคยบอกพี่เขาก็รับอย่างภูมิใจว่า
“ของมันแน่อยู่แล้ว”   ฉันยิ้มอย่างภูมิใจและหอมแก้มพี่เขาอย่างรักใคร่ก่อนจะลุกไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนพี่เขาจะตื่นนอน.................... ด้วยฉันรู้ว่าต้องเตรียมพร้อมรับศึกหนักหลังจากพี่แกนอนเต็มอิ่มในตอนเช้าเสมอๆ      

               พี่โอ๊ตเล่าเรื่องราวส่วนตัวให้ฉันฟังมากมายเขาเคยเป็นDJที่ผับดังแต่ไปเสียทีโคโยตี้สาวจอมยั่ว   “ดูท่าทางมันจะคันมากก็เลยเสียบๆให้มันไปแต่ไม่นึกว่ามันจะเอาจริงปล่อยให้ท้องแล้วมาบอกว่าเป็นลูกของเราซะงั้น    ครั้นจะรับก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นลูกเราหรือเปล่า วันๆไปเต้นสี่ซ้าห้าที่ใครจะรู้ว่าไปให้ท่าใครอีก”พี่แกบอกพี่แกเลยหนีไปบวชซะเป็นปี“ชะนีคลอดลูกทิ้งไว้แล้วไปร่านต่อ แต่โทษทีเด็กชายคนนั้นอยู่กับตายายยิ่งโตขึ้นหน้าก็หน้าฉัน หูก็หูกางๆของฉันนี่แหละตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วอีกสองสามปีขึ้นมัธยมเดี่ยวจะรับมาอยู่ด้วย” พี่โอ๊ตบอกนั่นยิ่งทำให้ฉันภูมิใจที่ได้ผู้ชายแท้ๆมาเป็นสามี   แกบอกเบื่อผู้หญิงจอมร่านพวกนั้นน่ะครับ
            
            ฉันพยายามจะลืมและไม่นึกถึงเรื่องราวการนอกใจของพี่เขา    ด้วยฉันตั้งปณิธานแน่วแน่ว่า   จะขอประคองรักนี้ให้ยืนยาวที่สุด    ฉันไม่เคยเลยสักครั้งที่จะปริปากเอ่ยถามเรื่องนี้กับพี่โอ๊ต
ซึ่งพี่เขาก็ดูจะมีความสุขมากที่ได้อยู่กับฉัน

            อ้อ.............ฉันลืมบอกให้รู้ถึง สิ่งที่พี่โอ๊ตโปรดปรานอีกอย่างคือแกชอบมีเซ็กซ์เอาท์ดอ
ทุกที่ที่ไปกับฉันเสมอๆ   ซึ่งพี่เขาบอกว่า   ชอบฉันมากที่ใจกล้าและตามใจแกเสมอมา    ก็คนมันรักนี่นา อะไรที่จะทำให้พี่เขามีความสุขถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงฉันยินดีจะทำให้เสมอ


               แต่เพื่อนๆก็รักฉันอย่างเหลือเกิน    ตามเก็บภาพความสัมพันธ์ของพี่โอ๊ตกับ ตัวเล็กตัวน้อยมาให้ฉันซะเล่นเอาพี่แกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกดิ้นไม่หลุดกันเลยทีเดียว
                “ก็แค่ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวไม่จริงจังอะไร”พี่เขาบอก   แล้วรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวฉันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น   ฉันก็เหลือเกินพ่ายแพ้บทรักอย่างราบคาบยอมพี่เขาทุกทีไปสินะ    อาจเป็นเพราะพี่เขาให้ความสุขฉันได้เต็มที่ฉันจึงไม่ค่อยจะรู้สึกขาดเขินขุ่นเคืองสักเท่าไร
               
               แต่ยามใดก็ตามที่เราห่างกัน................ความเจ็บปวด   ความเจ็บช้ำ    จะรุกคืบถาโถม
ด้วยฉันรู้อยู่แก่ใจว่าพี่แกกำลังทำอะไรอยู่กับใครต่อใคร   ..............ความปวดช้ำที่ใจคงปิดไว้ไม่มิดมันแสดงออกมาให้เห็นทางสีหน้าและสายตาที่หม่นหมอง   น้ำตารินไหลไม่ขาดสาย.................ฉันรับรู้ได้ถึงความไม่มั่นคงการทรยศการหักหลัง   แต่ฉันไม่เคยโวยวายไม่ได้ร้องไห้คร่ำครวญ      ไม่มีแม้แต่จะต่อว่าเขาสักคำเดียว       ด้วยฉันรู้จากประสบการณ์รักที่ผ่านๆมาว่าไม่มีประโยชน์อะไร    ฉันทำได้เพียงแต่ยอมรับความปวดชาที่หัวใจ


             ฉันสวมบทเมียหลวงอยู่ได้ตั้งนานสองนานโดยไม่ได้รู้ว่าใครบ้างเป็นเมียน้อยรู้แต่ว่ามากหน้าหลายตาไม่เป็นตัวเป็นตนกันสักที         มารู้ตัวอีกทีก็ย่างเข้าเกือบๆจะสามปีที่คบกับพี่โอ๊ต...........คราวนี้เมียน้อยตัวจริงเสียงจริงอุบัติขึ้นมา   หล่อนตั้งหน้าตั้งตาราวีและจงใจจะแย่งพี่เขาไปเป็นของหล่อนให้จงได้
               “พี่ทีเหรอครับพี่โอ๊ตฝากของมาให้น่ะครับ” ก็แมนๆดีมาหาฉันถึงที่เชียว
               “อยู่ที่รถน่ะครับรบกวนพี่ตามไปที่ลานจอดหน่อยนะครับ”ฉันไม่ได้คิดระแวงอะไร
คิดแค่ว่าพี่โอ๊ตต้องการจะเซอไพรซ์ฉันแค่นั้นเอง
               “เปิดดูสิครับ.............”ฉันค่อยๆเปิดอัลบั้มรูปที่อยู่ตรงหน้าช้าๆทีละแผ่นๆ   พี่โอ๊ตในสภาพเปลือยเปล่ากำลังเล่นบทรักอันเร่าร้อนกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน......................มือฉันสั่นเทา
น้ำตาเอ่อนอง   
            “พี่เขาบอกว่า   ถ้าไม่มีคุณเขาจะเป็นของผมเพียงคนเดียว.................เขารักผมแต่เขายังสงสารคุณอยู่ก็เท่านั้นอย่ามาขวางทางสวรรค์ของเราเลย   จันทร์ถึงศุกร์พี่เขาก็อยู่กับผมอยู่แล้วเสาร์อาทิตย์อย่ามาพรากเขาจากผมเลย    ออกจากชีวิตของเราไปเถอะผมขอร้อง.......................”
เขาพูดประหนึ่งว่าฉันเป็นส่วนเกินทั้งๆที่เขาแย่งพี่โอ๊ตไปจากฉันโดยแท้

            ฉันจุกที่หน้าอกพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว   เขาจากไปแล้วทิ้งฉันให้หมดเรี่ยวแรง
หัวใจและลำคอแห้งผาก

             และแล้วความอดทนของฉันก็เดินทางมาถึงขีดสุด.....................ในเมื่อฉันยอมทุกอย่างทั้งๆที่รู้ว่าเขาปันใจ    เขามีใครต่อใครฉันไม่เคยไปวุ่นวาย    แต่เขากลับปล่อยให้คนของเขามาทำร้าย.................เขาปล่อยให้คนของเขามาเหยียบย่ำมาหยามเกียรติฉันถึงที่   

             ฉันทิ้งอัลบั้มรูปนั้นไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมทั้งเขียนบรรยายถ้อยคำที่เขาคนนั้นเอื้อนเอ่ยฉันเก็บข้าวของเข้าไปอยู่ประจำที่ศูนย์ฝึกอบรมในวันรุ่งขึ้น   บอกกับพี่ๆน้องๆเพื่อนร่วมงานว่า
ถ้าพี่โอ๊ตโทรมาหรือมาหา.........................    ให้บอกว่าฉันลาออกจากงานกลับต่างจังหวัดไปแล้ว   ฉันเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือและไม่ติดต่อกับพี่แกอีกเลย

                      ฉันยอมรับว่า.......................เจ็บปวดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาฉันรับรู้ถึงความสูญเสียแต่แปลกที่ฉันไม่เคยโวยวายไม่ร้องไห้คร่ำครวญ    อาจเป็นเพราะฉันรับรู้ความเป็นไปมาโดยตลอด
เรื่องราวไม่ได้เกิดขึ้นฉับพลันเหมือนครั้งก่อนๆ   ฉันมีโกาสได้เตรียมตัวเตรียมใจ.....................และที่สำคัญฉันไม่เคยคิดหรือทำร้ายตัวเองเลย   ตรงกันข้ามฉันกลายเป็นคนเก็บตัว    เลิกเที่ยว
เลิกเหล้าเลิกบุหรี่   .......................... ฉันทุ่มเทแรงกาย    แรงใจไปที่งานงานงานชีวิตของฉันมีแต่งาน งาน งาน

            

            

               
               

               
               

               
               

               
               

               
               

            

               
               

kengee โพสต์ 2011-4-5 14:04:27

ขอบคุนนะคราฟ

kengee โพสต์ 2011-4-5 17:06:44

ขอบคุณนะคราฟ

krunant โพสต์ 2011-4-5 22:21:59

ขอบคุนมากมายนาคัฟ

jellyfish โพสต์ 2011-4-8 14:40:29

เยี่ยมไปเลยครับ

อาร์ต โพสต์ 2011-4-14 07:30:42

เล่าได้ดีมากเลยครับ

wiput โพสต์ 2016-4-7 20:51:46

เอามาต่อกันมากเกินไปครับ

gearsoccer โพสต์ 2016-4-9 13:13:51

ขอบคุณมากครับ

sugarxxx โพสต์ 2016-6-29 20:43:19

ยอมรับ ไม่ยึดติด ถือว่าช่วงชีวิตดีๆ ได้เปลี่ยนไป ยอมรับการเปลี่ยนแปลงทำใจได้ ถือว่าเป็นยอดคนละ ชีวิตเกย์ หรือ ชีวิตคู่ก็เป็นแบบนี้ละ ความอยากของคนไม่มีที่สิ้นสุด.........ถ้าเราหยุดที่เขา แต่เขาไม่หยุดที่เรา ก็ปล่อยเขาไปเถอะดูๆแล้วเขาเป็นคนรักสนุกนะ.

ballkorn โพสต์ 2016-7-1 12:33:08

ขอบคุณคับ

bethbethbeth โพสต์ 2017-1-29 02:59:59

ขอบคุณครับ{:5_119:}{:5_120:}

Kerkiss โพสต์ 2017-5-10 10:40:59

ขอบคุณครับ

Sbai โพสต์ 2018-10-6 23:09:56

มีสุขไม่นานเนอะโดนแย่งแล้ว

PPAPZy โพสต์ 2018-10-7 03:15:56

{:5_146:}

ไมตรี โพสต์ 2018-10-12 21:22:54

สนุกดีครับ

flukypupe โพสต์ 2018-10-13 20:08:55


ขอบคุณครับ

tor_8915 โพสต์ 2020-3-20 00:53:49

รู้ไหมครับว่าลงข้อความซ้ำประมาณ3รอบ

naeXnote โพสต์ 2020-3-20 22:29:36

ขอบคุณครับ

daisuke338 โพสต์ 2022-6-8 22:19:29

ขอบคุณครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: เสเพลรัก