ภูตะวัน โพสต์ 2011-4-7 16:54:01

ความรู้สุขภาพจิตและปัญหาสุขภาพจิต เรื่อง รักใคร่ของวัยรุ่น

ความรู้สุขภาพจิตและปัญหาสุขภาพจิตเรื่อง รักใคร่ของวัยรุ่นรู้ไหมว่า เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น วัยรุ่นกลัวอะไรมากที่สุด
..อย่าตอบนะว่ากลัวจะไม่ได้แอ้ม เพราะเดี๋ยวนี้สโลแกนใหม่บอกว่า
ฟันแล้วทิ้งไม่กลัวแต่กลัวว่าฟันแล้วท้อง
เอาละ ลองมานึกกันดูจริงๆ ว่า..เมื่อคิดถึงเรื่องที่เขาและเธอจะเป็นของกันและกันเพราะศรรักมันปักอก จนหักห้ามใจไว้ไม่อยู่แล้ว หนุ่มเหน้าและสาวสวยคิดถึงอะไรอยู่ ก่อนที่สัมผัสรักแห่งภาษากายจะเกิดขึ้นเขาและเธอกลัวอะไร
อันดับแรก กลัวติดเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อื่นๆ การกลัวศัตรูผู้มากับเซ็กซ์นี้ยังคงติดอันดับหนึ่งเสมอ ไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน หรือแม้กระทั่งในอนาคต
อันดับสอง รองลงมาก็คือ กลัวได้ของขวัญจากธรรมชาติ พูดง่ายๆก็คือ กลัวฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ โดยไม่ได้วางแผนไว้ ซึ่งอาจจะกลายเป็นการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงปรารถนาต่อไปก็เป็นได้
ทั้งสองอันดับ นับว่าครองแชมป์และรองแชมป์ติดต่อกันมาทุกยุคทุกสมัย
แต่ทั้งๆ ที่กลัวขนาดนั้น และส่วนหนึ่งทราบด้วยว่า วิธีการที่ปลอดภัยไม่ติดโรคและไม่ติดลูกนั้นคือการมีความสัมพันธ์ทางเพศที่ปลอดภัย ซึ่งประกอบไปด้วย การสัมผัสกอดจูบเพียงภายนอกไม่มีการล่วงล้ำก้ำเกินความบริสุทธิ์ของกันและกัน การมีความสัมพันธ์ต่างช่วยเหลือพูดง่ายๆ ก็คือ เธอช่วยฉัน-ฉันช่วยเธอ ให้อารมณ์ปรารถนาได้รับการตอบสนองและมีความสุขไปถึงดวงดาวโดยไม่จำเป็นจะต้องล่วงล้ำก้ำเกินเข้าไปในส่วนสงวนของฝ่ายหญิง
และถ้าเพลงรักมันบรรเลงไปถึงจุดที่ไม่สามารถยับยั้งได้ที่หน้าผาแล้ว การจะกระโจนเข้าไปในห้วงรักเหวลึก อันมีซอกหลืบแห่งความรัญจวนใจแล้วไซร้ก็ให้ฝ่ายชายสวมถุงยางอนามัยก่อนที่จะเป็นของกันและกัน ย่อมเป็นหนทางที่ปลอดภัยกว่าในการป้องกันการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์โดยไม่ได้วางแผนการป้องกันดังกล่าว มีการนำมาใช้มากน้อยเท่าใดทราบไหม
ผลการสำรวจบ่งบอกออกมาว่า การป้องกันตนเองจากการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ร้ายแรงเช่น โรคเอดส์นั้น มีพฤติกรรมเสี่ยง แตกต่างกันมากตามพื้นฐานและวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆแต่ ค่าเฉลี่ยของวัย รุ่นทั่วโลกที่ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการติดโรคเอดส์และป้องกันการตั้งครรภ์นั้น อยู่ที่ร้อยละ 62 ซึ่งดีขึ้นกว่าในอดีตมาก
เพราะในอดีตนั้น มักจะมีข่าวลือและความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับถุงยางอนามัยมามากไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคเฉพาะชายชอบสนุกที่ใช้กับหญิงบริการทางเพศ ไม่ควรจะนำมาใช้กับหญิงคนรักซึ่งเป็นผู้หญิงที่ดีๆหรือการใช้ถุงยางอนามัยจะเหมือนการชกโดยใส่เสื้อเกราะไม่ได้สัมผัสรักอย่าง เต็มที่ซึ่งข่าวลือและความเชื่อผิดๆ ดังกล่าว ในปัจจุบันก็ทราบกันดีแล้วว่าไม่เป็นความจริงแต่ประการใด
ความกลัวต่อการติดโรคเอดส์และการตั้งครรภ์นั้น รวมๆ กันแล้วคิดได้เป็นร้อยละ70 ของความกลัวของหนุ่มสาวในการที่จะมีเพศสัมพันธ์กันทีเดียว
ความกลัวรองลงมา ก็คือ กลัวว่าจะไม่สามารถทำให้คนรักประทับใจในการเป็นของกันและกันในครั้งแรกซึ่งเรื่องนี้ตัวเลขบ่งบอกว่า วัยรุ่นชายไทยติดอยู่ในกลุ่มผู้นำเลยทีเดียว ที่ต้องการให้สาวคนรักประทับใจในการมีบทอัศจรรย์กันในครั้งแรก
เลยอยากจะขอนำเรื่องราวที่ได้รับฟังผู้เชี่ยวชาญด้านเพศศึกษา อภิปรายกันในที่ประชุมนานาชาติเกี่ยวกับเพศศึกษาที่จัดที่ฮ่องกง โดยด็อกเตอร์ เบเวอรีย์ วิม์เปิล พูด ถึงความเข้าใจผิดในการมีเพศสัมพันธ์ว่าการที่คนสองคนจะมีอะไรกันนั้นในอดีตเป็นแบบที่เรียกว่า ‘เพื่อการเจริญพันธุ์’คือเมื่อเริ่มคิดถึงเรื่องนี้ก็หมายถึงว่าในครั้งนั้นฝ่ายชายจะได้ล่วงล้ำเข้าไปในส่วนสงวนของฝ่ายหญิง และเมื่อไปถึงดวงดาวแล้ว ก็จะปล่อยน้ำรักออกมา แต่ฝ่ายหญิงจะมีความสุขหรือไม่ก็คงจะบอกไม่ได้นั่นเป็นวิธีการคิดถึงแบบโบราณ ไม่ได้คิดถึงความสุขของการสัมผัสรักทางภาษากาย ความดื่มด่ำในการปรุงรสรักด้วยกันเรียกว่าพอนึกถึงอาหารก็เหมือนกินก๋วยเตี๋ยวหรือบะหมี่ ยกมาวางก็ซดโฮกหมดชามแล้วก็วางชามลง สะบัดก้นหายไป
ความจริงแล้ว การแสดงความรักด้วยภาษากายนั้น สัมผัสแห่งรักจะต้องมีจังหวะจะโคนเริ่มแรกต้องมีเพลงโหมโรงก่อน แล้วค่อยแสดงบทบาท เมื่อละครแห่งความรักจบแล้วก็ต้องบอกลาผู้ชมด้วย หรือแสดงความชื่นชมในผลงานของกันและกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านเพศศาสตร์ท่านเดียวกันนั้นยังกล่าวต่อไปว่าการจะมีความสุขจากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ที่ถูกควรจะเป็นแบบที่เรียกว่า ‘ให้ความสุขแก่กันและกัน.. ‘ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ไม่สนใจหรอกเรื่องจะไปถึงดวงดาวหรือไม่แต่มีความสุขจากการได้เป็นของกันและกัน ได้ให้สัมผัสแห่งรักด้วยภาษากายซึ่งกันและกันได้สัมผัสในจุดหรือซอกมุมที่ทำให้แต่ละฝ่ายเกิดความสุข และอิ่มเอิบใจจากกันและกันเหมือนการปรุงอาหารนั้น กว่าจะออกมาเป็นอาหารในจานให้ชื่นชม กระบวนการปรุงแต่งอาหารของพ่อครัวย่อมต้องกระทำไปด้วยความสุขในการปรุงแต่งรสรักก็เช่นกัน ถ้าขาดการปรุงรสแล้ว ย่อมจืดชืดไม่น่าพิศมัย เพราะฉะนั้นจะรักจะใคร่แล้วให้ได้ทั้งความสุขและความปลอดภัยรวมทั้งมีความรับผิดชอบในผลผลิตที่เกิดมาจากความรักใคร่นั้นเลย น่าจะเป็นการดีที่สุดถึงมีสโลแกนว่า ‘คืนชีวิตให้สัมผัสแห่งรัก’ เป็นสโลแกนของการใช้ถุงยางอนามัย เพราะมาตรฐานของความปลอดภัย จากการมีความสัมพันธ์ทางเพศนั้นถุงยางอนามัยเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ถ้าจะปล่อยกายปล่อยใจให้มีความสัมพันธ์เต็มรูปแบบจนเป็นของกันและกันแล้ว
ถุงยางอนามัยนะครับนอกจากจะป้องกันการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้ว ยังป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงปรารถนาอีกด้วยเรียกว่า ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัวทีเดียว
เวลาคนเราจะมีสัมพันธ์สวาทกัน..ในขณะที่ยังไม่พร้อมจะอยู่กิน กันเป็นเรื่องเป็นราวนั้นสิ่งที่กลัวอยู่ก็คือ การตั้งครรภ์ในขณะที่ยังไม่พร้อม
แต่เคยคิดไหมว่า ยังมีมหันตภัยหรือศัตรูผู้มากับเซ็กซ์นั้น เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะโรคร้ายแรงที่ไม่มีทางรักษา เป็นแล้วตายลูกเดียว เช่น โรคเอดส์
คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่า ‘เป็นคนแรกของกันและกัน’และเขาหรือเธอไม่ได้มีใครอื่นอยู่ด้วยในขณะเดียวกัน และใครอื่นคนนั้นไม่ได้ติดโรคร้ายแรงเช่น เอดส์อยู่ด้วย
ผลการสำรวจทัศนคติเกี่ยวกับเพศ พบว่า วัยรุ่นไทยนอกใจคู่รักเป็นอันดับหนึ่งเมื่อเทียบกับวัยรุ่นจากประเทศอื่นๆโดยพบว่า วัยรุ่นไทยนอกใจคนรักโดยมีคนอื่นอีกคนด้วยถึงร้อยละ 52 หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งทีเดียว ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของวัยรุ่นทั่วโลกที่จะนอกใจคนรักมีเพียงร้อยละ 34 เท่านั้น
เพราะฉะนั้นจะแน่ใจได้อย่างไรว่า เขาหรือเธอคนนั้นไม่นำโรคร้ายมาสู่คุณ ถ้าไม่รู้จักการป้องกันตนเอง ในทิศทางใหม่แล้ว ‘เพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย’ อาจจะต้องแทนที่ด้วยคำว่า ‘ความรักที่ปลอดภัย’
ทุกคนเกิดมาล้วนแล้วแต่แสวงหาความรัก หาคนรักสักคนที่เข้าใจ ดูแลใส่ใจ และเป็นเพื่อนคู่คิด เป็นคู่ชีวิตที่จะครองคู่ไปตราบนานเท่านาน
ต่ในสังคมที่เปลี่ยนไป ทุกคนมีอิสระเสรีมากขึ้น มีอิสระที่จะคบหาเพื่อนต่างเพศมากขึ้นโอกาสที่จะเกิดความรักและนำไปสู่ความต้องการที่จะเป็นของกันและกันมีมากขึ้น ถ้าไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจแล้วความรักนั้น อาจจะกลายเป็นความรักที่ไม่ปลอดภัยก็ได้
ไม่นานมานี้ หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ฉบับหนึ่งทำสกู๊ปข่าวออกมาว่า ผู้ชายไทยในปัจจุบันเหลือน้อยลงเพราะมีโอกาสตายมากขึ้น และสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ชายไทยเสียชีวิตก่อนเวลาอันควรก็เพราะการไปติดโรคเอดส์มานั่นแหละ
แล้วจะไม่ลองหันมาป้องกันตนเองจากโรคร้ายที่มากับความรักใคร่กันเลยหรือ ทั้งๆที่ทำได้ง่ายๆ
แค่ยับยั้งใจไว้ที่จะไม่มีความสัมพันธ์ทางเพศเต็มรูปแบบ ก่อนที่จะตกลงปลงใจครองชีวิตคู่และไปหาแพทย์เพื่อทำการก่อนสมรส เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่มีโรคร้ายแฝงอยู่ที่จะไปถ่ายทอดให้กับคนรัก เพียงเท่านี้ กามารมณ์ในเวลาที่พร้อมจะเป็นของกันและกันก็จะเป็นสีสันของความรักที่มีความสุขและปลอดภัยแล้ว
ในขณะที่ยังไม่พร้อมจะเป็นของกันและกันเล่าการหาความสุขจากสัมผัสภายนอก หรือการช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้มีความสุข ไปถึงจุดมุ่งหมายก็เป็นทางออกอีกทางหนึ่งไม่เฉพาะวัยรุ่นวัยรักเท่านั้น ใครๆ ก็ทำได้ถ้ายังไม่พร้อมที่จะเป็นของกันและกันโดยปลอดภัย
สวรรค์นั้นอยู่ในใจ จะเดินทางสายใดก็ไปถึงได้
ไม่ยึดมั่นถือมั่นเสียอย่าง ความสุขนั้นเรียบง่ายเสมอ
ถ้าไม่หวังตักตวงความสุขมากนัก ความสุขก็จะมาหาเอง
ขอแต่เพียงให้เป็นความสุขสมที่จีรังและเป็นความรักที่ปลอดภัยเท่านั้น
คุณภาพชีวิต..คงจะดีขึ้น
บทความโดยน.พ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์

yellow2550 โพสต์ 2011-4-7 18:54:56

ขอบคุณครับพี่
ต้องมีสติมากกว่าอาราณ์นะครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ความรู้สุขภาพจิตและปัญหาสุขภาพจิต เรื่อง รักใคร่ของวัยรุ่น