❖ S A L Y E ❖ น า ย พั น ธุ์ โ ห ด C o m p l e t e d.1 (ภาค 2) - 15
C h a p t e r 1 5❖
ค ว บ คุ ม
เครื่องบินลำเล็กส่วนตัวแล่นลงจอดเทียบที่ดาดฟ้าขนาดใหญ่ของตึกสูงแห่งหนึ่งใจกลางเมืองเมื่อเสียงทำงานของเครื่องยนต์เงียบไป ประตูค่อยๆ เคลื่อนตัวเปิดออก ชาย 3 คนที่ยืนรอรับอยู่ก็สืบเท้าเข้าไปหาผู้มาเยือน
เจ้าของตาสีน้ำข้าวยกยิ้มจางๆแล้วก้าวเท้าลงมาตามบันไดเหล็ก ลมเย็นๆ ยามค่ำคืนโบกพัดผ่านกาย ทำเอาขนอ่อนๆ สีทองลุกชันเพราะความหนาวเย็นเจ้าตัวเอ่ยทักอีกฝ่ายด้วยสำเนียงผู้ดี ให้รีบนำทางเขาเข้าไปในตัวอาคาร
ทางเดินสีขาวสุดสะอาดที่ถูกปัดกวาดดูแลอย่างดีเพื่อต้อนรับเจ้าของที่ไม่ได้กลับมาเยือนเสียนานเป็นแรมปี
ไคลด์ก้าวเท้าช้าๆด้วยจังหวะสม่ำเสมอนำลูกน้องของตนไปจุดหมายก็ไม่พ้นลิฟท์ขนาดใหญ่สุดทางเดินที่จะพาเขาไปสู่ห้องด้านล่างของคอนโดใหญ่แห่งนี้ที่เขาซื้อไว้หลายชั้นติดต่อกัน ปรับปรุงด้านในใหม่เสียจนไม่มีเค้าเดิมของอาคาร
“คุณไคลด์จะให้เตรียมอาหารมื้อดึกไว้รึเปล่าครับ”
ระหว่างห้องโดยสารเหล็กสี่เหลี่ยมที่บรรจุคนไว้ทั้งหมด7 คนถ้วนกำลังเคลื่อนตัวลงอยู่นั้นชายคนหนึ่งในกลุ่มก็เอ่ยปากถามอย่างสุภาพ
คนถูกถามหันหน้าไปมอง “ไม่เป็นไร ฉันทานมาแล้วบนเครื่องยังไงพรุ่งนี้เช้าปลุกฉันทันทีที่พระอาทิตย์ขึ้น” เขาว่าหลังจากขยับข้อมือดูนาฬิกาที่เพิ่งสวมเมื่อครู่
“ติดต่ออัลฟาให้ด้วย”
“พี่เอ็กซ์”
เสียงใสๆ ของอัลฟาดังขึ้นด้านหลังเอ็กซ์ที่กำลังถูกเจ้าหุ่นยนต์สุนัขแสนซนวิ่งขอความสนใจจากเขาอยู่หันหน้าไปตามเสียงเรียก
“ว่าไง?”
อัลฟาขยี้ตาแล้วเดินมานั่งตักอีกฝ่ายอย่างที่ทำปกติ
“พี่คนนั้นไปไหนอ่ะ?” พอนั่งลงแล้วก็หันมองหาอีกคนที่คิดว่าน่าจะนั่งอยู่ข้างนอกกับพี่เอ็กซ์แต่กลับไม่เห็น
“ออกไปข้างนอก” ไปหาเอนไซม์…เอ็กซ์ตอบเท่าที่ตอบได้แล้วหันไปมองเบต้าที่พยายามตะกายขึ้นหาเจ้าของอย่างทุลักทุเล
อัลฟาก้มลงไปคว้าตัวหมาน้อยขึ้นวางลงตรงที่ว่างของโซฟาด้านข้างตัวแบบที่เบต้าก็ส่ายหางดิ๊กๆมุดตัวเข้าหา แต่เหมือนว่าฝ่ายเจ้าแมวตัวเล็กจะสนใจได้ไม่นานก็หันไปอ้อนเจ้าของหน้าตักที่ตัวเองยึดมาแทน
“วันนี้พี่เอ็กซ์ไม่ต้องไปรับแอลนะครับ”
“ทำไม?” เสียงทุ้มนิ่งสวนกลับไปทันทีที่ได้ยิน
“เอ่อ…เดี๋ยววันนี้ยูโรไปรับ…ยูโรชวนไปหาพี่ริวน่ะครับ”
เอ็กซ์หรี่ตามองอัลฟานิ่งไปแบบที่คนถูกจ้องก็รีบยิ้มกว้าง ซุกหน้าลงที่อกอย่างออดอ้อน
“เดี๋ยวยูโรมาส่งถึงที่เลยครับ...นะ”
เอ็กซ์มองตาสองสีที่เงยขึ้นสบกับเขาอีกครั้งแล้วก็พยักหน้ารับไปให้เจ้าตัวเล็กยิ้มกว้างขึ้นอีกแล้วปีนลงจากตักวิ่งเข้าห้องไป
“งั้นแอลกลับก่อนนะครับพี่ลีริกซ์”
อัลฟาเอ่ยปากลาเพื่อนรุ่นพี่คนสนิทแล้วพาตัวเองออกมาหน้าคณะหันซ้ายขวามองหารถที่มีลักษณะตรงกับในหัว
เขาลังเลเล็กน้อยระหว่างที่ยืนรอ…โกหกพี่เอ็กซ์ไปเสียแล้ว
ยูโรคงไม่แวบไปหาที่คอนโดหรอกนะโทรไปบอกไว้แล้วว่าไม่อยู่...คงจะไม่ไปรอใช่มั้ย…
เมื่อเช้ามิสเตอร์ไคลด์โทรเข้ามาตั้งแต่ยังไม่ตื่นนอนพอคุยกันก็บอกว่าจะส่งคนมารับที่มหาลัยตอนเลิกเรียน
เรื่องนี้คงให้พี่เอ็กซ์รู้ไม่ได้และยิ่งบอกยูโรไม่ได้ด้วย…
คิดฟุ้งซ่านได้ไม่นานรถเบนซ์สีเงินที่กระจกถูกปิดด้วยฟิล์มดำจนทึบแสงก็เคลื่อนตัวมาจอดเทียบฟุตบาตรตรงหน้าเขาพร้อมกระจกข้างที่ลดลงให้เห็นชายหนุ่มในชุดสูทสีเทาที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย
“คุณอัลฟา”
“พี่มิเกล!” เจ้าตัวเล็กเอ่ยเรียกชื่อคนบนรถอย่างดีใจ
“คุณไคลด์ให้มารับครับ” สิ้นคำตอบรับจากอัลฟาชายหนุ่มก็ลงจากรถมาเปิดประตูหลังให้อัลฟาขึ้นไปนั่งอย่างสุภาพ
“พี่มิเกลก็ตามมาไทยด้วยเหรอครับ” อัลฟาเริ่มบทสนทนาเมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากมหาลัย
“ครับผม คุณอัลฟายังเหมือนเดิมเลยนะครับ”
“พี่มิเกลเองก็เหมือนกันน่ะแหละครับ” อัลฟาว่าแล้วเขยิบเข้าหา มือเล็กยกเกาะที่ข้างเบาะ “เหมือนเดิมทุกอย่างเลย”
อัลฟามองนัยน์ตาสีมรกตแล้วก็ยิ้มกว้าง
พี่มิเกลเป็นคนสนิทของมิสเตอร์ไคลด์เป็นพี่ที่เขาคุ้นเคยเพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ
ถึงจะไม่ค่อยพูดอะไรแต่เขารู้สึกได้ว่าพี่มิเกลอ่อนโยนและใจดี มักจะคอยเอาขนมมาฝากเขาอยู่เรื่อยและมองเขาด้วยนัยน์ตาอบอุ่นแบบพี่ชายเสมอ
“คุณอัลฟา…”
ระหว่างที่มองแก้วตาสีเขียวเพลินๆเสียงของอีกฝ่ายก็ดังขึ้น
“ครับ?”
“ที่ไปหาคุณไคลด์เนี่ย…เพราะจะไปฝึกอีกเหรอครับ”
อัลฟาเลิกคิ้ว “ก็น่าจะอย่างนั้นนะครับ”
คนถามขมวดคิ้วแน่น แบบที่เจ้าตัวเล็กก็สงสัยแต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีกฝ่ายก็เอ่ยปากต่อเสียก่อน
“คุณอัลฟาเกลียดซาไลย์มากใช่มั้ยครับ?”
“มาก!” ทันทีที่ได้ยินคำถามก็สวนตอบไปโดยไม่ต้องหยุดคิดสักนิด
มิเกลถอนหายใจเล็กน้อย “ทั้งๆ ที่มันอันตราย…”
“ผมไม่สน พวกนั้นทำให้มัมต้องตาย!”
มิเกลหันหน้ามองอัลฟาเมื่อรถหยุดตัวเพราะสัญญาณจราจรที่เปลี่ยนเป็นสีแดง“...คุณอัลฟา”
นัยน์ตาสองสีแข็งกร้าวขึ้นจากบทสนทนาเมื่อครู่สบตานิ่ง คิ้วสีอ่อนขมวดด้วยอารมณ์มิเกลมองใบหน้าแบบนั้นแล้วก็ระบายลมหายใจอีกครั้ง
เห็นทีจะกู่ไม่กลับ…เขาเองก็ไม่ได้อยู่สถานะที่จะเอ่ยปากบอกอะไร
แม้จะรู้ว่าคุณไคลด์ทำไม่ถูกแต่เขาก็หักหลังคนคนนั้นไม่ได้...ถึงอย่างนั้นเขาเองก็ไม่อยากทำร้ายเด็กคนนี้
“คุณอัลฟา…” เขาเอ่ยปากแล้วหันกลับไปมองถนนเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว“บางทีเรื่องที่ได้ยินมามันก็ไม่ใช่อย่างที่ได้รับรู้นะครับ”
คนฟังเอียงคออย่างไม่เข้าใจ “พูดถึงอะไรน่ะครับ?”
“ผมแค่อยากจะบอกให้คุณอัลฟาตรองข้อมูลให้ดีจะเชื่ออะไรจะฟังอะไรก็คิดให้ถี่ถ้วน” มิเกลเหล่ตามองเล็กน้อย“ไม่พบไม่เจอไม่เห็นเองล้วนถูกบิดเบือนไปตามที่ผู้เล่าต้องการให้เป็น”
คนพูดทิ้งคำไว้แค่นั้นก็จบการสนทนาด้วยถ้อยคำที่ทำให้อัลฟานิ่งคิดไปอย่างงุนงง
พี่มิเกลชอบพูดอะไรลักษณะนี้อยู่เรื่อย…เป็นมาตั้งแต่ตอนอยู่อังกฤษแล้ว
อัลฟาคิดสงสัยในใจแล้วส่ายหัวเล็กน้อยเจ้าตัวยังเด็กเกินไปที่จะคิดและแปลภาษาที่ซับซ้อนแบบนั้น
อัลฟามีนิสัยที่ตรงไปตรงมา ไม่คิดอะไรหลายต่อถ้าหากต้องโกหก บางทีจะเลือกไม่พูดเลยเสียมากกว่า
อาการแบบนี้จับผิดได้ไม่ยากและเป็นลักษณะนิสัยที่สเปเชียลเองก็นึกห่วงมาตลอด
หัวอ่อนเสียจนน่าห่วง
“มิสเตอร์ไคลด์”
“อ้าว มาแล้วหรือ” ชายร่างสูงที่นั่งจิบชาร้อนในถ้วยแก้วเซรามิคราคาแพงหันมาตามเสียงเรียกที่ดังขึ้นก่อนจะเอ่ยทักเสียงยินดีแล้วลุกขึ้นยืน
“มิสเตอร์ไคลด์มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
“เมื่อคืนน่ะ พอเช้าก็ติดต่อเธอทันที”
อัลฟายิ้มรับ เงยหน้ามองคนที่เดินเข้ามาใกล้จนชิดมิสเตอร์ไคลด์ที่เขาไม่ได้เจอหน้ามาหลายเดือนยังคงเหมือนเดิมไม่ผิดไปจากครั้งล่าสุดที่พบกัน
เจ้าของตาสีน้ำข้าวยกยิ้มบางๆ “นั่งลงเถอะ เอาขนมของโปรดเธอมาฝากจากอังกฤษด้วยนะ”
พอได้ยินแบบนั้นคนชอบของหวานขึ้นสมองก็ยิ้มกว้างแล้วรีบตามไปนั่งที่โต๊ะทันที
ไคลด์มองเจ้าตัวเล็กที่เคี้ยวแอ็ปเปิ้ลพายตุ้ยๆ จนแก้มป่องก็เอ่ยปากอย่างอารมณ์ดี
“อยู่ที่นี่สนุกมั้ย?”
อัลฟาเงยหน้าจากจานขนม หยิบถ้วยช็อคโกแลตร้อนจิบแล้วเอ่ยตอบ“สนุกครับ ผมอยู่กับพี่สเปเชียล”
“อ๋อ…อ่าฮะ” ไคลด์ลากเสียงตอบรับนึกไปถึงใบหน้าท่าทางที่ดูฉลาดเกินวัยของบุคคลที่สามที่ถูกอ้างถึง
“สเปเชียลก็สบายดีใช่มั้ย?”
“สบายดีครับ”
“ที่มาที่นี่คราวนี้ฉันมีเรื่องจะมาบอกเธอ”มิสเตอร์ไคลด์เอ่ยเสียงเรียบๆ ยกสองมือประสานกันท้าวศอกที่โต๊ะวางคางลงที่หลังมือ ยกยิ้กเล็กน้อยแบบที่อัลฟาก็เลิกคิ้วอย่างสงสัย
“ครับ?”
“วันก่อนคนของฉันมารายงานเรื่องที่สืบอยู่นานแล้ว”
อัลฟาวางช้อนลง แล้วสบตากับอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ
“เรื่องขององค์กร SBPS”
อัลฟาเผลอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินคำจากอีกฝ่าย...องค์กรล่าเลือดซารายด์ที่ปิดตัวไปโดยไม่มีสาเหตุ...
องค์กรในไทยที่มิสเตอร์ไคลด์ตามรอยมาหลายปี
“เหมือนว่าหนึ่งในข้อมูลที่ฉันทราบมานักวิจัยชาวไทย 2 คนที่ร่วมด้วยกับองค์กรนี้...จะเป็นคนของบ้านเธอ”
“ครับ?!” เจ้าตัวเล็กขานรับอย่างไม่เข้าใจนัยน์ตาสองสีเบิกกว้างเล็กน้อย
“ใช่…แต่ข้อมูลยังไม่ชัดแต่ชัดเจนว่าที่ไทยมีเบาะแสสำคัญ และมี ‘มัน’ อยู่”
อัลฟาเม้มปากนิ่งไป ครุ่นคิดกับคำพูดที่ได้รับมา
อีกฝ่ายมองอาการแบบนั้นแล้วก็หัวเราะเล็กน้อย “ช่างเถอะ…ว่าแต่” อัลฟาเงยหน้าขึ้นสบตา “เรื่องนั้นเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็เหมือนกับที่มิสเตอร์ไคลด์เห็นล่าสุดแหละครับ”
“ไหน…เรามาลองกันหน่อยเถอะ”ว่าแล้วไคลด์ก็ลุกขึ้นเดินนำไปอีกห้องนึง หันไปมองคนที่ยืนเฝ้าอยู่เป็นนัยว่าไม่ให้ตาม อัลฟาเองก็รีบลงจากเก้าอี้แล้วก้าวขาตามไปไวๆ
มิเกลหันมองคนทั้งคู่เดินออกจากห้องไปแล้วก็ขมวดคิ้วอย่างเป็นห่วง…
เป็นห่วงเด็กน้อยนั่น…เด็กเล็กๆที่ไม่มีพิษไม่มีภัยอะไร
เด็กที่เป็นเครื่องมือร้ายแรงของเจ้านายเขาเด็กที่เขาเอ็นดู เด็กที่มีแววตาใสซื่อท่าทางไร้เดียงสาแบบนั้น
อาการเจ็บปวดยามฝึกฝนพลังรุนแรงจนเขาเองก็นึกห่วงอยากจะบอกความจริงให้เจ้าตัวเล็กรับรู้…แต่เขาทำไม่ได้...
เขาเพียงแต่ภาวนาให้เจ้านายของเขานึกสงสารอัลฟาขึ้นบ้างเพียงนิดหรือให้อะไรสักอย่างคุ้มครองเด็กน้อยให้ปลอดภัย ไม่ก็ให้พระเจ้าดลใจให้เจ้านายของเขาเปลี่ยนความคิดขึ้นมาสักครั้ง
แต่เขารู้ดี…ว่ามันไม่มีทางเป็นแบบนั้น…ไม่มีวันที่จะมีอะไรเปลี่ยนไป หมากทุกตัวถูกวางไว้หมดแล้ว
เจ้านายของเขาทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์เสมอ…
การไม่ตอแยเซ้าซี้ถามนั่นถามนี่เป็นข้อดีข้อหนึ่งของเอ็กซ์แม้จะสงสัยอะไรแต่ก็ไม่เอ่ยปากให้ยุ่งยาก
ถ้าหากมันไม่ผิดปกติจนเกินไป...
3วันแล้วที่เจ้าแมวนั่นไม่ให้ไปรับที่มหาลัยซ้ำยังกลับดึกเสียจนฟ้ามืดไปแล้วหลายชั่วโมงทั้งยังไม่บอกเหตุผลตีหน้ามึนยิ้มร่าเข้ามาอ้อนแบบที่ทำปกติ...
แต่ตอนนี้ไม่ปกติ
“พี่เอ็กซ์คิดอะไรอีกแล้ว”เสียงทักและนิ้วเล็กๆที่ยกขึ้นมาแตะเบาๆ กลางหว่างคิ้วปลุกให้เขาออกจากความคิด
มองหน้าตาใสซื่อของอีกฝ่ายแล้วก็ต้องขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิมหัวใจเจ้าแมวนี่เต้นแรงผิดปกติ…รู้สึกมาหลายวันแล้ว
“วันนี้ไปไหนมา” คิดจนต้องเอ่ยปากจนได้
คนถูกถามชะงักไปอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินคำถามแรกที่เอ่ยถึงเรื่องส่วนตัวจากอีกฝ่าย
“เอ่อ...”
“อัลฟา”
อึก…อัลฟาลอบกลืนน้ำลายเมื่อคนตรงหน้ามีท่าทางจริงจังกว่าเดิมเอ่ยเรียกชื่อเขาเสียงเข้ม หรี่ตามองอย่างจับผิด…พี่เอ็กซ์เริ่มดุอีกแล้ว
แต่ตอนนี้เขามีวิธีแก้แล้วล่ะ…เมื่อไหร่ที่เอ็กซ์ทำตาดุๆ เจ้าตัวเล็กจะยกมือโอบรอบคออีกฝ่ายแล้วซุกหน้าลงที่บ่าคลอเคลียไปมาทันทีจนเอ็กซ์ต้องยอมอ่อนลงอย่างช่วยไม่ได้แต่ไม่ใช่สำหรับคราวนี้
เอ็กซ์จับเอวอัลฟาขยับออกให้มองหน้าเขาแบบที่เจ้าตัวเล็กก็รีบขยับกดริมฝีปากแนบที่ปากคนตรงหน้าเบาๆทำเอาซาไลย์ที่สงสัยอยู่เมื่อครู่ลืมสิ่งที่คิดไปชั่วขณะ
ความนุ่มของริมฝีปากเบี่ยงเบนความสนใจได้ดีจนเผลอเอียงหน้ารับสัมผัสและกดแนบแน่นขึ้นกว่าที่อีกฝ่ายทำ
แกรก
อาร์มินที่เปิดประตูเข้ามาชะงักมองภาพตรงหน้าเล็กน้อยแต่ไม่ได้ใส่ใจจะเอ่ยปากอะไร ทำเพียงเดินขึ้นเตียงไปนั่งที่เตียงข้างๆ แล้วหยิบหนังสือที่โต๊ะข้างเตียงมาเปิดอ่าน
อัลฟาเองก็ไม่ได้สนใจคนมาใหม่สักนิด ปากเล็กๆ ยังไล่งับหยอกล้ออีกฝ่ายอย่างขี้เล่นหากคนที่เป็นฝ่ายผละตัวออกกลับเป็นเอ็กซ์แทน
ต่อจากวันที่คุยกับอาร์มินเหมือนว่าฝ่ายนั้นจะซึมไปและไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้เขารู้สึกแปลกๆที่จะมาคลอเคลียกับเจ้าแมวนี่ต่อหน้าอาร์มิน
เขาเลี้ยงอาร์มินมาตั้งแต่ยังเล็กรู้ดีว่าคิดอะไรและรู้สึกยังไง เขาเป็นเหมือนหลักความคิดของอีกฝ่ายพอตอนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดที่กลับด้านกัน
เจ้าตัวคงจะสับสนและ…เสียใจ
อัลฟามองเอ็กซ์ที่ขยับตัวออกขมวดคิ้วคล้ายจะครุ่นคิดไปอีกก็ไม่ได้ตามไปงอแงต่อ…เพราะเขาเองก็มีเรื่องที่หนักใจและปิดบังอยู่เหมือนกัน
เรื่องมิสเตอร์ไคลด์…
จากที่คุยกันเหมือนว่ามิสเตอร์ไคลด์จะคิดถูกเรื่องที่เคยบอกกับเขาตอนที่ต้องกลับมาไทย‘ที่ไทยมีมันอยู่’ และเหมือนเบาะแสจะชัดเจนจนต้องบินมาเอง
ยิ่งเรื่ององค์กร SBPS นั่นอีก
ช่วงนี้เขาจึงใช้เวลาไปกับการขลุกตัวอยู่กับมิสเตอร์ไคลด์เหมือนเมื่อก่อนหากแต่เปลี่ยนจากห้องแลปในอังกฤษมาเป็นคอนโดขนาดใหญ่บนชั้นที่ 45 ซึ่งถูกซื้อไว้หลายชั้นติดๆ กัน ออกแบบระบบรักษาความปลอดภัยใหม่จนน่าทึ่ง
ประจวบเหมาะกับที่พี่สเปเชียลไม่อยู่การปิดบังครั้งนี้ของเขาจึงเป็นไปได้อย่างราบรื่น ไม่ติดขัดอะไรนัก
ติดก็แต่ต้องโกหกยูโรให้มันแนบเนียนนี่แหละ…ทั้งตอนนี้พี่เอ็กซ์ก็เริ่มจะสงสัยจนออกปากถามเขาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน...
ไม่รู้จะวางแผนระยะยาวยังไง
ไว้ค่อยคิดอีกทีตอนพี่สเปเชียลกลับมาแล้วกันนะ
มาจากต่างประเทศ ต้องผ่านตม.ก่อนดิ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]