tanya โพสต์ 2016-2-7 07:45:40

❖ S A L Y E ❖ น า ย พั น ธุ์ โ ห ด C o m p l e t e d.1 (ภาค 2) - 29

C h a p t e r 2 9

สู ญ เ สี ย
   สภาพของมิเกลไม่ได้มีรอยแผลหรืออาการบาดเจ็บอะไรคิดว่าเจ้าตัวคงจะเหนื่อยและรีบร้อนมากจนหายใจหอบ   ยูโรส่งแก้วที่มีน้ำเย็นรินใส่จนเต็มให้คนที่ถูกพามานั่งพักที่โซฟา
   พอคนในห้องเห็นบุคคลที่ 3 ที่ขึ้นมาพร้อมกับยูโรและอาร์มินก็ต้องเลิกคิ้วแปลกใจแล้วเดินเข้ามาหา
   “พี่มิเกล พี่มาได้ไงน่ะครับ?” อัลฟาผละออกจากเอ็กซ์แล้วเดินมานั่งลงข้างๆ มิเกล
   มิเกลสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วยกแก้วน้ำขึ้นจิบก่อนจะหันมามองหน้าเด็กตัวเล็กข้างๆ
   “ผมหนีออกมาจากคอนโดคุณไคลด์”
   “ตอนนี้มิสเตอร์ไคลด์ยังไม่กลับอังกฤษเหรอครับ?!แล้วมัม! เอ่อ..ร่างมัม”
   อัลฟาตะโกนอย่างลืมตัวก่อนจะชะงักเสียงไปแล้วค่อยๆ เอ่ยปาก
   มิเกลเหลือบตามองอติกานต์เล็กน้อยแล้วลากสายตาไปที่กระเป๋าเดินทางหลายใบตรงด้านข้าง
   “นี่ทุกคนกำลังจะกลับอังกฤษกันเหรอครับ” มิเกลเอ่ยปากถาม แล้วเม้มปากครุ่นคิดถึงเรื่องร่างของลอว์เรน
   นึกสงสัยในใจว่าอติกานต์คงจะรู้เรื่องนี้แล้ว
   เขาไม่แปลกใจที่อัลฟาจะยอมเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้วหลังจากที่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นที่คอนโดคุณไคลด์แต่หากคาดไม่ถึงว่าจะได้เจออติกานต์ที่นี่ในเวลานี้…
   “เรื่องของลอว์เรนคือยังไงมิเกล”
   แล้วสุดท้ายคำถามที่ไม่อยากได้ยินที่สุดจากปากของคนที่ยังไม่อยากเจอที่สุดก็ออกมาจนได้
   “…ผม”
   “มันเกิดอะไรขึ้น ที่ผ่านมาเธอทำอะไรกันแน่”
   “…”
   มิเกลยังคงนิ่งเงียบ และไม่ได้ตอบคำถามนั่นและเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องพูดไปเสียเฉยๆ
   “ผมมาที่นี่เพราะมั่นใจว่าคุณอัลฟาจะต้องกลับไปที่อังกฤษแน่ๆ”
   อัลฟาขมวดคิ้วแล้วมองหน้ามิเกลอย่างไม่เข้าใจ “ครับ ยังไงผมก็ต้องไป ผม…หักหลังมิสเตอร์ไคลด์”
   อัลฟาเอ่ยปากอย่างสับสนแน่นอนว่าการที่เขาทำให้มิสเตอร์ไคลด์ไม่พอใจนั่นเท่ากับแม่ของเขาย่อมเป็นอันตราย   ความจริงเขาถอยหลังไม่ได้แล้ว
   หากแต่พี่เอ็กซ์...พี่เอ็กซ์ก็สำคัญสำหรับเขาไม่แพ้กัน
   “เพราะฉะนั้นร่างของมัมจะต้อง-” แต่ไม่ทันที่เจ้าตัวเล็กจะได้พูดจบ มิเกลก็สวนคำแทรกขึ้น
   “คุณลอว์เรนไม่อยู่แล้วครับ”
   คำที่ทำให้คนทั้งห้องนิ่งงัน…อัลฟาอ้าปากเปิดปิดอยู่หลายครั้ง นัยน์ตาสั่นระริกอย่างคนตกใจ
   เอ็กซ์รุดเข้ามารวดเดียวก็ถึงตัวเจ้าตัวเล็กเขาคว้าอัลฟาที่เริ่มจะสติแตกเข้าหาตัวยูโรเองก็วางมือที่บ่าอัลฟาแล้วบีบเบาๆ
   “หมายความว่ายังไง? ลอว์เรนอยู่ที่ไหน?!”
   ไม่ใช่อัลฟาที่เป็นฝ่ายอาละวาดด้วยความตระหนกหากแต่เป็นอติกานต์ที่เริ่มจะกำหมัดแน่น แล้วกัดฟันอย่างโทสะ
   “คุณอติกานต์ครับ ใจเย็นๆ ก่อนร่างของคุณลอว์เรนผมนำไปฝังที่โลงศพของเธอแล้วครับ”
   อติกานต์ขมวดคิ้วแน่นขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ   เขาเริ่มร้อนรนขึ้นทุกขณะเมื่อพบว่าจนถึงวันนี้มีเรื่องราวมากมากเกิดขึ้นในขณะที่เขาไม่รู้   ซ้ำยังเป็นเรื่องของครอบครัวเขา
   “มิเกล เธอควรเล่าเรื่องทุกอย่างออกมาก่อนที่ฉันจะเป็นบ้า” อติกานต์กดเสียงต่ำแล้วทรุดตัวนั่งลงที่โซฟายกมือกุมขมับ
   มิเกลสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วระบายออกมาช้าๆก่อนจะเงยหน้ามองอติกานต์แล้วลากสายตามาทางอัลฟา
   “หลังจากวันที่คุณอัลฟาได้เห็นร่างของคุณลอว์เรนวันนั้นเป็นเวลาเกือบ6 ปีที่คุณไคลด์รักษาสภาพกายของคุณลอว์เรนเอาไว้และให้คุณอัลฟาได้เข้าไปพบทุกเดือน”
   มิเกลว่าเสียงเรียบ “จนถึงวันที่คุณอติกานต์ถูกส่งไปทำงานที่ต่างแดน และคุณอัลฟามาอาศัยอยู่ที่เมืองไทยคุณไคลด์สั่งให้ผมทำลายร่างคุณลอว์เรนเพื่อยุติปัจจัยที่เสี่ยงทั้งหมด”
   “ปัจจัยที่เสี่ยง? มิสเตอร์ไคลด์ต้องการทำอะไรกันแน่ครับ?!จะจับซาไลย์ทำไมกันแน่!”
   อัลฟาตะโกนสวนไปทันทีที่มิเกลพูดจบนัยน์ตาสองสีเริ่มวาวขึ้นด้วยอารมณ์แบบที่เอ็กซ์ก็รีบคว้าใบหน้าอัลฟาปิดตาเจ้าตัวเล็กแน่น พลางเอ่ยคำกล่อมข้างหู
   “ใจเย็นๆ อัลฟา ฟังเสียงพี่…ไม่เป็นไร ชู่ว..”
   นี่คงเป็นวิธีเดียวที่ซาไลย์อย่างเอ็กซ์ออกในเวลาอย่างนี้   เวลาที่เจ้าตัวเล็กของเขากำลังควบคุมอารมณ์และพลังไม่ได้…การปิดสัมผัสทางการมองเห็นและพูดปลอบข้างหูคงสามารถลดแรงกระตุ้นความโทสะได้ไม่มากก็น้อย   มิเกลนิ่งรอจนอัลฟาค่อยๆสงบลงแล้วจึงเอ่ยปากต่อ“…เลือดของซาไลย์มีค่ามากนะครับคุณอัลฟา”
   อัลฟาหายเข้าใจลึกๆ ยามที่เอ็กซ์ละมือออกจากช่วงตาเขา
   “เลือดซาไลย์ชุบชีวิตคนไม่ได้...มัมไม่มีทางฟื้น”
   เสียงสั่นเล็กน้อยยามเอื้อนเอ่ยความจริงอันบาดใจมือเล็กบีบอุ้งมือใหญ่ของคนข้างๆ แน่น ราวกับต้องการพลังใจแบบที่เอ็กซ์ก็กอบกุมมือนั้นตอบทันที
   “ครับ…คนตายแล้วไร้สิ้นประโยชน์หากแต่กับคนที่ยังมีชีวิตมันกลับเป็นดั่งยาทิพย์”
   มิเกลเอ่ยปากสีหน้าเคร่งเครียดเขาเว้นช่วงไปนิดแล้วหันมองทางสเปเชียลที่ยืนอยู่ไม่ไกล
   “คุณสเปเชียลทราบดีใช่ไหมครับว่าตัวคุณเองก็ไม่ต่างกัน”
   แน่นอนว่าหากเลือดซาไลย์เป็นวัคซีนเลือดสเปเชียลเองก็เป็นเสมือนเข็มฉีดยา
   หากไม่มีเข็มฉีดยา…ก็คงไม่อาจนำวัคซีนพุ่งตรงเข้าเส้นเลือดได้
   “…”
   “คุณคือปัจจัยและตัวแปรเดียวที่มีอยู่บนโลกใบนี้”
   คำมิเกลทำซีขยับขึ้นมาบังสเปเชียลไว้ด้วยแผ่นหลังกว้างนัยน์ตาสีทองฉายแววไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดมิเกลเผลอกลืนน้ำลายลงคอไปอย่างไม่รู้ตัว   เขาขยับตัวเล็กน้อยแล้วกระแอมด้วยความอึดอัด
   “ผมมาที่นี่ก็เพื่อห้ามไม่ให้พวกคุณกลับไปที่อังกฤษผมเองหนีออกมาจากคอนโด คิดว่าคุณไคลด์คงจะทราบเร็วๆ นี้แน่ว่าผมมาหาพวกคุณ...และผมขอย้ำว่าการที่จะบุกไปหาเขาเป็นเรื่องอันตรายที่ไม่สมควรกระทำในตอนนี้ครับ”
   อติกานต์มองเด็กหนุ่มตรงหน้านิ่งๆ เด็กหนุ่มที่มีอายุไม่ได้มากไปกว่าพวกเด็กๆในห้องเลย
   มิเกลเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อแม่เสียชีวิตในขณะทำงานให้รัฐ
   ซึ่งไคลด์เป็นคนรับมาเลี้ยงดูตั้งแต่อายุยังไม่เกิน5 ปีได้การที่หักหลังผู้มีพระคุณของตัวเองเพื่อมาเตือนเขาที่นี่
   แม้จะเพิกเฉยเสียนานจนไม่น่าให้อภัยแต่สำหรับเขา…นั่นนับว่าต้องขอบคุณแล้ว
   “...ผมคงปล่อยมิสเตอร์ไคลด์ไปเฉยๆ ไม่ได้หรอกครับพี่มิเกล”
   อัลฟาสบตากับมิเกลนิ่งเอ่ยถ้อยคำด้วยน้ำเสียงมั่นคงจนคนฟังต้องหนักใจ
   “ผมเห็นด้วยนะครับ”
   หากแต่คราวนี้ความหนักใจนั้นกลับต้องมีความประหลาดใจเข้ามาผสมอยู่ด้วยเมื่อสเปเชียลเป็นคนเอ่ยปากเสริมขึ้นมา
   “ถ้าเราไม่บุกไปยังไงสักวันมิสเตอร์ไคลด์ก็ต้องหาวิธีบุกมาอยู่ดีถึงขั้นนี้แล้วผมไม่คิดว่ามิสเตอร์ไคลด์จะยอมถอยง่ายๆ แน่ยิ่งเราบุกไปในขณะที่เขายังไม่ทันตั้งตัวยิ่งดี”
   สเปเชียลว่าเสียงเครียดให้มิเกลขมวดคิ้วมองอย่างไม่เห็นด้วยแต่เรื่องที่อีกฝ่ายพูดมาก็เป็นเรื่องจริงที่เถียงไม่ได้
   “แต่ผมคิดว่าคุณสเปเชียลไม่ควรไปนะครับ”
   “ผมคงนั่งรอที่คอนโดเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลยในขณะที่ให้พวกอัลฟาไปเจอเรื่องอันตรายขนาดนั้นไม่ได้หรอกครับ”
   แน่นอนว่าหากอัลฟาไป อติกานต์เองก็คงไม่อยู่เฉยยูโรก็คงไม่นั่งรออยู่ที่บ้านเอ็กซ์เองก็ไม่มีทางห่างจากเจ้าตัวเล็กแน่ๆและหากเอ็กซ์ไป อาร์มินก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ตาม
   ในเมื่อความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นจนเป็นลูกโซ่ต่อกันขนาดนี้แล้วจะให้แยกกันอยู่คนละที่คนละทางย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
   ทางด้านซีก็ยังคงนิ่งเฉยไม่แสดงความเห็นเพราะเขาเองไม่มีความคิดที่จะห้ามปรามหรือปิดบังเรื่องราวอะไรกับเด็กของเขาอีกแล้ว   นับตั้งแต่เกิดเรื่องราวมากมายที่ผิดพลาดที่ผ่านมา   เขามั่นใจมากกว่าสิ่งใดว่าการตั้งรับปัญหาที่ดีที่สุดคือการที่เขากับสเปเชียลอยู่ด้วยกัน
   ไม่ว่าจะเจอสภาวะแบบไหน ขอแค่สเปเชียลอยู่ในสายตาอยู่ข้างกาย แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
   “…”
   มิเกลยังคงตีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างชัดเจนกับเหตุผลนั้น
   “คุณสเปเชียลเป็นเป้าหมายหนึ่งที่สำคัญนอกเหนือจากซาไลย์การที่คุณไปที่นั่นก็ไม่ต่างจากการนำเนื้อโยนเข้าไปในปากเสือ”
   สเปเชียลหันมองทางน้องชายตนเล็กน้อยก่อนจะหันเหความสนใจมาทางมิเกลอีกครั้ง
   “พี่มิเกลเลิกกล่อมผมเถอะครับ…ยังไงผมก็คงไม่ใช่แค่เนื้อที่ถูกแล่ใส่จานไว้แล้วแน่ๆ”
   วาจาเด็ดขาดที่ไม่มีกระแสเสียงของความลังเลสักนิด
   สเปเชียลยังคงนิ่งและตั้งรับกับความกลัวได้ดีเสมอ“แล้วตอนนี้สถานการณ์ทางนั้นเป็นยังไงบ้างครับ”
   มิเกลสบตาจริงจังคู่นั้นของสเปเชียลกลับไปและคนตรงหน้าก็ดูไม่มีอาการจะเปลี่ยนใจเลยสักนิด
   เขาถอนหายใจอย่างยอมแพ้แล้วก้มหน้าลงเล็กน้อย
   “หลังจากที่พวกผมฟื้น ตัวคุณไคลด์เองได้รับผลกระทบจากพลังคุณอัลฟาไปเสียมากเพราะพุ่งเข้าตัวโดยตรง ต้องพักฟื้นอีกระยะ
คิดว่าน่าจะเดินทางไปอังกฤษคืนนี้แต่หากเห็นว่าผมหายไปคงจะทราบว่าผมหนีมาหาพวกคุณแน่นอนว่าเขาจะต้องไม่ไปจากประเทศไทยแน่ๆ”
   มิเกลร่ายยาวหลังจากวิเคราะห์ข้อมูลสถานการณ์และคาดคะเนเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
   “หากจะบุกผมเองก็เห็นด้วยว่าควรจะเป็นวันนี้…เพราะยิ่งนานเท่าไหร่จะยิ่งเสียเปรียบคุณไคลด์จะตั้งรับได้แน่นหนามากขึ้นตามลำดับเวลา”
   “ผมภาวนาให้ตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าพี่หายไป…”สเปเชียลเอ่ยเสียงเรียบ แบบที่มิเกลก็พยักหน้ารับ
   เพราะหากทางนั้นไม่รู้จะต้องยังคิดว่าพวกเขาจะบุกไปที่อังกฤษอยู่แน่นอน   ซึ่งหากคิดเช่นนั้นที่คอนโดจะต้องไม่มีการป้องกันและหละหลวมในเรื่องของความปลอดภัยเป็นแน่คงจะไม่ต้องเสียเวลาคิดอีกแล้ว…
   “เราควรออกไปตั้งแต่ตอนนี้”
   ระหว่างเดินทางจากคอนโดซีไปยังจุดหมายด้วยรถตู้ขนาดใหญ่ของบ้านสเปเชียลที่ให้คนรถขับมาส่งให้แล้ว
   เอ็กซ์นั่งเงียบมาตลอดเขาเหลือบตามองเพื่อนรักข้างกายอยู่หลายครั้ง...
   ซีไม่ใช่ซาไลย์ขี้ลืม
   ซีเป็นซาไลย์ที่ฉลาด ไหวพริบดีและแทบไม่มีช่องโหว่อะไร
   ซ้ำยังมีสิ่งที่พิเศษจนต้องขนลุกเสียอีก...
   ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่านั้นทำให้เอ็กซ์มั่นใจว่าซีไม่มีทางลืมคิดถึงข้อนั้นแต่ที่เขากำลังคิดสงสัยในหัวนั่นก็คือ…ทำไมเจ้าตัวถึงไม่พูดถึง
   เอ็กซ์ขมวดคิ้วแน่นขณะครุ่นคิด จนอัลฟาสังเกตเห็นความผิดปกติทางอารมณ์เล็กๆนั่น
   ให้คนที่กำลังใช้ความคิดก็ต้องหันมาสนใจเด็กตัวเล็กที่นั่งเกยตักเขาอยู่เมื่อมือเล็กกำมือของเขาแน่น
   “พี่เอ็กซ์…”
   เอ็กซ์เลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้ากังวลของอัลฟาเขาคว้าเอวเจ้าตัวเล็กให้ขึ้นมาบนตักเต็มตัว
   “พี่เอ็กซ์เครียดอะไรรึเปล่าครับต้องการเอนไซม์เหรอ?”
   เอ็กซ์ส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วกดจมูกลงที่กระหม่อมของคนบนตักสัมผัสและกลิ่นกายอ่อนๆ นั่นยิ่งทำให้รู้สึกหวงมากขึ้นไปอีกความจริงแล้วเขาอาจจะเป็นซาไลย์ขี้หวงมากกว่าซีหลายเท่านักแค่คิดว่าอัลฟากำลังจะต้องกลับไปที่นั่นอีกก็ทนแทบไม่ไหว
   ไอ้ที่นิ่งๆ มาได้นั้นความจริงแล้วแค่ภายนอกหากใครจะรู้ว่าข้างในกำลังรวนและวิ่งวนจนร้อนเป็นไฟ
   และในเมื่อตัวเขาเองหากจะบุกเข้าไปแค่คนเดียวอัลฟาก็คงจะไม่มีวันยอมแต่วิธีที่จะไม่ต้องมีการประจันหน้ากัน…วิธีที่จะทำให้ทุกอย่างจบลงง่ายๆ ในพริบตาเดียว   เป็นหนทางที่จะไม่ต้องทำให้เจ้าตัวเล็กของเขาเข้าไปเสี่ยงในที่แบบนั้นอีก…
   แค่คิดว่าต้องห่างกันอีกสักครั้งก็ทำให้เขาสามารถอาละวาดจนเป็นบ้าได้...ไม่เอาอีกแล้วกำแพงเปราะโง่ๆที่ขวางเขาไว้
   คิดถึงตรงนั้นแล้วคนที่นั่งเงียบอยู่ตลอดตั้งแต่เมื่อครู่ก็เอ่ยปากกับซีให้คนขับรถเหยียบเบรกแล้วหักเข้าข้างทาง ก่อนที่ทุกคนบนรถหันมามอง
   “ทำไมนายไม่ใช้ไวรัส”
   เอ็กซ์ว่าบนรถที่หยุดขับเคลื่อนแล้วยังคงเงียบสนิท “ให้ฉันกับอาร์มินเข้าไปด้วยก็ได้”
   เจ้าของนัยน์ตาสีทองที่เป็นฝ่ายถูกตั้งคำถามหันกลับไปสบตานิ่งๆปากหยักลึกนั่นไม่ได้ขยับเอื้อนเอ่ยคำตอบใดๆซีทำเพียงมองหน้าเอ็กซ์เฉยๆหากแต่เข้าใจในเป้าหมายและเหตุผลของประโยคคำถามนั้นดี
   ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดแต่กลับเอ่ยปากเสนอกับเด็กของเขาไปแล้วด้วยซ้ำ   เพราะนั่นก็เป็นวิธีที่เขาคิดว่ามันสมเหตุสมผลที่สุดแล้วเช่นกัน
   การกำจัดสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายต่อดวงใจของเขาให้สิ้นซากไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ย่อมดีกว่า
   ซึ่งยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี   แต่การพูดคุยกับสเปเชียลนั้นทำให้เขาเองเลือกที่จะยอมรับสนับสนุนเด็กนี่
   และคอยอยู่ข้างๆ แทนที่จะหนีไปปล่อยไวรัสคนเดียวให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นซ้ำสองเสียจะดีกว่า
   อาการมองหน้าเงียบๆ นั้นของซีทำให้สเปเชียลที่นั่งอยู่ข้างๆเอ่ยสวนตอบเอ็กซ์กลับไปแทน
   “เอ็กซ์…วิธีแบบนั้นจะไม่เอามาใช้”
   เอ็กซ์เหลือบนัยน์ตาสีเงินดุๆ คู่นั้นมามองสเปเชียลอย่างไม่เข้าใจแต่คนอย่างสเปเชียลไม่ได้หลบตา กลับมองสบกลับไปอย่างไม่กลัวแล้วเอ่ยคำที่ทำให้รถยนต์เคลื่อนตัวอีกครั้ง
   “ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาตลอดหลายปี…ต้องมีคำอธิบาย”   
   “คุณไคลด์ครับ”
   ชายชุดดำสองคนที่ถูกใช้ให้ตามหาคนที่เจ้านายตนต้องการมาจนทั่ววิ่งกระหืดกระหอบเข้ามารายงานผล
   ทางไคลด์ที่กำลังสวมชุดสูทหันมามองนิ่งๆ
   “ว่าไง เจอมิเกลมั้ย” เขาว่าแล้วสอดมือเข้าไปในแขนเสื้ออีกข้าง“หมอนั่นหายไปตั้งแต่เช้าแล้ว”
   “คุณมิเกลไม่อยู่ในคอนโดครับ หาจนทั่วแล้ว”
   คิ้วสีอ่อนขมวดเข้าหากันทันทีที่ฟังจบไคลด์ยกแขนที่สวมสูทเสร็จแล้วขึ้นเหยียดตรง สืบเท้าเข้ามาหาลูกน้อง
   แต่ก่อนจะถึงตัวก็ต้องชะงักเมื่ออุปกรณ์ควบคุมบนโต๊ะไม้สีเข้มส่งเสียงเตือน    พลางมีเสียงคนดูแลความปลอดภัยส่งเสียงมาพร้อมร่างที่พรวดเข้ามาในห้อง    ความรีบร้อนที่ทำให้ลูกน้องผู้มาใหม่ลืมแม้แต่มารยาทการเคาะประตู   ส่งผลให้ไคลด์ต้องหันไปมองอย่างสงสัยระคนหงุดหงิด
   แต่สิ่งที่อีกฝ่ายนำมารายงานทำให้เขาต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจกว่าที่เป็น
   “พวกคุณอัลฟาบุกเข้ามาทางช่องลิฟท์ครับ!ตอนนี้ถึงส่วนกลางด้านในแล้ว!”


4_NAY โพสต์ 2016-6-6 13:48:38

ไม่อยากฆ่าลูกน้อง

pt200 โพสต์ 2016-6-24 20:54:46

ขอบคุณครับ

tong111222 โพสต์ 2019-4-22 21:36:57

ขอบคุณครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ❖ S A L Y E ❖ น า ย พั น ธุ์ โ ห ด C o m p l e t e d.1 (ภาค 2) - 29