❖ S A L Y E ❖ น า ย พั น ธุ์ โ ห ด C o m p l e t e d.1 (ภาค 2) - 32 ตอนจบครับ
C h a p t e r 3 2❖
X L
ภายในห้องนอนใหญ่ซียังคงนอนกอดเอวสเปเชียลแน่นแบบที่คนถูกกอดก็ซุกตัวลงที่อกกว้างของอีกฝ่าย
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาใจเสียแค่ไหนตอนที่ซีถูกไฟฟ้าช็อตน้ำตาไหลอย่างที่ไม่ทันรู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ
แต่เหมือนเจ้าตัวจะชอบอกชอบใจใหญ่ที่เขาร้องไห้แล้วเอ่ยปากขอร้องไอ้ไคลด์แบบนั้น
เวลาเลวร้ายขนาดนั้นยังมีสติมาจดจำอะไรแบบนี้อีกเหรอวะ
สเปเชียลนึกสงสัยและคิดด่าอีกฝ่ายในใจยามเงยขึ้นมองใบหน้าคมของซีแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเจ้าตัวลืมตาขึ้นมองซียกยิ้มมุมปากแล้วกดจูบลงที่กลีบปากสีส้มอ่อนของสเปเชียลเบาๆ
“คิดอะไร”
สเปเชียลชะงักไปกับรอยจูบบางเบาที่อีกฝ่ายมอบให้ทั้งยังคำถามที่เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนนั้นอีก
“เปล่าซะหน่อย” คนปากแข็งได้แต่เฉไฉเปลี่ยนเรื่อง“ไม่นอนไปอ่ะ ยังเช้าอยู่เลย”
“ตื่นแล้ว” คนตัวโตกว่าว่าตอบแล้วดึงเอวสเปเชียลเข้ามาอีกจนร่างกายแนบชิดกันทุกสัดส่วน
ให้คนถูกรัดใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้นัยน์ตากลมเบนหลบอย่างคนขี้เขินซีมองกิริยาน่ารักแบบนั้นแล้วก็อดกดจมูกลงที่ข้างแก้มแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆเสียไม่ได้สเปเชียลเม้มปากเป็นเส้นตรงพยายามกลั้นมุมปากไม่ให้ยกขึ้นอย่างที่ใจอยากจะทำเขาเอื้อมมือไปลูบเบาๆ ที่ข้างขมับของคนตรงหน้า
“อย่าทำอะไรที่จะทำให้กูต้องช็อคจนแทบหมดสติอย่างนั้นอีกนะ”
“…” ซียิ้มกับท่าทางที่ทั้งดุทั้งอ้อนแบบนั้นของเด็กตรงหน้า
ผ่านอะไรมาด้วยกันก็มากยิ่งทำให้ความรู้สึกข้างในที่มีมันมากขึ้นตามเรื่อยๆ จนแทบจะรับไม่ไหวอีกแล้ว
มันมากจนเก็บไว้ยากเกินไป
จุ้บ
“อื้อ”
จุ้บ
“งือ”
จุ้บ
“เฮ้ย พอแล้ว”
สเปเชียลครางรับแล้วยกมือดันใบหน้าของซีเมื่อเจ้าตัวโฉบปากลงมากดเบาๆที่ปากของเขาไม่หยุดและถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนตั้งตัวไม่ทันกับความอาการเขินอายที่กำลังพุ่งเข้าชน
ริ้วสีแดงปัดผ่านข้างแก้มอย่างเห็นได้ชัดสีหน้าท่าทางที่อีกฝ่ายโปรดปรานกว่าสิ่งใดในโลกอากัปกิริยาอาการน่าฟัดอย่าบอกใคร
ฟอด
คิดหมั่นเขี้ยวอยู่ในใจแล้วก็ขยับฟัดแก้มขาวขึ้นสีของสเปเชียลไม่หยุดฟัดไปฟัดมาส่วนที่นิ่งสงบอยู่ก็เริ่มตื่นตัวมากขึ้นไปทุกที
“พอเลย…สว่างจ้า”
สเปเชียลพูดดักเสียงเข้มแล้วพึมพำในคองอตัวหนีเมื่อเริ่มรู้สึกถึงอารมณ์ที่กำลังจะถูกจุดขึ้นของอีกฝ่าย
ซีหัวเราะแผ่วในลำคอแล้วรั้งกายเล็กของสเปเชียลไว้ไม่ให้ถอยหนีคิดเหรอว่าจะห้ามเขาอยู่
รักจนอยากจะกลืนเข้าไปทั้งตัวแล้ว
ยูโรเหลือบมองใบหน้าของคนที่นอนหลับตานิ่งอยู่ที่โซฟาขนาดใหญ่ข้างๆ ตั้งแต่วันนั้นเขาก็มานอนค้างที่นี่บ่อยๆบ่อยจนซีต้องขนซื้อเตียงโซฟามาวางแทนโซฟาขนาดกลางของเดิมเพื่อให้หนึ่งคนหนึ่งซาไลย์นอนได้สบายโดยไม่ต้องเบียดกัน
ยูโรเม้มปากนิดนึงตอนลอบมองกลีบปากที่ปิดสนิทกันแน่นของอีกฝ่ายจูบกันไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้วเขาเองก็จำไม่ได้เอะอะก็ขาดเอนไซม์เอะอะก็หมดแรง ยิ่งหลังจากกลับมาวันนั้นเจ้าตัวก็ตะโบมจูบเขาไม่หยุด
ถ้าหากเขาสามารถฟื้นตัวได้ด้วยเอนไซม์เหมือนกันล่ะก็ป่านนี้เขาคงแข็งแรงมากชนิดที่ไร้เทียมทานไปแล้ว
ก็ดูซาไลย์ตรงนี้สิ ไอ้ที่หน้าซีดๆ ดูเหนื่อยๆ อ่อนแรงอะไรนั่นหายเป็นปลิดทิ้งไม่น่าหลงเป็นห่วงอยู่เสียนาน
จะว่าไปแล้วอยู่ๆก็กลายเป็นว่าเขากับซาไลย์ข้างๆ มาตัวติดกันอย่างงงๆ ไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวหันมาทีไรก็เจอไอ้หน้าตายนี่อยู่ไม่ห่างเสียทุกครั้ง...แต่ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรความจริงเขาเองก็ไม่เคยคิดจะมีความรัก ตั้งแต่เกิดมาก็หลงใหลได้ปลื้มพี่สเปเชียลมาโดยตลอด เลยไม่ได้คิดว่าจะชอบผู้หญิงหรือผู้ชายเพราะไม่เคยมาสรุปอะไรกับความชอบของตัวเอง แค่คิดๆไว้ว่าคงจะไม่ได้ชอบอะไรเพศเดียวกัน เพียงแต่ความรู้สึกที่มีต่อสเปเชียลนั้นเป็นข้อยกเว้น
ยิ่งความรู้สึกที่มีให้กับซาไลย์ตรงหน้านี้…ไม่เหมือนที่รู้สึกกับพี่สเปเชียลสักนิดไม่ได้เกร็งเวลาเจอหน้าไม่ได้ประหม่าเวลาพูดคุย ไม่ได้ใจสั่นตอนเห็นเบอร์โทรเข้าแต่กลับรู้สึกดีประหลาดยามสัมผัสผิวเนื้อขาวจนเกือบซีดนี่คิดแล้วยูโรก็เผลอยกมือขึ้นขยับลูบเบาๆ ที่สันกรามของซาไลย์ที่หลับตานิ่งอยู่แล้วอมยิ้มเล็กๆ
“เฮ้ย!” ยูโรเผลอสะดุ้งแล้วอุทานเสียงดังเมื่อคนที่ตนนอนมองอยู่พลิกตัวแล้วลืมตามอง
“ต-ตื่นแล้วเหรอ” คนตกใจเอ่ยปากตะกุกตะกัก“ตกใจหมด”
อาร์มินพยักหน้า “อืม ตื่นแล้ว”
ยูโรยิ้มมุมปากแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้เอื้อมมือไปคว้าท้ายทอยของอาร์มินดึงเข้าหา
“รับเอนไซม์ตอนเช้ามั้ยครับ”
คำถามที่อาร์มินก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วยิ้มบางๆตาม“หึ” เขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อยเมื่อยูโรชะงักไปยามเขาอ้าปากรอ
ยูโรยิ้มกว้างขึ้นนิดหน่อยก่อนจะประกบปากเข้าหาลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากเกาะเกี่ยวดูดดึงกันจนหายใจหอบ
2 ริมฝีปากประกบเคล้าคลึงหนักแน่นแลกเปลี่ยนรสชาติน้ำหวานกันไม่หยุด
อาร์มินค่อยๆ ยันตัวขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนท้าวแขนข้างนึงใช้ศอกพยุงตัวไว้ แล้วเอื้อมมืออีกข้างนึงรวบตัวอีกคนเข้าหา แบบที่ยูโรก็ขยับประคองใบหน้าของอีกฝ่ายแล้วเอียงองศาให้แนบชิดกว่าเดิม
ไม่รู้ว่าซาไลย์ทุกตัวจะเป็นแบบนี้มั้ยจะมีเรี่ยวแรงมากขึ้นมหาศาลยามรับเอนไซม์ทุกซาไลย์เลยหรือเปล่า
เพราะขนาดไอ้หน้าตายนี่ยังเร่าร้อนจนน่าตกใจ
และบางทีเขาเองก็เหมือนจะมีแรงขึ้นตามไปด้วยเลย
จากเหตุการณ์วันนั้นก็ผ่านมาแล้วกว่า 1 อาทิตย์
อติกานต์และมิเกลบินไปเคลียร์งานที่ต่างประเทศ เพราะเจ้าตัวทิ้งงานมากะทันหันเนื่องจากความเป็นห่วงลูกชายในเมื่อทุกอย่างคลี่คลายก็ถึงเวลาที่จะต้องกลับไปดำเนินชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น
ทางฝ่ายพวกเอ็กซ์และอัลฟาก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติที่คอนโดของซีอีกครั้ง เจ้าตัวเล็กก็เริ่มไปมหาลัยและเข้าเรียนเหมือนเดิมเหมือนที่เคยทำตอนก่อนที่จะมีเหตุการณ์วุ่นวายยุ่งเหยิงเกิดขึ้น
หากแต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเข้าสู่ภาวะปกติ...
อติกานต์ก็ได้เรียกทั้งเอ็กซ์และอัลฟามานั่งคุยกลางคอนโดทันทีที่ตื่นเช้ามาจากความเหนื่อยล้าและบาดเจ็บ
เป็นอันรู้กันว่าแด๊ดของน้องแอลเริ่มจะอภิปรายความไม่ไว้วางใจแล้วทุกคนเลยพร้อมใจกันหมกตัวอยู่ในห้องนอนใหญ่เล็ก
ปล่อยให้ในห้องนั่งเล่นเหลืออยู่แค่เจ้าตัวเล็กที่นั่งเล่นกับสุนัขหุ่นยนต์แสนรักที่เจ้าตัวเร่งซ่อมทั้งวันทั้งคืนจนสำเร็จอยู่บนตักของซาไลย์ตาดุ กับคนเป็นพ่อของเด็กไม่หวงตัวนั่นที่ก็ได้แต่หรี่ตามองแล้วยกมือกุมขมับอย่างเหนื่อยใจ
“แอล..”
“ครับแด๊ด”
แล้วคุณพ่อลูกเดี่ยวก็ยิ่งต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ขึ้นกว่าเก่าเมื่อเจ้าตัวเล็กของเขาหันมามองหน้าด้วยดวงตาใสแจ๋ว 2 สีแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่เช่นนั้นจะเอ่ยปากก็กลัวจะยากและมากความพูดยังไงให้เข้าใจโดยที่ไม่รู้สึกเคอะเขินกระดากปากมากเท่าไหร่
“ลูกลงมานั่งที่โซฟาดีๆ ก่อน”
“ครับ”
คนตัวเล็กสุดขานรับแล้วปล่อยเบต้าให้วิ่งลงพื้นก่อนจะเขยิบตัวปีนลงจากตักของคนรักแล้วมานั่งจุมปุ๊กรอให้พ่อพูดต่อ
“โอเค” อติกานต์เอ่ยเสียงแผ่วแล้วเหลือบตาไปมองซาไลย์ตาดุๆ ตรงหน้า “เอ็กซ์…เอ่อ ขอถามตรงๆ เลยแล้วกันนะ”
“ครับ” เอ็กซ์ตอบรับสั้นนัยน์ตาสีเงินจ้องตรงมายังคู่สนทนาแบบที่ไม่มีอาการประหม่าใดๆ
ไม่ได้มีอารมณ์ของลูกเขยมือใหม่สักนิด
“มีอะไรกับแอลรึยัง”
“...”
เอ็กซ์นิ่งไปคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันนิดๆแบบที่คนถามก็พอจะมองออกว่าซาไลย์ตรงหน้าไม่เข้าใจ
อติกานต์ยกมือขึ้นเกาบริเวณขมับอย่างเหนื่อยใจพลางหาคำพูดพื้นฐานที่จะพออธิบายคำถามที่ตนต้องการคำตอบต่อ
“แด๊ดจะพูดถึงอะไรน่ะครับ” คราวนี้ลูกชายตัวเล็กของเขาเป็นคนเอ่ยปากขึ้นมาบ้าง
อติกานต์จ้องมองใบหน้าหวานเกินชายของอัลฟาแล้วก็หยุดคิดไปนิดก่อนจะนึกถึงคำๆนึงขึ้นมาในหัว
“แด๊ดจะหมายถึงว่า…เรา 2คนเมคเลิฟกันรึยัง”
“เมคเลิฟ?” เอ็กซ์ทวนคำแล้วหันไปมองหน้าอัลฟาให้เจ้าตัวเล็กพยักหน้าขึ้นลงแล้วร้องอ๋อเบาๆ
“แด๊ดหมายถึงเซ็กส์น่ะครับพี่เอ็กซ์”
เอ็กซ์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วยิ้มมุมปากก่อนหันหน้ามาทางอติกานต์
“ยังไม่ได้มีสัมพันธ์ทางเพศครับ”
คำตอบที่ทำให้คนฟังเกือบเผลอยกมือขึ้นตบที่กลางหน้าผากตัวเองแรงๆกับสีหน้านิ่งเรียบที่ไม่เหมาะคล้องกับคำพูด
“เอาล่ะ” อติกานต์ระบายลมหายใจออกแรงๆ“อัลฟายังเด็ก ไม่ใช่อายุที่ควรมีเรื่องแบบนั้น”
เอ็กซ์ขมวดคิ้วอีกครั้งแล้วหันไปมองหน้าคนรักตัวเล็กข้างกายแบบที่เจ้าตัวก็สบตากลับมาเล็กน้อย
ก่อนจะเบนความสนใจมาที่ฝ่ายพ่อตาอีกครั้ง
“ทำไมครับ? อัลฟาอยู่ในวัยเจริญพันธุ์แล้ว”
“แอลเป็นมนุษย์มนุษย์จะพร้อมกับเรื่องแบบนั้นอย่างน้อยก็ 20 ปีขึ้นไป!”
ยิ่งรับรู้ถึงพื้นฐานข้อมูลความคิดของซาไลย์แล้วยิ่งทำเขาไมเกรนจะขึ้น
นี่มันใช้คำว่าวัยเจริญพันธุ์กับลูกชายวัย 16 ของเขางั้นเหรอ?!
“แด๊ดครับ…ทำไมต้อง 20”
อติกานต์เผลอชะงักอย่างไม่รู้ตัวกับคำถามซื่อๆ ของลูกชาย
ทำไมต้อง 20 น่ะหรือ?เอ่อ…ความจริงเขาเป็นคนไทยเรื่องรักนวลสงวนตัวเป็นสิ่งที่ประเทศนี้ปลูกฝัง
หากด้วยเป็นชายยิ่งต้องไม่ชิงสุกก่อนห่ามและให้เกียรติผู้หญิงเยี่ยงสุภาพบุรุษถึงผู้ชายสมัยนี้จะไม่ค่อยทำอย่างนั้นก็เถอะ...
เขาเองก็ไม่ได้เคร่งครัดอะไรนักว่าจะต้องหมั้นหมายแต่งงานกันก่อนถึงจะเข้าหอร่วมรักกันได้
อย่างน้อยก็ขอให้เรียนจบล่ะนะ
ตอนที่ลอว์เรนคลอดลูกชายออกมาก็คิดว่าจะพ้นห่วงเรื่องอาการหวงลูกสาวและกังวลว่าจะมีใครมาเอาเปรียบไปแล้ว ใครจะไปคิดว่าลูกชายคนนั้นจะต้องไปเป็นเมียใครแบบนี้เล่า
ไอ้จะบอกว่าเสียเปรียบก็พอจะฟังขึ้น แต่ก็ดูแปลกๆจะยกเรื่องเบสิคอย่างกลัวท้องกลัวไส้ก็หยิบมาใช้ไม่ได้เด็ดขาดไปเสียแล้ว
“แด๊ด…?”
เขาคงจะคิดนานเกินไปเมื่อลูกชายตัวดีผู้มากประเด็นเอ่ยปากเรียกซ้ำอีกครั้ง
“อ่า…เรายังเด็กจะเสียการเรียน”
“แอลไม่ได้โดดเรียนนะครับ”
“แด๊ดไม่ได้หมายความแบบนั้น”
เมื่อเห็นว่าใช้เหตุผลอย่างผู้ปกครองปกติกับอีกฝ่ายไม่ได้ อติกานต์เริ่มขมวดคิ้วอ่อนอย่างคนคิดหนักแล้วสุดท้ายทางเลือกที่หยิบยกมาใช้ก็คงไม่พ้น...
ออกปากถามตรงๆ ชนิดที่ไม่มีหักเลี้ยว
“แอลอยากทำเหรอ”
คนถูกถามเลิกคิ้วแล้วนิ่งไปกับประโยคที่ประมวลได้ยากเจ้าตัวเล็กกระพริบตาปริบๆ สบกับผู้เป็นพ่อ
ก่อนจะเงยหน้ามองคนข้างกายของตนซึ่งอีกฝ่ายก็หันมามองกลับทันที
เอ็กซ์เลิกคิ้วตามอัลฟาเหมือนจะถามว่ามีอะไรให้คนที่ค้างคำตอบพ่ออยู่เอ่ยปากเสียงใส
“พี่เอ็กซ์อยากเมคเลิฟกับแอลมั้ยครับ?”
“อัลฟา!”
อัลฟาและเอ็กซ์ที่ยังไม่ได้ออกปากตอบคำถามหันมามองอติกานต์ที่โวยเสียงดังแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกันด้วยสีหน้าไม่รู้เรื่องให้คนสติเกือบแตกทรุดตัวลงนั่งแล้วหายใจออกแรงที่เผลอตัวหลุดไป
ก็ใครใช้ให้ลูกชายอันเป็นที่รักของเขาถามคำถามแบบนั้นออกไปล่ะฮะ!
เอ็กซ์มองหน้าอติกานต์อีกเล็กน้อยก่อนจะหันไปสบตากับอัลฟาอีกครั้งแล้วยกยิ้มบาง เอื้อมมือจับลูบผมที่ปรกข้างแก้มของเจ้าตัวเล็กเบาๆ
“อยากสิ”
“เอ็กซ์!”
เหมือนภาพซ้ำเมื่ออติกานต์โวยลั่นแล้วลุกขึ้นยืนอีกรอบทั้งเอ็กซ์และอัลฟาก็หันหน้ามองเจ้าตัวเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยนหากแต่ทั้ง2 กลับคิดในใจว่าแค่ตอบออกไปตามตรงอย่างที่อีกฝ่ายถามมันน่าตกใจอย่างไร
“แด๊ดเป็นอะไรน่ะครับ”
อัลฟาเอียงคอเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นมาหาคนเป็นพ่อมือเล็กดึงแขนเสื้อให้อติกานต์นั่งลงตามคนที่กำลังจะเป็นบ้ากับท่าทางประหลาดของ1 คน 1 ซาไลย์นั่น ขยับนั่งลงตามแรงๆ อย่างเหลืออด
เกินความควบคุมมากไปแล้ว
“แล้วที่แด๊ดถามแอลเมื่อกี้ถ้าพี่เอ็กซ์อยากแอลก็อยากครับ”
เหมือนคลื่นพายุทะเลที่ซัดเข้าฝั่งไม่หยุดจนหินที่ล้อมรอบแนวรั้วค่อยๆกร่อนทลายลงหากแต่หินนั่นคงสามารถเปรียบเทียบได้กับสติอารมณ์ของอติกานต์ในขณะนี้
“อัลฟา! ไปต่างประเทศกับแด๊ด!เดินทางพรุ่งนี้เลย!”
ฟึ่บ!
แกรก ปึง!
“อากานต์ครับ!”
เมื่ออติกานต์ประกาดกร้าวเช่นนั้นเอ็กซ์ก็ลุกขึ้นเตรียมเข้ามาคว้าตัวอัลฟาทันทีหากด้วยสเปเชียลและซีที่ได้ยินบทสนทนาทั้งปวงมาตลอดในห้องนอนใหญ่ก็เปิดประตูออกอย่างรวดเร็วแล้วเรียกชื่อพายุที่กำลังจะพัดโหมแรงๆ จนห้องนี้ใกล้จะปั่นป่วนขึ้นทุกที
ยิ่งฟังยิ่งต้องกุมขมับตามขนาดเป็นแค่น้องชายไม่ใช่ลูกเขายังปวดหัวขนาดนี้ประสาอะไรกับอากานต์ที่เป็นพ่อแท้ๆ กันเล่า
“อากานต์ใจเย็นนะครับ” สเปเชียลรั้งแขนอติกานต์ไว้แล้วเอ่ยเสียงเบาด้วยอารมณ์ประโลมใจ
เจ้าตัวเล็กผละตัวออกกระโดดไปไกลกับคำพูดของคนเป็นพ่อแล้วเข้าไปหลบหลังคนรักที่ลุกพรวดขึ้นเมื่อครู่ทันที ก่อนจะโผล่หน้ามามองพ่อด้วยสายตากลัวๆ
“แด๊ด…แอลไม่ไปนะแอลจะอยู่กับพี่เอ็กซ์”
“นี่แด๊ดต้องพูดกับเรายังไงให้เข้าใจเนี่ยอัลฟา”
อัลฟาเม้มปากแน่นแล้วกำชายเสื้อเอ็กซ์แรงกว่าเดิมเมื่ออติกานต์เอ่ยปากเรียกเขาเต็มยศมีแค่เวลาที่แด๊ดไม่พอใจเท่านั้นถึงเรียกเขาแบบนี้
“แด๊ดอยากให้แอลเข้าใจอะไร แด๊ดพูดกับแอลสิ”
คนฟังถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วยกมือขึ้นเป็นการบอกสเปเชียลว่าไม่ต้องห่วงให้คนที่รีบร้อนออกมาห้ามทัพปล่อยมือช้าๆ แล้วก้าวถอยไปรอ
“แด๊ดไม่อนุญาตให้แอล…” อติกานต์กระแอมในคออย่างขัดๆ“เมคเลิฟกับเอ็กซ์”
“ครับ? ทำไมล่ะแด๊ด?”
“เรายังเด็ก! ทำไมได้ แด๊ดไม่ให้!”
“แด๊ดไม่มีเหตุผลอ่ะ!”
“อัลฟา!”
“ถ้าแด๊ดมีเหตุผลมีเหรอแอลจะไม่ฟังแต่นี่แด๊ดไม่มีอ่ะ!”
2 พ่อลูกมองหน้ากันอย่างโมโหบดริมฝีปากเข้าหากันไม่ได้พูดอะไรออกมา ด้วยอารมณ์เช่นนี้คงไม่มีใครยอมใครเป็นแน่
“เอ่อ…อากานต์ครับอากานต์ทำใจเย็นๆ ก่อนแล้วค่อยๆ คุยกับน้องดีกว่านะครับ” สเปเชียลเอ่ยปากเรียบๆเคียงๆพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แล้วจับแขนอติกานต์ค่อยๆ นำให้นั่งลง “เอ็กซ์พาแอลนั่ง”
พอเห็นว่าทั้ง 2 ฝ่ายนั่งลงที่โซฟาสงบสติอารมณ์กันเรียบร้อยแล้วสเปเชียลก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หันกลับไปมองซีที่ยืนพิงกรอบประตูห้องนอนแล้วยกยิ้มมุมปากส่งมาให้อย่างขอความช่วยเหลือแต่อีกฝ่ายก็ทำเพียงยิ้มบางๆ แล้วส่ายหัว
สเปเชียลขมวดคิ้วแล้วหันกลับมาทางสงครามประสาทย่อมๆ ด้านหน้าอีกครั้ง
“เอ่อ…”
“ผมจะดูแลอัลฟาครับ ผมขอเขามาเป็นของผม”
ก่อนที่สเปเชียลจะคิดหาคำใดมาเอ่ยกล่อมเอ็กซ์ที่นั่งเงียบอยู่สักพักแล้วก็เอ่ยปากเสียงเรียบ นัยน์ตาดุสีเงินจ้องสบตากับคนเป็นพ่อของคนรักนิ่ง
“นี่นาย…”
“ซาไลย์เราไม่รู้จักความรัก…ไม่มีอารมณ์รักใคร่ครอบครองเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต เรามีแต่พวกพ้องและการช่วยเหลือเท่านั้น”
เอ็กซ์ว่าแล้วคว้ามือเล็กที่วางอยู่ตรงต้นขาเขามาจับ
“อันที่จริงแล้วก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่นักว่ากฏเกณฑ์และข้อบังคับในการรักของมนุษย์เป็นอย่างไรแต่วันนี้ที่ผมได้เรียนรู้และเริ่มยอมรับความรู้สึกแปลกใหม่นั้นเข้ามาผมถึงได้เข้าใจว่าตลอดช่วงอายุทั้งหมดต่อไปนี้ของซาไลย์อย่างพวกผมคงไม่สามารถเริ่มความรู้สึกนี้กับใครได้อีกเป็นครั้งที่2 ผมขอยืนยันในความรู้สึกนี้ที่มีต่ออัลฟาว่ามันจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ว่าจะอีกกี่สิบร้อยปีข้างหน้า”
ปากหยักลึกที่ทั้งชีวิตคนเป็นเจ้าของไม่เคยใช้เอื้อนเอ่ยยืดยาวเกินประโยคกลับกล่าวถ้อยคำยาวเหยียดที่ทำให้คนฟังทั้งหมดได้แต่นิ่งอึ้ง
“เพราะฉะนั้น..ผมขออัลฟามาเป็นของผม”
เจ้าตัวเล็กเบะปากลงพยายามกลั้นน้ำตาที่ขึ้นมาเอ่อคลออยู่ที่ขอบตาอย่างสุดความสามารถมือเล็กออกแรงบีบอุ้งมือใหญ่ที่กอบกุมมือเขาอยู่กลับไปราวต้องการจะสื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าตัวเองรับรู้สึกความรู้สึกมากมายนั้นแล้ว
เอ็กซ์กระชับมือที่จับมืออัลฟาแน่นขึ้นหากแต่นัยน์ตาคู่ดุยังคงจ้องอยู่กับอติกานต์ไม่ละไปไหนให้คนเป็นพ่อก็นิ่งมองสบกลับไปอยู่อย่างนั้นนานนับนาที ทั้งหมดเงียบสนิท สเปเชียลไม่ได้เอ่ยปาก ซีเองก็ยกยิ้มมุมปากแล้วหลับตาลง ไม่ต้องเดาว่าอีก 3 คนในห้องนอนเล็กก็คงนิ่งเงียบรอลุ้นจนแทบลืมหายใจ
“...”
เฮ้อ...
เสียงแรกที่ดังขึ้นหลังจากความเงียบกดดันทำงานมาเป็นสิบนาทีก็คือเสียงลมหายใจของอติกานต์
คนถูกขอลูกชายหลับตาลงแล้วเอนหลังพิงเบาะนุ่มของโซฟานิ่งไปอีกนิด ก่อนจะลืมตาขึ้นสบตากับคนที่มาขอลูกด้วยสีหน้าจริงจัง
“ขอไปแล้วถ้าดูแลไม่ดีมีปัญหาแน่นะเอ็กซ์”
อัลฟากระพริบตาปริบๆ มองคนเป็นพ่อก่อนจะยิ้มกว้างแล้วกระโดดเข้ากอดคออติกานต์แน่น
“แด๊ด…ฮึก...ขอบคุณครับ”
เอ็กซ์คลายความเกร็งที่ไหล่ลงแล้วยกยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยถ้อยคำขอบคุณแบบที่พ่อผู้หวงลูกชายก็กอดรับไว้แล้วลูบหลังเล็กๆปลอบโยนอย่างคนที่ยอมแพ้ในสายตาจริงจังนั่นให้คนที่รอลุ้นอยู่เต็มห้องถอนหายใจออกแรงๆ ด้วยความโล่งใจ
สเปเชียลเดินถอยมายืนเทียบเคียงกับซีแล้วมองภาพตรงหน้าก่อนส่ายหัวช้าๆ
“คิดไม่ถึงนะว่าเอ็กซ์จะพูดอะไรยาวๆ แบบนี้ได้”
“หึ”
พอได้ยินเสียงหัวเราะในคอของคนข้างๆสเปเชียลก็หันไปมอง
“หัวเราะอะไรทีตอนกูมึงไม่เห็นพูดอะไรเกินประโยคเลย นี่พ่อแม่กูยกให้ง่ายไปปะเนี่ย”
ซียิ้มขำกับประโยคจิกกัดของอีกฝ่ายก่อนจะคว้าตัวสเปเชียลขึ้นอุ้ม
“ง่ายไปอะไร…หวิดตายตั้งกี่รอบ”
สิ้นคำแหย่และเสียงหัวเราะในคอของคนทั้งคู่ประตูห้องนอนใหญ่ก็ปิดลง…
ภายในห้องนอนเล็กปรากฏภาพคุ้นตาที่เห็นอยู่ทุกวันจนชินเป็นภาพที่อัลฟานอนซุกอยู่ข้างกายเอ็กซ์ไม่ห่าง
แบบที่คนตัวโตกว่าก็ใช้อ้อมแขนโอบล้อมรั้งร่างเล็กเข้าใกล้จนแทบจะละลายฝังเข้าร่างตัวเองไป
อัลฟาเงยหน้ามองเอ็กซ์แล้วอมยิ้มบางให้คนถูกมองโน้มหน้ามาจุมพิตเข้าที่ริมฝีปากเบาๆก่อนจะผละออก
“พี่เอ็กซ์”
“หืม”
“คุณป้าเคยพูดประโยคหนึ่งเป็นภาษาไทยให้แอลฟังว่าเกลียดอย่างไหนได้อย่างนั้น…แอลว่ามันจริงแหละ”
อัลฟาเอ่ยปากเสียงหวานแล้วซุกตัวเข้ากับอ้อมกอดที่เป็นเขา…เป็นของเขาแค่คนเดียว
เอ็กซ์รวบตัวอัลฟาขึ้นมาให้นอนทับร่างตนไว้แล้วโน้มหน้าเขาไปกดจมูกลงที่พวงแก้มขาวสูดลมหายใจเข้าแรงๆจนเจ้าตัวเล็กหัวเราะคิกคักด้วยความจั๊กจี้
แต่เสียงหัวเราะเล็กๆ นั่นก็ต้องเงียบลงและมีริ้วสีแดงปื้นใหญ่ปรากฏขึ้นที่ข้างแก้มแทนเมื่อเสียงทุ้มดุแต่อ่อนโยนในห้วงความคิดมากระซิบแผ่วเบาที่ข้างใบหู
“ที่พี่เคยเกลียดมากเท่าไหร่…ตอนนี้รักมากกว่าเป็นร้อยเท่าเลย”
เพราะเหตุนี้นี่แหละเขาถึงได้เชื่อคำพูดที่ว่า…ยิ่งเกลียดมากก็ยิ่งรักมากคงจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดสำหรับคำถามที่ว่า
“มนุษย์ที่เกลียดซาไลย์ กับซาไลย์ที่เกลียดมนุษย์จะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร”
…ก็รักกันให้มากกว่าที่เกลียดเสียก็จบเรื่อง
❖ S A L Y E ❖
น า ย พั น ธุ์ โ ห ด◊ Happy Ending ◊
ขอบคุณคับ ขอบคุณนะครับ ให้อากานต์ลงตัวกับมิเกลอีกคู่ จบ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]