แม่เรียกไปช่วยทำกับข้าว ผมอุ้มเจ้าเงินเข้าไปในบ้านหลังจากเช็ดฝ่าเท้ามันกับผ้าสะอาดแล้ว เจ้าเงินก็เดินไปเลียน้ำในชามส่วนผมก็เดินเข้าไปช่วยแม่ในครัว จ้าหญิงโสรยาเข้ามานั่งสางผมอยู่หน้ากระจกในห้องนอนขอบของบานกระจกในห้องเป็นไม้ตะเคียนทองแกะสลักด้วยฝีมือของช่างวังหลวงเป็นรูปตัวเหราร่ายรำ เจ้าหญิงปล่อยให้ผมดำขลับที่เปียกค่อยๆแห้งไปด้วยอากาศเย็นเฉียบในห้อง ผมยาวแผ่เต็มกลางหลังดูเข้ากันกับบรรยากาศภายในห้อง เมื่อคิดมาถึงหลานชายตอนนี้มีเรื่องหนักใจโสรยาอยู่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น เป็นเรื่องที่เธอไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะทำสำเร็จเรื่องของหลานชายกับคนรัก อาจจะไม่ได้ลงเอยกัน หากมีครุฑตนนั้นยืนขัดขวางอยู่ “พี่ของน้องวันคืนล่วงเลยผ่านไป น้องไม่เคยลืมพี่ วันเดือนผ่านพ้นไปหลายปีหัวใจดวงนี้ยังภักดีไม่มีเสื่อมคลาย แต่ความรักนั้นหากเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังแล้วไซร้ อย่าหวังว่าใครจะมีความสุขมิทจะต้องสมหวังในความรัก คนกับครุฑไม่มีทางอยู่ร่วมกันได้ สุดท้ายมนุษย์เดินดินก็จะต้องเป็นฝ่ายเจ็บปวดอยู่ร่ำไป หากรู้ว่าคนจะแก่ชราไปตามกาลเวลาเหตุไฉนจึงมาทำให้รัก พอรักปักใจแล้วกลับทิ้งไปไม่หันกลับมาอีกโผบินเกาะไม้ไปเรื่อย ไม่มีทางมอบรักจริงให้ใคร” ความทรงจำเก่าๆ เกี่ยวกับครุฑหวนกลับมาในความทรงจำอีกครั้ง เจ้าหญิงแสนสวยแห่งพระราชวังหลวง ครองตัวเป็นโสดเก็บตัวเงียบๆอยู่ภายในพระราชวังชั้นใน แม้แต่พ่อและแม่ หรือแม้แต่นางกำนัลในตำหนักต่างไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า หากพ้นทิวากาลไปแล้วเจ้าหญิงแสนสวยจะมีความลับที่ไม่มีใครคาดถึง ความมืดมิดแห่งราตรีโอบล้อมเข้ามาแทนที่แสงตะวัน เจ้าหญิงโสรยาในวัยแรกรุ่นดรุณีบรรเลงพิณอยู่ริมหน้าต่างห้องนอน สายลมเย็นๆ พัดเข้าหาตัวกลิ่นกระแจะจันทร์หอมฟุ้งรัญจวนใจ เมื่อสิ้นสุดเพลงจากพิณ ลมแรงพัดโฉบม่านทองปลิวไสว บุคคลลึกลับในห้องบรรทมปรากฏเงาราง “นั่นใครช่างบังอาจนัก กล้าเข้ามาถึงในเขตพระราชฐานชั้นใน!!!” เจ้าหญิงโสรยาชี้นิ้วแล้วตะเบ็งเสียงยังไม่ทันที่จะร้องสั่งโขลนเข้ามากุมตัวผู้บุกรุก ร่างกำยำก็เข้ามาถึงตัว ช่วงบนเปลือยเปล่าแนบเข้าไปแผ่นหลังของเจ้าหญิงเบาๆ “ช่างกล้านักนะไม่กลัวหัวขาดหรือไงเจ้า!!!” เจ้าหญิงสัมผัสได้ว่า ผู้บุกรุกคือชายสัมผัสร้อนจากลมหายใจบวกกับท่อนแขนล่ำสันทำให้แน่ใจว่าบุคคลผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดาที่เดินเข้าออกเขตชั้นในได้ เจ้าของร่างสูงใหญ่ อุ้มเจ้าหญิงขึ้นไปวางบนแท่นไฟจากตะเกียงส่องให้เห็นใบหน้าหล่อเหลานัยน์ตาของชายผู้นั้นดำขลับและส่องเป็นประกาย สายตาเช่นนี้บ่งบอกถึงสติปัญญาและความเฉียวฉลาดทันคนร่างกายเขากำยำแข็งแรง กล้ามเนื้อหน้าอกเป็นมัดชัดเจน แม้แต่ทหารชั้นยอดของหน่วยทหารรักษาพระองค์ก็ยังไม่มีร่างกายแข็งแรงเช่นนี้ “เจ้า...เป็นใคร?” เจ้าหญิงโสรยาลดเสียงลง ชายลึกลับแตะนิ้วชี้ที่ริมฝีปากจากนั้นก็แนบลงมาประกบแน่นหนา สองมือลูบไล้ไปตามตัวของดรุณีแรกแย้ม กุหลาบชมพูในสวนท้ายวังนามโสรยาเก็บตัวซ่อนสายตาชาย แต่ก็ไม่อาจซ่อนสายตาคมกริบของบุรุษผู้ท่องอยู่ในเวหาได้ เหมือนสำนึกจะกลับมาอีกครั้งเจ้าหญิงโสรยาออกแรงดันร่างใหญ่นั้นออกไป แต่แรงหญิงไม่อาจสู้แรงชายและแม้เขาผู้นั้นไม่ได้ใช้กำลังบังคับ แต่มือร้อนผ่าวก็เหมือนเครื่องจองจำไม่ให้ร่างกายของเจ้าหญิงเป็นอิสระได้เมื่อเจ้าหญิงออกแรงผลัก นิ้วอุ่นก็สอดทะลุเข้าไปถึงในร่มผ้า ผ้าถุงทอลายน้ำสีทองถูกถลกลงมาจนโคนขาอ่อนโดยเจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องเรียกโขลนหว่างขากางกว้างยามถูกนิ้วอุ่นถูวนไปมา จุดกระสันถูกนิ้วคลึงและวน ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเจ้าหญิงที่เจริญวัยขึ้นเป็นสาวเต็มตัว ไม่เคยต้องมือชายมาก่อน ไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่า อันศาสตราวุธที่ร้ายกาจของชายชาญนั้นหาใช่มีดดาบ แต่เป็นดัชนีและฝ่ามือร้อนผ่าว อาวุธร้ายนี้ต่อให้หญิงที่กล้าแกร่งเป็นดั่งหินก็ไม่อาจต้านทานนิ้วและมือของผู้ชายไปได้ ปุ่มรับความรู้สึกเหนือเนินถูกนิ้วคลึงไปมาจนตื่นตัว ความชุ่มฉ่ำหลั่งออกมาเหมือนน้ำซึมบ่อทรายจากนิ้วที่คลึงช้าๆ กลายมาเป็นความร้อนแรง นิ้วชี้รวมตัวกับปลายนิ้วที่เหลือปลายมือทั้งสี่แตะเข้ากับสองกลีบของดอกไม้ ปลายมือร้อนถูและสะบัดไปมาเจ้าหญิงผู้เป็นเจ้าของห้องเกร็งตัวแน่น สองมือกุมผ้าแพรบนแท่นนอน สองขาถ่างกางกว้าง เปิดให้ฝ่ามือร้อนทำตามความต้องการความรู้สึกราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ใกล้เข้ามา ฝ่ามือชายปริศนาถูและสะบัดรัวเร็วจนกลีบดอกไม้เกร็งตัวปลายเกสรด้านบนสุดชูชันรับแรงเร้าความชุ่มฉ่ำของสายน้ำแผ่พุ่งกระจายออกมาทุกทิศทาง กลีบดอกไม้เกร็งแน่นและปล่อยน้ำออกมาพวยพุ่งเหมือนน้ำพุในอุทยานเจ้าของร่างนอนแผ่ราวกับคนหมดแรง ปลายมือนั้นยังคลึงอยู่ช้าๆสายน้ำผุดออกมาไม่จางหาย ยอดชมพูของกลีบบัวบนเนินอกสองข้างตั้งชันปากร้อนผ่าวของชายร่างกำยำ ประกบลงไปลิ้นสากราวกับก้านบัวหลวงลากผ่านไปช้าๆ ช่วงล่างนั้นก็ยังมีฝ่ามือร้อนประกบ ช่วงบนมีสัมผัสสากและความชุ่มฉ่ำของลิ้น ฟันบนล่างขบกัดลงไปเบาๆ บนปทุมถันกลมกลึงไม่นานแท่งร้อนกลางลำตัวของผู้บุรุกก็ทำตามอำเภอใจนอกจากคนจะบุกรุกถึงเขตราชฐานชั้นในแล้ว แท่งร้อนนั้นก็บุกรุกเขาไปถึงเขตราชฐานส่วนในของเจ้าหญิงเช่นกันกลีบดอกไม้ชั้นในที่ไม่เคยสัมผัสสิ่งแปลกปลอม รัดตอดราวกับกำลังสัมผัสความแปลกใหม่ สัญญานความร้อนและแรงเสียดสีกระตุ้นให้น้ำไหลหล่อลื่น แท่งนั้นร้อนจัดมันกำลังมอบสัมผัสแห่งความสุขที่แปลกใหม่เข้ามาถึงชั้นในของมวลหมู่กลีบดอก ความชื้นแฉะที่ออกมาจากกลีบดอกไม้ผสมผสานเข้ากับความชุ่มชื้นจากปลายแท่งเทียนอุ่นๆ แท่งเทียนปราศจากแสงไฟของชายลึกลับแต่กลับร้อนแรงยิ่งกว่าเทียนเล่มใดๆ ที่เจ้าหญิงโสรยาเคยพบดรุณีแรกรุ่นถูกแท่งร้อนเบียดเสียดเข้ามาลึกจนถึงชั้นใน แรงตอดรัดทำงานต่อเนื่อง สองขานุ่มนวลถูกยกพาดขึ้นเหนือไหล่กว้างเอวและแผ่นท้องแข็งแรง ขยับเข้าออกเป็นจังหวะ จากช้าเป็นเร็ว เสียงร้องของทั้งสองคนสอดประสานกันไปในคืนเดือนหงาย เจ้าหญิงโสรยาลูบไล้ฝ่ามือไปบนแผ่นหลังกว้างใหญ่ของชายปริศนาเขาเป็นใครกันแน่และเข้ามาด้วยสาเหตุอะไร ตอนนี้ไม่น่าสนใจเท่ากับสัมผัสจากส่วนรับรู้รสแห่งเพศเสียแล้ว ธรรมชาติสร้างให้มนุษย์สุขสมกับกามกิจเช่นนี้นี่เองนี่หรือคือสุดยอดแห่งการสัมผัส แรงเสียดสีแน่นหนาจากหว่างขาบวกกับแรงดูดจากปากร้อนผ่าวที่หน้าอก ทำให้เจ้าหญิงโสรยาแทบคลั่งหากทหารและโขลนคนใดโผล่เข้ามาขวาง ตอนนี้มันจะต้องได้รับโทษอย่างสาสม!!! แรงกระแทกและแรงเสียดสีเพิ่มมากขึ้นทุกทีชายลึกลับเบียดตัวเข้ามาตรงกลางหว่างขา สองขาของเจ้าหญิงกางออกสะโพกและบั้นท้ายของชายคนนั้นยกและดันกลับเข้ามาอย่างรุนแรง ความแข็งแรงผสานกับความนุ่มนวลอย่างลงตัว นิ้วโป้งคลึงและบี้อยู่กับยอดอกตั้งชันปากร้อนประกบแล้วก็พันลิ้นไป แท่งใหญ่ร้อนผ่าวเสียดสีกับกลีบผกาผสมผสานกับน้ำเหนียวที่หล่อเลี้ยงกามกิจ ชายลึกลับเร่งจังหวะเร็วขึ้นเขาร้องเสียงต่ำในลำคอ เจ้าหญิงโสรยาถูกกระตุ้นที่ส่วนชั้นในของหว่างขาอย่างรุนแรงมันขมิบรัดแน่นจนแทบจะกลืนกินสิ่งแปลกปลอมเข้าไปทั้งหมด เจ้าหญิงกอดรัดแผ่นหลังแน่นหนาสองขารัดเอวผู้บุกรุกแน่นหนัก กลีบดอกไม้รัดตลอดลำของแท่งมันตอดรัดถี่ยิบแล้วก็ปลดปล่อยธารน้ำพุจากกลีบชั้นในออกมา ชายลึกลับถอดแท่งร้อนออกเขากำแท่งไว้แน่นแล้วก็ถูไปกับปุ่มกระสันบนปลายเนินของเจ้าหญิงอย่างรุนแรงรุนแรงจนน้ำพุแผ่พุ่งออกมาอีกครั้ง ความชุ่มฉ่ำและเสียงกรีดร้องด้วยความสุขดังออกมาชายลึกลับแทงแท่งร้อนเข้าไปอีกครั้ง คราวนี้เขาขยับตัวรุนแรงเสียงกระเส่าในลำคอดังต่อเนื่อง สัมผัสตอดรัดตลอดลำยังคงแน่นหนาเขารู้สึกว่าความร้อนและความรู้สึกต่างๆ มันขับเคลื่อนมาที่ปลายลำเมื่อถูกช่องทางแคบๆและอุ่นจัดรัดแน่นเข้า ชายปริศนาก็ปล่อยน้ำอุ่นจัดเข้าไปในส่วนในของกลีบผกาจนหมดร่างกายกระตุกอย่างรุนแรง น้ำทุกหยาดหยดถูกกลีบดอกไม้ดูดกลืนจนแห้ง ชายผู้นั้นสะบัดลำไปมาแล้วก็ลุกขึ้นยืนแสงไฟส่องสว่างกระทบกับใบหน้าเขาอย่างชัดเจน “ท่านเป็นใครกัน?” เจ้าหญิงโสรยาที่นอนแผ่ด้วยความสุขร้องถามขึ้นมาจากแท่นบรรทม “ตัวพี่ชื่อเว......” . . . ร่างกำยำเปลือยเปล่าแนบตัวลงมาชิดชายลึกลับกระซิบลงข้างหูเจ้าหญิงโสรยาอย่างแผ่วเบา “พี่ชื่อเวณุวันท์” เจ้าหญิงโสรยายันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปบนใบหน้าคมสัน“ช่างไพเราะนักผู้ใดให้ชื่อแก่ท่านมา?” “สหายมนุษย์เมื่อ...นานมาแล้วเป็นผู้ตั้งให้” “หมายความว่าเช่นไร?” “พี่นั้นไม่มีชื่อมาแต่เดิมหากเมื่อมาท่องเที่ยวในแดนแถบนี้ คบหาสมาคมกับสหาย ไม่มีนามเรียกสุดท้ายก็ได้ชื่อมา” . . . ความทรงจำเมื่อครั้งยังดื่มด่ำกับความรักแว่วหวานมากับสายลมเจ้าหญิงโสรยายืนสงบนิ่งไปนานจนรู้สึกตัวว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ภายในห้อง ร่างระยิบระยับของนางอัปสราปรากฏกายขึ้น นางอัปสรานี้เป็นวิชาติดตัวมาเมื่อครั้งยังเรียนไสยเวทย์อยู่ในพระนครหญิงสาวที่เจ็บแค้นได้รับมรดกจากบรรพบุรุษผู้ล่วงลับเป็นคัมภีร์โบราณ ชีวิตหลังจากที่ครุฑบินจากไปโสรยาละทิ้งงานเย็บปัก ละทิ้งกี่ทอผ้า เวลาทั้งหมดทุ่มเทให้กับไสยเวทย์และอาคมต่างๆ นางอัปสราจะภักดีกับเจ้าของจนกว่าจะมีผู้ใช้ไสยเวทย์คนใหม่เกิดขึ้น เจ้าหญิงโสรยาส่งนางอัปสราไปจัดการแม่หมอบนดอยสูงกระจกเงาตรงหน้าย้อนภาพไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนมื้ออาหารค่ำ . . . เจ้าหญิงโสรยาทิ้งก้อนหินสองก้อนไว้หลังบ้านและหน้าบ้านจากนั้นก็เดินกลับเข้ามาในบ้าน นางอัปสราเคลื่อนไหวขึ้นมาจากรูปปั้นหิน มันเคลื่อนตัวและเปลี่ยนรูปลักษณ์ราวกับเป็นฝาแฝดของเจ้าหญิงโสรยา “ตามหาให้พบอย่าให้มันใช้มนต์ดำได้อีก”เสียงคำสั่งสิ้นสุดลงอัปสราในร่างโสรยาก็ก้าวออกจากบ้าน ช้างดำกำลังถูกหนูยักษ์เล่นงานพลันที่นางอัปสราเดินไปถึง หนูยักษ์ก็หมดฤทธิ์ลง ช้างดำของแม่หมอเหยียบหนูจนบี้แบนติดพื้น งวงยาวสีดำสนิทของช้างเข้ามาคว้าเอาโสรยาตัวปลอมกลับไป แม่หมอให้ช้างดำลากเจ้าหญิงโสรยามาจนถึงหน้าบ้านพักตัวเองเมื่อเดินออกจากกระท่อมทรงกะเหรี่ยง ข้างนอกนั้นเป็นป่าไม้รกครึ้มมีแสงไฟวับแวมจากตะเกียงขวดแก้วเพียงอย่างเดียว แม่หมอชอบบรรยากาศของป่าจึงไม่นิยมให้ความเจริญเข้ามาถึงที่พักของตัวเอง ภาพของหญิงที่แต่งตัวสวยงามนอนนิ่งอยู่กับพื้นหญ้าหน้ากระท่อม เป็นหญิงในชุดผ้าทอดิ้นทองสวยงามเธอมุ่นผมดำขลับด้วยช่อดอกกล้วยไม้สีเหลือง ร่างนั้นกำลังนอนไม่ได้สติอยู่กับพื้น แม่หมอสาดน้ำลงไปหน้าบ้านตรงที่มีเจ้าหญิงโสรยานอนอยู่แล้วก็หัวเราะขึ้นมา แม่หมอกรีดเสียงร้อง นางหัวเราะอย่างผู้ชนะ “มนต์ของมึงนั้นไม่อาจมีชัยเหนือคชสารนิลกาฬของกู อีกทั้งพลายสมิงของกูก็มีฤทธิ์เหนืออสูรของมึงมึงอย่าเสือกมายุ่งเรื่องของกูอีก อย่าสอดรู้เข้ามายุ่งกับการกิจของกู” ช้างดำร้องแปร๋นแปร๋ตามเจ้านายมันตั้งท่าเหมือนจะประเคนฝ่าเท้าลงไปกับเหยื่อเต็มทีแล้ว “กูจะฆ่ามึงทิ้งเสียที่นี่ไม่ให้มึงมีโอกาสกลับมาแก้แค้นกูได้อีก มึงไม่มีโอกาสเจอหน้าใครได้อีกแล้ว” ช้างดำของแม่หมอกระทืบฝ่าเท้าลงใส่เหยื่อเกิดเสียงดังแอ๊ก เหมือนของหนักกระทบกับลำตัวนุ่มๆของมนุษย์ หลังจากนั้น พลายสมิงก็กระโดดเข้ามาทึ้งร่างบนพื้นอย่างดุร้ายมันกัดทะลุคอและฉีกแขนขาเหยื่อออกเป็นชิ้นๆ เสียงแม่หมอหัวเราะชอบใจสภาพเจ้าหญิงโสรยานอนจมกองเลือดเละเทะอยู่ตรงหน้า ไม่ต้องมีคำถามใดๆว่ามีชีวิตรอดหรือไม่ เสียงหัวเราะของแม่หมอยังไม่ทันสิ้นสุดลงร่างเละเทะนั้นก็ลุกขึ้นยืนได้เองราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าของหมอกะเหรี่ยงเปลี่ยนเป็นความตกใจช้างดำร้องแปร๋นกึกก้อง ป่ารอบกระท่อมเงียบสนิท ไม่มีเสียงลมพัด ไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหวแม่หมออ้าปากค้างแล้วก็หันตัวไปรอบๆ พลันแผ่นดินก็สะเทือนขึ้นมาร่างเจ้าหญิงโสรยาในชุดผ้าทอดิ้นทอง ค่อยๆ กลายร่างเป็นนางอัปสราเครื่องประดับเศียรสีทองระยิบระยับสว่างเรืองรองมันแสยะยิ้มเย้ยหยันแม่หมอกะเหรี่ยงแล้วก็กระทืบเท้าพร้อมกับชี้หน้า ไฟสีส้มลุกพรึ่บขึ้นรอบตัวเสือกับช้างรวมทั้งลุกโชนขึ้นรอบๆกระท่อมด้วย “ทำได้แค่ไฟหลอกเด็กเองหรือวะอีนังปีศาจเขมร ไฟมึงมันไม่ใช่ของจริง” แม่หมอสั่งช้างดำพ่นน้ำออกมาดับไฟน้ำเวทมนต์ดับไฟเวทมนต์ลงได้ เสือสมิงพุ่งเข้ากัดนางอัปสราแต่ถูกปัดกระเด็นออกไปเสือสะบัดตัวแล้วลุกขึ้นมาใหม่ มันเดินวนรอบๆ รอคอยจังหวะ นางอัปสราขยายร่างกายจนสูงใหญ่เทียมยอดต้นยางหน้าตาถมึงทึงสูงลิบลิ่วจนต้องแหงนหน้ามองมันจับงวงช้างดำแล้วยกขึ้นเหวี่ยงและฟาดลงกับพื้น หุ่นจำลองดินเหนียวรูปช้างในบ้านแม่หมอแตกละเอียดพายุฝนพัดกระหน่ำ เสือสมิงที่เดินวนเวียนใกล้เท้านางอัปสราถูกเหยียบจมดิน รอยเท้าใหญ่ปรากฏเด่นอยู่บนพื้นนางอัปสราชะลอร่างกลับมาดังเดิมมันดึงเสาตะเกียงขึ้นมาแล้วเหวี่ยงไปบนหลังคามุงหญ้า หญ้าแห้งติดน้ำมัน พระเพลิงพัดโหมกระหน่ำแม่หมอหนีเอาชีวิตรอดแต่ถูกกำแพงนางอัปสราล้อมกรอบ มันแยกกายออกนับร้อยตัว หนีไปทางใดก็เจอแต่นางปีศาจแยกเขี้ยวอยู่เต็มไปหมด ผมเข้านอนโดยลืมเรื่องต้นถั่ววิเศษไปเลยฝนตกพร่ำๆข้างนอกหน้าต่าง ทำให้ผมหลับสบาย อากาศเย็นโดยไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศผมฟังเสียงหยดน้ำตกลงบนใบไม้ไปได้ไม่นานก็จมลงในห้วงแห่งความฝัน ผมเห็นตัวเองอยู่บนสถานที่ประหลาดมันเป็นลานกว้างๆ ไกลออกไปมีปราสาทสีทองส่องระยิบระยับผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังเดินทางลงมาข้างล่าง มาพบป่าใหญ่ มีพรรณไม้ประหลาดขึ้นอยู่ทั่วไปไกลออกไปสุดสายตามีทะเลกว้าง ผมลงมาเก็บผลไม้สีเหลืองทองบรรดาสัตว์หิมพานต์พากันเดินหลบผมออกไป พวกสัตว์พากันเก็บผลไม้ที่ร่วงหล่นอยู่ตามพื้นส่วนผมกำลังหมายตาผลไม้สุกที่ห้อยอยู่กับขั้วบนต้น ขณะที่ผมกำลังคิดหาทางปีนขึ้นไปเก็บผมเจอบุรุษผู้หนึ่งลอยลงมาช้าๆ เขามีปีกกว้าง ในมือมีผลไม้ที่ผมหมายตาเอาไว้ หากผมจะไหว้วานให้ชายคนนี้เก็บลูกอื่นๆมาให้ก็คงได้ ช่วงที่ผมกำลังจะพูดกับชายคนนั้นผลไม้ลูกโตก็ลอยมาทับอยู่ที่หน้าอก ผมหายใจไม่ออกจนรู้สึกอึดอัด “หายใจไม่ออก!” ผมผลักผลไม้ออกไปผลไม้เดินหนีผม มันมีขา มีหางและมีหนวด เจ้าเงินนั่นเอง มันเข้ามาปลุกผมตั้งแต่เช้า “ตื่นได้แล้วสายโด่งจนตะวันแยงตา” แม่ผมพูดขึ้นมา “หลับสบายอยู่เลยกำลังฝันดี” ผมตอบแม่ “แม่ทำกับข้าวไว้แล้วอาบน้ำแล้วลงไปกิน เดี๋ยวพ่อกับแม่จะไปทำธุระข้างนอก ค่ำๆถึงจะกลับ” ผมรับคำแม่แล้วก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำเจ้าเงินนอนหมอบรอผมอยู่หน้าประตู วันนี้เป็นวันหยุดผมยังไม่มีแผนการที่จะออกไปไหน ผมอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่แล้วลงมากินข้าวจากนั้นก็ไปค้นหนังสือของแม่มาจากห้องสมุด ผมเปิดหนังสือวรรณคดีเรื่อง กากีในหน้าที่ผมเปิด บรรยายถึงสถานที่ในฝันของผมเอาไว้ “ในสาครลึกกว้างทางวิถีแม้จะขว้างแววหางมยุรี ก็จมลงถึงที่แผ่นดินดาล อันน้ำนั้นสุขุมและเอียดอ่อนจึงชื่อสีทันดรอันใสสาร ประกอบหมู่มัจฉากุมภาพาล คชสารเงือกปลาและนาคินทร์ ผู้ใดข้ามนทีสีทันดรก็ม้วยมรณ์เป็นเหยื่อแก่สัตว์สิ้น แสนมหาพระพญาครุฑยังเต็มบินกว่าจะไปถึงถิ่นวิมานทอง” ผมคิดไปถึงห้วงมหาสมุทรใหญ่ในฝันพอดีกับที่เจ้าเงินเข้ามาร้องอยู่หน้าประตูบ้าน พอผมเดินออกไปมันก็เดินหางกวัดแกว่งนำหน้าผมไปที่สนามหญ้าหลังบ้าน ตรงที่ผมหย่อนเมล็ดถั่วไว้ตอนนี้มันแทงต้นทะลุดินออกมาและสูงขึ้นไปถึงริมหน้าต่างห้องนอนของผมบนกิ่งไม้มีนกสีสวยเกาะอยู่หลายตัว เจ้าเงินแกว่งหางไปมาแล้วพยายามยืนสองขาไขว่ขว้านกที่เกาะอยู่บนต้นไม้ เป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆต้นไม้มันโตไวขึ้นไปจนถึงห้องนอนของผม ผมเข้าไปจับลำต้นของมัน มันเป็นต้นไม้จริงๆเปลือกไม้จริงๆ นกตัวนึงมันบินลงมาเกาะไหล่ผม ผมค่อยๆเอื้อมมือไปจับมัน “นกจริงๆด้วย” ผมพูดเบาๆแล้วก็โยนนกขึ้นบินกลับไปบนต้นไม้ ผมนั่งรถไฟใต้ดินมาที่สถานีใกล้บ้านคุณเวณวัฒน์ประตูบ้านปรากฏอยู่ตรงหน้า ผมผลักประตูเข้าไปอย่างง่ายดาย เสียงนกร้องและลมพัดเอื่อยๆ โชยมาผมรู้สึกสบายตัวทุกครั้งที่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ผมถือหนังสือกากีเข้าไปในบ้านชั้นล่างของบ้านเงียบเชียบ ผมลองขึ้นไปดูชั้นบนสุด เป็นชั้นที่มีสวนลอยฟ้า มันเป็นสวนลอยที่ผมเคยมานั่งฟังเขาเล่นดนตรีต่างกันแค่ตอนนี้ ตรงกลางสวนมีแท่นกว้างๆ ตั้งไว้ตรงกลาง บนแท่นมีที่นอนนุ่มๆเหมือนเป็นเตียงของใครบางคน ผมเดินเข้าไปจับดูแล้วก็ลองนั่งช่างเป็นบรรยากาศที่น่าประทับใจ บนชั้นนี้เป็นสวนสีเขียว มีหญ้าบนพื้น รอบๆเป็นดงไม้ที่สูงขึ้นมาจากพื้นด้านล่าง แล้วก็มีดงไผ่ขึ้นอยู่บนชั้นนี้ด้วย คุณเวณวัฒน์เดินออกมาจากประตูสีขาวเขาสวมชุดอยู่บ้าน เป็นเสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกางเกงผ้าขายาวเขาเข้ามานั่งข้างๆผมแล้วก็ยกมือเข้ามาลูบแก้มเบาๆ ผมยิ้มออกมาแล้วพูดกับเขาว่า “ผมฝันว่าเดินอยู่ในป่าไกลออกไปมีทะเลกว้าง” ผมถอดรองเท้าออกแล้วก็ขึ้นมาอิงหมอนบนเตียงนุ่มๆคุณเวณวัฒน์เข้ามานั่งอยู่ข้างผม แล้วก็พูดตอบเบาๆ “ป่าหิมพานต์เชิงเขาสิเนรุ ไกลออกไปเป็นมหานทีสีทันดร” ว่ายน้ำข้ามมหานทีสีทันดรเพื่อเปิดกระทู้สี่ เจอแอดมินห้าดักอยู่หลายเพลาทิวาวาร รอจนรุ่งเลยไปจนถึงราตรีกาล แม้นมาพบพานพี่แสนยินดี “มหานที สีทันดร?” ผมทวนเบาๆแล้วก็ถือโอกาสแนบหัวลงไปกับต้นแขนเขาด้วย “เป็นมหาสมุทรกว้างใหญ่ที่กั้นโลกมนุษย์กับสวรรค์เอาไว้” คุณเวณวัฒน์ตอบ เราสองคนเอนหลัง ตัวชิดกันอยู่บนเตียงผมเปิดหนังสือเรื่องกากีที่กั้นหน้าเอาไว้ให้เขาดู คุณเวณวัฒน์หยิบหนังสือมาลูบแล้วก็ยิ้ม “คุณอ่านให้ผมฟัง”
|