kabuki โพสต์ 2016-2-24 15:32:22

"เมื่อผมเจอพญาครุฑ!!!" copy งานของคุณ MAKI จากบอร์ดPalm-Plaza ครับ ตอนที่ 27





ผมนั่งจัดการงานทั้งหมดตรงหน้า งานกองย่อมๆทยอยบางลงไปเมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ไอ้เป้นั่งเท้าคางมองผมจากฝั่งตรงข้ามมันทำตาปริบๆเหมือนสงสัยอะไรบางอย่างผมวางงานชิ้นสุดท้ายลงบนโต๊ะจากนั้นก็รวบไว้ด้วยกัน “มองหน้ากูทำไม?” ผมถามแล้วก็ปั้นก้อนกระดาษขว้างใส่หัวเพื่อนมันขยี้หัวเหมือนมีอะไรคาใจ“มึงกลายเป็นพ่อพระไปได้ยังไงวะปล่อยน้องหมอฟันไปง่ายๆแบบนั้นได้ไง?”“กูไม่มีทางปล่อยของรักไปให้ใครง่ายๆ” ผมมองไปที่นกสีน้ำตาลซึ่งเกาะอยู่กับกิ่งไม้ไกลออกไป“กูไม่เข้าใจ”“ใครอยากได้ของรักของกูก็ต้องออกแรงมาแย่งไป” ผมพูด“ตั้งแต่หายไข้นี่มึงเพี้ยนไปเยอะนะเพื่อน” ไอ้เป้หรี่ตามองผมอย่างสงสัย“กูไม่ได้เพี้ยนกูแค่เปลี่ยนวิธี ตานชอบคนที่ดูเป็นผู้ใหญ่ กูพลาดที่ไปทำตัวงี่เง่าพลาดที่ไปทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขา ต่อจากนี้ไป กูจะเดินเกมใหม่”“โอ๊ยยิ่งพูดยิ่งงง ตกลงเป็นไงวะมิท”“มึงคอยดูไปละกัน”“แต่ทำแบบนี้น้องเขาก็เห็นมึงเป็นพี่น้องไปน่ะสิวะเพื่อน?”“ถ้าไม่มีไอ้หมอนั่นตานก็จะกลับมา” ผมตอบไอ้เป้ยิ่งทำหน้าสงสัยเข้าไปอีก“มึงจะเด็ดหัวเขาเหรอวะมิท?”“ถ้ากูทำได้กูก็คงทำ”“เออมีอะไรให้กูช่วยก็บอกละกัน ยังไงกูก็อยู่ข้างมึง”ผมมัวแต่นั่งคิดแผนการอยู่ในใจ จากนี้ไปผมต้องเดินเกมอย่างเฉียบขาดที่สุด จุดแตกหักของเรื่องใกล้จะมาถึงผมจะเดินเข้าไปช้าๆ ทุกอย่างจะสิ้นสุดลงโดยมีผมยืนรออยู่ที่เส้นชัย ผมตอบรับพี่มิทกับป้าที่ชวนผมไปเที่ยวพระนครผมเห็นบ้านคุณป้าของพี่มิทแล้วก็นึกสนใจสถาปัตยกรรมโบราณของพระราชวังหลวงอยากจะเห็นกับตาตัวเองว่าความยิ่งใหญ่ของฝีมือช่างโบราณที่หนังสือบรรยายเอาไว้ว่ายิ่งใหญ่จะเป็นจริงอย่างที่ว่าหรือเปล่าป้าของพี่มิทบอกกับผมว่าพระราชวังยังอยู่ในสภาพเดิม เพียงแต่ถูกปิดเอาไว้ ไม่ให้คนนอกเข้าไปได้เท่านั้นผมกำลังจะเข้าไปหาแม่ในบ้านหลังรดน้ำต้นไม้หลังบ้านพอดีได้ยินพ่อคุยกับแม่เรื่องเปิดโรงพยาบาลอินเตอร์ริมทะเลซะก่อนผมได้ยินชื่อของพ่อพี่มิทพ่อของผมกำลังจะมีโครงการทำโรงพยาบาลและต้องการให้แม่ไปช่วยบริหารด้วยแม่ของผมไม่อยากไปทำงานบริหาร แม่ชอบงานที่ทำอยู่แล้วแม่ก็ยังขอให้พ่อคิดทบทวนดูก่อน เพราะคลินิกที่ทำอยู่ก็มีคนไข้มากครอบครัวเราไม่จำเป็นต้องไปเริ่มสร้างอนาคตกันใหม่ “อ้าวตานมานั่งกับพ่อซิ พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย” พ่อผมเรียกผมเดินผ่านเจ้าเงินที่นอนแผ่อยู่กลางบ้านเข้าไปหาพ่อทันที“ครับ?”“พี่เขาชวนไปเที่ยวเตรียมตัวหรือยัง?”“พี่มิทเหรอครับ?” ผมถาม“ก็ใช่น่ะสิจะมีพี่ที่ไหนอีก” พ่อผมยิ้ม“พี่มิทคุยกับพ่อแล้วเหรอครับ?”“เปล่าพอดีพ่อของมิทเขามากินข้าวที่นี่” ที่พ่อผมพูดถึงเรื่องบริหารงานโรงพยาบาลก็คงมาจากพ่อของพี่มิทนี่เอง “ยังไม่ได้เก็บของครับเหลืออีกหลายวันกว่าจะหยุด”“บ้านพี่มิทนี่เขาเป็นคนดีนะพ่อกับพ่อของเขาก็รู้จักกันดี มีอะไรก็คุยกันง่าย” พ่อผมพูดแล้วก็ยื่นฝ่ามือเข้ามาลูบหัวผม“ตานยังเด็กบางทียังมองอะไรได้ไม่ทั่ว พ่ออยากให้ตานใช้สติ อย่าใช้อารมณ์ของบางอย่างมันไม่ได้ผ่านเข้ามาบ่อยๆ”พ่อผมพูดยังไม่ทันจบ อยู่ดีๆก็มีนกสีสดบินผ่านหน้าต่างเข้ามา ผมเห็นข้อเท้าเล็กๆของมันมีกระดาษผูกมาด้วยเจ้าเงินทำตาวิบวับมันพยายามเดินเข้าไปจับนกที่เดินอยู่บนพื้นบ้าน “อย่านะ” ผมร้องเตือนเจ้าเงินมันครางเสียงต่ำๆแล้วก็เดินเลี่ยงออกไป พ่อกับแม่พยายามมองหานกที่เดินต้วมเตี้ยมบนพื้นแต่ถูกผมบังเอาไว้ผมเข้าไปแกะจดหมายน้อยๆจากนกจากนั้นก็ปล่อยมันบินกลับบ้านผมค่อนข้างแน่ใจว่ามันบินมาจากไหน “ขึ้นไปนอนก่อนนะครับ” ผมแอบซุกจดหมายลงกระเป๋ากางเกง“ดื่มนมก่อนแล้วไปแปรงฟันแล้วค่อยอาบน้ำ” เสียงแม่เตือนขึ้นมาผมยิ้มแล้วก็เดินเข้าไปในครัว เมื่อรินนมใส่แก้วแล้วดื่มจนหมดผมก็เดินขึ้นไปบนห้องในใจคิดอยากจะเปิดจดหมายอ่านซะกลางบ้าน แต่คิดแล้วก็ไม่เข้าท่าคุณเวณวัฒน์คงอยากพูดกับผมเป็นการส่วนตัวมากกว่า ผมนั่งลงบนเตียงจากนั้นก็จัดการคลี่กระดาษจากนกส่งสารทันที “เปิดโทรศัพท์ด้วยผมติดต่อคุณไม่ได้”ลายมือเป็นระเบียบของคุณเวณวัฒน์ปรากฏอยู่บนกระดาษผมเพิ่งนึกออกว่ายังไม่ได้เปิดโทรศัพท์หลังจากปิดไปช่วงสอบว่ายน้ำช่วงเย็น “ขอโทษครับพอดีผมลืมไปว่าปิดมันไว้”ผมรีบโทรไปหาเจ้าของข้อความทันที“ผมมีเรื่องอยากจะเตือนคุณ” เสียงคุ้นหูผมดังขึ้นมา“อะไรครับ?”“ถ้ามีคนชวนไปไหนช่วงนี้ให้ปฏิเสธไปก่อน”“ทำไมครับ?” ผมรีบถามทันที“ผมแค่...รู้สึกว่า ดวงของเราสองคนไม่ค่อยดี”คุณเวณวัฒน์ตอบกลับมาจากในโทรศัพท์“คุณเชื่อเรื่องโหราศาสตร์และดวงชะตาด้วยเหรอครับ?”“มีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นผมตอบไม่ได้ว่าอะไร แต่ผมเชื่อว่า มันจะเป็นอันตรายกับเราสองคน”“พอดีมีคนชวนผมไปดูพระราชวังโบราณแต่ถ้าคุณบอกว่าไม่ควรไป ผมก็จะไม่ไป”“ผมไม่ได้ทำให้คุณหมดสนุกใช่มั้ย?” คุณเวณวัฒน์ถาม“เปล่าครับ”“คุณไม่ได้มาหาผมสองวันแล้ว” เขาพูดต่อ“ผมมีสอบแล้วก็เห็นว่า บางทีผมก็ไปบ่อย กลัวว่าคุณจะรำคาญ”“คุณประชดผม” “เปล่าครับ” ผมรีบตอบ“...... ผมอยากให้คุณมาที่นี่ทุกวัน”“พอดีวันก่อนผมไปเยี่ยมพี่มิทที่บ้านวันต่อมาก็มีสอบ เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะไปหาคุณที่บ้าน”“ผมจะรอ”มื้อเช้าก่อนไปเรียนผมนั่งอยู่ในห้องอาหารกับพ่อ แม่กำลังตักข้าวต้มใส่ชามมาให้ผมนึกถึงคำที่คุณเวณวัฒน์เตือนเอาไว้เมื่อคืนเมื่อเห็นว่าพ่อวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วผมก็ถือโอกาสพูดขึ้นมา “ถ้าวันมะรืนตานยกเลิกการเดินทาง...” ผมเว้นช่องว่างเอาไว้ตอนรอดูหน้าพ่อ“เดินทางไปไหน?” พ่อผมถาม“ไปเที่ยวกับพี่มิทครับ” ผมตอบ“ทำไมถึงไปไม่ได้?”“คือ...คือตานรู้สึกว่าเดินทางช่วงนี้ไม่ค่อยดี”“ไม่สบายตรงไหนมาให้พ่อดูหน่อย” พ่อผมพยักหน้าเรียก“เปล่าครับแค่รู้สึกว่าช่วงนี้มันรู้สึกไม่สบายใจ”“เหตุผลแค่นี้จะไปยกเลิกได้ยังไง ทางนู้นเขามีผู้ใหญ่ไปด้วย ที่พักกับโปรแกรมทัวร์เขาก็เตรียมไว้หมดแล้วยกเลิกตอนนี้พ่อจะตอบเขาว่ายังไง?”“นั่นสิมันกะทันหันไป” แม่ผมพูดขึ้นมาตอนยกข้าวขึ้นโต๊ะ“แต่... แต่คุณ” ผมหยุดไปตอนเลื่อนชามข้าวมาหน้าตัวเอง“คุณ?” พ่อถาม“คือ... ไม่มีอะไรครับ” ผมถอนหายใจ“โตแล้วนะลูกจะเอาเหตุผลไม่มีน้ำหนักมาตอบผู้ใหญ่ไม่ได้ ป้าของพี่มิทก็ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างเราเขาออกตัวเป็นธุระขนาดนี้ พ่อก็เกรงใจเขาจะแย่นี่จะมายกเลิกการเดินทางยิ่งไม่ดีใหญ่ถ้าป่วยหรือมีเหตุผลอื่นก็ค่อยฟังขึ้นหน่อยไม่ใช่บอกเขาไปว่าไม่สบายใจ”“ครับ” ผมจนด้วยคำพูดจะอ้างว่าคุณเวณวัฒน์เตือนไม่ให้ไปเพราะเขามีลางสังหรณ์ก็ไม่ได้ ขืนพูดออกไปพ่อผมต้องโกรธแน่ ผมนั่งรถไฟฟ้ามาเรียนตอนสายช่วงพักระหว่างคาบเรียน พี่มิทหิ้วขนมกับน้ำมาให้ถุงใหญ่ขนมข้างในมีหลายกล่องจนพอแจกเพื่อนๆในชั้นได้ผมเห็นหลายคนนินทาเรื่องที่พี่มิทเข้ามาที่คณะบางคนก็มองผมกับพี่มิทสลับกันแล้วแอบพูดกัน “ปากหอยปากปู” นกน้อยพูดขึ้นมาลอยๆระหว่างนั้นก็คุ้ยขนมในถุงไปด้วย“น้องนกน้อยก็ไปด้วยกันสิตานจะได้ไม่เหงา” พี่มิทยืนยิ้มหลังจากพูดกับนกน้อย“ไปได้เหรอคะ?” นกน้อยหันขวับขึ้นทันทีเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง“ไปได้สิครับ” พี่มิทตอบ“แล้วมีใครไปบ้างล่ะคะ?” นกน้อยถามต่อพี่มิทเลิกคิ้วแล้วก็ยิ้ม“ก็มีพี่มีป้า มีตาน มีนกน้อย แล้วก็มีไอ้เป้” พี่มิทตอบแล้วก็มองมาทางผม “ตานจะชวนเขาไปด้วยก็ได้นะ”“คุณเวณวัฒน์เหรอครับ?” ผมถามกลับ“ครับไปหลายคนสนุกดี”“งั้นผมจะโทรไปชวนเขานะครับ” ผมแยกออกมาจากวงสนทนาระหว่างวนโทรศัพท์อยู่ในมือ ผมก็คิดว่า น่าจะไปบอกเขาด้วยตัวเองดีกว่า วันนี้ผมสัญญากับเขาว่าจะไปหาที่บ้าน “พี่มิทนี่แมนมากนะถึงขนาดยอมให้ตานพาคุณเวณวัฒน์ไปด้วย” นกน้อยกัดขนมแล้วพยายามพูดกับผมในชั้นเรียนกำลังรออาจารย์เข้ามาสอน“เป็นแบบนี้ดีแล้วอยากมีพี่ชายพอดี” ผมยิ้ม. . ช่วงเย็น ผมแวะมาหาคุณเวณวัฒน์ที่บ้านในมือมีผลไม้มาหลายอย่าง มีแตงโม มะม่วงสุก องุ่นแดงแล้วก็มีกล้วยหอมทองหวีเล็กประตูบ้านเลขที่ 111เปิดต้อนรับเหมือนมันกำลังรอผมอยู่ อากาศเย็นๆพัดเข้าหาตัวตอนเดินพ้นเขตประตูเข้าไปมันช่างเหมือนกับเป็นดินแดนต่างมิติกันซะเหลือเกินอากาศร้อนอบอ้าวข้างนอกกับอากาศเย็นสบายตัวในนี้ เหมือนอยู่คนละโลกนกหลายตัวบินกรูลงมาตรงใกล้ๆเท้าของผมเหมือนมันรู้ว่าผมเอาของมาฝากพวกมัน ผมโปรยเมล็ดข้าวฟ่างลงบนพื้น จากนั้นก็เทซองกระดาษที่ใส่เมล็ดฟักทองกับเมล็ดถั่วไว้ให้เจ้าอีกาสามขาที่เกาะคอนสูงอยู่ ผมหิ้วถุงผลไม้เดินเข้าไปในบ้านคุณเวณวัฒน์กำลังดูโทรทัศน์ช่องข่าวช่วงเย็นผมวางกระเป๋าไว้บนโซฟาแล้วก็เดินเลยไปที่ครัวผมปอกเปลือกแล้วก็หั่นผลไม้เป็นชิ้นใส่จาน ที่เหลือก็ใส่ตู้เย็นเอาไว้ผมวางจานลงตรงหน้าเขาแล้วก็นั่งลงนิ่งๆมองดูข่าวในโทรทัศน์คุณเวณวัฒน์โอบแขนเข้าหาผมแล้วก็หันหน้ามาจูบผมสอดมือเข้าไปในเสื้อของเขา ฝ่ามือลูบไปบนเนินอกเราสองคนแทบไม่ได้ทักทายกันด้วยภาษาพูดของมนุษย์แต่เราสองคนสัมผัสกันด้วยลิ้นและฝ่ามือแทนผมกอดเขาเอาไว้แล้วก็เกยคางลงบนไหล่ของเขา “ถ้าคุณไม่มาวันนี้ผมว่าจะไปดูคุณที่บ้าน” เขาพูดขึ้นมาคำแรก“ก็บอกแล้วว่าจะมาผมก็ต้องมาสิครับ” ผมพูดแล้วก็จูบแก้มเขาจากนั้นก็โอบหลังกว้างๆของเขาด้วยสองแขน ผมจิ้มนิ้วลงบนหลังของเขาไปมา“คุณจะไปเที่ยวเมื่อไหร่?” เขาถาม“วันมะรืนครับ”“ผมควรจะไปกับคุณด้วยผมคิดว่าคุณอาจจะมีอันตรายหากไม่มีผมอยู่ด้วย”“ผมคุยกับพ่อเรื่องยกเลิกการเดินทางแต่พ่อไม่เห็นด้วย พ่อบอกว่าเกรงใจป้าของพี่มิท”“ผมก็คิดว่าอาจจะเป็นอย่างนั้น”“พี่มิทฝากผมมาชวนคุณไปด้วย”“เขาอยากให้ผมไป” เขาตอบเสียงของเขาดูผิดปกติไปจากทุกวัน“คุณไม่ต้องไปก็ได้ผมคิดว่าคุณคงไม่สนุก”“ผมอยากไปดูคุณ” เราสองคนคุยกันในลักษณะกอดกันกลมอย่างนั้นนานพอสมควรก่อนที่ผมจะเลื่อนจานผลไม้ให้เขา “ป่าหิมพานต์อันตรายกว่าตั้งเยอะ” ผมยิ้ม“ที่นั่นไม่มีใครเจตนาทำร้ายเราแต่ที่คุณจะไป ผมรู้สึกว่ามันมีอันตรายรออยู่”“อะไรบ้างครับ?” ผมถาม“ผมยังตอบไม่ได้” ในหนังสือเรื่องครุฑที่ป้าเอาออกมาอ่านบรรยายเอาไว้ว่าครุฑเป็นสัตว์กึ่งเทพ มีความเป็นอมตะ มีฤทธิ์มากและมีความฉลาดถ้านายเวณวัฒน์เป็นครุฑจริงผมก็แทบไม่มีทางกำจัดเขาออกไปจากทางได้เลย ผมนอนคิดเรื่องนี้อยู่นานจนป้าส่งหนังสือมาให้ผมอ่านในหน้าที่ป้าจงใจคั่นไว้ให้ผมอ่านมันมีย่อหน้าที่อธิบายเรื่องเชือกพันธนาการ เป็นเชือกหนังลงคาถาเกิดจากพราหมณ์อ่านคาถาบูชามหาเทพเชือกเส้นนี้มีอายุพันกว่าปีมันถูกเก็บเอาไว้ในท้องพระโรงในพระราชวังหลวง เชือกนี้สามารถพันธนาการเทพยดาสัตว์ร้าย กึ่งเทพ กึ่งภูติเมื่อผู้มีคาถาบูชาอ่านโองการมหาเทพเชือกก็จะพุ่งเข้ารัดเป้าหมาย ผู้ที่ถูกรัดจะถูกจองจำไว้ชั่วกัปชั่วกัลป์แม้ไม่ตายเหมือนมนุษย์ แต่ก็จะออกมาจากห้องที่ถูกคุมขังไม่ได้ ผมนั่งคิดเรื่องนี้ซ้ำๆ จนอาจารย์ที่สอนชี้มาทางผมอาจารย์ตำหนิผมว่านั่งเหม่อลอยไม่สนใจวิชาเรียน ผมพยักหน้าแล้วก็กลับมาตั้งใจเรียนแต่เมื่อนึกถึงตำราต่างๆที่ป้าหามาให้อ่านผมก็นึกอยากวิชาขึ้นมาบ้างผมฉีกกระดาษเป็นชิ้นเล็กได้ประมาณสิบชิ้นมันมีขนาดเล็กประมาณเมล็ดถั่วเขียว ผมเป่ามันออกไปในอากาศจังหวะที่ทุกคนสนใจจอภาพหน้ากระดานกระดาษชิ้นเล็กเล็กๆของผมก็กลายสภาพเป็นตัวต่อสิบตัวมันพุ่งเข้าไปหาอาจารย์กับเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงหน้าความวุ่นวายปรากฏขึ้นทันทีผมแกล้งปัดมือไปมาเพื่อไล่ต่อ อาจารย์วิ่งหนีออกไปนอกห้องพร้อมกับเพื่อนอีกหลายคนชั้นเรียนถูกยกเลิกผมเดินฮัมเพลงออกมานอกคณะกะว่าจะออกไปหาตานที่คณะ แต่นึกขึ้นได้ว่า ตอนนี้ตานคงกลับบ้านไปแล้ว “พี่มิทครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาผมหันไปมองคนที่เดินเข้ามาหา เขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีในมือมีอาหารบำรุงร่างกายมาด้วยหลายขวด“ได้ยินว่าพี่มิทป่วยเหรอครับผมให้เชฟที่โรงแรมเคี่ยวน้ำตุ๋นไก่ยาจีนมาให้”“แล้วน้องเค้กรู้ได้ยังไงว่าพี่ป่วยครับ?” ผมยิ้ม“รู้สิครับเวลาเราสนใจ เอ่อ เวลาเราห่วงใคร เราก็ต้องสืบจนได้ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง” น้องนัทตอบแล้วก็วางขวดน้ำแกงข้นๆลงบนโต๊ะ“มีหมาสาระแนแถวนี้วิ่งไปบอกหรือเปล่า?” ผมหันซ้ายขวาเพื่อหาร่องรอยไอ้เป้น้องนัทหัวเราะเสียงใสแล้วโบกมือ“อย่าไปว่าพี่เป้เลยครับพอดีผมเป็นคนซักพี่เขาเอง”“ไม่ว่าหรอกครับแค่จะเตะมันซักป๊าบ”“เอ่อ...พี่มิทครับ” น้องนัทเหมือนมีเรื่องอยากพูดกับผม“ครับ?” ผมวางมือไว้บนโต๊ะสายตาหันไปมองดูน้องนัทอย่างสนใจ“คือผมได้ยินมาว่า พี่มิทจะไปเที่ยวต่างประเทศ” น้องนัทพูดแล้วก็ยิ้ม“ใช่ครับ”“คือพอดีผมก็ว่าง ถ้ายังพอมีที่นั่งเหลือ ขอผมไปด้วยคนได้มั้ยครับ?”“เอาสิแล้วจะชวนไอ้โมท ไอ้โอมไอ้เอกไปด้วยก็ได้ ถ้าใครไปบ้างก็โทรบอกพี่ด้วย จะได้หาที่พักให้พอกับคน”“พี่มิทใจดีจังเลยนะครับ”“ก็คิดว่าพี่เป็นพี่ชายเหมือนไอ้โมทก็ได้ดีมั้ย?” ผมยิ้มแต่รู้สึกว่าน้องนัทจะดีใจมากตอนผมบอกว่าผมมีสถานะเหมือนไอ้โมท“แน่ใจนะครับว่าพี่มิทเป็นแบบพี่โมทได้?”น้องนัทถามอย่างคนมีความหวัง“ได้สิครับก็เป็นพี่ชายน้องชายกันไม่ใช่เหรอ หรือมีอะไรพิเศษมากกว่านั้น?”“มีพิเศษกว่านั้นครับ...คือพี่โมทต้องดูแลผมอย่างใกล้ชิด ต้องเทคแคร์ผม”น้องนัทยิ้มมุมปาก จากนั้นก็ขอตัวกลับ“กลับก่อนนะครับจะไปจัดเสื้อผ้า อยากจะคุยกับพี่มิทต่อ แต่ก็ทำไม่ได้”“ครับช่วงเที่ยวก็คุยกันก็ได้”\ผมโยนงานที่ทำเสร็จแล้วลงบนกองงานบนโต๊ะอีกส่วนที่เหลือไอ้เอกกำลังจัดการอยู่มันยึดโต๊ะคอมพิวเตอร์ไปแล้วก็นั่งทำงานเงียบๆส่วนไอ้โอมที่เรียนคนละคณะ ตอนนี้มันว่างจัดไอ้ห่านี่กำลังตลุยอวกาศไปกับยานแม่เพื่อฆ่ามนุษย์ต่างดาวอยู่



Intra โพสต์ 2016-2-24 17:10:31

อยากเป็นตานจัง มีคนมาแย่งกัน

topto โพสต์ 2016-2-24 17:11:02

ชอบมากต่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

kangped โพสต์ 2016-2-24 18:56:38

ขอบคุณครับ

pander โพสต์ 2016-2-24 19:07:57

ติดตามตอนต่อไป....

Whitefox โพสต์ 2016-2-25 01:08:01

ขอบคุณครับ

basatthaphong โพสต์ 2016-2-25 11:57:18

ขอบคุณครับ

mooman โพสต์ 2016-3-11 10:05:32


ขอบคุณครับ

luckypaulo โพสต์ 2016-7-21 12:37:18

ชอบมาก ขอบคุณครับ

Mankhakhate โพสต์ 2016-7-24 00:50:40

ขอบคุณนะครับผม

krittamm โพสต์ 2016-7-30 12:49:17

ขอบคุณครับ

Exsosis04 โพสต์ 2016-7-30 14:24:37

ขอบคุณมาก

Mrgan โพสต์ 2017-12-15 07:40:42

ขอบคุณครับ

nuangnut1996 โพสต์ 2018-11-14 00:14:46

สุดยอดครับ

Monicaa โพสต์ 2019-2-27 16:36:23

ขอบคุณครับ ตามหามานาน

sextion โพสต์ 2019-10-11 08:11:30

อ่านต่อๆ

เด็กคอ โพสต์ 2020-1-18 20:10:09

ขอบคุณครับ

jacky214480 โพสต์ 2020-1-19 04:30:36

ขอบคุณ

pearl9845 โพสต์ 2020-8-20 10:47:17

ขอบคุณนะครับ{:5_146:}

HyunjooKim โพสต์ 2022-3-31 01:09:34

บางทีความรักก็ทำให้คนเราเลวร้ายได้ รักใครซักไม่ใช่เรื่องผิด ผิดที่ไม่ยอมรับความจริง ค่อยแต่จะแย่งชิง โดยลืมคิดว่าถ้าตัวเราทำได้ คนอื่นก็ทำกับเราได้เหมือนกัน รักคนที่เขารักเราและเรารัก ถ้าไม่มีหรือถึงเวลาก็รักตัวเองและครอบครัว รอคนที่ใช่ของกันและกันจะดีกว่า
หน้า: [1] 2
ดูในรูปแบบกติ: "เมื่อผมเจอพญาครุฑ!!!" copy งานของคุณ MAKI จากบอร์ดPalm-Plaza ครับ ตอนที่ 27