“ทองคำแท่งหนึ่งร้อยกิโลกรัมเงินสดหนึ่งร้อยล้านบาท จะให้นับตรงนี้เลยมั้ยครับ” เจ้าหน้าที่ธนาคารพูดกับพ่อ พ่อของผมโบกมือจากนั้นก็หันไปพูดกับคุณเวณวัฒน์ว่า “ผมเชื่อแล้วว่าคุณมีเงินผมเข้าใจผิดไปที่คิดว่าคุณเป็นคนไม่มีงานทำ” “คุณควรจำสิ่งที่เราทำข้อตกลงกันไว้เมื่อเช้า” คุณเวณวัฒน์พูดขึ้นมา “คุณยังหาของมาให้ผมไม่ครบ” พ่อผมพูด “ขาดอะไร?” “ความจริงใจ” พ่อตอบ “มันเป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้” คุณเวณวัฒน์พูดเขาดูนิ่ง ไม่ได้มีท่าทีวิตกแต่อย่างใด “ถูกต้องมันจับต้องไม่ได้เหมือนเงินทองตรงหน้า แต่มีพยานคนมายืนยัน” “คุณหมายถึงอะไร?” คุณเวณวัฒน์ถามพ่อ “คุณยืนยันกับผมหนักแน่นว่าคุณไม่เคยหลอกใคร ใช่หรือเปล่า?”พ่อถาม “ใช่ผมยืนยันกับคุณเมื่อเช้าวันนี้” “ผมได้รับการยืนยันจากอีกฝ่ายว่าคุณเป็นคนโกหกหลอกลวง คุณหลอกคนไปอยู่ด้วย พอคนๆนั้นแก่ตัวลง คุณก็ทิ้งเขาคุณจะทำแบบนั้นกับลูกของผม ผมไม่มีทางยอม ขนของทุกอย่างออกจากบ้านของผมไปได้แล้วผมไม่ต้อนรับคุณ แล้วไม่ต้องติดต่อกับตานอีก” “พ่อ” ผมพูดแทรกขึ้นมาพ่อหันมามองผมแล้วก็พูดทวงสัญญา “สัญญากับพ่อไว้ว่ายังไง?” พ่อผมถาม “ถ้าคุณเวณวัฒน์โกหกหลอกลวงผมจะเลิกติดต่อกับเขา” ผมทวนสัญญา “พ่อเห็นว่าเขาโกหกเราเขาเคยมีคนรักมาก่อน ตอนนี้คนๆนั้นแก่แล้ว เขากำลังหาคนใหม่ไปอยู่กับเขาแล้วถ้าอีกหน่อยตานแก่ตัวไป เขาก็จะไปหาคนใหม่ที่เด็กกว่า” “พ่อเอาอะไรมาพูดคุณเวณวัฒน์ไม่เคยมีใคร” ผมรู้สึกว่าบรรยากาศในห้องเริ่มตึงเครียดพ่อของผมต้องมีคนมาพูดอะไรให้ฟังแน่ผมอยากรู้ว่าใครเอาเรื่องเหลวไหลมาพูดให้พ่อฟัง “คุณเวณวัฒน์คุณบอกว่าคุณไม่ได้โกหก งั้นคุณบอกผมหน่อยซิว่า คุณมีลูกผมคนเดียวหรือเคยมีคนอื่นมาก่อน” พ่อผมถาม “ในตัวตนของคนๆนี้ผมมีเขาคนเดียว” คุณเวณวัฒน์ตอบ “แล้วคนที่ชื่อธันวาล่ะเขาเป็นอะไรกับคุณ” พ่อผมเริ่มเข้าประเด็น “เขาคือคนๆเดียวกับลูกของคุณ” “คุณอย่ามาเล่นแง่คุณเล่นมีใครหลายคนแล้วมาอ้างว่าเป็นชาติที่แล้วของลูกผม คุณมันโกหก” “ผมไม่ได้โกหกคุณธันวา...” คุณเวณวัฒน์ให้เจ้าหน้าที่ธนาคารเอาเงินกับทองกลับไปก่อนในห้องมีเขา พ่อ ผมและแม่ที่เดินออกมาจากห้องครัว “ธันวาคือลูกของคุณเขากลับมาเกิดใหม่” คุณเวณวัฒน์พูด “เขาคือพี่ชายของฉันใช่มั้ย?” แม่ผมถามขึ้นมาคุณเวณวัฒน์ดูแปลกใจที่แม่ของผมรู้เรื่องนี้ เขาพยักหน้าตอบรับคำถามของแม่ “เขาเป็นลุงของลูกชายผมเป็นพี่ชายของภรรยาผม ถูกต้องมั้ย?”พ่อผมตั้งคำถาม พ่อทำราวกับว่าคุณเวณวัฒน์เป็นจำเลยในศาล “ใช่” “คุณเอาเขาไปกักตัวไว้” “ผมกับเขารักกัน” “คุณเอาคนไปกักตัวไว้โดยไม่กลัวบาปกรรม” “ผมไม่ได้ขังเขาไว้” “แล้วตอนนี้พี่ชายของฉันหายไปไหนแล้วเขาตายไปแล้ว หรือเขาอยู่ที่ไหน?”แม่ผมถาม “แม่ธันวาก็คือตาน เขาก็ยืนอยู่ตรงนี้ไง” “เงียบนะตานถ้ายังขัดจังหวะผู้ใหญ่คุยกัน พ่อจะให้ลูกขึ้นไปอยู่บนห้อง” พ่อผมสั่ง “ธันวายังไม่ตายคุณกักตัวเขาเอาไว้ในตึกสูง”พ่อพูดต่อ “คุณไปฟังคนอื่นพูดมาแล้วก็คิดไปเอง” คุณเวณวัฒน์ยังคงท่าทีที่สงบไว้ได้เขาดูใจเย็นกว่าผมมาก “ยังโกหกหน้าตายอีกดี ผมจะตอกหน้าคุณให้พูดไม่ออกเอง”พ่อผมมองหน้าคุณเวณวัฒน์แล้วก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสาย “มิทเหรอนี่อาเอง ได้เวลาแล้ว ช่วยอาหน่อย”พ่อผมโทรศัพท์ไปหาพี่มิท นี่ผมงงไปหมดแล้วเรื่องมันพลิกไปมาจนผมตามไม่ทัน พี่มิทเหมือนว่าอยู่ไม่ไกลจากพวกเราเขาพาคนๆหนึ่งเข้ามาในบ้านอย่างรวดเร็วหลังพ่อผมโทรออกไป คนๆนั้น เป็นคนที่ผมคุ้นหน้ามาก “นี่ไงคุณอธิบายมาหน่อยซิ” พ่อผมเค้นคำตอบ คุณเวณวัฒน์มองดูคนแปลกหน้าคนที่พี่มิทพามาน่าจะอายุใกล้เคียงกับแม่ หรือแก่กว่าเล็กน้อย เขามีเค้าโครงหน้าคล้ายกับแม่มาก ก่อนที่ใครจะพูดอะไรออกมาคนๆนั้นก็เข้าไปจับมือแม่ผม เขาร้องไห้แล้วก็แนะนำตัวเอง “จำพี่ได้มั้ย” . . . . . คุณเวณวัฒน์มองดูคนแปลกหน้าคนที่พี่มิทพามาน่าจะอายุใกล้เคียงกับแม่ หรือแก่กว่าเล็กน้อยเขามีเค้าโครงหน้าคล้ายกับแม่มาก ก่อนที่ใครจะพูดอะไรออกมาคนๆนั้นก็เข้าไปจับมือแม่ผม เขาร้องไห้แล้วก็แนะนำตัวเอง “จำพี่ได้มั้ย” แม่ผมมองหน้าผู้ชายคนนั้นแล้วก็ร้องไห้ออกมาผู้ชายคนนั้นพูดออกมาช้าๆ ว่า “พี่เองพี่วา” “อธิบายมาซิคุณเวณวัฒน์” พ่อผมถามคุณเวณวัฒน์เป็นครั้งที่สอง “คุณกำลังทำอะไรอยู่เรื่องทั้งหมดกำลังจะพังเพราะคุณ ผมคิดว่าคุณจะคิดได้ แต่ก็ไม่เลย” คราวนี้เป็นผมที่พูดขึ้นมาผมพูดกับพี่มิทที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับพ่อ ผมรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไร้สาระมากพี่มิทกับป้าของเขาต้องสร้างเรื่องขึ้นมาหลอกพ่อกับแม่ผม “ตานได้ถามพี่ซักคำหรือเปล่า?” พี่มิทยิ้มเศร้าๆ “จะให้ผมถามอะไรคุณอีกความไว้วางใจที่ผมมีให้ คุณทำลายมันหมดแล้ว นี่คุณกำลังทำลายครอบครัวผม” “หยุดนะตานไปข้างบนได้แล้ว!!! อย่าก้าวร้าวพี่มิทต่อหน้าพ่อ” พ่อผมพูดเสียงดัง “แต่เขา...” ผมพูดอะไรไม่ออกเสียงแมวขู่ฟ่อ มันไม่ชอบเสียงดัง เจ้าเงินเข้ามาคลอเคลียที่ขาผม “ให้ตานอยู่ฟังด้วยเถอะครับคุณอาเขาควรเข้าใจเรื่องทุกอย่างด้วยหูตัวเอง” พี่มิทดูเงียบและสงบไปกว่าทุกวันเขามองหน้าผมแล้วก็พูดขึ้นมาอีกว่า “ตานครับผู้ชายคนนี้ชื่อคุณธันวา เขาเป็นลูกชายคนแรกของยายตาน เป็นพี่ชายของแม่เป็นพี่ชายของน้า เขาเป็นลุงของตาน” พี่มิทพูดช้าๆ แม่ผมร้องไห้ตกใจส่วนผมหัวเราะและพยายามคิดว่านี่คือเรื่องตลก “ธันวาตายไปแล้วเขาโดนนาคฆ่าตายไปแล้ว คุณจะเอาพยานมั้ย” “ใครจะมาเป็นพยานได้เรื่องที่เกิดขึ้น นายเวณวัฒน์ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เขาออกไปหาใครก็ไม่รู้เขาไปนอนกับใครตานรู้บ้างมั้ย” “เขามีผมคนเดียวธันวาคนนี้คือตัวปลอม” “หยุดนะตาน” พ่อผมสั่ง“มิทเล่าต่อไปซิอาอยากรู้ว่านายคนนี้เขาสร้างเรื่องไว้ยังไงอีก” พ่อผมพูดกับพี่มิท “จริงๆคุณธันวายังไม่ตายเรื่องนาคที่ฆ่าคุณธันวาคือสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาหลอกตาน จริงๆแล้วนายเวณวัฒน์ขังคุณธันวาไว้ที่ตึกสูง เขาลบความทรงจำของยายตานลบของแม่กับน้าตานด้วย แต่คนเป็นพี่น้องกัน ความทรงจำมันยังคงมีอยู่ที่บ้านของตานจะรู้สึกเหมือนมีธันวาอยู่ด้วยเสมอ” “ไงล่ะจะโกหกไปว่ายังไงอีก?” พ่อผมหันมาทางคุณเวณวัฒน์ที่ยืนนิ่งเขามองดูคุณธันวาด้วยสายตาสงสัย “ผมกับคุณเจอกันครั้งแรกที่ไหน?” คุณเวณวัฒน์ถามคุณธันวา “ผับแห่งหนึ่งคุณสะกดผมแล้วก็พากลับห้อง เรามีอะไรกัน คุณรักผมมาก” “ไงล่ะถามต่อสิ” พ่อผมพูด “ช่วยเล่าเรื่องส่วนตัวของคุณให้ผมฟังหน่อย” คุณเวณวัฒน์กำลังซักคุณธันวา คุณธันวาเล่าเรื่องส่วนตัวให้พวกเราฟังจากที่ผมสังเกตคุณเวณวัฒน์ คุณธันวาไม่ได้พูดโกหกเขาสามารถเล่าเรื่องทั้งหมดได้ทุกแง่มุม ถ้าไม่ใช่คุณธันวาจริงๆ คงทำแบบนี้ไม่ได้ “ตานพ่อจะพูดให้ฟัง นายคนนี้เขาซุกคนไว้อีกมาก เก็บซ่อนไว้ที่ต่างๆพวกที่แก่หน่อยเขาก็ทิ้งขว้างไป อีกหน่อยตานแก่ไปเขาก็ทำแบบเดียวกัน” “ผมไม่เชื่อ” ผมไม่มีทางเชื่อเรื่องเหลวไหลพวกนี้แน่ “หลานไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร” คุณธันวาพูดอย่างใจเย็น“ลุงเข้าใจเพราะเคยเป็นแบบหลานคุณเวณวัฒน์เขาเป็นคนมีเสน่ห์ ใครอยู่ใกล้ก็หลงเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น” “คุณโกหกคุณไม่ใช่ธันวา” ผมค้านเสียงแข็ง “ถามเขาดูสิถามดูว่าลุงเป็นตัวจริงหรือปลอม”คุณธันวาพูด ผมหันไปมองดูคุณเวณวัฒน์ดูเขาไม่ปฏิเสธเรื่องที่เกิดขึ้น “ผมมั่นใจว่ามีคนอยากให้เรื่องเกิดขึ้นแบบนี้มันไม่ใช่ความบังเอิญ” ผมพูดแล้วหันไปมองดูพี่มิท “อย่าลืมสัญญา” พ่อผมหันมองผม “ถ้าผมมั่นใจว่าคุณเวณวัฒน์โกหกผมผมจะเลิกติดต่อกับเขาทันที”ผมพูดแล้วก็ตั้งท่าจะขึ้นไปข้างบนคุณธันวายื่นห่อกระดาษมาให้ผมแล้วก็กระซิบว่า “นี่เป็นภาพส่วนตัวดูแล้วก็ตัดสินใจเอาเอง” ผมมองหน้าคุณธันวาแล้วก็รับห่อกระดาษมา “เดี๋ยวแม่จะไปนอนเป็นเพื่อน” แม่ผมรีบพูดขึ้นมาต่อหน้าคุณเวณวัฒน์แม่คงกลัวว่าจะมีประตูเชื่อมต่อกันเปิดขึ้นอีกในตอนกลางคืน ผมเดินขึ้นมาบนห้องนอน เจ้าเงินตามผมขึ้นมาด้วยมันร้องครางเบาๆ แล้วก็เดินตามมาเฝ้าข้างเตียงนอน ผมเปิดห่อกระดาษออกข้างในเป็นภาพของคุณธันวากับคุณเวณวัฒน์ บางภาพนั้นทั้งสองคนอยู่ในสถาพเปลือยบนเตียง . . . . . ผมรู้ว่าตานกำลังโกรธผม แม้จะรู้สึกน้อยใจบ้างแต่โดยเนื้อแท้แล้ว ผมก็ยังห่วงเขาอยู่มาก และยิ่งได้รู้จากป้ามาว่านายเวณวัฒน์กำลังหลอกตานอยู่ ผมยิ่งเป็นห่วงเขามากขึ้นไปอีก ผมไปดูตานที่คณะในตอนกลางวันขอแค่ได้เห็นเขายังเป็นปกติดีก็พอใจแล้ว ตานถูกหลอกจนสับสนระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องโกหกนายเวณวัฒน์แอบซ่อนคนอื่นไว้อีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือลุงของตาน ลุงของตานชื่อคุณธันวาเขาเคยเป็นคนที่นายเวณวัฒน์ขังไว้เป็นทาสป้าของผมเป็นคนติดต่อคนให้หาทางเข้าไปช่วยคุณธันวาจนรอดจากนรกออกมาได้ ผมไปหาพ่อของตานที่คลินิกได้เล่าเรื่องเลวร้ายของนายเวณวัฒน์ให้ท่านฟัง พ่อของตานตกใจมาก ท่านรีบโทรไปหาคุณอาผู้หญิงทันทีแล้วก็ได้คุยกันเรื่องนายเวณวัฒน์ คุณอาผู้หญิงบอกว่า นายเวณวัฒน์กับตานออกไปด้วยกันทุกวันในช่วงเย็น เรื่องเข้าขั้นวิกฤตตอนคุณอาโทรมาบอกผมว่านายเวณวัฒน์แอบมาหาตานตอนกลางคืน เขาเอาตานไปขังไว้ คุณอากลัวว่า ซักวันหนึ่งตานอาจจะไม่ได้กลับมาที่บ้านอีก นายเวณวัฒน์เป็นปีศาจร้ายที่จะมาพาตานไปอยู่ด้วยคุณอาเครียดจนทำอะไรไม่ถูก ท่านปรึกษากับคุณป้าสุดท้ายผมก็เป็นธุระจัดการเรื่องไปรับคุณธันวามาถอดหน้ากากนายเวณวัฒน์ พวกเราไล่ต้อนนายเวณวัฒน์มาจนมุมตอนที่เขาพูดเรื่องคุณธันวาไม่ออกแต่ถึงอย่างนั้น ตานก็ยังปักใจเชื่อว่าเขาเป็นคนดี ช่วงที่ตานขึ้นไปชั้นบน นายเวณวัฒน์ก็กลับไป คุณอากำชับให้ผมดูแลตานให้ดี “อาไม่รู้จะทำยังไงแล้วมันกล่อมตานจนหลงผิดไปหมด อากลัวว่า ซักวัน ตานจะไม่ฟังอาอีก” พ่อของตานนั่งลงอย่างคนเหนื่อยอ่อน “คุณป้าบอกว่าถ้าทำให้ตานแน่ใจว่านายเวณวัฒน์ไม่จริงใจ สุดท้ายเรื่องนี้จะจบครับตานยังมีสติอยู่ ผมเชื่อว่าไม่นานเขาจะเข้าใจสิ่งที่พวกเราทำครับ” ในอีกด้านของบ้านคุณอาผู้หญิงกำลังนั่งคุยอยู่กับคุณธันวาผมรู้สึกดีที่พี่น้องที่พลัดพรากได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง “คนที่ทำกรรมแยกพ่อแม่ลูก แยกพี่แยกน้อง จะต้องได้รับผลกรรมแน่ครับ” “ถ้ามันได้ตานไปมันจะต้องล้างสมอง ลบความทรงจำของอาสองคนแน่ มันจะทำให้อาจำลูกตัวเองไม่ได้แล้วมันก็ทำให้ตานลืมไปด้วยว่าเคยมีพ่อกับแม่” “เขาต้องทำแน่ครับเป็นหนทางเดียวที่ทำให้ตานไม่คิดหนีไปไหน แล้วพอตานแก่ตัวไปเขาก็จะหาห้องมาขังตานเอาไว้” พ่อของตานนิ่งไปตอนฟังผมพูด ดูท่านกลัวมาก “อาขอบใจมิทมากที่ยังไม่ลืมครอบครัวอาอาละอายใจที่ลูกของอาพูดไม่ดีกับมิท มิทเป็นคนดี เป็นผู้ใหญ่แล้วก็เป็นสุภาพบุรุษอาขอบใจที่ไม่โกรธน้อง” “ผมไม่มีวันโกรธตานครับคุณอา” “ตานโชคดีจริงๆที่มีมิทอยู่ใกล้ๆแต่เสียดายที่ลูกของอาหูเบา ไปเชื่อปีศาจตัวนั้นได้” “คุณอาอย่าโทษตานเลยครับตานต้องถูกนายเวณวัฒน์ใช้อำนาจบังคับแน่” “เราจะหาทางเอามันออกไปจากชีวิตตานได้ยังไงบ้างช่วยอาคิดหน่อย อาจะไปปรึกษาใครก็ลำบาก ไม่มีใครเชื่อว่าอากำลังเจอปีศาจ” “เรื่องนี้คุณป้าจะช่วยครับคุณอาใจเย็นก่อนนะครับ” ผมเห็นพ่อของตานปาดเหงื่อดูท่านจะกังวลใจมาก “อาฝากขอบคุณท่านด้วยนะครอบครัวของมิทมีน้ำใจมาก” “คุณป้ารักตานเหมือนหลานคนนึงเลยครับท่านชอบให้ตานไปเล่นที่บ้าน ดูท่านจะถูกชะตากับตานมาก” ผมพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นเพราะเห็นว่าเวลาดึกมากแล้ว “เดี๋ยวผมขอตัวกลับเลยนะครับพรุ่งนี้จะแวะเข้ามาใหม่” “ก็นอนซะที่นี่แหละคนอยู่เยอะๆ ปีศาจมันคงไม่กล้าเข้ามาทำอะไรตานอีก” “กลัวว่าจะรบกวนน่ะสิครับ” “ไม่ต้องเกรงใจกันมิทก็เหมือนลูกของอาอีกคน ถ้าไม่รังเกียจก็นอนซะที่นี่พรุ่งนี้ก็หยุดแล้วไม่ใช่เหรอ?” “ครับหยุดแล้ว” “เดี๋ยวมิทขึ้นไปกับอาอาจะให้มิทไปนอนกับตาน แล้วให้ลุงเขาไปนอนห้องว่างอีกห้อง” พ่อของตานพูดแล้วก็ลุกขึ้นยืน “ไม่ดีมั้งครับเดี๋ยวตานจะโกรธเอา ให้ผมนอนที่ห้องนี้ก็ได้” ผมมองดูโซฟาที่ว่างอยู่ “ไม่ได้จะทรมานตัวเองอยู่ทำไม บนนู้นนอนสบายกว่า แล้วมิทจะได้ดูแลตานด้วยอากลัวว่าคืนนี้มันจะมาเอาตานไปอยู่ด้วย” “ได้ครับผมจะดูตานให้เอง คุณอาไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” พ่อของตานเรียกอาผู้หญิงให้ขึ้นไปจัดห้องนอนก่อนที่พวกเราจะขึ้นไปที่ชั้นบน เสียงคุณอาผู้หญิงก็ดังขึ้นมาว่า “ตายจริงลืมข้าวเย็นไปเลย” แม่ของตานรีบขึ้นไปจัดที่นอนให้คุณธันวาแล้วก็ลงมาทำกับข้าวเย็น คุณอาผู้ชายพาผมขึ้นไปที่ห้องของตานผมเห็นตานรีบเก็บของบางอย่างไว้ในลิ้นชักทันทีแมวของตานลุกขึ้นมายืดตัวตอนผมกับพ่อของตานเดินเข้าห้องมา “หาเสื้อผ้าให้พี่เขาเปลี่ยนหน่อยซิคืนนี้พ่อจะให้พี่มิทมานอนเป็นเพื่อนเสร็จแล้วเดี๋ยวลงไปช่วยแม่เขาทำข้าวเย็นด้วยนะลูก” ตานพยักหน้ารับง่ายๆแม้ตานจะหลงเชื่อคนอื่นไปบ้าง แต่ผมก็เห็นว่าตานยังเชื่อฟังพ่อกับแม่ตัวเองนี่เป็นสัญญานที่ดีว่า ตานยังไม่เตลิดไปไกล “เสื้อกับกางเกงครับนี่ผ้าขนหนู อาบเสร็จแล้วแขวนไว้ที่ราวนี้ครับ แล้วเดี๋ยวผมขึ้นมาตามไปกินข้าวเย็น” “ครับ” ผมยิ้มพยายามสร้างบรรยากาศที่ดีในห้อง “ห้องตานน่าอยู่มากนะครับ” ผมชมห้องนอนนี้จากใจจริงห้องของตานไม่ใหญ่เหมือนห้องนอนของผม แต่ทุกตารางนิ้วในห้องถูกจัดอย่างเป็นระเบียบมีชั้นวางสีขาว มีตู้หนังสือ มีโต๊ะทำงาน หน้าต่างมีสามด้านมีผ้าม่านสีขาวโปร่งติดอยู่ นอกหน้าต่างเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นขึ้นมาจากสนาม ตานเดินลงไปพร้อมกับแมวสีเทาผมมองดูเขาเดินลงบันไดไป ตานยังเป็นคนเดิม เป็นคนที่ผมรักมากที่สุดเป็นคนที่ผมจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้อง ไม่ให้เขามีอันตรายจากคนคิดร้าย ผมรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจากนั้นก็ลงไปช่วยตานกับคุณอาผู้หญิงทำกับข้าวแล้วก็อย่างที่พ่อของตานเคยพูดเอาไว้ คนที่เข้าไปช่วย เหมือนเข้าไปเกะกะมากกว่า ทั้งตานกับแม่ดูจะทำงานกันเร็วมาก ตานเป็นคนเตรียมของ ส่วนคุณอาผู้หญิงเป็นคนปรุงผมเข้ามาช่วยตักข้าวใส่จานอย่างเดียวเท่านั้นนอกนั้นก็เป็นงานเล็กๆน้อยๆอย่างเรียงแก้วบนโต๊ะ
|