ดูแลข้อเข่าเสื่อมด้วยวิธีง่าย ๆ
ดูแลข้อเข่าเสื่อมด้วยวิธีง่าย ๆhttp://img.kapook.com/image/health/%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2.jpg
Osteoarthritis of the knee (Mix Magazine)
อาการข้อหัวเข่าเสื่อมนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าข้อเข่าประกอบไปด้วยกระดูกสำคัญ ๆ 3 ส่วนนั่นก็คือ กระดูกต้นขา ซึ่งเป็นกระดูกส่วนบนของเข่า ส่วนที่สองเป็นกระดูกหน้าแข้ง ซึ่งเป็นกระดูกส่วนล่างของหัวเข่า และส่วนสุดท้ายก็คือกระดูกลูกสะบ้าซึ่งเป็นกระดูกที่อยู่ด้านหน้าโดยในส่วนบริเวณข้อเข่านั้นจะมีกระดูกอ่อน ๆ อยู่เป็นรูปครึ่งวงกลม กระดูกชิ้นนี้นี่เองที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะทำหน้าที่กระจายน้ำหนักเพื่อให้กระดูกรับน้ำหนักมากเกินไป
ในข้อเข่าของเรานั้นยังมีน้ำที่หล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อรอบ ๆ เข่า ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันการสึกหรอ เวลาที่เราขยับ กระโดด วิ่ง หรือแม้กระทั่งเดินเฉย ๆ ก็ตาม
คนส่วนมากไม่ค่อยบริหารข้อเข่าสักเท่าไรแต่ใช้งานมันอย่างเดียว ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณข้อเข่าไม่ค่อยแข็งแรง และเมื่ออายุมากขึ้นหรือกระดูกอ่อนของข้อมีการเสื่อมสภาพ ทำให้กระดูกอ่อนไม่สามารถเป็นตัวที่รองรับน้ำหนักได้และเมื่อได้รับการกระทบกระเทือนหรือกระแทกแรง ๆ เข้าก็ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดขึ้นและเมื่อข้อเข่ามีการอักเสบขึ้นก็จะสร้างน้ำข้อเข่าเพิ่มขึ้น ทำให้กลายเป็นอาการบวมและปวดเข่ามากยิ่งขึ้นบางคนขยับเข่าก็มีเสียงกรึบ ๆ ซึ่งนั่นก็คือเสียงของการเสียดสีกันของกระดูก เมื่อมาถึงตรงนี้ แม้ไม่ต้องเดิน แค่เพียงเคลื่อนไหวเข่าก็จะเกิดอาการปวดขึ้นมา และเมื่อปล่อยทิ้งไว้ให้เรื้อรังก็อาจจะต้องใช้ไม้เท้าในการช่วยเดินเป็นสาเหตุให้กล้ามเนื้อขาถูกใช้งานน้อยลงและสุดท้ายก็กลายเป็นเดินไม่ได้
การดูแลรักษาอาการปวดเข่าในเบื้องต้นนั้นก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่ลดการใช้เข่าเท่านั้นเองเช่น หลีกเลี่ยงการนั่งยอง ๆ คุกเข่า นั่งขัดสมาธิรวมทั้งหลีกเลี่ยงการเดิน ขึ้น-ลงบันได และสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากก็จำเป็นที่จะต้องลดน้ำหนักด้วยให้น้อยลง เพื่อให้หัวเข่าได้รับแรงกระแทกลดลงหรือจะใช้กายบริหารเข้าช่วยก็ได้ โดยท่ากายบริหารสำหรับข้อเข่าเสื่อมนั้นก็ง่าย ๆ นั่งหลังพิงเก้าอี้แบบสบาย ๆ จากนั้นก็ยืดขาไปข้างหน้ากระดกปลายเท้าขึ้นแล้วเกร็งไว้ จากนั้นขยับลงทำข้างละ 10 ครั้ง และหลังจากที่กล้ามเนื้อคุ้นชินกับท่านี้แล้ว สามารถเพิ่มน้ำหนักที่ข้อเท้าด้วยถุงทราย เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงมากขึ้น
นอกจากท่านั้นแล้วการบริหารท่านอนก็มีเช่นเดียวกันโดยเป็นการนอนหงายราบกับพื้น แล้วยกขาขึ้นสูงจากพื้นประมาณ 1 คืบ แล้วกระดกปลายเท้าเข้าหาตัว ค้างไว้สัก 10 วินาที แล้วสลับข้างกันไปมา 10 ครั้ง หลังจากนั้นก็นอนคว่ำกับพื้นแล้วงอเข่าเข้ามา กระดกปลายเท้าเข้าค้างไว้ 10 วินาที สลับไปมา 10 ครั้ง เช่นกัน
ยังมีการบำบัดในรูปแบบอื่น ๆ ที่ช่วยบำบัดอาการข้อเข่าเสื่อมได้ด้วยเหมือนกัน เช่น การกินอาหารเสริม ฝังเข็ม หรือรักษาด้วยการแพทย์แผนปัจจุบันก็สามารถทำให้อาการข้อเข่าเสื่อมดีขึ้นได้เช่นกัน ทั้งนี้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับอาการที่เป็น แต่หากเป็นมากเข้าก็ควรปรึกษาแพทย์จะดีกว่า
เมื่อรู้เช่นนี้แล้วอาการปวดเข่าไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่จะมองข้าม ควรใส่ใจและให้ความสำคัญกับหัวเข่าของเรา เพื่อให้เราสามารถเดินได้ไปอีกนานครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://hilight.kapook.com/img_cms/logo/Mix.jpg
ขอบคุณครับพี่ ขอบคุณมากมากนะครับมีประโยชน์ต่อผมมากมายเลย
หน้า:
[1]