เทวรูปกินคน
นเดียวกับดวงอาทิตย์ยอแสงผ่านประตูครบ 15 บานที่ประสาทเขาพนมรุ้ง พอตกดึกด้านนครวัดก็มีปรากฏการณ์‘ศิวะราตรี’ แต่น้อยคนที่รู้จัก คืน นี้ชายพื้นบ้านอายุร่วม 100 ปี ปรากฏตัวในปราสาทหินนครวัดที่เป็นสิ่งก่อสร้างยิ่งใหญ่ระดับโลก แกเดินลัดเลาะผ่านประตูหิน กระทั่งถึงห้องโถงแห่งหนึ่ง ที่ซ่อนตัวลึกเร้นจนนักท่องเที่ยวน้อยคนเข้ามาถึง และมีคนพื้นถิ่นแถวชายแดนกัมพูชาไม่กี่คนที่รู้จัก ผู้เฒ่าขแมร์มอง ดูเทวรูปองค์หนึ่งที่ยืนทะมึนอยู่เบื้องหน้า แม้สายตาพร่าเลือนตามประสาคนอายุมาก แต่แกสัมผัสได้ถึงเทวลักษณะที่น่าสะพรึงกลัวของเทวรูปเบื้องหน้า แกพร่ำบ่นภาษาขแมร์ชั่วครู่ ก่อนล่วงด้ายวงกลมสีแดงขนาดนิ้วโป้จากย่าม แล้วเดินไปคล้องคอเทวรูปเบื้องหน้า จากนั้นแกล่าถอยออกมาเร็วไว บัด นี้ดวงจันทร์ลอยถึงครึ่งฟ้าบ่งบอกเวลาเที่ยงคืน แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น เมื่อแสงจันทร์แยงทะลุปล่องปราสาทเข้ามากระทบบริเวณศีรษะเทวรูป ฉับพลัน! หนังตารูปสลักที่เคยหลุบต่ำ กลับเบิกโพลงเหลือกถลนเกือบหลุดออกมานอกเบ้า!!! 3 วันต่อมา หลังจากคืน‘ศิวะราตรี’ นักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติยังคงมาเยี่ยมชมนครวัดอย่างไม่ขาดสาย ตามช่องประตูภายในเทวาลัยมีคนจับกลุ่มฟังคำบรรยายจากไกด์อยู่หลายคณะ ด้าน หนึ่งของนครวัด ‘วิชัย’ชายหนุ่มวัย 25 ปี จบด้านการถ่ายภาพหมาดๆจากมหาวิทยาลัยศิลปากร เขาเลือกงานอิสระ ตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อเขียนสารคดีป้อนนิตยสารหลายเล่ม เมื่อ 3 วันก่อนเขาอยู่ที่ปราสาทเขาพนมรุ้ง เพื่อบันทึกภาพช่วงเวลาดวงอาทิตย์ยอดวงผ่านประตูหิน 15 บาน จากนั้นนักเขียนหนุ่มก็ตั้งหน้ามาที่นี่ งานด้านศิลปะขอมโบราณนครวัด เป็นสิ่งก่อสร้างที่ชวนพิศวงอย่างยิ่งสำหรับวิชัย เขามักแวะเวียนมาศึกษาทัศนียภาพที่น่าตื่นเต้นนี้เสมอ เวลา นี้วิชัยคล้องกล้องไว้ที่คอ เดินหามุมมองใหม่ๆในสถานที่ลึกลับอันอดีตเหลือทิ้งไว้ให้ เขากดภาพเก็บไว้เรื่อยๆ เนื่องเพราะสถานที่เดียวกัน แต่เวลาต่างกันก็จะได้ภาพที่แปลกตาอยู่เสมอ และนักเขียนสารคดีฝึกหัดอย่างวิชัย ไม่ควรพลาดห้วงเวลานั้น ทุก ครั้งวิชัยย่างกลายเข้ามาในเทวาลัยแห่งนี้เขารู้สึกเหมือนมีพลังลี้ลับบางอย่างซ่อนอยู่ภายในหินแต่ละก้อน และความซับซ้อนแต่ละประตู ทำให้หนุ่มนักเขียนขนลุกซู่เหมือนผ่านเข้าไปในภพแห่งอดีตกาล วิชัยนึกถึงตำนาน เกี่ยวกับนครวัดที่ว่า พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 กษัตริย์แห่งเมืองพระนคร ทรงสร้างเทวาลัยแห่งนี้บูชาวิษณุเทพ ตามความเชื่อของลัทธิไวษณพนิกาย พระองค์ ทรงเริ่มสร้างตอนต้นราชกาล แต่ก็ไม่สำเร็จ กระทั่งพระองค์สวรรคตในเวลาต่อมา และปัจจุบันมีหลักฐานจากนักโบราณคดีว่า ท่านทรงสร้างรูปสลักวิษณุเทพเป็นประธานภายในประสาทหินนครวัด แต่ไม่มีใครเคยพบเทวรูปที่ว่านี้!!! วิชัยเดินวนขวาตามความเชื่อ เพื่อซึมซับความพิศวงไปเรื่อยๆ พร้อมกับหามุมมองที่ต้องการนำเสนอ เขานึกถึงข้อสรุปของเหล่านักโบราณคดีที่ว่า เทวาลัยแห่งนี้เป็นทั้งศาสนสถาน และพระราชสุสาน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นประสาทแห่งเดียวในเมืองพระนครที่สร้างบูชาวิษณุเทพ วิชัยรู้มาว่ามีคนบางกลุ่มพยายามศึกษามิติของนครวัด เพื่อเป็นกุญแจไขรหัสเข้าถึงรูปสลักวิษณุเทพ แต่ไม่มีใครเคยทำสำเร็จ ส่วน นักอ่านจารึกได้พบข้อความหนึ่งเป็นอักขระที่ใช้ในสมัย พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 มีวรรคหนึ่งอ่านได้ความว่า ‘…แค่ยืนอยู่ทิศแห่งความตายด้านประตูตะวันตก ก็จะเห็นดวงอาทิตย์ลอยอยู่เหนือองค์วิษณุเทพแห่งนครวัด’ วิชัยเดินเข้า มาถึงระเบียงชั้นที่ 2 เขาหยุดอยู่กับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่กำลังยืนฟังคำบรรยายของ ไกด์ที่มีหน้าตาเหมือนคนไทย เบื้องหน้าเป็นภาพสลักนูนต่ำบอกเล่าถึงขบวนศพ “สิ่ง ที่เราเห็นอยู่นี้มิใช่เป็นทิศทางของอาคารซึ่งส่อไปในทางพิธีศพ” เสียงไกด์บรรยายเป็นภาษาอังกฤษ “แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจัดและวางผังทางสถาปัตยกรรมที่เป็นที่ทราบกันดี ว่า ไม่สามารถหมายถึงสิ่งใดได้ นอกจากเทวสถาน ถ้าหากเรานึกถึงคำว่าเทวสถานเช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าคิดคือ ไม่ใช่เป็นสถานที่สำหรับนมัสการ แต่เป็นที่ประทับสำหรับพระเจ้า การปฏิเสธการเรียกนครวัดเช่นนี้ ก็คือการปฏิเสธหลักฐานนั่นเอง ข้าพเจ้ายอมรับว่า การที่โบราณสถานแห่งนี้เป็นที่บรรจุอัฐิและอังคารของกษัตริย์ ย่อมเป็นข้ออธิบายว่าเหตุใดโบราณนี้จึงหันหน้าไปทางทิศตะวันตก แต่ข้าพเจ้าปฏิเสธที่จะเชื่อว่า นครวัดเป็นเพียงสุสานแห่งหนึ่ง เหมือนฮวงซุ้ยของชาวจีน นครวัดจะเป็นสุสานก็เฉพาะในแง่ที่เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์หลังเสด็จ สวรรคตแล้ว แต่เนื่องจากกษัตริย์เขมรจะเสด็จสู่สวรรค์ เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้จึงเป็นที่อยู่ของกษัตริย์เขมรในรูปของพระราชวังบนสวรรค์ ซึ่งตรงศูนย์กลางของพระราชวังจะประดิษฐานเทวรูปซึ่งเป็นรูปของกษัตริย์เอง ซึ่งถูกถือว่าคือเทวรูปองค์นั้น” วิชัยยืนฟังครู่หนึ่ง ก็พอรู้ว่าไกด์ดังกล่าวพูดเหมือนศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดส์ ว่าไว้ในหนังสืออย่างไม่มีไม่เพี้ยน เขาเดาได้ไม่ยากต่อไปไกด์คนเดิมต้องอ้างถึงบันทึกของ จู ต้า กวน นักเดินทางชาวจีน ที่บอกว่า “…ผู้ปกครองจะถูกบรรจุอยู่ในปราสาทแห่งนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าเขาฝังพระบรมศพ หรือฝังเฉพาะพระบรมอัฐิกันแน่” วิชัยนึกตำหนิไก ด์ที่ไม่มีจิตวิญญาณของการเรียนรู้ แค่ท่องจำเหมือนนกแก้วนกขุนทองก็เป็นมัคคุเทศก์ได้อย่างง่ายดาย นักเขียนหนุ่มทิ้งกลุ่มคนไว้เบื้องหลัง ก่อนเดินผ่านประตูเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง ต่อมาวิชัยเดินผ่านประตูอีกหลายบาน กระทั่งเข้ามาปรากฏตัวในระเบียงชั้นลึกสุดของนครวัด ฉับพลัน! อยู่ๆเมฆก้อนหนึ่งก็เคลื่อนตัวบดบังดวงอาทิตย์เหมือนเกิดอาเพศ ทำให้ไม่มีแสงเล็ดลอดเข้ามาตามช่องหิน บริเวณรอบตัววิชัยเลยมัวซัวหมดทุกด้าน “มันเกิดอะไรขึ้นละนี่” วิชัยพูด และตัวเองเท่านั้นที่ได้ยิน เพราะเขาคนเดียวที่หลุดเข้ามาถึงห้องนี้ วิชัยพยายามหยี่ตาเพื่อปรับการมองให้ชินกับความมืด พร้อมก้าวขาสะเปะสะปะ เขารับรู้ว่าตัวเองผ่านช่องประตูหลายบาน แต่บอกทิศทางไม่ได้เพราะรอบตัวมืดสนิทเหมือนตาบอด ในที่สุดแสงสว่างก็ กลับมาเหมือนเดิม วิชัยเหมือนหลับแล้วตื่น เขาพบตัวเองยืนอยู่ในสถานที่ไม่คุ้นตา แม้เคยสำรวจทุกซอกมุมของนครวัดนับครั้งไม่ถ้วน แต่เวลานี้วิชัยเหมือนไม่ได้ยืนอยู่ภายในปราสาทหินนครวัด “เอ เราอยู่ที่ไหนวะนี่” วิชัยส่ายตารอบตัว เห็นผนังหินสลักภาพนูนต่ำผิดเพี้ยนจากที่เคยเห็น แต่งดงามอลังการจนนักเขียนสารคดีตะลึง และบางภาพสลักเหมือนลอยออกมาจากฝาหิน ทำให้นางอัปสรบางองค์เหมือนมีชีวิต กำลังร่ายรำอยู่รอบตัวเขาอะไรอย่างนั้น ทันทีสายตาวิชัยสะดุดเทวรูป ตั้งตระหง่านอยู่ผนังหินด้านหนึ่ง ขนทั่วร่างก็ลุกซู่เหมือนน้ำเย็นรดต้นคอ รูปสลักที่ว่านั้นเป็นเหมือนศิลปะขอมทั่วไป รูปร่างและความสูงประมาณคนพื้นเมืองแถวชายแดน แต่ศีรษะเป็นแพะ!!! แม้ หนุ่มนักเขียนเคยเห็นศิลปะขอมสลักเป็นรูปสัตว์มาแล้วหลายร้อยชิ้น แต่เทวรูปเบื้องหน้าสร้างความตื่นตาให้เขายิ่งนัก เวลานี้วิชัยนึกไปถึงเทวรูปที่พระสูรยวรมันที่ 2 ทรงสร้างเป็นประธานประจำนครวัด วิชัยไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ที่ขณะนี้กำลังคลอด้วยแว่วเสียงขับร้องเป็นภาษาที่ไม่คุ้นหู นักเขียนหนุ่มรีบเล็งกล้องกดภาพเทวรูปเบื้องหน้า พร้อมขยับตัวเพื่อสร้างมิติให้ได้มุมมองดังใจคิด ในสมองของวิชัยอัดแน่นด้วยความตื่นเต้น ที่เขาค้นพบศิลปะขอมอันยิ่งใหญ่ หาก ภาพเหล่านี้เผยแพร่ออกไปสู่สาธารณชน ต้องส่งให้เขามีชื่อเสียงระดับโลกทีเดียว นึกถึงเงินก้อนโตที่ต้องได้เมื่อขายลิขสิทธิ์ วิชัยถึงกับขนลุกซู่ด้วยความสำราญใจ วิชัยกดภาพไม่ยั้งมืออยู่พัก หนึ่ง กระทั่งกล้องส่งสัญญาณฟ้องว่าหน่วยความจำถูกใช้หมดแล้ว เขากำลังจะเปลี่ยนแผ่นใหม่เข้าไปแทนที่ แต่นักเขียนหนุ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้น ฉับพลันทันใด! วิชัยถึงกับเบิกตาอ้าปากหวอ ตะลึงจนแผ่นความจำของกล้องหล่นมืออย่างไม่รู้สำนึก เมื่อสายตาของเขาจ๊ะเอ๋เทวรูปหัวแพะ ที่เวลานี้มันกำลังเคลื่อนไหวเข้าหาเขาด้วยท่วงท่าประสงค์ร้าย โชคดีสติของวิชัยยังไม่กลับเข้าร่าง ขณะเทวรูปหัวแพะกลืนเขาเข้าไปในท้อง ไม่เช่นนั้นนักเขียนหนุ่มคงเจ็บปวดสุดประมาณ และ หากตอนวิชัยผลัดหลงเข้ามาใหม่ๆ สังเกตพื้นบริเวณฝาด้านหนึ่ง จะเห็นกล้องทิ้งเกลื่อนกลาดอยู่หลายตัว ตอนนี้มีของเขารวมอยู่ด้วยอีกหนึ่งตัว
หนุกมากเลยคับชอบคับ ยาว+สนุก+ลี้ลับ=ขอบคุณมากๆครับ
หน้า:
[1]