แหวกม่านเมฆชมดอกไม้ ไต่ความสูง ภูหินร่องกล้า
แหวกม่านเมฆชมดอกไม้ ไต่ความสูง ภูหินร่องกล้าhttp://img.kapook.com/image/travel/1_15.jpg
แหวกม่านเมฆชมดอกไม้ ไต่ความสูง ภูหินร่องกล้า (เดลิินิส์)
โดย : ศราวุธ ดีหมื่นไวย์
เจ้ารถสี่ล้อของเราล่วงหน้ามาก่อนขบวนคาราวาน "อีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรลสัญจร"ไต่ความคดเคี้ยวของถนนและไหล่เขามาสูดอากาศบริสุทธิ์บริเวณ ภูหินร่องกล้า เป็นคันแรก ๆ
บน ภูหินร่องกล้า อากาศเย็นสบายกำลังดี ป่าไม้ยังรกครึ้ม ปลุกให้เราตื่นจากความง่วงขณะที่บางคนได้สัมผัสอากาศเย็นตาก็เริ่มปรืออยากจะหาเปลมาผูกนอนให้รู้แล้วรู้รอด แต่กว่า ภูหินร่องกล้า จะก้าวมาสู่วันนี้ได้ ต้องผ่านร้อนหนาวมามากมาย โดยเฉพาะเมื่อยามเกิดภัยสงครามในพื้นที่
ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไทยกับกลุ่มคนผู้ยึดถือแนวคิดคอมมิวนิสต์เริ่มปะทุรุนแรงขึ้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ "วันเสียงปืนแตก" เมื่อ 7 สิงหาคม 2508โดยกองกำลังติดอาวุธคอมมิวนิสต์ได้ซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่บ้านนาบัวต.เรณูนคร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม อันเป็นการแสดงเจตนารมณ์เด่นชัดว่าต่อไปนี้จะดำเนินการสงครามกองโจรต่อสู้กับฝ่ายรัฐบาล
ห้วงยามที่เพลงมาร์ชกองทัพปลดแอกประชาชนไทยและธงค้อนเคียวโบกสะบัดบนยอดภูหินร่องกล้าซึ่งมีแนวร่วมทั้งกลุ่มนักศึกษาและชาวม้งในพื้นที่เนื่องจากพื้นที่เป็นแนวเทือกเขาสูง สลับซับซ้อนทอดยาว จากทิศเหนือสุดติดชายแดนลาว ด้านแขวงไชยบุรี ลงมาทางทิศใต้ ในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์ตลอดจนเป็นต้นกำเนิดของต้นน้ำที่สำคัญหลายสาย อาทิ ห้วยน้ำไซ ห้วยน้ำขมิ้นห้วยออมสิงห์ และ ห้วยหลวงใหญ่ เป็นต้น
http://img.kapook.com/image/travel/2_15.jpg
จากรอยแตกร้าวของคนไทยในอดีต ทำให้เกิดเส้นทางเยี่ยมชมยุทธภูมิสำคัญในอดีตของ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) บน ภูหินร่องกล้า ในวันนี้ที่รวบรวมเรื่องราวให้คนรุ่นหลังได้เดินแหวกม่านเมฆ...
พร้อมแล้วเริ่มเดิน ๆๆ... ที่แรกคือลานอเนกประสงค์เป็นลานหินกว้าง พคท.ใช้เป็นที่พักผ่อนและจัดกิจกรรมในวันสำคัญ เช่น วันเสียงปืนแตกปัจจุบันยังมีสหายที่ร่วมรบในอดีตแวะเวียนมารำลึกการต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่บนลานหินกว้างมีกอหญ้าแซมด้วยดอกไม้สีขาวสวยหลายดอกเหมือนกับธรรมชาติเป็นใจวางแจกันดอกไม้ประดับไว้ให้เราชื่นชม
ส่วนด้านข้างลานอเนกประสงค์ก็มี ชั้นหินซันแครกที่คล้ายกับบังเกอร์ไว้หลบการต่อสู้จากฝ่ายตรงข้ามแต่แท้จริงแล้วชั้นหินเหล่านี้ทางวิทยาศาสตร์บ่งบอกได้ว่าพื้นที่แห่งนี้เคยอยู่ใต้ทะเลมาก่อนซึ่งแรงบีบอัดทำให้เกิดชั้นหินทรายซ้อนกันบวกกับความร้อนจากแสงอาทิตย์และความเย็นยามกลางคืนทำให้กัดกร่อนชั้นหินให้มีความกลมมนตลอดจนมีซากปืนกลครั้งอดีตที่ พคท.ยึดมาจากหน่วยงานของรัฐเพื่อป้องกันที่มั่นให้ได้ชม
ไม่ไกลกันนักมีทางแยกเพื่อไปไหว้หลุมศพของ ผู้กองสมวิทย์ (ส.เล่าตุ๊) ม้งคนแรกที่นำลัทธิคอมมิวนิสต์ จากเวียดนามมาเผยแพร่บน ภูหินร่องกล้าตั้งแต่ปี 2510 และเมื่อเกิดความขัดแย้งในพรรคเขาถูกยิงตายเมื่อปี 2522และจากการสังเกตดินบนหลุมศพมีผู้ที่มาเคารพนำบุหรี่ปักไว้ จึงได้ความว่า ผู้ที่มาเคารพส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมธูปเทียนมาจึงใช้การจุดบุหรี่แล้วนำไม้ เสียบเข้าไปในก้นกรองและปักไว้บนหลุมศพเพื่อเป็นการเคารพ
ช่วงสายวันนี้เมฆมากทำให้บรรยากาศเย็นสบายยามเดินฝ่ากลุ่มก้อนเมฆไกด์ยืนยันว่านี่ไม่ใช่สายหมอก!!! แต่ภูมิประเทศบนนี้ก้อนเมฆเคลื่อนที่ต่ำสำหรับคนที่ชอบชมดอกไม้ตลอดทางมีเฟิร์นนานาพันธุ์ให้เลือกชมแซมด้วยดอกไม้เมืองหนาวมากมาย ขณะที่พุ่มข้าวตอกฤาษีแตกดอกขาวสะพรั่งน่าชม
แล้วก็มาถึงหลุมหลบภัยทางอากาศที่เป็นก้อนหินขนาดใหญ่ทับซ้อนกันเป็นโพรงหลบได้ราว 200 คน ทำให้ทางการยากต่อการตรวจสอบทางอากาศและมีหลุมหลบภัยลักษณะนี้อยู่หลายแห่งในบริเวณ ภูหินร่องกล้า
เดินเลาะเลียบมาตามทางเดิน ไม่นานก็เจอโรงเรียนการเมืองการทหารอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ6 กิโลเมตรเป็นที่ตั้งของโรงเรียนที่ใช้สำหรับฝึกอบรมศึกษาตามแนวทางของลัทธิคอมมิวนิสต์ บริเวณนี้ประกอบด้วย ฝ่ายพลเรือนฝ่ายพลาธิการ ฝ่ายทหาร อดีตมีบ้านไม้ทั้งหมดประมาณ 30 หลังกระจายอยู่ในป่ารกทึบ
http://img.kapook.com/image/travel/3_12.jpg
ไม่ไกลกันนักคือสำนักอำนาจรัฐ เป็นสถานที่ใช้ดำเนินการด้านทหารการปกครองมวลชนคล้ายศาลากลางจังหวัด ภายในมีบ้านไม้ ปลูกสร้างเป็นกลุ่ม ๆ มีโรงครัวโรงทอผ้า สถานที่อบรม และคุกไม้สำหรับผู้กระทำผิด โดยทำการจันทร์-ศุกร์ช่วง วันหยุดเมื่อข้าวในแปลงนาบริเวณใต้ผาชูธงถึงฤดูเก็บเกี่ยวสหายจะช่วยกันลำเลียงด้วยตะกร้าม้งมาเก็บไว้ในสำนักอำนาจรัฐ และทำการสีข้าวต่อไป
ผาชูธง เป็นอีกสถานที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ เมื่อครั้งอดีตเพราะเป็นหน้าผาสูงชันมองเห็นทัศนียภาพได้ รอบด้าน โดย พคท.ใช้เป็นที่โบกสะบัดธงรูปค้อนเคียวเมื่อยามรบชนะฝ่ายรัฐบาลหรือใช้เป็นที่สื่อสารข่าวผ่านสัญญาณต่าง ๆเดินไปไม่กี่อึดใจก็เจอลานหินแตกที่ต้องบอกว่าเป็นความงามของธรรมชาติโดยแท้ด้วยลักษณะเป็นลานหินกว้างมีรอยแตกเหมือนแผ่นดินแยกออกจากกันยามก้มมองลงไปชวนให้หวาดเสียวเพราะเป็นซอกหินขนาดลดหลั่นกันลงไปหากตกลงไปคงรอดยากดังนั้นผู้ปกครองที่พาเด็กมาเยี่ยมชมควรดูแลอย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกับลานหินปุ่มที่ยังคงความงดงามของธรรมชาติซึ่งหินเหล่านี้บางส่วนอาจได้รับผลกระทบจากสงครามบ้างเนื่องจากอดีตใช้เป็นที่พักฟื้นของคนไข้เพราะลมพัดเย็นสบายเรานั่งพักชมทิวทัศน์และกลุ่มก้อนเมฆได้สักพักก็เดินทางต่อเพื่อกินอาหารกลางวันและคุยกับสหายชาวม้ง ที่ร่วมกับ พคท. ที่ ภูหินร่องกล้า ตั้งแต่ยุคเริ่มต้น
"...เราเริ่มจากสองมือเปล่าแย่งเอาอาวุธปืน ปฏิกิริยาเด็ดเดี่ยวเอาอาวุธมัน ล้างมันแหลกลาญวินัยเหล็กเพชร ทรหด รอบคอบอดทน ทำสงครามยาวนาน เสียสละกล้าหาญทะยานล้างโจรทมิฬ..." เสียงร้องเพลงมาร์ชกองทัพปลดแอกประชาชนไทยยังคงตราตรึงอยู่ในห้วงคำนึงของสหายมีนา ในวัย 57 ปีอย่างแม่นยำแม้เสียงร้องกระท่อนกระแท่นไปตามอายุขัย
สหายมีนาถูกจารึกชื่อเป็น ชาวม้งลำดับที่ 1 ซึ่งร่วมกับ พคท.ด้วยวัยเพียงแค่ 15 ปี เมื่อเริ่มเข้าสู่ร่มธงค้อนเคียวและวันนี้เขายังยึดมั่นหลักการรับใช้ประชาชนด้วยการให้ความรู้กับผู้สนใจชมอดีตของ ภูหินร่องกล้า อันเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของชีวิต...
"ปืนสำคัญกว่าชีวิต"สหายมีนากล่าวถึงนิยามที่สหายทุกคนต้องจำขึ้นใจจึงไม่แปลกที่วันมอบตัวกับทางการด้วยการส่งมอบปืนอาก้าคู่ใจเขารู้สึกหดหู่เหมือนขาดเพื่อนคู่ใจไปสักคนสหายมีนาเล่าถึงระบบทุนในอุดมคติ ว่าตอนนี้ระบบทุนของมหาอำนาจในการก้าวก่ายประเทศไทยไม่รุนแรงเท่าเมื่อก่อนที่มีการแทรกแซงเข้ามาสร้างฐานทัพอย่างโจ่งแจ้งซึ่งทุกคนต้องรู้จักความพอประมาณไม่ลุ่มหลงกับวัตถุเงินตรามากเกินไป
"ทุกวันนี้คนไทยแบ่งเป็นฝักฝ่ายทำร้ายกันไปมามันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับประชาชนโดยรวมเพราะเหมือนเรากำลังเอาก้อนหินทุบหัวตัวเอง ความเสียหายต่าง ๆผลสุดท้ายก็ตกอยู่ที่มวลชนทุกคน และยิ่งเวลานี้ประเทศมหาอำนาจที่เหมือนเสือของระบบทุนนิยมเห็นเรายิ่งอ่อนแอเขาก็จ้องตะครุบทรัพยากรของเราไปหมด จึงอยากฝากถึงสหายทุกคนให้ร่วมมือร่วมใจพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า อย่ามัวทะเลาะและคอร์รัปชั่นกันอยู่เลย"สหายมีนากล่าวทิ้งท้ายด้วยแววตาที่มุ่งมั่น
หลังอิ่มจากอาหารกลางวันเจ้าสี่ล้อก็พาเราลงจากภูหินร่องกล้าไปตามเส้นทางภูทับเบิกสองข้างทางมีทิวทัศน์งดงามตัดกับไร่กะหล่ำปลีของชาวบ้านดูแล้วก็ได้อารมณ์เพลินตาไปอีกแบบโดยเฉพาะเมื่อถึงส่วนยอดภูมองลงมายังพื้นล่างเห็นถนนคดเคี้ยวเป็นงูเลื้อยเบื้อง หลังเป็นทิวเขาตัดกับกลุ่มก้อนเมฆทะมึนผมปีนไปบนก้อนหินขนาดใหญ่สุดบนยอดภูเพื่อถ่ายรูปในระยะสายตาเจ้าเวหา...อืม!! "รู้สึกดีเป็นบ้า!!"
การเดินทางไต่ระดับความสูงมา ภูหินร่องกล้า ครั้งนี้อาจไม่ยิ่งใหญ่ในสายตาคนอื่น แต่สำหรับเราได้รับรู้และเข้าใจว่า คนทุกคนถึงกาลเวลาผ่านเลยเพียงไรแต่ "ฐานที่มั่นในหัวใจ" ยังสำคัญเสมอตราบใดที่การกระทำไม่ทรยศต่อหัวใจ
 
การเดินทาง :จากพิษณุโลกใช้เส้นทางหมายเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) เลี้ยวซ้ายที่บ้านแยงกม. 68 เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2013 ไปอีก 28 กิโลเมตร ถึงอำเภอนครไทยแล้วเลี้ยวขวาตามทางหลวงหมายเลข 2331 ไปภูหินร่องกล้าอีก 31 กิโลเมตรนอกจากนี้ภูหินร่องกล้ายังสามารถเข้าถึงได้จากด้านจังหวัดเพชรบูรณ์โดยใช้เส้นทางหล่มเก่า-ทับเบิก-ภูหินร่องกล้า แต่เส้นทางนี้ค่อนข้างสูงชันและคดเคี้ยวมาก เหมาะเป็นทางลงมากกว่า
รถโดยสาร :เดินทางโดยรถไฟหรือรถโดยสารจากกรุงเทพฯ ไปพิษณุโลกแล้วต่อรถโดยสารสายพิษณุโลก-นครไทย รถจะออกจากสถานีขนส่งพิษณุโลกทุก 1ชั่วโมง ระหว่างเวลา 06.00-18.00 น. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงจากนั้นต้องเช่าเหมารถสองแถวเล็กจากตลาดสดนครไทย ไปภูหินร่องกล้าช่วงฤดูท่องเที่ยวมีบริการรถสองแถวโดยสารสายนครไทย-ร่องกล้า
http://img.kapook.com/image/travel/4_6.jpg
สีสันรายทาง
ของฝาก : ไก่ย่างวิเชียรบุรี แกล้มกับส้มตำทอดกรอบก็อร่อยไปอีกแบบ ตบท้าย ด้วยมะขามหวานของขึ้นชื่อเมืองเพชรบูรณ์
แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง :น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร ห่างจากโรงเรียนการเมืองประมาณ 600 เมตรมีทางแยกเดินลงน้ำตกร่มเกล้าก่อน จากนั้นเดินลงไปประมาณ 200 เมตรจะเป็นน้ำตกภราดร ที่เกิดจากลำธารเดียวกัน
น้ำตกศรีพัชรินทร์ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับทหารจากค่ายศรีพัชรินทร์จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นทหารหน่วยแรกที่ขึ้นมาบนภูหินร่องกล้าน้ำตกศรีพัชรินทร์มีความสูงประมาณ 20 เมตร มีแอ่งใหญ่ที่เหมาะสำหรับเล่นน้ำ
น้ำตกหมันแดงเป็นน้ำตกที่มีชั้นต่าง ๆ รวม 32 ชั้น เกิดจากห้วยน้ำหมัน ซึ่งมีน้ำตลอดปีอยู่บนเส้นทางสายภูหินร่องกล้า-หล่มเก่า กม. 18มีทางเดินเท้าเข้าสู่น้ำตกอีก 3.5 กิโลเมตร
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
http://img.kapook.com/image/Logo/dailynews.jpg
ขอบคุณคับ ช่วยฟื้นความจำ ไปมาแล้ว {:5_123:} สวยงามมากเลยครับ อ๊ากๆๆๆชอบๆๆอ่าคับ
อิอิ สวยๆๆๆ สวยๆอยู่ใกล้แค่นี้เองทำไมต้องไปไกล ขอบคุณครับ....รักธรรมชาติจริงนะ ^^
หน้า:
[1]