ตอนที่12 ภัยร้ายมาเยือน – ครูพละสุดเซ็กซ์คนใหม่ [CP]
ตอนที่12 ภัยร้ายมาเยือน(1) – ครูพละสุดเซ็กซ์คนใหม่เช้าวันจันทร์ผมไปโรงเรียนอย่างไม่เป็นสุขนัก เพราะเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ผมนอนไม่หลับเอาเลย พ่อกับแม่เกือบจะกลับมาเห็นผมหลับตายคาบ้านอยู่แล้ว ดีที่มีไอ้แมนคอยช่วยเก็บกวาด และช่วยเก็บศพผมด้วย ผมยังคงส่งข้อความไปหาไอ้โจอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีอะไรตอบกลับมาเลยแม้แต่นิดเดียวผมรีบมาโรงเรียนแต่เช้า เพราะผมรู้ว่าไอ้โจมาโรงเรียนเร็ว มันเป็นคนขยันเสมอ ผิดกับผมที่เป็นคนขี้เกียจ เวลามีงานอะไรคู่กันมันก็มักจะเป็นคนทำมากกว่าผม น่าแปลกที่หลังจากที่คืนนั้นผ่านพ้นไป หลังจากที่มันออกจากบ้านผมไปแล้ว ทุกเรื่องของมัน แม้แต่เรื่องเล็กๆที่ผมเคยมองข้าม กลับกลายเป็นเรื่องสำคัญไปซะหมด ตามปกติแล้วผมจะนั่งแท็กซี่มาโรงเรียนเอง แต่วันนี้ผมขอให้พ่อมาส่งที่โรงเรียนตั้งแต่หกโมงเช้า เพื่อหวังว่าจะได้เจอไอ้โจก่อนเข้าเรียนระหว่างที่ผมรอไอ้โจอยู่ที่ม้านั่งหินตรงหน้าโรงเรียนก็มีคนคุ้นเคยที่ไม่ได้เจอหน้ามานานเข้ามาทักทายผม“นึกว่าใคร พี่เอ็กซ์นี่เอง ไม่ได้เจอกันนานนะครับ” ผมเงยหน้ามองขึ้นไป เจอสายตาหวานๆของน้องบิ๊กมองลงมาที่ผม คงจำกันได้นะครับ คนที่เคยเป็นทั้งแฟน และคู่นอนเก่าของผม ทว่าเราเลิกกัน ตั้งแต่ที่เด็กคนนี้ แอบไปเอากับไอ้เชนลับหลังผม“ครับ นานมากจริงๆ” ผมเน้นย้ำตรงคำว่านาน สื่อให้รู้ว่าเรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว หลังจากที่เศร้าเรื่องไอ้โจ ยังต้องมาเจอกับคนที่ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดอีกเหรอนี่“บิ๊กมีธุระอะไรกับพี่เหรอ” ไม่รู้ว่าน้องบิ๊กเข้ามาทักผมเพราะต้องการอะไร ถ้าเพื่อจะพูดคุยเฉยๆละก็ผมก็ไม่รังเกียจ แต่ถ้ามีจุดประสงค์อื่นล่ะก็ คงจะต้องหยุดการพูดคุยไว้เท่านี้“แหม พูดจาไร้เยื่อใยจังเลยนะครับ ผมอุตส่าห์คิดถึงพี่แท้ๆ”โดยไม่ได้ขออนุญาต น้องบิ๊กนั่งลงข้างๆผม ก่อนจะวางมือลงบนหน้าขา เด็กสมัยนี้นี่แรงดีจริงๆ แต่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันเลย ที่จริงเกือบจะรู้สึกรำคาญนิดๆด้วยซ้ำ ผมไม่ได้ขยับหนี เพียงแต่ยกมือน้องบิ๊กออกไปเบาๆ น้องบิ๊กหน้าเสียเล็กน้อยที่เห็นผมไม่ตอบสนอง ซ้ำยังไร้อารมณ์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“พี่เอ็กซ์เปลี่ยนไปนะครับ เมื่อก่อนออกจะ... ใจดีแท้ๆ”คนเคยๆกัน ใช้คำพูดสวยหรูแบบไหนก็เข้าใจกันได้ถึงกึ๋นหมดละครับ คำว่าใจดีนั่น จะหมายถึงอะไรล่ะ นอกจากหมายถึงตัวผมเมื่อก่อน ที่แอ่นควยให้จับได้ตามใจชอบ ก็ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงไม่ปฏิเสธหรอก แต่ตอนนี้ ในหัวของผมไม่มีเรื่องของคนอื่นอยู่เลย นอกจากคนๆเดียว ที่ทำให้ผมต้องมานั่งรอมันอยู่ตรงนี้“อะไรๆมันก็เปลี่ยนไปหมดแล้วนี่ครับ แล้วนี่ไอ้เชนเป็นไงบ้างละ” ผมแย็บหมัดตรง พูดถึงไอ้เชนโดยไม่ยี่หระเลยสักนิด หวังจะทำให้เด็กคนนี้ชะงักเสียบ้าง แต่ผิดคาด เพราะนอกจากจะไม่ชะงักเพียงสักนิดเดียว แล้วยังหัวเราะออกมาน้อยๆอีกด้วย“ช่วงนี้ก็เห็นหายซ่าไปเยอะนี่ครับ พูดถึงเค้าทำไมครับ หรือว่าพี่เอ็กซ์หึง” เป็นคราวที่ผมจะหัวเราะหึๆออกมาบ้าง คนเราจะสำคัญตัวเองผิดได้มากขนาดนี้เชียวเหรอ“เปล่าเลย แค่อยากรุว่ายังมีความสุขกันดีหรือเปล่าก็เท่านั้น”ถึงจะรู้ดีว่าเลิกกันไปแล้วก็เถอะนะ พูดให้ถูกคือโดนเฉดหัวทิ้งมากกว่า แต่ก็อยากย้ำให้เด็กคนนี้รู้ว่า ฝ่ายที่ร่านไปหาคนอื่นก่อนคือเค้า ไม่ใช่ผม ได้ข่าวมาว่าหลังจากไอ้เชนก็ยังไปมั่วกับคนอื่นไม่รุ้ตั้งกี่คน“พี่เอ็กซ์ ตั้งแต่เรื่องคราวนั้นพี่ไม่ให้ผมได้อธิบายบ้างเลย พี่กำลังเข้าใจผมผิด พี่เอ็กซ์ก็รู้ว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเค้า ผมถูกเค้าใช้กำลัง พี่ก็รู้ว่าเค้าไม่ชอบหน้าพี่ เค้าก็เลยทำร้ายผมเพื่อแก้แค้นพี่ ผมเสียใจมากนะที่พี่บอกเลิกกับผม หลังจากนั้นเค้าก็ยังเข้ามายุ่งกับผมอีก แต่ผมไม่สนใจเค้าสักนิด คนที่ผมรักคือพี่คนเดียวนะ”โห เล่นเอาอึ้งไปเลย รู้อยู่แก่ใจว่าความจริงมันเป็นยังไงยังจะกล้าป้นน้ำเป็นตัวได้มากขนาดนี้อีกเหรอนี่ ถ้าไม่ใช่คนคุ้นเคยกันผมก็คงจะหลงเชื่อยู่หรอกนะ พูดซะเหมือนกับว่าตัวเองเป็นเหยื่อ คำโกหกตอแหลทำเอาเยื่อใยน้อยๆที่มีต่อเด็กคนนี้หมดไปทันที เหลือไว้แต่ความชิงชังในคำปลิ้นปล้อนของคนตรงหน้าเท่านั้น ที่ผ่านมาผมคบกับคนแบบนี้ไปได้ยังไงเนี่ย เพียงเพราะหลงรูปกลักษณ์ภายนอก ไม่ได้มองให้ลึกลงไปในจิตใจแท้ๆ“หึ น่าสงสารจังเลยนะครับ ดีใจจังที่บิ๊กซื่อสัตย์กับพี่ขนาดนี้” ผมไม่อยากพูดจารุนแรงทำร้ายจิตใจของเด็ก แม้ในใจจะรู้สึกชิงชังก็ตาม น้องบิ๊กเห็นผมพูดแบบนั้น จึงเอามือมาวางทับมือผม แล้วพูดรุกต่อทันที“เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะครับ บิ๊กรู้ว่าพี่ก็คิดถึงบิ๊ก ให้ผมได้มอบความสุขให้พี่อีกครั้งนะ”น้องบิ๊กเอามือมาลูบไล้หน้าขาผมอีกครั้ง แต่มันทำให้ผมรู้สึกรังเกียจอยากจะเอากับกูมากอย่างงั้นสิ ผมกำลังจะจับมือของน้องบิ๊กออกพร้อมๆกับความอดทนที่กำลังจะหมดลง ทว่าผมเห็นใครบางคนเดินผ่านหน้าผมไปก่อนไอ้โจ...ทำไมผมถึงได้ซวยขนาดนี้ ไอ้โจต้องเข้ามาเห็นน้องบิ๊กกำลังนั่งคุยฉอเลาะผมอยู่แน่นอน มันไม่ได้ยินที่พวกผมคุยกัน แค่ภาพที่มันเห็นคงทำให้เข้าใจผิดไปถึงไหนต่อไหน แม้มันจะเดินผ่านไปโดยไม่หันมามองเลยก็ตาม นี่มันยังโกรธผมไม่มากพออีกเหรอ ผมเลิกสนใจน้องบิ๊ก ลุกขึ้นเพื่อจะตามไอ้โจไป แต่น้องบิ๊กกลับรั้งตัวผมไว้อีก“พี่เอ็กซ์จะไปไหนครับ เรายังคุยกันไม่จบเลยนะ” การที่ไอ้โจเข้าใจผิดผมมากขึ้น ทำให้ความอดทนที่จะสุภาพกับเด็กคนนี้หมดลงทันที“เลิกเสแสร้งสักทีเถอะบิ๊ก อย่าให้พี่ต้องพูดพฤติกรรมแย่ๆของนายออกมาเลย รู้ดีแก่ใจแท้ๆว่าเคยทำอะไรเลวๆมาบ้าง ยังจะมากล้าโกหกกับพี่อีก จบกันแค่นี้เถอะ อย่าให้ถึงขนาดต้องเกลียดกันเลย”ผมพูดออกมาตรงๆ ทำเอาน้องบิ๊กเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่ผมพูดตรงขนาดนี้ ก่อนที่ผมจะสะบัดมือออกอย่างไม่สนใจแล้วเดินตามไอ้โจไปทันทีไอ้โจต้องไปที่โรงอาหารแล้วแน่นอน มันต้องมานั่งกินโจ๊กใส่ไข่ทุกเช้า ผมจำได้ดี แล้วผมก็พบมันกำลังนั่งกินโจ๊กอยู่จริงๆ ผมยังไม่เดินเข้าไปหามันทันที แต่แอบมองหน้ามันอยู่ไกลๆอย่างรู้สึกคิดถึง ตาที่ไม่อาจสรุปได้ว่าคมหรือหวาน แต่เป็นดวงตาที่อบอุ่นที่สุด จมูกเป็นสันได้รูปกับริมฝีปากสีชมพูบาง แค่เห็นก็ทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก แผลของมันที่ถูกผมกระทำจะหายดีหรือยังนะ เวลาแค่สองวันยังไม่น่าจะหายเลยผมใช้เวลาสักพักรวบรวมความกล้า ก่อนจะเข้าไปนั่งตรงหน้ามัน
“ไง” ผมพูดขึ้นเมื่อมันเงยหน้าขึ้นมองผม แต่สายตามันไม่แสดงความรู้สึกอะไรทั้งสิ้น มันลุกขึ้นหยิบชามเงียบๆแล้วย้ายไปนั่งโต๊ะอื่น ปล่อยให้ผมรู้สึกอึ้ง เหมือนมันตบหน้าผมอย่างจัง ทำไมมันต้องห่างเหินกับผมขนาดนี้ สีหน้าเย็นชาของมันทำให้ผมจุกอก ผมยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆจึงลุกย้ายไปนั่งกับมันอีก แต่เมื่อมันทำท่าจะลุกอีกครั้งโดยทิ้งชามไว้ คงตั้งใจจะไม่กินแล้ว ผมจึงร้องห้ามมันเบาๆ“ไม่เป็นไร กูขอโทด นั่งกินไปเถอะ กูไม่นั่งกับมึงก็ได้”มันยอมนั่งลงแต่โดยดี โดยไม่มองหน้าผมเลยแม้แต่น้อย มันเกลียดผมมากขนาดนี้เลยหรือไง รู้สึกเจ็บในอกซะจนบรรยายไม่ถูก การถูกคนที่เรารักทำเฉยชาใส่เหมือนเราไม่มีตัวตน มันเจ็บปวดมากขนาดนี้เลยเหรอผมจำต้องถอยออกมาตั้งหลัก ไม่อาจทนมองมันฝ่ายเดียวได้โดยที่มันไม่สนใจ นึกดูแล้วผมไม่เคยต้องง้อใครมากขนาดนี้ แล้วก็ไม่เคยมีใครทำให้ผมรู้สึกไม่มั่นใจมากขนาดนี้มาก่อน ไม่น่าเชื่อว่าใครคนนั้น จะเป็นเพื่อนรักของผมเอง
“โอ๊ย” ระหว่างที่ผมเดินคิดไปเรื่อยเปื่อย ผมก็เดินชนกับใครคนหนึ่งเข้าอย่างจัง เอกสารที่ใครคนนั้นถือมาหล่นกระจายเต็มพื้น ผมรีบก้มลงไปช่วยเก็บ ก่อนที่จะพบว่าคนที่ผมชนนั้นเป็นอาจารย์ที่ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แถมยังใส่ชุดกางเกงวอร์ม แสดงว่าเป็นครูพละ หรือว่านี่จะเป็นอาจารย์โค้ชคนใหม่?“เอ่อ ผมขอโทดครับ” ผมเก็บเอกสารส่งให้เค้า ระหว่างที่ผมก้มลงไปเก็บเอกสารนั้นเค้าไม่คิดจะก้มลงไปเก็บเอกสารของตัวเองเลย แต่ยืนดูผมเก็บอยู่แบบนั้น ทำเหมือนว่าเป็นความผิดของผมทำให้ผมต้องเก็บ ยิ่งกว่านั้นเมื่อผมลุกขึ้นขอโทด เค้าก็ยังคงทำหน้าไม่พอใจอยู่“เดินระวังหน่อยสิ รู้รึเปล่าว่าผมเป็นใคร”น้ำเสียงวางอำนาจและหาเรื่องเต็มที่ นี่คืออาจารย์โค้ชคนใหม่จริงๆอย่างงั้นหรือ แม้อาจารย์คนนี้จะหน้าตาดีมากๆก็เถอะ ใบหน้าคมเข้ม คิ้วดำดกหนา โดยเฉพาะสายตาเจ้าชู้ที่ดูเข้ากันได้กับผีวสีแทนและหุ่นกำยำล่ำสันสูงชะลูด ดูราวกับนักรบสมัยโบราณ ผมแน่ใจว่าใต้เสื้อที่ใส่อยู่นั่นจะต้องมีกล้ามและซิกแพคแข็งแกร่งอยู่แน่ๆ แต่ถึงอย่างไร นิสัยที่เค้าแสดงออกมาก็ไม่ได้ทำให้ผมประทับใจเหมือนรูปลักษณ์ภายนอกเลย“ไม่รู้ครับ ไม่เคยเห็นหน้า” ผมตอบไปตามตรง อาจจะพลั้งปากอยู่บ้างแต่ผมไม่เสียใจที่พูดออกไป ถึงผมจะเดินเหม่อแต่ผมก็ขอโทดเค้าแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องมาใช้น้ำเสียงแบบนั้นกับผมเลย ผมไม่ชอบให้ใครมาหาเรื่องหรือวางอำนาจใส่ แม้จะเป็นอาจารย์ก็เถอะ คนแบบนี้ถ้าเรายอมตามก็จะทำให้ยิ่งได้ใจ แต่รู้สึกว่าคำตอบของผมจะทำให้เค้าไม่พอใจมากขึ้น แม้ว่าในตอนแรกเค้าจะจ้องหน้าผมอย่างพึงพอใจและใช้สายตาเจ้าชู้นั้นโลมเลียไปบนร่างผมก็ตาม แต่เค้าคงรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณเฉกเช่นเดียวกับผมแล้วล่ะมั้ง – ว่าเราต่างก็เป็นรุกด้วยกันทั้งคู่ สายตาสนใจนั้นจึงเปลี่ยนเป็นสายตาที่มอบความเป็นศัตรูให้ทันที“หึ ใจกล้าดีนี่ รอเจอกันครั้งหน้าก็คงได้รู้เองล่ะ ว่าผมเป็นใคร”เค้าพูดแค่นั้น ผมค้อมศีรษะให้น้อยๆอย่างเสียไม่ได้ก่อนที่เค้าจะเดินผ่านผมไปเกือบจะเป็นกระแทกไหล่ นี่ผมมีเรื่องกับอาจารย์เข้าให้แล้วหรือนี่ หวังว่าคนๆนั้นคงไม่ได้เป็นโค้ชคนใหม่จริงๆหรอกนะ ถ้าเป็นอย่างงั้นความสนุกในการเล่นฟุตบอลของผมคงไม่เหลือแน่ ดูแล้วไม่ใช่โค้ชที่จะเป็นมิตรกับนักเรียนได้เลยผมเดินขึ้นห้องเรียนไปด้วยความเซ็ง แต่หลังจากเข้าแถวแล้วผมก็ยิ่งเซ็งหนักขึ้น เมื่อไอ้โจไม่ยอมเข้ามานั่งข้างผม แต่กลับไปนั่งข้างไอ้แว่นที่อยู่ข้างหน้าแทน ตอนแรกผมกะจะเข้าไปคุยกับมันให้รู้เรื่อง แต่ก็จำต้องระงับอารมณ์และนั่งอยู่ในที่ของตัวเอง แต่พบว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการที่ไม่มีมันนั่งข้างๆผมแบบนี้ ไอ้บอลคงเห็นว่าผมเซ็งที่นั่งคนเดียว มันเลยมานั่งข้างๆผม ซึ่งผมก็รู้สึกขอบคุณ ทว่ากลัวไอ้โจมันจะยิ่งเข้าใจผิดมากขึ้นน่ะสิ แต่ถึงอย่างไร ผมก็ยอมให้มันมานั่งข้างๆ“เมื่อวันศุกร์เกิดอะไรขึ้นวะ มึงทะเลาะอะไรกับไอ้โจเหรอ” ไอ้กันกับไอ้จอมที่นั่งอยู่ข้างหน้าผมก็หันมาอย่างสนใจเหมือนกัน ผมก็คาดเดาไว้อยู่แล้วว่าพวกมันคงจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น เล่นระเบิดกลางวงแล้วลากไอ้โจออกจากบ้านแบบนั้น ทางฝั่งไอ้ก็อตไอ้นัทนั่นคงจะไปถามกับไอ้แมนเรียบร้อยแล้ว แต่ผมกำชับมันแล้วว่าอย่าบอกอะไรกับใคร“เปล่าหรอก ก็ปกติดีนี่ เข้าใจผิดนิดหน่อยนะ กูเคลียกับมันไปแล้ว” ผมตอบ แต่ไอ้บอลทำท่าไม่เชื่อ“แล้วทำไมมันไม่นั่งข้างมึงละ”ผมรู้ว่ามันเป็นห่วง แต่ผมในตอนนี้ไม่ได้อยากให้ใครมาเซ้าซี้ถามโน่นถามนี่หรอกนะ“ไม่รู้สิ มันคงมีเรื่องคุยกับไอ้แว่นมั้ง”ผมตอบอย่างเซ็งๆ ไม่ยอมสบตามัน ไอ้บอลเห็นแบบนั้นก็ไม่ถามเซ้าซี้อะไรอีก ไอ้กันกับไอ้จอมก็เหมือนกัน“เออๆ มันไม่นั่งกับมึงก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูนั่งกับมึงเองแล้วกัน”ผมพยักหน้าให้ แต่ในใจไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น นอกจากไอ้โจที่นั่งอยู่ข้างหน้าโน่น ไอ้บอลยังคงชวนคุยเป็นระยะๆ แต่ผมก็ทำเพียงถามคำตอบคำ เมื่อเรื่องคุยเริ่มเปลี่ยนเข้าสู่เรื่องเงี่ยน จนมันเอามือมาจับน้องชายผมอย่างที่มันทำเป็นประจำตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้“ไอ้บอล กูไม่เล่น” ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์เลย ถึงมันจะจับจะคลำยังไงควยผมก็ไม่ตอบสนอง เมื่อผมพูดแต่มันยังไม่เลิกเล่นอีกผมจึงเผลอตวาดออกมาด้วยโทสะ“บอกว่าไม่เล่น พูดไม่รู้เรื่องหรือไง!”ไอ้บอลหน้าเสียทันที ผมก็ตกใจตัวเองที่ตวาดมันไปแบบนั้น“กูขอโทด ปกติมึงไม่เคยว่านี่นา” ผมตอนปกติงั้นเหรอ ที่ผ่านมาผมคงจะง่ายมากไปจริงๆสินะ ทั้งน้องบิ๊ก ทั้งไอ้บอล ถึงเข้าถึงตัวผมง่ายๆกันหมด แล้วไอ้โจที่มันอยู่ข้างๆผมล่ะ มันจะรู้สึกยังไง“เออๆ กูก็ขอโทดเหมือนกัน กูแค่ไม่มีอารมณ์น่ะวันนี้ โทดทีนะ”ผมขอโทดมันจนหายงอน ก่อนที่ผมจะนั่งฟุบเงียบๆ นั่งจ้องไอ้โจต่อไปผมนั่งมองใต้โต๊ะตัวเอง วันนี้มันรกไปหมดเพราะไม่มีไอ้โจคอยช่วยจัดให้ ปกติถ้ามันรกไอ้โจก็จะด่าแล้วจัดหนังสือให้ผมเสมอ เวลาที่มันก้มลงมาจัดหนังสือให้ผม ผมก็จะกดหน้ามันลงกับเป้า ให้มันดิ้นเพราะหายใจไม่ออก นึกแล้วยังขำอยู่เลย แต่ตอนนี้เราสองคนอยู่ห่างไกลกันไปแล้ว กับเรื่องแบบนั้น ตอนนี้แค่จะคุยสักคำยังยากเลยผมพยายามทำทุกอย่างให้มันหายโกรธ หรือหันมาคุยกับผมบ้าง เริ่มด้วยการเดินไปหามันที่โต๊ะ ก่อนจะยื่นบางอย่างให้“รายงานคู่ของเรา กูนั่งทำจนเสร็จเมื่อคืน”ผมบอกมัน มันรับไปดูโดยไม่พูดอะไร ทว่าสายตามันก็เก็บความแปลกใจไว้ไม่มิด วันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมไม่ได้นั่งเมาอย่างเดียวหรอกนะ ผมสำนึกตัวเองดีว่าผมไม่เคยสนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆของไอ้โจเลย เวลามีงานคู่ แต่ก่อนผมคิดว่ามันไม่ได้หนักหนาอะไร ก็เลยปล่อยให้ไอ้โจมันเป็นคนทำเสมอ ส่วนผมก็จะคอยช่วยอะไรตามที่มันบอก และมันก็มักจะทำให้ผมทั้งหมดโดยไม่บ่นอะไรเลย ครั้งนี้ผมเลยทำให้ เพราะผมอยากบอกให้มันรู้ว่า สำหรับผมในตอนนี้ ความรู้สึกของมัน เป็นสิ่งเดียวที่ผมใส่ใจ มันเคยพูดไว้ใช่มั้ย ว่าผมไม่แคร์ความรู้สึกของมันเลยมันเปิดดูรายงานข้างใน ผมแปะโพสอิทไว้ที่ปกใน ตรงกลางอย่างเด่นๆว่า “ขอโทดนะ =] ” ผมแอบลุ้นว่ามันจะมีสีหน้ายังไง แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง เพราะมันแค่ดึงโพสอิทออก แล้วไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาเลย“ขอบใจ” มันพูดแค่นั้นแล้วเก็บรายงานไป ทั้งๆที่มันพูดกับผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่มีเยื่อใยเลย แต่ผมก็ดีใจ ที่อย่างน้อยมันก็คุยกับผม(ตอนแรกผมกลัวด้วยซ้ำ ว่ามันจะฉีกรายงานของผมทิ้ง) จะว่าไปเราก็ไม่ได้ถึงขั้นโกรธเกลียดกัน ตอนที่มันเดินจากผมไปวันนั้น ผมยังเห็นรอยยิ้มบางๆของมันอยู่เลย แล้วมันก็พูดเองว่า มันไม่มีวันเกลียดผม ทั้งหมดนี้ทำให้ผมเห็นความหวังขึ้นมาลางๆ ว่าผมจะทำให้มันหายโกรธได้“ต่อไปกูจะทำให้เองนะ มึงทำให้กูมาเยอะแล้ว” มันไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา ผมก็ไม่ได้เซ้าซี้มันอีก เพราะไม่อยากให้มันรำคาญผมซะก่อน แต่แค่นั้นผมก็อารมณ์ดีจนนั่งเรียนไปยิ้มไปได้แล้ว ระหว่างเรียนผมนั่งไลน์ไปหามันตลอด พิมข้อความเดิมซ้ำๆ “ขอโทดนะ” “หายโกรธยัง” ”หันมามองกูหน่อย” จนในที่สุดมันก็ตอบผมกลับมาสั้นๆ
“จะเรียน”
ผมนั่งอมยิ้ม ถ้ามันรำคาญผมจริงๆมันจะบล็อกไลน์ผมซะก็ได้ ผมนั่งยิ้มเขินบ้าๆกับสองคำของมันจนโดนได้บอลด่า แต่ผมก็ไม่สนใจ ผมมั่นใจว่ากำแพงความโกรธของมันเริ่มพังทลายลงทีละนิดแล้ว ถึงอย่างไรไอ้โจของผมก็เป็นคนขี้ใจอ่อน ข้อนี้ผมรู้ดีในตอนพักเที่ยง ผมรอดูว่าไอ้โจจะหายโกรธมากพอจนไปกินข้าวกับผมหรือเปล่า แต่ผมคงหวังสูงเกินไป เพราะมันไปกินกับไอ้จอมและไอ้กันแทน เหตุผลที่มันไม่ไปกินกับไอ้แว่น เพราะมันรู้ว่าไอ้แว่นต้องไปกินกับไอ้แมน และถ้าผมไม่ได้กินกับมัน ผมก็ต้องไปกินกับไอ้แมนแน่นอน (สรุปง่ายๆคือมันไม่อยากจะกินกับผมนั่นแหละ) ความดีใจเล็กๆที่ได้มาจากตอนเช้าก็เริ่มหดหาย พอเชื่อมโยงได้แบบนั้นผมก็คอตก แล้วเดินไปหาไอ้แมนที่ห้องข้างๆ
“ไง ไอ้หล่อเงี่ยน คอตกมาเชียวนะ”ไอ้ห่านี่ เจอหน้ากันก็ล้อกูเลยนะ ชิวิตยิ่งเศร้าอยู่“อย่าเพิ่งล้อเลียนกูได้มะ คนมันเศร้า”“ไม่หายโกรธเลยเหรอวะ” มันลดเสียงเบาลง เพราะไอ้ก๊อต กับไอ้นัทอยู่ตรงนั้นด้วย ผมส่ายหน้าด้วยสีหน้าสลด“ไม่เลย ใจแข็งชิบหาย แค่คุยยังไม่อยากจะคุยกับกูเลย เมื่อเช้ากูจะนั่งด้วยก็ลุกหนี ทั้งวันได้มาแค่สองประโยค”ผมคอตกอย่างเศร้า แจงให้ไอ้แมนฟังแล้วอยากร้องไห้ ไอ้โจของผมที่ปกติขี้ใจอ่อน ทะเลาะกับใคร ง้อทีเดียวก็หายแล้ว ทำไมมันไม่เป็นแบบนั้นกับผมบ้างละ“เอาน่า ลองพยายามมากกว่านี้ ถ้ามันโกรธมึงจริงๆมันไม่คุยกับมึงหรอก ง้อต่อไปเว้ย เชื่อกู”“อืม วันนี้กูแดกข้าวกับมึงนะ” ปกติรู้แค่ไปแดกกับไอ้โจ จะร่วมโต๊ะกับใครบ้างก็ช่าง ขอแค่มีมันก็พอ ผมพึ่งจะเข้าใจคำว่า เห็นคุณค่าเมื่อสิ่งนั้นหายไป ก็วันนี้แหละ“เออได้ดิ เด่วขอไปรับไอ้แว่นก่อน อย่าเศร้าเว้ย หมดหล่อ ไอ้สัส”ผมจะหล่อไปทำไมละตอนนี้ ยังไงไอ้โจก็ไม่คิดจะหันมามองอยู่แล้วเที่ยงวันนั้นผมไปนั่งกินข้าวกับไอ้แมน ไอ้แว่น ไอ้นัทและไอ้ก๊อต ไอ้แมนกับไอ้แว่นนี่ก็สวีทกันซะเหลือเกิน แย่งข้าวกันกิน ตักของชอบให้กัน แดกน้ำแก้วเดียวกัน เห็นแล้วโคตรหมั่นไส้ แต่จริงๆแล้วคืออิจฉามากกว่า ไอ้แว่นเองก็ดูน่ารักกับไอ้แมนขึ้นตั้งเยอะ ตอนแรกๆมันดูเกร็งทำตัวไม่ถูก เพราะนอกจากต้องเจอความบ้าแบบไม่เหมือนใครของไอ้ลูกมาเฟีย แล้วยังต้องเจอสายตาสายฟ้าของเหล่าบรรดาแฟนคลับนักว่ายน้ำเบอร์1ของโรงเรียนอีกด้วย แม้แต่ในวันนี้ก็ยังมีเหล่าแฟนคลับของไอ้แมนที่เดินผ่านโต๊ะกินข้าวแล้วส่งสายตาอิจฉาไปให้ไอ้แว่น แต่มันสองคนก็ไม่สนใจ เหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวกันสองคนผมเองก็นั่งกินข้าวเงียบๆ มองไอ้โจที่นั่งอยู่ไม่ไกลนัก ทว่าระหว่างมื้อกลางวันนี้มีเรื่องหนึ่งที่ช่วยหันเหความสนใจของผมจากไอ้โจไปได้“ไอ้เอ็กซ์ มึงได้เจอโค้ชคนใหม่รึยังวะ” ไอ้นัทถามขึ้น เออจริงสิ ผมลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย
“ยังว่ะ แต่กูเจอครูใหม่คนนึงเมื่อเช้า”แล้วผมก็เล่าเรื่องครูที่ผมเดินชนเมื่อเช้าให้มันฟัง“เออ กูว่าใช่ว่ะ อีซินดี้มันมาเม้าเมื่อเช้า บอกว่าครูพละคนใหม่หล่อสัสๆ คมเข้มยังกะเทพบุตร อะไรของมันนั่นแหละ”“จริงเหรอวะ กูไม่อยากได้โค้ชแบบนั้นเลย ให้ตายสิ”ลางสังหรณ์ของผมไม่ผิดจริงๆ ดันมีเรื่องกับมันไปแล้วด้วย“แกๆ ดูนั่นสิ ครูพละคนใหม่”เสียงนี้มาจากโต๊ะทางด้านหลัง ผมหันไปมอง ก็เห็นครูคนนั้นนั่นแหละ เดินเข้ามาในโรงอาหาร ซึ่งทีนทีที่เดินเข้ามาครูคนนั้นก็เป็นจุดสนใจของหลายๆสายตาในโรงอาหารทันที ในโรงเรียนชายล้วนแบบนี้ ถ้ามีครูหล่อๆเข้ามาข่าวจะแพร่กระจายไปเร็วมากครับ แถมยังจะป๊อบปูล่าสุดๆอีกด้วย ไอ้ครูนั่นก็ใช้สายตาเจ้าชู้กวาดมองทุกคน เป็นสายตาที่ผมเห็นแล้วแทบอ้วก ทว่าเหล่ากระเทยทั้งหลายคงเห็นเป็นน่าหลงใหลคลั่งไคล้มั้ง ถึงได้มองตามตาเป็นมันกันซะขนาดนั้น“นั่นเหรอวะ ท่าทางหน้าม่อหน้าดู”ไอ้นัทตั้งข้อสังเกต ซึ่งผมก็ว่าจริง ตาเจ้าชู้กับหุ่นแบบนั้น คงจะเซ็กส์จัดใช่ย่อย“มึงว่าเป็นเกย์ป่าววะ กูว่าใช่”ไอ้ก๊อตบอก แต่ผมคิดไปไกลกว่านั้นแล้ว ผมแน่ใจว่าผู้ชายคนนั้นเป็นเกย์ และเป็นรุกแน่นอน“จะม่อไงก็ช่างเหอะ แต่อย่ามาเป็นโค้ชเหี้ยๆให้พวกเราก็แล้วกัน” ตลอดบ่ายวันนั้น ข่าวของครูพละสุดหล่อคนใหม่ในโรงเรียนก็ดูจะเป็นที่สนใจของทุกคนอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดมีแฟนคลับคอยติดตามแล้วด้วย แต่ถึงอย่างไรผมก็รู้สึกไม่ถูกชะตากับครูนั่นเลยจริงๆแต่พักเรื่องของครูนั่นไว้แค่นี้ก่อน ตอนนี้ผมยังมีเรื่องง้อไอ้โจที่ต้องทำก่อนจะหมดพักเที่ยง ผมรีบขึ้นไปบนห้องก่อนที่ไอ้โจจะขึ้นมา จัดการวางตุ๊กตาหมีตัวเล็ก กับนมถั่วเหลืองที่มันชอบไว้บนโต๊ะ แล้วเขียนโพสอิทติดไว้ที่ท้องหมี “ขอโทดนะ” นี่เป็นแผนที่ไอ้แมนช่วยคิดขึ้นมา ผมนั่งคิดแผนง้อ99แบบกับมันตลอดวันอาทิตย์ ไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้ลูกมาเฟียจะคิดอะไรโรแมนติคแถมคิขุได้ขนาดนี้ ตอนแรกผมไม่อยากให้มีหมีเพราะผมอายที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังทำอะไรหน่อมแน้มแบบที่เด็กๆเค้าทำกัน แต่มันยืนกรานว่าไงๆก็ต้องมีหมี ผมก็บ้าจี้ตามมัน แล้วผมก็หลบฉากอยู่หน้าห้อง รอเวลาที่ไอ้โจจะเข้าไปแล้วไอ้โจก็ขึ้นมา โชคดีที่ตอนนั้นไม่มีใครในห้อง ผมลุ้นจัดให้มันไปเดินไปเจอน้องหมีของผม (อุตส่าห์ไปเลือกที่พารากอนตั้งนาน) แล้วมันก็ไปถึงโต๊ะ มันหยิบหมีขึ้นมาดูก่อนจะขมวดคิ้ว คนฉลาดแบบมันคงรู้ได้ในทันทีแหละว่าผมเป็นคนเอามาวางไว้ มันส่องไปรอบๆเพื่อหาตัวผมทันที แต่ผมหลบหน้าประตูอย่างดีแล้วมันเลยมองไม่เห็น ผมลุ้นให้มันทำอะไรกับน้องหมีบ้าง อาจจะยิ้มให้ หรืออาจจะกอดสักที แต่ผมก็หวังสูงจนเกินไปอีกรอบ มันแค่ดึงโพสอิทออกเก็บใส่แฟ้ม แล้วก็เก็บหมีลงกระเป๋า จากนั้นก็กินนมถั่วเหลืองจนหมด แค่นั้นก็ทำให้ผมดีใจจนยิ้มออกแล้ว มันเก็บไว้ทั้งโพสอิททั้งหมี แสดงว่ามันก็ดีใจเหมือนกันแหละที่ผมมาง้อ หวังว่าผมคงไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไปนะ แล้วตอนบ่ายผมก็ไลน์ไปหามันอีกรอบ“หมีน่ารักป่าว” ผมนั่งยิ้ม สังเกตอาการของมันที่นั่งอยู่หน้าห้อง แต่แล้วผมก็ต้องหุบยิ้มเมื่อข้อความที่มันส่งกลับมา“ไม่”“เหรอ แล้วเอามันไว้ไหน”ผมถาม อยากรุว่ามันจะตอบว่าไง ครั้งนี้มันส่งข้อความกลับมาอย่างเร็ว“ทิ้งไปแล้ว” ผมหัวเราะออกมาทันที จะทิ้งไปแล้วได้ไงในเมื่อหมีมันยังอยู่ในกระเป๋านั่น“จริงเหรอ แย่จัง นึกว่าใส่ไว้ในกระเป๋าซะอีก” หน้าไอ้โจที่ก้มอยู่เงยขึ้นทันที มันทำเหมือนจะหันมาแต่ก็ไม่ได้หัน แล้วมันก็ไม่ตอบอะไรกลับมาอีกเลย
เลิกเรียนวันนั้น ผมต้องไปซ้อมบอลเพื่อไปพบกับโค้ชคนใหม่ ผมยังแอบหวังว่าไอ้ครูหน้าม่อคนนั้นจะไม่ใช่โค้ชคนใหม่ของผม ทันทีที่ออดดัง ไอ้โจมันก็คว้ากระเป๋าเดินออกไปทันที ผมก็ทำใจไว้แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ ผมเลยชวนไอ้นัทเดินไปที่สนามฟุตบอลด้วยกัน แต่ก่อนที่ผมจะเข้าไปก็มีใครบางคนเรียกผมเอาไว้ก่อน“ไอ้เอ็กซ์” ไอ้อาร์ตนั่นเอง แค่เห็นหน้ามัน ความโกรธที่มันส่งข้อความเหี้ยๆนั่นมาก็ผลุดพุ่งขึ้นจากส่วนลึกของจิตใจทันที ถึงผมจะไม่อาจโทษใครได้นอกจากตัวเอง แต่มันก็เป็นความจริงที่ไอ้อาร์ตโกหกตอแหล ทั้งเรื่องข้อความนั่น ที่ทำให้ผมขาดสติ จนต้องทำร้ายไอ้โจแบบนั้น แล้วมันยังแสร้งทำเป็นห่วงผมต่อหน้าไอ้แมนอีก“มีเหี้ยอะไร”ผมตอบกลับอย่างไม่เป็นมิตร ชักสีหน้าอย่างไม่คิดประนีประนอม แต่ดูท่าไอ้อาร์ตจะใจเย็นกว่าที่คิด เพราะสีหน้ามันยังคงสงบอยู่“กูมีเรื่องจะคุยกับมึง”“แต่กูไม่มี! มึงไปให้พ้นหน้ากูเลย”ผมตะคอกเสียงดังกว่าที่ตั้งใจ ไอ้นัทคงเห็นท่าไม่ดี เลยยกมือขึ้นแตะแขนผมเบาๆ“ใจเย็นๆสิวะไอ้เอ็กซ์ มันมาดี มึงก็คุยกับมันดีๆเถอะ”ผมเงียบและไม่พูดอะไร อย่างน้อยเราก็เป็นสมาชิกทีมฟุตบอลเหมือนกัน ในโรงเรียนของผมการที่คนในทีมแตกหักหรือมีเรื่องวิวาทกันเป็นสิ่งที่ถูกห้ามอย่างเด็ดขาด เพราะจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของทีมได้ ต่อให้ไม่พอใจขนาดไหนก็ต้องเก็บไว้ข้างใน เหมือนไอ้พีกับไอ้ต้น เพื่อนของไอ้เชนสองคนที่มันอยู่ในทีมฟุตบอลนี้ด้วย แม้ผมจะเกลียดขี้หน้ามันสองคน แต่เมื่ออยู่ในทีม เราก็ต้องร่วมมือกันฝึกซ้อมโดยไม่เอาเรื่องบาดหมางมายุ่งเกี่ยว“กูเข้าไปรอข้างในนะ” ไอ้นัทบอก ผมพยักหน้าโดยไม่ได้หันไปมอง เพราะยังคงถลึงตาจ้องหน้าไอ้อาร์ตอยู่“มีอะไรก็ว่ามา”ผมพูด สื่อชัดเจนว่าการพูดคุยกับมันแค่สองสามนาทีก็ยากที่ผมจะทนได้“มึงชอบไอ้โจใช่มั้ย”ไอ้อาร์ตถาม ผมชะงักไปนิดนึงเพราะไม่คิดว่ามันจะถามคำถามนี้กับผม จุดประสงค์ของมันคืออะไรกันแน่“ถามทำไม”ใช่ว่าผมจะอายอะไรถ้าต้องตอบไปตรงๆว่าชอบไอ้โจ แต่ผมไม่คิดว่าจำเป็นจะต้องตอบมัน“หึ ไม่ต้องตอบก็ได้ แค่ดูจากคืนนั้นก็รู้แล้ว”มันยิ้ม แต่ไม่ใช่การยิ้มเยาะ ผมไม่เข้าใจจริงๆว่ามันต้องการอะไร ต้องการจะยั่วโมโหผมอีกงั้นหรือ“ต้องการอะไร”ผมพูดลอดไรฟัน“ใจเย็นๆอย่าเพิ่งโมโหสิวะ กูแค่จะมาบอกมึงว่า กูไม่ได้คิดจะแย่งไอ้โจของมึงเลย”มันยกสองมือขึ้นอย่างหวาดๆ พลางถอยหลังไปสองสามก้าว ซึ่งผมก็ว่าสมควรแล้ว“ตอนแรกกูชอบไอ้โจก็จริง แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร ตามประสากูแหละ มึงก็รู้ แต่กูไม่รู้ว่ามึงชอบไอ้โจอยู่ ขอโทดจริงๆที่ทำให้มึงโมโหขนาดนั้น”มันพูดรวดเดียว แต่ผมไม่เชื่อสิ่งที่มันพูด“แล้วมึงส่งข้อความเหี้ยๆนั่นมาทำไม”ผมรู้ว่ามันมาขอโทดเรื่องที่บ้านไอ้บอล แต่มันจงใจไม่พูดเรื่องข้อความ เพราะถ้ามาขอโทดเรื่องข้อความนั้น ผมไม่มีวันให้อภัย แต่น่าแปลกที่มันขมวดคิ้วด้วยความงุนงง“ข้อความอะไร”นี่มันตีหน้าซื่อมาขอโทษผม ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันส่งข้อความนั่นมาเนี่ยนะ“มึงจะงงเหี้ยอะไร มึงส่งมาเองมึงรู้อยู่แก่ใจ ไอสัส” ผมยังยั้งตัวเองไม่ให้ชกหน้ามัน เพราะในใจส่วนนึงผมรู้สึกว่าดวงตาของมันไม่มีแววโกหก“เห้ย กูไม่รู้เรื่องจริงๆ ข้อความบ้าอะไรของมึง กูไม่ได้ส่งไปนะ” ผมเบื่อกับการแสดงละครสองหน้านี่เต็มทน ผมจึงเอาไอโฟนขึ้นมาเปิดข้อความให้มันดู“นี่ไงละ ยังจะบอกว่ามึงไม่ได้ส่งอีกมั้ย”ไอ้อาร์ตรีบหยิบไอโฟนไปดู ทันทีที่มันกวาดสายตาอ่านข้อความนั้น (แค่เห็นมันถ่างขาให้กูดูดนี่ถึงกับคลั่งเลยเหรอ มึงน่าจะมาเห็นตอนที่ไอ้โจมันนั่งเทียนให้กูนะ จะได้รู้ว่าเพื่อนมึงมันร่านแค่ไหน) มันก็ทำหน้าตกใจอย่างที่ผมไม่คิดว่ามันจะแกล้งทำได้“เห้ย อะไรวะเนี่ย กูไม่ได้ส่ง”คราวนี้ผมต้องขมวดคิ้วบ้าง ชักจะงงกับเรื่องนี้แล้วสิ ตกลงนี่มันยังไงกันแน่“แต่นี่มันเบอร์มึง”ผมยังไม่เชื่อใจมันง่ายๆ ไอ้อาร์ตมันเจ้าเล่ห์จะตายไป
“ก็คืนนั้นตอนที่มึงออกจากบ้าน พวกกูก็ผลัดกันโทรหามึง แลกมือถือกันวุ่นวายไปหมด พวกคนอื่นๆก็ได้ใช้มือถือกูกันทุกคนนั่นแหละ”“มึงจะบอกว่า เพื่อนกูคนอื่น เป็นคนส่งไอ้นี่มาเหรอ”ผมหรี่ตาจ้องมัน คงไม่ใช่อุบายที่จะป้ายความผิดให้คนอื่นหรอกนะ เพราะผมก้คิดไม่ออกจริงๆว่าจะมีเพื่อนของผมคนไหนที่ทำแบบนั้น“กูก็ไม่รู้ แต่มึงเชื่อกูเถอะว่ากูไม่ได้ส่งไป แล้วกูกับไอ้โจก็ไม่เคยมีอะไรกันด้วย ถึงกูจะดูไม่ออกว่ามึงชอบไอ้โจก็เถอะนะ แต่กูก็รู้ ว่าไอ้โจมันชอบมึง”แม้แต่ไอ้อาร์ตก็ดูออกงั้นหรือนี่ คนที่โง่เป็นควายคงจะมีผมแค่คนเดียวจริงๆ“ไม่เชื่อมึงเอามือถือกูไปดูสิ มันไม่มีบันทึกหรอกว่ากูส่งไป เพราะกูก็พึ่งเห็นข้อความนั่นเมื่อกี้”ผมลองเช็คมือถือมันดู ปรากฏว่าในถาดออกไม่มีข้อความอยู่จริงๆ แต่แค่นี้ยังไม่พอหรอก ของแบบนี้ใครๆก็ลบได้ แต่ถ้าลองคิดกลับกัน ถ้ามีใครสักคนใช้มือถือของไอ้อาร์ต มันก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน ผมจึงคลายสีหน้าถมึงทึงลง คิดๆไปไอ้อาร์ตมันก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้ามันไม่ได้ส่งข้อความนั่น สิ่งเดียวที่มันทำผิดคือมายุ่งกับไอ้โจของผม และผมก็ต้องไม่ลืมว่ามันโดนผมชกหน้า“อืม กูก็ต้องขอโทดเหมือนกัน ที่ชกมึง แต่กูก็ยังไม่ปักใจเชื่อมึงหรอกนะ เพราะมันไม่มีหลักฐานว่าใครเป็นคนส่งไอ้ข้อความบ้าๆนี่มา ” ถึงแม้ว่าเราอาจจะสนิทกันเหมือนเดิมไม่ได้ แต่ผมก็รู้สึกดีที่ไม่ต้องโกรธเกลียดมัน
“เออ กูเข้าใจ ขอโทดจริงๆที่ทำให้มึงสองคนทะเลาะกัน”มันคงรู้เพราะเห็นไอ้โจเดินมาคนเดียว ปกติผมจะอยู่กับมันเสมอ เว้นแต่เวลาที่เราทะเลาะกัน ซึ่งก็มีน้อยครั้งมากๆ“ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ย”“เดี๋ยว กูจะพยายามช่วยให้ไอ้โจหายโกรธมึงเอง จะได้เป็นข้อพิสูจน์ว่ากูไม่ได้คิดอะไรจริงๆ” ผมอึ้งไปเล็กน้อย ไอ้อาร์ตหน้าม่อ เจ้าพ่อฟันเด็ก มันก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ ที่จริงแค่มาขอโทดก็น่าจะเพียงพอแล้ว“ไม่ต้องหรอก เรื่องนั้นกูจัดการเองได้”“เชื่อใจกูเหอะน่า แล้วกูก็ไม่ได้ทำเพื่อมึง กูทำเพื่อไอ้โจต่างหาก”“หมายความว่าไง”“กูไม่อยากเห็นเพื่อนทำร้ายหัวใจตัวเองหรอก”มันพูดแค่นั้น แล้วมันก็เดินไป ทิ้งให้ผมคิดใคร่ครวญคำพูดของมัน ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจความหมาย แต่มันกำลังทำร้ายหัวใจตัวเองจริงๆน่ะหรือ บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่มันต้องการก็ได้
เมื่อผมเข้าไปในห้องนักบอล (ห้องที่คล้ายๆห้องเรียน มีไวท์บอร์ดไว้เขียนแผนผังของทีม)ก็พบว่าทุกคนมาครบกันหมดแล้ว รวมถึงอาจารย์โค้ชคนใหม่ ซึ่งก็คือครูพละหน้าม่อคนนั้นนั่นแหละ“ณัฐกรณ์ มาสายนะ”โค้ชคนใหม่พูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากกระดาษรายชื่อ เขาประกาศว่าผมมาสาย ทั้งๆที่ผมพึ่งเดินตามไอ้อาร์ตเข้ามา คลาดกันเพียงสักห้าวินาทีเท่านั้น“นี่เป็นวันแรกของครู ในฐานะโค้ชของพวกเธอ ครูคิดว่ามันเป็นมารยาทที่ทุกคนในทีมควรจะต้องมาต้อนรับ อย่างน้อยก็เพื่อแสดงความเคารพ หรือเธอคิดว่ามันไม่จำเป็น” แม้คำพูดของเขาจะฟังดูเป็นทางการ ทว่าน้ำเสียงและแววตากลับแฝงความประสงค์ร้ายชัดเจน“เปล่าครับครู ขอโทดด้วยครับ”เกือบจะเรียกได้ว่า กลั้นใจบวกกับฝืนใจพูดเลยทีเดียว แต่โค้ชดูไม่มีท่าทีตอบรับคำขอโทดของผม“โค้ชคนเก่าอาจจะใจอ่อนกับพวกเธอมากไปหน่อย แต่ครูไม่ใช่ ในเมื่อทำผิดก็ต้องโดนลงโทษ วิดพื้นไป50”ผมเบิกตาขึ้นเล็กน้อย วิดพื้น50อาจเรียกได้ว่าไม่ใช่เรื่องหนักหนามากนักสำหรับนักกีฬาอย่างผม แต่ผมไม่เคยถูกลงโทษเพียงเพราะแค่การมาสายมาก่อนเลย
ผมก้มลงวิดพื้นอย่างไม่มีทางเลือก ระหว่างนั้นผมได้ยิมเสียงหัวเราะเล็กๆดังมาจากไอ้พีกับไอ้ต้น รอให้กูผ่านเรื่องนี้ไปได้ก่อนเถอะมึงผมวิดพื้นจนเสร็จ นับเสียงดังฟังชัด ไม่มีท่าทีแม้แต่เหนื่อยหอบให้เห็น สายตาของโค้ชที่มองตรงมาแสดงความรู้สึกทึ่ง แม้จะไม่เต็มใจนักก็ตาม ผมนักลงข้างไอ้นัท มันแตะแขนผมเบาๆ แต่ผมส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร“ครูชื่อเดชพงษ์ เรียกว่าครูเดชก็ได้ นับแต่วันนี้ครูจะมาเป็นโค้ชคนใหม่ของพวกเธอ ขอให้พวกเธอเคารพกฏระเบียบ ตั้งใจฝึกซ้อม เราจะได้อยู่ทีมเดียวกันอย่างสนุก”
ชื่อเดชงั้นเหรอ ก็ดูเหี้ยมสมตัวดีเหลือเกิน ผมสังเกตสีหน้าของบรรดาเพื่อนๆ ทั้งไอ้นัท ไอ้อาร์ต หรือกระทั่งไอ้โจ ไม่มีใครแสดงท่าทีว่าชอบโค้ชคนใหม่เลยสักคน ทว่าโค้ชคนนี้มีท่าทางและน้ำเสียงที่ทรงพลังอย่างประหลาด มั่นคงแข็งแกร่งเหมือนทหารก็มิปาน เป็นบุคลิกเฉพาะที่ทำให้คนยอมศิโรราบและไม่กล้าต่อกร“เอาละ ก่อนที่เราจะซ้อมกัน ครูอยากให้พวกเรามาทำกิจกรรมเล็กๆน้อยๆเพื่อกระชับมิตรภาพระหว่างเรา” น้ำเสียงของครูแฝงเลศนัย รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก เป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนเวลาที่หมาป่าล่าเหยื่อ“ทุกคนยังไม่ต้องเปลี่ยนชุด ไปรวมตัวที่ห้องน้ำนะ เดี๋ยวครูจะตามไป”ทุกคนขมวดคิ้วกับคำสั่งนั้น จะให้ทำกิจกรรมทำไมต้องไปที่ห้องน้ำด้วย แต่ทุกคนก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่บิดพลิ้ว ในทีมฟุตบอลคำสั่งทุกคำสั่งของโค้ชถือเป็นประกาศิต หากใครขัดขืนจะถูกไล่ออกจากทีมทันที และด้วยความที่ฟุตบอลเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเรา เราจึงไม่อาจยอมให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้ทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องล็อกเกอร์ ยืนหันหน้าเข้าหากันล้อมรอบม้านั่ง ประจำตำแหน่งของตัวเอง ไอ้โจยืนอยู่ตรงข้ามผม ผมพยายามสบตามันแต่มันไม่มองผมเลย พวกเรายืนรอสักครู่ครูเดชก็เข้ามาในห้องน้ำ“ครูขอดูหน่อยซิว่าพวกเธอแต่ละคนฟิตมากพอที่จะเป็นนักบอลของโรงเรียนนี้หรือเปล่า เอ้า! ทุกคนถอดเสื้อออก” ทุกคนตกใจเล็กน้อยกับคำสั่งนั้น ใช่ว่าทุกคนจะอายเพราะแก้ผ้าต่อหน้ากันมาก็เคยแล้ว แต่ไม่มีโค้ชคนไหนสั่งให้พวกเราทำอะไรแบบนี้มาก่อน แม้แต่ไอ้นัทจอมทะเล้นก็ยังมีท่าทีเลิ่กลั่ก“เอ้า รออะไรกันละ ครูสั่งให้ถอดเสื้อไง” น้ำเสียงของครูตอนนี้ฉายแววหื่นชัดเจน ลำพังตัวผมน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ไอ้โจที่อยู่ตรงข้ามผมนี้สิ ในตอนนี้เพียงแค่ผมคิดว่ามันต้องเปลือยกายต่อหน้าคนอื่น ผมก็โมโหจนแทบคลั่งแล้วเมื่อครูสั่งย้ำ ไอ้พีกับไอ้ต้นก็ปลดกระดุมถอดเสื้อออกทันที ทำให้คนอื่นๆเริ่มทำตามบ้าง ไอ้โจก็ปลดกระดุมเสื้อออกช้าๆ ผมต้องใช้พลังใจทุกหยดหยาดในการระงับอารมณ์ไม่ให้โมโหไอ้ครูบ้ากาม แล้วผมก็ปลดกระดุมเสื้ออกเช่นกัน จนในที่สุดนักบอลสิบกว่าคนก็ยืนเปลือยท่อนบน โชว์หุ่นล่ำๆของแต่ละคนที่อวดคนอื่นได้อย่างไม่อายใคร ครูเดชยิ้มอย่างพอใจ“อืม หุ่นดีกันทั้งนั้นเลยนี่ นักฟุตบอลมันต้องแบบนี้สิ” ไอ้พีกับไอ้ต้นยิ้มชอบใจ พวกบ้ากามอย่างพวกมันคงจะถูกใจไอ้โค้ชบ้ากามนี่มากล่ะสิ ไอ้นัทเหลือบมองหน้าผม หน้าของมันแดงก่ำ ผมเข้าใจดี ถึงมันจะไม่อายถ้าต้องแก้ผ้าต่อหน้าเพื่อนๆ แต่กับโค้ชที่พึ่งจะรู้จักกัน ก็ยากที่จะบังคับตัวเองไม่ให้อายได้ และยิ่งเจอคำสั่งต่อมาของโค้ชด้วยแล้ว“เอาละ ในฐานะที่เราเป็นทีมเดียวกัน ครูอยากให้พวกเธอสนิทกันให้เต็มที่ ไม่ต้องอายกันและไม่มีความลับต่อกัน ทุกคนถอดกางเกงออกให้หมด แล้วถอดกางเกงในออกด้วย”
ทุกคนอึ้งกับคำสั่งนั้นจนไม่มีใครขยับ มีแต่ไอ้พีกับไอ้ต้นที่ก้มลงถอดกางเกงออกหมดทันที จนตอนนี้พวกมันร่างกายเปลือยเปล่า แต่มันสองคนก็ไม่สนใจแม้แต่จะเอามือมาปิดท่อนลำนั้น กลับยืนตัวตรงโชว์ท่อนลำขนาดเขื่องอย่างไม่อาย ครูเดชเห็นคนทำตามคำสั่งแค่สองคน จึงเริ่มขึ้นเสียงด้วยความโมโหทันที“อะไรกันวะ แค่แก้ผ้าแค่นี้ทำเป็นอาย อย่างงี้จะเป็นนักบอลได้ยังไงวะ พวกเธอกล้าขัดคำสั่งครูเหรอ อยากโดนไล่ออกจากทีมกันรึไง”“แต่พวกเราเป็นนักบอลนะครับ ไม่ใช่ทหารเกณฑ์”คนที่พูดประโยคนั้นไม่ใช่ผม แต่เป็นไอ้อาร์ต ผมรู้สึกทึ่งและนับถือในความกล้าหาญของมัน คนอื่นๆก็เช่นเดียวกัน แต่ผลจากการแข็งข้อ ส่งผลฉับพลันทันทีครูเดชเดินตรงไปที่ไอ้อาร์ต ก่อนจะใช้มือขยำไปที่เป้าไอ้อาร์ต“อ๊ากก อย่าครับครู”ฝ่ามือหยาบกร้านของครูเดชบีบคลำอย่างแรงไปบนเป้าของไอ้อาร์ต แต่ไอ้อาร์ตไม่มีสิทธิขัดขืน มันได้แต่ปัดป้องมือครูและพยายามบ่ายเบี่ยง แต่ยิ่งหลบครูเดชก็ยิ่งขยำเป้ามันหนักขึ้น“ก็ใช่ เป็นนักบอล แต่ผมเป็นโค้ช มีสิทธิจะสั่งอะไรพวกคุณก็ได้ เข้าใจไหม”ครูเดชไม่เพียงแค่ขยำเป้า แต่ยังปลดตะขอกางเกงแล้วถอดกางเกงและกางเกงในไอ้อาร์ตออกทันที จนควยของไอ้อาร์ตดีดผึงออกมา“หึ ทำเป็นอาย ที่แท้ก็ควยเล็กนี่เอง”ครูเดชแสยะยิ้ม ความโมโหผลุดพุ่งจากส่วนลึกของจิตใจผมทันที ไอ้ครูนี่ไม่ใช่แค่บ้ากามแล้ว เข้าข่ายโรคจิตชัดๆ ไอ้พีกับไอ้ต้นหัวเราะร่วนอย่างชอบใจ ไอ้อาร์ตหน้าแดงก่ำ ไม่รุ้ว่าด้วยความอายหรือโมโห แต่มันก็ไม่มีสิทธิขัดขืนโค้ชได้ ซ้ำร้ายครูเดชไม่หยุดเพียงแค่นั้น
“สองคนนั่นน่ะ เข้ามาจับแขนไอ้นี่ไว้ซิ ครูจะแสดงให้ดูว่าคนที่ขัดคำสั่งครูจะโดนอะไร”ไอ้พีกับไอ้ต้นกระเหี้ยนกระหือรือตอบรับคำสั่งทันที มันสองคนเข้าไปล็อกแขนไอ้อาร์ตที่ตอนนี้ร่างกายเปลือยเปล่าและพยายามดิ้น คนอื่นๆยืนนิ่งอย่างไม่กล้าเข้าช่วย“เห้ย ปล่อยกู”มันพยายามขัดขืน ทว่าคนเดียวไม่อาจสู้แรงสองคนได้ ครูเดชย่างสามขุมเข้าหาไอ้อาร์ต ก่อนจะคว้าท่อนลำมันมากอบกุมไว้ทั้งมือ“ครูจะทำอะไร อย่าครับ” ครูเดชยิ้มเหี้ยม ก่อนจะบรรเลงเพลงชักว่าวให้ไอ้อาร์ตทันที ผมตาเบิกกว้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมไม่มีอารมณ์ร่วมด้วยหรอก แต่โมโหจนเกือบถึงขีดสุดแล้ว มันกล้าทำขนาดนี้เลยเหรอ แม้ผมจะเคยมีเรื่องกับไอ้อาร์ต แต่ตอนนี้ผมรู้สึกสงสารมันจับใจ“ก็ใหญ่ดีเหมือนกันนี่ ไง เสียวมั้ย ฮ่าฮ่า”ไอ้ครูโรคจิตชักควยไอ้อาร์ตเข้าออกอย่างเมามันส์ อีกมือก็ตะปปไปทั่วร่างไอ้อาร์ต ทั้งลูบกล้ามท้องและบีบบี้หัวนม“อ๊าา ครู ปล่อยผม ไม่เอา”แต่ครูเดชไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทั้งถอกทั้งชักควยไอ้อาร์ตจนมันแข็งเป็นลำ ไอ้พีกับไอ้ต้นก็ล็อกแขนไอ้อาร์ตไว้แน่น ทั้งยังใช้มือแหกขาไอ้อาร์ตออก ให้ครูเดชจับถอกได้ถนัดๆ“ยังจะมีใครกล้าขัดคำสั่งครูอีกมั้ย” ครูเดชหันมาหาคนอื่นๆ พวกมันจำยอมต้องถอดกางเกงออกทันที เว้นก็แต่ผมที่เส้นโมโหใกล้จะขาดอยู่รอมร่อ ผมต้องช่วยไอ้อาร์ต ไม่ว่าจะโดนอะไรก็ตาม คิดได้แค่นั้นผมก็เดินตรงไปที่ไอ้ครูบ้านั่นทันที แม้ไอ้นัทจะรั้งแขนผมไว้แต่ก็เอาไม่อยู่ทว่ามีใครอีกคนที่เดินไปถึงก่อน“หยุดได้แล้ว!”ใครคนนั้นพูดเสียงเฉียบขาด ผมอึ้ง ไอ้โจนั่นเองที่เข้าไปห้าม มันคว้าข้อมือของครูเดชไว้ ครูเดชหันมามองหน้าไอ้คนที่บังอาจขัดขวางมันไว้ทันที แต่ทันทีที่ไอ้ครูเดชเห็นหน้าไอ้โจ มันก็จับจ้องใบหน้าไอ้โจอย่างไม่ละสายตาความโมโหแบบใหม่ฉีดพล่านไปทั่วร่าง ทั้งสายตานั่นที่มันจับจ้องเมียผม และโมโหตัวเองที่เข้าไปช้า ไอ้โจก็เหมือนผม มันทนดูคนถูกรังแกไม่ได้ ถ้าเพียงแต่ผมจะเข้าไปขวางให้เร็วกว่านี้ ผมปล่อยให้ไอ้โจออกหน้าจนมันตกเป็นเป้าของไอ้ครูโรคจิตได้ยังไง
“ถึงจะเป็นโค้ช แต่ครูไม่มีสิทธิทำกับพวกเราแบบนี้” มันพูดหน้านิ่ง ทว่าครูเดชกลับแสยะยิ้ม มันจ้องไอ้โจที่ตอนนี้เปลือยท่อนบนไปทั่วร่างด้วยสายตาหื่นกระหายชนิดไม่ปิดบัง แล้วปล่อยตัวไอ้อาร์ตอย่างไม่สนใจทันที“ผู้กล้าอีกคนล่ะสิ”ครูเดชยิ้ม ก่อนที่จะจับมือไอ้โจหักออกแล้วจับร่างไอ้โจเข้าไปไว้ในอ้อมแขมมัน“ตัวแน่นดีนี่ หน้าตาหล่อๆแบบนี้ควยคงจะใหญ่น่าดู”มันรัดร่างไอ้โจไว้แน่น ก่อนที่จะเลื่อนมือลงไปกุมเป้า แต่ก่อนที่มันจะได้ทำแบบนั้น“ผัวะ!”ผมรู้ตัวแน่ชัดว่าทำอะไรลงไป ผมยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าเมื่อกี้ผมโมโหจนเลือดขึ้นหน้า ตอนนี้ผมก็ไปไกลกว่านั้นหลายขุมแล้ว ไอ้โจเป็นของผม ของผมคนเดียวเท่านั้น“อย่ามายุ่ง! คนของกู” ผมตวาดลั่น โมโหสุดขีดแบบเดียวกับที่โมโหที่บ้านไอ้บอล ไอ้ครูเดชชะงัก สีหน้าช็อกอย่างที่ไม่เชื่อว่าจะมีใครกล้าลงมือกับมัน ไอ้โจตกใจที่ผมทำแบบนั้น“เอ็กซ์”มันพูดเสียงเบา เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่มันเรียกชื่อผม ผมไม่พูดอะไรแต่จับไอ้โจไปไว้ข้างหลัง วินาทีเดียวกับที่ไอ้ครูเหี้ยเงยหน้าขึ้น“มึง มึงกล้าชกหน้ากู!”ไอ้ครูเดชคำราม ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ผมแล้วชกหน้าทันที แต่ผมรอรับมือยู่แล้วทำให้ยกมือขึ้นกันไว้ได้ทัน กระนั้นพละกำลังของมันก็ช่างมากเหลือเกิน แม้จะหลบหมัดแรกได้แต่ผมไม่อาจต้านทานหมัดชุดต่อมาที่พุ่งเข้าใส่ ทว่าผมก็สู้ยิบตา ประเคนทั้งหมัดทั้งถีบเข้าใส่อย่างไม่คิดชีวิต เช่นเดียวกับไอ้ครูโรคจิตที่ตอนนี้คลั่งไปแล้ว มันพยายามจะซัดผมลงไปกับพื้นให้ได้ แรงต้านของผมน้อยลงไปทุกทีๆ ไอ้โจพยายามเข้าช่วย แต่ไอ้พีกับไอ้ต้นซึ่งหาโอกาสที่จะซัดกับผมมานานแล้วเข้ามาร่วมวง ทำให้ผมอยู่ในสถานะเสียเปรียบเต็มประตูการต่อสู้แบบสามรุมสอง ผมซัดกับไอ้ครูเดชทว่าไอ้โจกลับถูกไอ้ต้นกับไอ้พีรุม เพียงเสี้ยววินาทีที่ผมวอกแวกเป็นห่วงมันก็ทำให้ผมเพลี่ยงพล้ำถูกไอ้ครูเดชซัดลงไปกระแทกพื้น มันขึ้นคร่อมอย่างไม่คิดอ่อนข้อ สามหมัดประเคนเข้าที่ใบหน้าจนรู้สึกว่าเลือดกบปาก กลิ่นคาวเลือดโชยเข้าจมูก“อย่า อย่า”ไอ้โจร้องเสียงหลง แต่มันก็ถูกไอ้ต้นล็อกไว้จนขยับไม่ได้ การต่อสู้ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึงสองนาที เป็นเวลาที่มากพอที่จะช่วยคืนสติให้กับเหล่านักบอลคนอื่นๆที่กำลังช็อกกับภาพที่เกิดขึ้นมีใครบางคนกระชากไอ้เดชออกจากตัวผม ไอ้อาร์ตที่ตอนนี้ใส่เสื้อผ้าแล้วกล้าขนาดจิกหัวไอ้เดชออกไป ลองได้ลงมือกันขนาดนี้แล้วก็คงไม่ต้องกลัวอะไรกันแล้ว ไอ้นัทพุ่งเข้าช่วยไอ้โจ ฝีหมัดของมันร้ายกาจจนไอ้ต้นกับไอ้พีต้องล่าถอย เพื่อนนักบอลคนอื่นๆที่ส่วนมากไม่เห็นด้วยกับความโรคจิตของไอ้ครูเดชก็พากันกรูเข้ามาช่วยพวกผม ไอ้ต้นกับไอ้พีเห็นท่าไม่ดีวิ่งหนีออกไปทันที เช่นเดียวกับไอ้ครูเดชที่ล่าถอยกรูดไปติดประตู“พวกมึงกล้าทำร้ายอาจารย์เหรอ คอยดูเถอะพวกมึงต้องเจอดีแน่!”มันกวาดสายตามองพวกผมอย่างอาฆาต ก่อนที่มันจะผลุนผลันออกจากประตูไป
ขอบคุณมากครับ ศึกชิงแฟนเหรอครับ ขอบคุณมากมาย {:5_119:}{:5_119:} อย่างมากก็ลาออกดิ เชื่อเถอะผู้ใหญ่ลงมาจัดการแน่ ขอบคุณมากครับ แอบบเศร้าเบาๆ ขอบคุณมากครับ ขอบคุนคาบ ขอบคุณครับ ขอบคุณคระบ ครูเหี่ยอย่างนี้อย่าไปยอมมัน สู้ๆๆ ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ {:5_119:}ขอบคุนครับ{:5_119:} อ่านแล้ว งั้นๆ ขอบคุณครับ