บันทึกของนนท์5
บันทึกของนนท์5แต่เสียงนี้นนท์กลับคุ้นเคย นนท์จึงรีบผละสายตาจากตัวหนังสือในนิตยสารเล่มนั้นเงยหน้าขึ้นมามอง...คนที่ยืนอยู่ตรงหน้านนท์ในเวลานั้น กลับไม่ใช่บริกร แต่เป็น...เด็กหนุ่ม “นัท” คนที่นนท์รอคอยอยู่ ยืนพร้อมกับมีกระเป๋าเป้สะพายที่ไหล่ข้างขวา วันนี้เขาสวมชุดที่นนท์ซื้อให้ในคราวก่อนทั้งเสื้อและกางเกง ที่เขาตั้งใจเลือกเอง ทั้ง ๆ ที่นนท์พยายามจะเลือกให้แต่เขาขอเลือกเอง คงเป็นเพราะกลัวว่านนท์จะเลือกเสื้อผ้าที่วัยรุ่นอย่างเขาไม่ใส่ละมั้ง แต่เสื้อผ้าที่เขาเลือกก็เป็นเสื้อลายสก๊อต กับกางเกงยีนส์ยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง นนท์คิดมาตลอดว่า นนท์คงไม่ให้คนที่จะมาอยู่ข้างเขา คนที่จะมาเดินข้างเขาจะต้องไปใส่เสื้อที่ขายตามตลาดนัดราคาตัวละร้อยทอนหนึ่งบาท กางเกงร้อยกว่าบาท ในขณะที่ตัวเขาเองสวมใส่เสื้อผ้าราคาแพง นนท์คิดว่าคนที่จะมาอยู่ข้างเขา ๆ ก็ต้องส่งให้คน ๆ นั้นดูดีด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่เดินไปด้วยกันแล้วเกิดความแตกต่างราวฟ้ากับดิน
นัทนั่งลงเก้าอี้ตัวตรงข้ามนนท์ วางเป้ลงบนเก้าอี้อีกตัวด้านข้างพร้อมทั้งยกมือไหว้นนท์ นนท์รีบยกมือรับไหว้ และบอกให้นัทย้ายมานั่งข้าง ๆ เขาบนเก้าอี้ยาวตัวที่เขานั่ง นัทย้ายที่นั่งไปตามที่นนท์บอก ทันทีที่นัทนั่งลง นนท์ก็คว้ามือของนัทมากุมไว้อย่างแน่นเหมือนกลัวว่านัทจะหนีจากเขาไป นนท์ถามนัทว่าหิวอะไรหรือป่าว นัทยังไม่หิวเพราะปกตินัทมักจะกินมื้อเย็นตอนดึก ๆ ส่วนใหญ่ก็จะหลังจากเลิกงานแล้ว แต่นนท์ซิกลับไม่กล้าที่จะทานอะไรตอนดึกเพราะกลัวอ้วน นนท์จึงบอกนัทว่า
“พี่กลัวอ้วน…ทานอะไรตอนดึกเข้าไปละก้อ อ้วนแน่ ๆ”
นัทก็หยอกนนท์กลับว่า
“ไม่หรอกคับ พี่ไม่เห็นอ้วนตรงไหน”
รูปร่างของนนท์กับนัทถ้าจะเทียบกันแล้ว นัทไม่ใช่คนที่มีรูปร่างใหญ่ แต่ก็มีหน้าท้องเป็นลอน ๆ เพราะที่ซาวน่าแห่งนั้นมีอุปกรณ์ให้เล่นออกกำลังกายด้วย แต่นนท์ซิวัน ๆ ทำแต่งานเวลากินส่วนใหญ่ยังต้องกินบนโต๊ะทำงาน
“เอาอย่างนี้นะ ...งั้นพี่เรียกเก็บเงินแล้วเราไปเดินดูเสื้อผ้าที่จะเอาไว้ให้นัทใส่นอน กางเกงในด้วย...ซื้อเสร็จแล้วก็ไปบ้านพี่เลย...นัทจะได้สร้างความคุ้นเคยเพราะคราวที่แล้วนัทไปที่บ้านพี่ก็มืดแล้ว...วันนี้ไปแบบว่า ท้องฟ้ายังไม่มืดจะได้เห็นอะไรและจะได้จำทางไว้ด้วย”
“คับ เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่เรื่องชุดนอน แค่กางเกงขาสั้น กับเสื้อกล้ามผมก็นอนได้แล้วคับ แต่...” นัทหันมากระชิบข้างๆ หูนนท์ต่อว่า
“ผมกลัวว่าจะไม่ได้ใส่อะซิ” นนท์หน้าแดงกล่ำด้วยอาการเขินอย่างเต็มที่ เอามือทุบลงไปที่ต้นขาของนัทที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“พูดไร ...บ้าดิ ไม่ใช่อย่างนั้นทุกคืนนี่ พี่ไม่ได้จะชวนนัทไปอยู่กับพี่เพื่อให้นัทบำเรอเรื่องนี้ให้พี่อย่างเดียวนะ...แต่...คืนนี้อ่ะ...ไม่แน่….ต้องชดเชยให้พี่ที่ให้พี่รอหลายวัน” นนท์ทิ้งท้ายก่อนที่บริกรจะเดินมาเก็บเงิน
หลังจากนั้นสองหนุ่มต่างวัยก็เดินหาซื้อข้าวของในห้างแห่งนั้นจนครบตามที่ต้องการ ก็กลับมาที่รถเพื่อขับกลับไปยังรังรัก ที่บัดนี้ รังรักแห่งนี้จะไม่เงียบงัน เปล่าเปลี่ยวเหมือนที่ผ่าน ๆ มา แต่นี้จะอบอวลไปด้วยความรัก อบอุ่นไปด้วยไออุ่นที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้แก่กัน คุกรุ่นด้วยไฟสวาทที่ทั้งคู่จะเติมเต็มให้กันและกันครั้งแล้วครั้งเล่า บ้านน้อยหลังนี้จะไม่เหี่ยวเฉาเหมือนเคย
ดอกไม้ ประตู แจกันดินทรายต้นไม้ใหญ่
แก้วน้ำจานชามบันไดโคมไฟที่สวยงาม
ขอบรั้วและที่ริมทางเดิน ต้นหญ้าที่ในสนาม
บ้านนี้จะมีความงามได้ถ้ามีเธอ
เพราะเธอคือ ที่พักพิง คือทุกสิ่งที่มีความหมาย...
เพลงนี้ยังไม่จบไปจากเสียงลำโพงเครื่องเสียงในรถยนต์ของนนท์ นท์ก็ขับรถมาถึงประตูรั้วหน้าบ้านเสียแล้ว...นัทอาสาที่จะลงไปเปิดประตูรั้วให้ เพราะคราวที่แล้วที่เขามาตอนกลางคืน เขาลงไปช่วยนนท์เลื่อนประตูให้เปิดเขาจึงจำได้ว่าต้องทำอย่างไร นนท์เพียงแค่ไขกุญแจที่ล๊อคไว้...นนท์จอดรถเสร็จก็ไขประตูบ้านหลังเล็กที่เขาอยู่คนเดียว เพื่อให้นัทเอาของเข้ามาเก็บ จริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้ นนท์ได้สั่งให้ช่างมาทำชั้นในตู้เสื้อผ้าเพิ่มเพื่อเตรียมไว้ให้นัทไว้เก็บเสื้อผ้าและข้าวของ ๆ นัท แม้ว่านนท์จะไม่แน่ใจว่านัทจะตัดสินใจมาอยู่กับเขาหรือไม่ เขาก็อยากจะเตรียมเอาไว้ให้ และแล้วความคิดของเขาก็เป็นดังที่เขาหวังไว้ นัทเก็บของเข้าตู้เสร็จ นอกจากเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่และกางเกงชั้นในที่นนท์ซื้อให้นัทใหม่ นนท์เอาเสื้อผ้าเหล่านั้นไปใส่ตะกร้าผ้าเพื่อเอาไว้ให้แม่บ้านมาเก็บไปซักให้ในตอนรุ่งเช้า...
ปัญหาเรื่องการย้ายมาอยู่ของนัท นนท์ก็ได้สมดังที่หวังไว้แล้ว แต่ปัญหาหนักอกที่นนท์ยังต้องเผชิญยังรออยู่ข้างหน้า....
นนท์เคยเกริ่น ๆ กับคนที่บ้านแล้วว่า นนท์จะมีคนมาอยู่ด้วย คนที่บ้านของนนท์โดยเฉพาะพี่ชายที่คัดค้าน เพราะบ้านหลังนี้หลังที่นนท์อยู่นั้นปลูกอยู่บนที่ดินที่พี่ชายได้รับมรดกสืบทอดต่อมาหลังจากที่บิดาตาย นนท์ย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ ซึ่งเดิมเป็นบ้านของอา แต่อาย้ายออกไป ก็ถูกปล่อยให้รกร้าง พอบิดาเสีย พี่ชายของนนท์ให้นนท์เข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ โดยตกแต่งปรับปรุงใหม่เพื่อให้อยู่ได้...และแยกส่วนออกไปจากบ้านหลังใหญ่ที่พี่น้องคนอื่นอาศัยอยู่กัน ...แต่นนท์ไม่ได้สนใจว่าจะมีเสียงคัดค้านอย่างไร นนท์ให้เหตุผลเดียวว่า ...ที่ผ่านมา นนท์ไม่เคยมีใคร...อายุขนาดนี้ นนท์รู้สึกเหงา...ทำงานของครอบครัวก็ไม่ได้ออกไปไหน อยู่แต่ในที่ทำงาน ...
นนท์เจอคน ๆนี้ คนที่นนท์คิดว่าจะมาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปในชีวิตของนนท์ได้...เหตุผลที่ประกอบด้วยน้ำตา..ที่นนท์พยายามอธิบายให้ทุกคนในบ้านเข้าใจ....นนท์บอกต่อว่า...ถ้าคน ๆ นี้ไม่ดี...นนท์พร้อมที่จะเลิกจากคน ๆ นี้ ....แต่นนท์ขอโอกาสได้หรือป่าว...โอกาสที่นนท์จะได้เรียนรู้ชีวิตคู่ ....โอกาสที่จะได้เรียนรู้ใครสักคน...ที่นนท์กำลังคิดอยากจะฝากชีวิตในบั้นปลายของตนให้คน ๆ นี้ดูแล...ทุกคนในครอบครัว...รู้และเข้าใจดีว่านนท์เป็นอะไร...เกย์...ชีวิตที่ไม่มีใครอยากเป็น....ชีวิตที่หลายคนเข้ามาแล้วจะหนีออกไปก็หนีไม่พ้น...แต่สำหรับนนท์ ....นนท์ไม่ได้คิดเช่นนั้น...แต่เขาคิดว่า เขา Born to be ....หรืออาจจะเป็นเพราะสภาพการอบรมเลี้ยงดูจากครอบครัว...กันแน่
ครอบครัวของนนท์...เป็นครอบครัวที่ยังมีความเชื่อแบบโบราณ...เลี้ยงดูลูกหลานในครอบครัวมาแบบคนสมัยก่อน แม้ว่าจะเป็นครอบครัวที่มีฐานะดี แต่ก็จะหัดให้ทุกคนทำกับข้าว...กวาดบ้าน...รู้จักการประดิดประดอยสิ่งต่าง ๆ เป็นครอบครัวที่ยึดมั่นในศาสนา มีงานทำบุญประจำ และการทำบุญก็จะจัดตระเตรียมอาหารไว้เลี้ยงพระเอง นนท์จึงได้ซึมซับสิ่งเหล่านี้มา นนท์ร้อยพวงมาลัยได้ ทำขนมไทย ๆ ก็เป็น แต่ที่นนท์พยายามฝึกหัดมาตลอดก็คือ การคว้านเม็ดน้อยหน่าออกจากลูกทั้ง ๆ ที่ยังมีเปลือกอยู่หลังจากที่คว้านเสร็จ นี่คือความภาคภูมิใจของนนท์ที่เขาสามารถทำได้ เพราะผู้หญิงแท้ ๆ ยังทำไม่ได้ แต่กว่านนท์จะหัดทำได้ก็เสียน้อยหน่าไปไม่รู้กี่โลต่อกี่โล นนท์เลยได้รับความไว้วางใจจากในครอบครัวให้เป็นคนจัดเตรียมอาหารสำหรับถวายพระทุกครั้งที่มีการทำบุญเลี้ยงพระที่บ้าน
นัทเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ ในฐานะสมาชิกคนใหม่ ก็ย่อมต้องมีทั้งคนที่รักเอ็นดู และคนที่เฝ้ามองว่านัทจะเข้ามาหลอกคนในครอบครัวของตนหรือป่าว โดยเฉพาะนนท์ ...ที่ชีวิตของเขาอยู่ในกรอบของการเลี้ยงดูของครอบครัวมาตลอด...แต่ทุกคนในบ้านไม่รู้หรอกว่าเวลาที่นนท์ออกไปไหนต่อไหนในยามค่ำคืน นนท์ไปที่ไหน ไปเที่ยวกับใคร ไปทำอะไรบ้าง นนท์เองก็พยายามรักษารูปลักษณ์ของตัวเองให้เป็นคนที่ดีในสายตาของทุกคนในครอบครัว เพราะการตัดสินใจของนนท์ในครั้งนี้ หลาย ๆ คนในบ้านช็อคไปเหมือนกันที่เขาตัดสินใจพานัทเข้ามาอยู่ในบ้านในฐานะคนรัก นัทเองก็อึดอัดใจอยู่เหมือนกัน แต่กำลังใจต่าง ๆ ที่นนท์มอบให้ ทำให้เขาอดทนสู้กับความอึดอัดใจนั้น เขาเคยคิดเสมอว่า พี่นนท์ยังอดทนเพื่อเขาได้ เขาก็ต้องอดทนเพื่อพี่นนท์ได้เช่นกัน
สามเดือนผ่านไป นนท์พยายามหาข้อมูลที่จะให้นัทเรียนต่อกศน. ซึ่งต้องใช้เอกสารหลักฐานการเรียนของนัทจากโรงเรียนเดิมที่นัทเรียนมา แต่ตอนที่นัทออกมาจากโรงเรียน นัทยังเรียนไม่จบประถม 5 เลย เพราะนัทออกมาจากโรงเรียนกลางครัน เวลานี้ นนท์ต้องคิดหนักว่าจะทำยังไง เพราะต้องกลับขึ้นไปที่โรงเรียนเดิมของนนท์เพื่อไปขอหลักฐาน นนท์จึงต้องหยุดงาน ขับรถขึ้นไปเชียงใหม่บ้านเกิดของนัท เพื่อไปเอาหลักฐานมาใช้สมัครเรียน เกือบ 1 วันที่นนท์กับนัทขับรถขึ้นไป นัทพานนท์ไปที่บ้านเกิดของนัท ที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่อยู่ต่างอำเภอ ต้องขับรถออกไปอีก ประมาณ 80 กิโล แล้วยังต้องแยกเข้าไปบ้านอีกบ้านที่นนท์เห็นแล้ว คิดในใจเลยว่า นี่หรือบ้านที่เขาเคยอยู่มา แล้วพ่อกับแม่เขาอยู่กันได้อย่างไร สภาพบ้านที่หลังคามุงสังกะสีที่มีรูรั่ว แม้ช่วงที่นนท์ไปจะไม่มีฝนตก แต่ก็รู้ได้ว่าเมื่อฝนตกคงลำบากแน่ เพราะแสงอาทิตย์ลอดผ่านรูหลังคาลงมา ฝาบ้านที่เป็นไม้ไผ่นำมาตีแผ่ รวมทั้งพื้นบ้าน แม้จะยกพื้นบ้านให้สูงจากพื้นดินที่ไร้การเทปูน แต่พื้นบ้านที่พวกเขาใช้นอนกันก็เป็นพื้นไม้ไผ่ มีห้องนอนเพียง 2 ห้อง ๆ หนึ่งพ่อแม่ของนัทไว้นอน ส่วนอีกห้องหนึ่ง พี่น้องของนัทก็เอาไว้เป็นห้องนอน ไม่มีตู้เสื้อผ้า ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ไม่มีน้ำที่ไหลมาจากก๊อก แต่ถ้าจะใช้น้ำก็ต้องไปตักเอาขึ้นมาจากน้ำบ่อ นนท์เห็นสภาพบ้านแบบนี้ได้แต่แอบถอนหายใจเพื่อไม่ให้นัทสังเกตเห็น ไม่ใช่ว่านนท์จะรังเกียจเดียดฉันท์อะไร แต่นึกและอดสงสารและเวทนาไม่ได้ ...เฮ้อ...ชีวิตของคนเรานี่ช่างแตกต่างกันเสียจริง ๆ นาทีนั้นทำให้นนท์อดสงสารนัทขึ้นมาอย่างจับใจไม่ได้เลย นี่เพราะสภาพแบบนี้ใช่มั้ย ที่นัทถึงต้องออกไปหาเงินนอกบ้าน ต้องระหกระเหเร่ร่อนไปทำงานทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมา เงินที่นัทส่งกลับขึ้นมาให้พ่อแม่อย่าว่าแต่จะเอามาซ่อมแซมบ้านเลย เอาไว้แค่พอกินพอใช้ นนท์ก็สงสัยแล้วว่าจะพอใช้หรือป่าว
คืนนั้น นนท์นอนที่บ้านนัท โดยที่พี่สาวของนัทต้องย้ายไปนอนที่ห้องพ่อกับแม่ของนัท ส่วนน้องชาย ก็นอนกางมุ้งเอาเสื่อปูบนพื้นดินกลางบ้าน ดึกแล้วที่นนท์ข่มตาให้หลับแต่ก็ไม่อาจหลับได้ ความมืดและความเงียบสงัดของชนบทบ้านบนดอยมันช่างเงียบสงัดอะไรเช่นนี้ มีเสียงแมลงที่ร้องตอนกลางคืน ร้องกันดังระงม นนท์นอนพลิกตัวไปพลิกตัวมา ข่มตาให้หลับยังไงก็ยังไม่สามารถที่จะหลับได้ ขณะที่นัทหลับไปแล้ว แต่เพราะการพลิกตัวไปมาของนนท์จึงทำให้นัทตื่นขึ้นมากระซิบถามนนท์เบา ๆ ว่า
“พี่นนท์..นอนไม่หลับเหรอ .....หนาวหรือป่าวคับ มาผมจะกอดให้หายหนาว”
เสียงกระซิบที่แทบไม่เหมือนเสียงกระซิบในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด มันเหมือนเสียงพูดปกติ นนท์รู้ว่าถ้านัทพูดเสียงปกติเสียงก็คงลอดออกจากห้อง นนท์ตอบเสียงแผ่วเบาว่า
“ไม่หรอก..ไม่ได้หนาว แต่คงผิดที่มั้ง เลยนอนไม่ค่อยหลับ”
“ตอนแรกผมน่าจะชวนให้พี่ขับรถเข้าไปในอำเภอหรือนอนรีสอร์ทใกล้ๆ แถวนี้ก็ดีนะ พี่จะได้นอนหลับ มันไม่มีที่นอนเหมือนที่บ้านพี่น่ะ พี่ก็เลยนอนไม่หลับ...ไม่มีแอร์ด้วย”
นัทออกความคิดเห็นและแสดงความเห็นใจต่อนนท์ ที่นนท์ต้องมานอนลำบากที่บ้านของเขา
“ไม่เอาหรอก ...นัท ...บ้านนัท พี่ก็ต้องนอนได้ซิ ...พี่กับนัทเป็นคน ๆ เดียวกันแล้วไม่ใช่เหรอ...พี่จะแยกตัวนัทไปนอนโรงแรมกับพี่ได้ไง ....บ้านนัทก็เหมือนบ้านพี่ ..บ้านพี่ก็เหมือนบ้านนัทไม่ใช่เหรอ...อีกอย่าง นัทเองก็ไม่ได้เจอพ่อเจอแม่นานแล้ว จะได้อยู่กับท่านไง ถ้าพี่ไปนอนที่อื่นนัทก็ต้องไปนอนเป็นเพื่อนพี่อยู่ดี”
“คับ...งั้นพี่พยายามนอนนะคับ มานอนหนุนไหล่ผมอย่างที่พี่เคยนอนทุกคืนนะคับ พี่จะได้หลับ ผมจะกอดพี่ไว้เอง” นนท์หลับไปในอ้อมแขนของนัท มารู้ตัวอีกทีเมื่อนัทขยับตัวเพื่อที่จะตื่น เพราะได้ยินเสียงแม่ลุกขึ้นมา
ต่อ
นนท์ถามนัทด้วยเสียงงัวเงียว่า “นี่กี่โมงแล้ว ฟ้ายังไม่สว่างเลย จะรีบลุกไปไหน”
“แม่ตื่นมาแล้วคับ คงตื่นมานึ่งข้าว คนที่นี่ตื่นกันเช้าคับ เขาตื่นมานึ่งข้าวทำกับข้าวกันแต่เช้า”
นนท์ยังไม่อยากลุกเพราะรู้ตัวเหมือนกับว่า เพิ่งจะได้หลับไปไม่กี่ชั่วโมงเองจึงกอดนัทเอาไว้ มือที่กอดก็ไปโดนแท่งกลางตัวของนัทอย่างไม่ตั้งใจ มันแข็งตั้งโด่อยู่ เพราะนัทไม่ได้ใส่กางเกงในนอน ใส่แต่กางเกงขาสั้น ลึก ๆ ของนนท์นั้นเป็นคนที่อยากลองมีsex ในที่แปลก ๆ นนท์ก็เลยคิดว่า ไหน ๆ มาบ้านแฟนก็น่าจะได้มีอะไรกับแฟนที่บ้านของแฟนตัวเอง มือของนนท์ก็ไวตามความคิดเขาเอามือสอดเข้าไปในกางเกงขาสั้นและจับมันถอดลงไปเพื่อให้แท่งเนื้อขนาด 8 นิ้วของนัทชูชันออกมาสูดอากาศภายนอกกางเกง ปากของนนนท์ก็ไวไม่ต่างกัน เขาก้มลงไปเพื่อเอาปากครอบท่อนเนื้อของชายที่เขารัก ทั้งปากทั้งลิ้นของนนท์ทำงานอย่างหนัก สาละวนอยู่กับท่อนเนื้อของนัท เขาอยากขึ้นไปนั่งขย่มตอยักษ์นั่นแทบใจจะขาด แต่ก็กลัวว่าคนข้างนอกจะได้ยินเสียง นนท์ผละออกจากแท่งดุ้นยักษ์นั้น เข้าไปกระซิบข้างหูนัท
“นัท...เอาพี่หน่อยนะ...พี่จะขึ้นไปนั่งนะ ... แต่พี่กลัวเสียงพื้นบ้านจะดัง”
จบตอนที่ 5
น่ารักจังเลย...ขอบคุณครับ ขอบคุณครับผม{:5_130:} {:5_120:}
ขอบคุณครับผม...{:5_120:} สุดยอดเลบครับ เสียวอะไรกันมันเช้าแล้ว ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคึนคับ ขอบคุณคับ สวดยอด ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ