บันทึกของนนท์6
บันทึกของนนท์6“ คับ...เดี๋ยวผมจะพยายามทำให้เบา ....พี่อยากมีความสุขตอนนี้เหรอ”
ยังไม่ทันสิ้นคำของนัท นนท์ก็ขึ้นนั่งคร่อมดุ้นยักษ์ของนัทแล้ว มันเข้าไปได้ไม่ยากเย็นนักเพราะน้ำลายจากปากนนท์ที่ดูดอมอยู่เมื่อกี้นี้ มันจึงทำหน้าที่หล่อลื่นได้อย่างดี จึงทำให้ดุ้นเขื่องของนัทเข้าไปช่องสวาทของนนท์ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก นัททำหน้าที่อย่างดี แต่ก็ต้องพยามไม่ให้เกิดเสียงด้วย เกินครึ่งชั่วโมง นัทคงรู้ตัวว่านัทกำลังจะใกล้เต็มทน จึงพลิกตัวขึ้นให้นนท์นอนหงาย เพื่อที่จะได้เร่งเครื่องได้อย่างเต็มที่ ทันทีที่เร่งเครื่องเต็มที่ไม่นานนัทก็พุ่งสายธารแห่งรักเข้าไปในร่างของนนท์ ท่อนลำของนัทที่คาไว้ก็หลุดออกมาเพราะมันเริ่มอ่อนตัว นนท์รู้สึกถึงน้ำรักที่ไหลออกมาที่รูสวาทของเขา นนท์ยังไม่เสร็จ นัทก้มลงมาดูดไซร้นมให้นนท์ นัทรู้ดีว่านนท์ชอบให้ไซร้และดูดเลียหัวนมมาก นัทไม่พูดค่อยๆ ไล้เลียลงมาที่ท่อนลำและดูดด่ำกับท่อนลำของนัท ไม่นานน้ำของนนท์ก็พุ่งปริ้ดออกมา นนท์รู้สึกได้ว่าน้ำรักของนนท์พุ่งชนเพดานปากของนัทอย่างเต็มที่ ก่อนที่นัทจะถอนปากออกจากท่อนลำ แล้วมาปาดเลียน้ำรักหยดสุดท้ายของนนท์เข้าปากไป
นนท์มองท่อนลำของนัทอย่างเสียดาย เพราะเจ้าท่อนนั้นที่เมื่อกี้มันอ่อนตัวแต่ตอนนี้มันกลับผงาดง้ำขึ้นมาอีกเป็นรอบที่ 2 เพราะปกติตลอดเวลาสามเดือนที่ผ่านมา นัทจะแตกสองครั้งในตัวของนนท์เสมอ แต่คราวนี้เพราะกลัวว่าคนอื่นจะตื่นขึ้นมาเพราะเสียงกระแทกกันอย่างสนั่นหวั่นไหว นัทรีบสวมเสื้อผ้าจับท่อนลำให้ชี้ขึ้นแนบร่างกายโดยให้กางเกงเป็นตัวช่วยในการเก็บท่อนลำให้เข้าที่เพราะนัทจะต้องออกไปช่วยแม่ผ่าฝืนเพื่อทำกับข้าว
นนท์นอนหงายบนที่นอนอย่างมีเหนื่อยอ่อนแต่ก็มีความสุข ได้ยินเสียงแม่และนัทคุยกัน
“เขาเป็นคนดีมั้ยละลูก...อยู่กับเขาก็ต้องอยู่ให้ดีนะ”
“คับแม่ ปี้เขาเป็นคนดี...เขาอยากให้ผมเฮียนหนังสือ เขาถึงถ่อมา เดี๋ยวตอนงายก็จะป๊ะหาครูที่โรงเรียน ปี้เขาจะไปอู้กับครูเพื่อเอาใบไปเรียนต่อที่กรุงเทพ อ่ะแม่”
“ถ้าเขาอยากให้ลูกเฮียน ลูกก็เฮียนเต๊อะ แม่บ่มีเงินมีทองส่งหื้อลูกเฮียนหรอก...แล้วลูกล่ะอยากเรียนก่”
“ไปอยู่กรุงเทพ บ่มีความฮู้มันก็หาเงินได้น้อย ถ้าเฮียนจบมามีความฮู้ก็หาเงินได้ บ่เหมือนบ้านเฮา บ่มีความรู้ก็อยู่ได้ รับจ้างยะงานทำโน่นทำนี่ไป แต่ก็ได้เงินแค่พอกิน อยู่โน่นเงินมันได้เยอะ ถ้าจบสูง”
“ป้อยังไม่ตื่นเหรอแม่...”
นัทพยายามชวนแม่คุยเรื่องอื่นเพื่อที่จะได้ไม่ต้องถามเรื่องของเขา เพราะเขากลัวว่าแม่จะรับไม่ได้ถ้ารู้ว่าเขาอยู่กับนนท์แบบไหน
“ยังหรอก...เมื่อสองสามวันก่อนป้อเขาไม่ค่อยสบาย...เดี๋ยวก็คงตื่น เพราะเมื่อวานเห็นบอกว่า ป้อหลวงเปิ้นวานให้ไปยะงานให้เปิ้น”
“ไปทำอะไรละแม่”
“บ่ฮู้นะ...บ่ได้บอกแม่สักกำ”
“แล้วลูกอยู่กับเขายังไงล่ะ .... แม่ดูออกนะว่าเขากับลูกอยู่กันยังไง แม่ไม่ว่าหรอก...ถ้าลูกกับเขารักกัน”
“ก็....”
นัทอึ้งไปพักใหญ่ไม่คิดว่าแม่จะมองออก
“อยู่กันแบบผัวเมียอ่ะแม่...พี่เขาดีมาก ถ้าไม่ได้พี่ก็คงไม่มีเงินส่งมาให้พ่อให้แม่ใช้ ....แม่ไม่ว่าใช่ป่าว...ตอนแรกลูกก็ไม่รู้นะว่ารักเขาหรือป่าว ตอนไปอยู่ใหม่ๆ แต่พออยู่ ๆ ไปลูกรู้สึกรักพี่เขานะ...เขาดีเหมือนพ่อเหมือนแม่ทุกอย่าง...ยังจะส่งให้ลูกเรียนอีก”
นนท์นอนฟังอยู่ในห้องว่าบทสนทนาระหว่างแม่ลูกคู่นี้จะเป็นยังไงต่อ
“ถ้าลูกรักเขาจริง....แม่กับพ่อจะผูกข้อมือให้ก่อนที่จะกลับไป จะได้รู้ว่าเป็นผัวเป็นเมียกัน..ถ้าเขารักลูกจริง ..ก็อย่าไปทำให้เขาเสียใจละ...มันไม่ดี”
“คับแม่...แม่ก็รู้ผมไม่เคยมีแม่หญิงที่ไหนมาก่อน ... ที่เคยมีมันก็หายไปหมดแล้วมันคงไม่อยากมารู้จักกับคนจน ๆ อย่างเราหรอก...แต่ผมนับถือพี่เขาเลยนะแม่....เขามาบ้านเรา เขาไม่ได้รังเกียจบ้านเราเลย...ยังนอนที่บ้านเราอีก....เมื่อคืนพี่เขาก็นอนไม่หลับดึกละ”
“เออ..แม่ก็ได้ยินเสียงนะ”
นนท์นอนฟังอยู่...คิดในใจตายละซิหว่า...ตอนดึกยังได้ยินเสียงแล้วเมื่อกี้แม่จะไม่ได้ยินเสียงเหรอว่าทำไรกัน...เช้ามาจะเอาหน้าไว้ที่ไหนละนี่ จะมองหน้าแม่เขาติดมั้ย คิดแล้วทำให้นนท์ต้องหาทางปั้นหน้าให้ดีซะแล้ว
“แม่ก็ฟัง ๆ อยู่ เขาคงผิดที่ละมั้งถึงนอนไม่หลับ อีกอย่างบ้านเรามันมีมอดไผ่ด้วย เขาคงไม่คุ้น เลยนอนไม่หลับ”
“คงงั้นมั้งแม่...แต่สักพักพี่เขาก็หลับนะ ...เขามาสะดุ้งตื่นตอนที่แม่ลุกออกมานี่หละ เพราะลูกได้ยินแม่ลุกออกมา ก็เลยขยับตัว พี่เขาก็เลยตื่นด้วย แต่นี่พี่เขาคงยังไม่อยากลุกออกมา”
จริง ๆ แล้วนนท์อยากจะลุกออกไปตั้งแต่ที่แม่ลูกคู่นี้คุยกันแล้ว แต่คิดว่ายังไม่เหมาะ ใจเขาอยากจะออกไปบอกแม่ของนัทว่า ไม่ต้องห่วงนะ เขาจะดูแลลูกชายคนนี้ของแม่เอง จะดูแลให้ดีเลย เพราะไหนๆ ตอนนี้นนท์ได้มาเจอหน้าพ่อผัวแม่ผัวแล้ว จริง ๆ อีกอย่างที่นนท์อยากลุกไปก็อยากไปดูว่าคนทางนี้เขาทำกับข้าวอะไรกัน เพราะพอเช้านี้นนท์ก็ต้องกินกับพวกเขาเหมือนกัน แล้วเขาจะกินด้วยได้หรือป่าวนะนี่ เอาว่ะ...ไหน ๆ แล้วยังไงก็ต้องทำตัวให้กลมกลืนแล้ว เป็นไงเป็นกัน จะมาคิดว่าต้องกินอะไรอย่างที่มีในกรุงเทพฯ ที่นี่มันจะหาได้เหรอ ห่างจากตัวอำเภอตั้ง 20 โล ขับรถไปก็ไม่รู้ว่าจะมีไรให้กินหรือป่าว เมื่อวานตอนที่ขับมา ก็มอง ๆ ดูร้านอาหารในตัวอำเภอ ก็เป็นร้านพื้นบ้านทั้งนั้น พ้นตัวอำเภอมาหน่อยก็เป็นทุ่งนาแล้ว ๆ นี่ยังเลี้ยวเข้ามาในหมู่บ้านอีก...เอาน่าข้าวไข่เจียวก็กินได้...นนท์คิดปลอบใจตัวเอง ...คิดไปคิดมาท้องฟ้าก็เริ่มสว่าง แต่เสียงไก่ขันที่นี่มันเริ่มขันมาตั้งแต่ตี 4 กว่า ตั้งแต่ที่นนท์เสพย์สุขกับนัท พี่สาวนัทตื่นออกมาแล้ว ทักทายน้องชายตามประสาของคนที่ไม่ได้เจอกันนาน ส่วนเจ้าน้องชายคงยังไม่ตื่น แต่นี่เป็นเช้าวันศุกร์ ต้องไปโรงเรียนนี่ ....
นนท์นอนไม่หลับอีกแล้วจึงลุกขึ้นหยิบยาสีฟันบีบลงบนแปรงสีฟัน ถือหลอดโฟมล้างหน้าออกจากห้องไปด้วย...นัทได้ยินเสียงนนท์เปิดประตูออกมาจากห้องจึงลุกจากวงสนทนามาหานนท์ เห็นนนท์ถือแปรงสีฟันออกมาจึงพาเดินไปยังบ่อน้ำ นัทโยนถังที่ผูกเชือกลงไปในบ่อน้ำแล้วตักน้ำมาให้นนท์แปรงฟันล้างหน้า... นัทถามนนท์ว่า
“พี่จะอาบน้ำเลยหรือป่าว ผมจะได้ตักน้ำแล้วหิ้วไปใส่ตุ่มในห้องน้ำให้”
“ยังหรอกนัท...เอาไว้ทานข้าวเสร็จก่อน...วันนี้เราแค่ไปโรงเรียนนัทเพื่อไปเอาหลักฐานแค่นั้นเอง ...ไปสัก 9 โมงก็ได้... อาบตอนนี้อากาศมันเย็น ๆ”
“พี่จะทานไรคับ ผมจะได้บอกให้พี่สาวเขาหาให้”
“แล้วที่บ้านนัทเขาทานไรกัน…. พี่ทานอย่างที่เขาทานกันดีกว่าจะได้ไม่ต้องหาอะไรเพิ่ม”
นนท์แปรงฟันล้างหน้าเสร็จ ก็พอดีกับที่แม่ของนัทตั้งกับข้าวเสร็จพอดี เจ้าน้องชายตัวเล็กของนนท์ตื่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ก็ใส่ชุดนักเรียนวิ่งมานั่งล้อมวงกินข้าวนึ่ง คนที่นี่เขากินข้าวกันด้วยมือ เพราะข้าวที่กินเป็นข้าวนึ่งหรือข้าวเหนียวที่ใส่อยู่ในกระติกน้ำแข็งแต่ก็ถูกดัดแปลงมาเป็นกระติกใส่ข้าว มีควันฉุยออกมาเพราะเพิ่งจะสุกยังร้อน ๆ อยู่เลย เออ..ที่นี่เขายิ่งแปลกกว่าที่บ้านเราอีก กับข้าวเขากินน้ำพริกกับผักต้ม แค่นั้นเอง แต่ละคนควักข้าวเหนียวออกมาจากกระติกเอามาปั้น ๆ ด้วยมือซ้าย แล้วก็เอามือขวามาหยิบข้าวเหนียวที่ปั้นอยู่นั้นออกมาให้พอดีคำแล้วก็เอาไปจิ้มน้ำพริกหยิบใส่เข้าปาก ดูน่าอร่อย แล้วก็ตามด้วยผักต้ม ซึ่งมีผักรูปร่างหน้าตาที่นนท์ไม่เคยเห็นมาก่อน นัทซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ นนท์ เห็นนนท์ยังไม่หยิบอะไรเข้าปากเลย ก็เลยถามว่า
“พี่....กินได้หรือป่าว....ถ้ากินไม่ได้เอาไข่เจียวมั้ยคับ”
แล้วนัทก็หันไปมองทางแม่ ถามแม่ว่า “แม่มีไข่ก่อ” แม่บอกว่ามี พอแม่ตอบเสร็จพี่สาวนัท ก็ลุกออกจากวงอาหาร ไปตั้งกระทะ บนเตาถ่านที่แม่หุงข้าวไว้ตอนเช้า สักพักไข่เจียวหอมกรุ่นก็อยู่ในจานมาวางตรงหน้าของนนท์ มื้อนั้นเป็นอาหารมื้อแรกที่นนท์ได้ร่วมทานกับครอบครัวของนัท ระหว่างที่ทานข้าว นัทก็หันมาพูดกับนนท์ว่า
“พี่นนท์...เดี๋ยวไปเรื่องโรงเรียนผมเสร็จ...ไปในตัวอำเภอ หาซื้อของกินมาไว้กินของพี่นนท์ละกัน ผมกลัวว่าพี่จะกินกับข้าวที่บ้านไม่ได้...เดี๋ยวกลางคืนพี่หิวจะไม่มีอะไรกินเลยนะคับ...”
พอทุกคนทานเสร็จ นัทก็ไปตักน้ำจากบ่อน้ำหิ้วใส่กระป๋องไปเติมใส่ตุ่มให้นนท์ไว้อาบในห้องน้ำ ปากก็ตะโกนบอกน้องชายว่า “เดี๋ยวให้รอไปโรงเรียนต้วยกันเน้อ ไปสายหน่อยไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวอ้ายไปอู้กะครูเอง”
นนท์เข้าไปอาบน้ำ แต่ก็ไม่กล้าตักน้ำอาบมากเพราะกลัวว่านัทจะต้องหิ้วน้ำมาใส่อีก เพราะนัทก็ยังไม่ได้อาบน้ำ นนท์รีบอาบเร็ว ๆ เพื่อให้นัทมาอาบต่อ จะได้ไปจัดการเรื่องเอกสารที่โรงเรียนของนัท พอถึงโรงเรียนนัทก็เข้าไปพบครูที่เคยสอนนัทมาก่อนในสมัยที่เป็นนักเรียนที่นี่ ครูก็ช่วยจัดการให้เป็นอย่างดี แต่กว่าจะได้เอกสารต้องตอนบ่าย นัทเลยเดินออกมาบอกกับนนท์ว่า
“เอกสารจะได้ตอนบ่าย เราไปในอำเภอกันก่อนดีกว่าคับ ไปหาซื้อของไว้สำหรับพี่ทานละกัน พี่ยังไม่รีบกลับกรุงเทพฯใช่หรือป่าว วันนี้วันศุกร์ เอาไว้กลับกันวันอาทิตย์นะคับ นอนที่บ้านผมต่ออีกสักสองคืนนะคับ...อยากอยู่กับพ่อแม่อีกสักวันสองวัน คราวนี้คงอีกนานกว่าจะได้กลับมาอีก...”
“ได้ซิ...พี่จะได้ถือว่ามาพักผ่อนไปในตัวด้วย ไม่ได้มาเที่ยวที่อากาศดีดีบนเขาบนดอยแบบนี้มานานแล้ว”
“เดี๋ยวไปซื้อขอเสร็จ...ไปเอาเอกสารที่โรงเรียนแล้วผมจะพาพี่ไปขับรถเล่นรอบ ๆ หมู่บ้าน..หรือพี่จะซ้อนมอเตอร์ไซค์ ผมจะได้ไปยืมรถเพื่อนมาพาพี่ไป...จะได้นั่งสบาย ๆ”
นนท์เออออกับสิ่งที่นัทเสนอมา เพราะตอนนี้ เขารู้สึกว่าเขาควรจะปล่อยให้นัทเป็นคนนำ เพราะหากว่าชีวิตคู่ของเรายั่งยืนกันยาวนาน เขาจะต้องเป็นผู้นำชีวิตของเราทั้งคู่ให้ได้
เมื่อฉันรักเขา...ฉันรักหมดใจ
ไม่ชายตาแลใครนอกจากเขา
รักเขาสนิทใน ซึ้งใจไม่ซร่างเซา
เมื่อฉันรักเขาฉันรักหมดใจ
โลกอาจรู้ลา....มลาย
แต่รักฉันไม่เคยจะเปลี่ยนไป
ขอมั่นรักไปจนตาย....
นนท์สะดุ้งจากภวังค์ที่กำลังคิดถึงเนื้อเพลง ๆ นี้ขึ้นมาในหัว ...ช่างมีความสุขเสียนี่กระไร เพราะนัทเอามือมาจับที่มือนนท์ แล้วบีบเบา ๆ
“ไปกันเถอะพี่ เดี๋ยวหาข้าวกลางวันทานกันในตัวอำเภอเลยแล้วค่อยย้อนกลับมาโรงเรียน”
เหมือนโดนมนต์สะกด นนท์ก้าวเท้าขึ้นรถ..นัททำหน้าที่เป็นสารถีให้นนท์นั่ง เพราะสามเดือนที่ผ่านมา นนท์ให้นัทไปเรียนขับรถเพื่อวันข้างหน้าของตัวนัทเอง และให้ไปสอบทำใบขับขี่ หลังจากที่นัทได้ใบขับขี่มา....นัทก็จะทำหน้าที่สารถีขับรถให้นนท์นั่ง...บางครั้งนนท์ต้องไปประชุม นัทก็อาสาขับรถให้...แม้ว่านัทจะต้องไปนั่งรอนนท์เข้าประชุมทั้งวันก็ตาม นนท์ต้องเปิดใจให้นัทลองหัดขับ...แม้ว่านัทจะยังขับไม่แข็งก็ตาม...นัทจะได้รู้เส้นทางในกรุงเทพฯ ด้วย....
นนท์ชอบมากกับการเดินตลาด ยิ่งโดยเฉพาะตลาดในชนบทต่างจังหวัดเขายิ่งชอบมาก เพราะมีของแปลกตาให้ดู ไม่ว่าจะเป็นพืชผักที่ในกรุงเทพฯ ไม่ค่อยจะมีให้เห็นหรือไม่มีให้เห็นเลย ผักที่นี่ส่วนใหญ่เป็นผักพื้นบ้าน นนท์ซื้อของสดเยอะมาก เขาตั้งใจว่าเย็นนี้เขาจะเป็นคนลงมือทำกับข้าวให้ทุกคนได้กินฝีมือของเขา...เขาไม่ลืมที่จะซื้อขนมติดไม้ติดมือไปฝากน้องชายของนัทด้วย.....เขาซื้อจนเบาะหลังรถเต็มไปด้วยของที่ซื้อมา เพราะนนท์ไม่ได้คิดว่าจะซื้อไว้เพื่อกินมื้อเดียวแต่เขาซื้อเผื่อไปไว้ให้พ่อแม่ของนัทไว้กินด้วย คงกินได้อีกหลายวัน ผักก็คงไม่น่าจะเหี่ยวเสียก่อน เพราะอากาศเย็นผักก็น่าจะสดได้อีกหลายวัน ที่บ้านนัทไม่มีตู้เย็นที่จะเก็บของสด แต่แม่ของนัทคงมีวิธีการเก็บของสดไว้แหละ...นนท์คิดแบบนี้ถึงได้ซื้อข้าวของเยอะแยะ...
หลังจากไปเอาเอกสารแล้วก็กลับมาจอดรถไว้ที่บ้าน นัทเดินหายไปไหนไม่รู้ นนท์มองตามไม่ทัน ระหว่างที่นัทไม่อยู่ แม่และพี่สาวของนัทก็มาช่วยกันขนของออกจากรถ ยังไม่ทันที่จะขนขอเสร็จก็มีเสียงมอเตอร์ไซค์ดังเข้ามาในบ้าน คนที่ขี่มาก็คือ นัทนั่นเอง อ๋อ...ที่หายไปนี่คงไปเอารถมอเตอร์ไซค์จากเพื่อนมาเพื่อมาขี่พานนท์ไปซ้อนรถเล่น....นนท์บอกกับนัทว่า
“วันนี้พี่ว่าอย่าเพิ่งออกไปไหนดีกว่า...ไว้ไปวันพรุ่งนี้ดีกว่ามั้ย เพราะไม่มีไรทำนี่จะได้ไม่ต้องอยู่เฉย ๆ”
จบตอนที่6
ขอบคุณครับผม{:5_130:} {:5_120:}
ขอบคุณครับ{:5_120:}... ชอบมากๆเลยครับ รักกันดีจัง ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณคับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆ นะฮ่ะ ^^ ขอบคุณนะครับ ขอบคุนครับ ขอบคุณคับ{:5_119:}