บันทึกของนนท์7
บันทึกของนนท์7เย็นวันนั้น นนท์เลยอยู่เตรียมทำกับข้าวไว้ให้ที่บ้านของนัททานกัน พ่อของนัทไม่อยู่ตั้งแต่ทานมื้อเช้าเสร็จ จนเย็นแล้วก็ยังไม่กลับมา ใกล้พลบค่ำพ่อของนัทจึงกลับมา ล้างหน้าล้างตา ขณะที่แม่และพี่สาวของนัทก็จัดอาหาร นนท์สังเกตดูพ่อของนัท ซึ่งเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยคุยกับใคร ริ้วรอยที่บอกร่องรอยแห่งวัย และการกรำงานมาอย่างหนักทั้งชีวิต ต่างกับคนเมืองที่ถึงแม้ทำงานหนักแต่ก็ไม่ได้อยู่กลางทุ่งนา กลางแดดจนเนื้อตัวดำกร้าน คนเมืองอะไรนิดหน่อยก็ไม่ได้แล้ว ต้องเข้าเสริมสวยบำรุงผิวบำรุงหน้า ต่อให้เป็นผู้ชายแท้ ๆ ก็เถอะ เครื่องสำอางที่ใช้ประทินผิวยังเยอะกว่าผู้หญิงทั่ว ๆ ไปเลย ที่นี่ไม่มีซาวน่าให้เข้าไปอบ แต่อบผิวภายใต้เสื้อผ้าที่ออกไปยืนตากแดดทำนา หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ที่นี่ไม่มีน้ำหอมให้ใส่เพื่อให้กายหอม มีแต่กลิ่นเหงื่อสาปของความเป็นชายพ่อของนัทจะไปเอาเงินที่ไหนมาเพื่อซื้อเครื่องสำอาง จะเอาเงินที่ไหนเข้าไปอบซาวน่า น้ำที่ใช้อาบยังต้องตักอาบ หรือบางทีไปทุ่งก็อาบน้ำจากคันคลองในทุ่งมาเลย โดยเฉพาะรองเท้าไม่ต้องพูดถึง แทบไม่มีความจำเป็น เข้าทุ่งเหยียบขี้โคลนในทุ่ง ใส่รองเท้าอะไรถึงจะเหมาะล่ะ ไม่ใส่เลยคงเหมาะกว่า
อาหารมื้อนี้ คนที่ดูแล้วน่าจะกินอร่อยที่สุดก็เห็นจะเป็นน้องชายของนัท เพราะวัยเด็ก แค่ ป.6 กำลังเจริญอาหาร มื้อนี้มีทั้งข้าวเจ้าและข้าวเหนียว เพราะนัทกลัวว่านนท์จะไม่ชินกับการกินข้าวเหนียวจึงบอกให้พี่สาวหุงข้าวเจ้าไว้เผื่อนนท์ แต่คนที่มาช่วยกินด้วยก็เห็นจะเป็นพ่อของนัท พ่อของนัทบอกว่านาน ๆ ทีได้กินข้าวเจ้าซะที อีกอย่างนัททำกับข้าวที่เป็นกับข้าวทางภาคกลางด้วย ซึ่งมันเหมาะกับที่จะทานกับข้าวสวยร้อน ๆ มากกว่าที่จะปั้นข้าวนึ่งมาจิ้มกิน ระหว่างทานข้าว พ่อของนัทก็เอ่ยถามนนท์ขึ้นมา
“คุณนนท์...ไอ้นัทมันไปอยู่ด้วยมันทำให้ลำบากใจหรือป่าว”
“ไม่เลย..นัทดีทุกอย่าง...ตอนนี้ก็จะให้นัทเรียนต่อจะได้มีวิชาความรู้เอาไว้”
“ไม่เห็นต้องลำบากส่งให้มันเรียน...รบกวนลูกป่าว ๆ “
เอาแล้วไง...นนท์ได้ยินพ่อของนัทแทนตัวเขาว่าลูก ไม่เหมือนประโยคแรกที่เรียกเขาว่าคุณ มันทำให้รู้สึกห่าง ๆ แต่พอเรียกว่าลูก นัทดีใจจนต้องเก็บอาการดีใจไว้เพื่อไม่แสดงออกมาให้ใครเห็น แม่ของนัทคงยังไม่ได้พูดอะไรให้พ่อนัทรู้มั้งว่า นนท์กับนัทอยู่กันยังไง หรือว่าเขาบอกกันแล้ว เพราะตอนที่พ่อเรียกนนท์ว่า คุณ ก็เห็นสายตาแม่มองไปที่พ่อ แล้วพ่อของนัทถึงเปลี่ยนสรรพนามเรียกนนท์ใหม่ว่า ลูก
“นัท...แล้วนี่จะปิ๊กกรุงเทพฯเมื่อใดล่ะ”
“วันอาทิตย์ละพ่อ...พี่นนท์เขาอยากพักผ่อนด้วย เดี๋ยววันพุ่งผมจะพาพี่นนท์ซ้อนรถเครื่องไปขี่รถเล่นที่ตีนดอย....” พูดกับพ่อเสร็จนัทก็หันมาทางนนท์
“พี่นนท์เตรียมผ้าไปเล่นน้ำด้วยนะคับ...เดี๋ยวผมให้ไอ้หน่อยมันไปด้วยจะได้ไปเล่นน้ำกัน...ว่าไงไอ้หน่อยมึงจะไปต๊วยกันก่อ”
“ไปคับ...” หน่อยตอบรับ เพราะรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์หน่อยไม่ต้องไปเรียน
แม่สำทับอีกว่า “แล้วเอ็งอย่าไปซนมากนักละ....พรุ่งนี้แม่จะตื่นมาเตรียมข้าวไปให้ด้วย เอาไปกินที่นั่นเลย”
นนท์ยิ้มที่ได้เห็นความอบอุ่นของครอบครัวนี้ ครอบครัวของนนท์ไม่ได้อบอุ่นแบบนี้ เรียกได้ว่าแทบจะเป็น broken home เลยก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่เล็กมา นนท์ก็ไม่เคยได้รับความรักความอบอุ่นจากทั้งพ่อและแม่ เพราะนนท์เป็นลูกคนกลาง ๆ จากพี่น้องหลายคน ความรักที่นนท์ถวิลหาจากพ่อและแม่จึงแทบจะไม่ได้รับมาเลย พ่อกับแม่รักลูกคนอื่นมากกว่า ไม่รู้ว่านนท์คิดไปเองหรือป่าว แต่จากสิ่งที่นนท์ได้รับช่างแตกต่างจากพี่น้องคนอื่นเสียเหลือเกิน คนที่เห็นนนท์จะดูเหมือนว่านนท์เป็นคนเข้มแข็ง แต่เอาเข้าจริงจิตใจของนนท์กลับอ่อนแอและอ่อนไหว นั่นเพราะนนท์พยายามสร้างอัตลักษณ์ของตัวเองขึ้นมาใหม่ให้ดูเข้มแข็ง กลบเกลื่อนความอ่อนแอของตน
กลางคืนแทบทุกคืนที่นนท์ตื่นขึ้นมาร้องไห้กลางดึกเพราะฝันร้าย ฝันของนนท์เป็นเรื่องเดิม ๆ ซ้ำๆ ที่มันเก็บอยู่ใต้จิตสำนึกของนนท์มาตั้งแต่เด็ก ฝันที่เกี่ยวกับการไขว่ขว้าหาความรักที่นนท์อยากได้จากพ่อและแม่ของนนท์ ฝันที่เห็นความรักที่ลำเอียง ฝันที่ฝังใจมาตั้งแต่เด็กที่ถูกพี่น้องรุมรังแก....ก่อนที่นัทจะมาอยู่ด้วยนั้น หากนนท์ฝันร้ายแล้วตื่นขึ้นมากลางดึก นนท์ก็จะนอนร้องไห้กับตัวเองจนถึงเช้า แต่พอมีนัทมาอยู่ด้วย.... คืนแรกที่นัทมานอนด้วยก็ตกใจเหมือนกันว่านนท์เป็นอะไร รุ่งเช้าของคืนนั้นนัทได้ถามนนท์ว่าเป็นอะไร นนท์จึงเล่าเรื่องราวในบางมุมชีวิตของนนท์ให้นัทฟัง นัทจึงเข้าใจชีวิตของนนท์ นับจากคืนนั้นมา หากนนท์ฝันร้ายตื่นขึ้นมากลางดึกเมื่อใด...นัทก็จะรีบเข้ามาโอบกอดนนท์ พร้อมทั้งบอกว่า
“ไม่ต้องร้องนะพี่...ผมจะอยู่กับพี่ดูแลพี่เอง...ฝันร้าย ๆ พวกนี้พี่จะได้ไม่ต้องฝันถึงมันอีก”
แต่ตอนนี้ นนท์เห็นภาพความอบอุ่นของครอบครัวที่ไม่ได้บูชาเงินเป็นพระเจ้า มีความรักที่จริงใจมอบให้กัน มีความอบอุ่นให้แก่กันและกัน นนท์อดตื้นตันใจไม่ได้ ก้อนกลมๆ มันขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ...นนท์แทบอยากจะร้องไห้ ณ เวลานั้น...แต่นนท์ก็ต้องแสดงความเข้มแข็งไว้ไม่ให้ใครเห็น...
พลบค่ำของเย็นวันนั้น ...เพื่อน ๆ ของนัทหลายคนที่รู้ข่าวว่านัทกลับมาบ้านต่างก็เยี่ยมที่บ้าน...วัยรุ่นเมื่อเจอกันสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือเหล้า...เพื่อนของนัทหิ้วเหล้าขาวมาเพียงขวดเดียว มันจะพอเหรอสำหรับวัยรุ่น 6-7 คนที่กำลังนั่งกินและคุยกันอย่างออกรสชาติ นนท์อยู่ในวงสนทนานั้นด้วย ทุกคนต่างให้เกียรตินนท์ ...เหมือนรู้ว่านนท์กับนัทเป็นอะไรกัน...แต่นนท์เองก็ดูออกว่า เพื่อนของนัท 3 คนในวงนั้นเป็นอะไร คิดอะไร อย่างน้อยก็ต้องเคยผ่านการมี sex กับเกย์มาก่อนอย่างแน่นอน...นนท์ไม่เคยมองอะไรผิด...ยิ่งผีเห็นผีก็ย่อมรู้ว่าเป็นผี...ถึงแม้ผีตัวนั้นจะพยายามไม่แสดงตัวออกมา...แต่จากสายตาของเพื่อนนัทที่มองนนท์มาอย่างมีอะไรแอบแฝง นนท์ก็รู้ได้โดยไม่ยากนัก....นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีนัทอยู่แล้ว....คืนนี้นนท์คงได้มีอะไรกับ 3 คนนี้แน่ๆ เพราะสายตาของ 3 คนนี้ดูจะเชิญชวนเสียเหลือเกิน...หลายครั้งนนท์ก็อดหวั่นไหวไปกับสายตาที่เขามองมาไม่ได้ ถ้าเป็นสายตาที่ทอดสะพานมาให้แบบนี้ในที่เที่ยวของเกย์แล้วละก้อ...นนท์คงทอดสะพานต่อให้ไปนานแล้ว…เผลอ ๆ อาจจะได้มีไรกับหนุ่มบ้าน ๆ 3 คนนี้ แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้...เพราะในใจของนนท์ตอนนี้ไม่มีที่ว่างให้สำหรับใครอีกแล้ว ร่างกายนี้มอบให้นัทแล้ว
นนท์ลุกขึ้นจากวงเข้าไปในห้องเพื่อหยิบกระเป๋าเงิน แล้วออกมาเรียกหน่อยให้วิ่งไปซื้อเหล้ามาเพิ่ม...เพราะนนท์ไม่เคยดื่มเหล้าขาว จึงไม่กล้า ...นนท์บอกให้หน่อยไปซื้อเหล้ายี่ห้อ....แล้วก็ให้ซื้อโซดา น้ำแข็งมาด้วย...นัทเห็นเข้าจึงไล่ให้เพื่อน 2 คนไปซื้อเพราะขี่รถเครื่องไปจะเร็วกว่าและสะดวกกว่า ไม่เกิน 15 นาทีเพื่อนของนนท์ก็กลับมาพร้อมกับเหล้า 4 ขวดน้ำแข็งและโซดา ที่น่าจะพอให้พวกเขาอยู่กินกันได้จนดึก พวกเพื่อน ๆ ของนนท์คุยกันอย่างออกรส ต่างก็ถามถึงชีวิตของนนท์ที่กรุงเทพฯว่าเป็นอย่างไร ต่างคนต่างก็เล่าเรื่องของตน มีบางคนที่ไปทำงานที่ตัวเมือง พอวันศุกร์ก็กลับมาบ้าน วันจันทร์ก็กลับไปทำงานในตัวเมือง....คืนนั้นวงสนทนาของเพื่อนนัทจบลงพร้อมกับเหล้า โซดาและน้ำแข็งที่หมดลง จะไปซื้อมาเพิ่มก็ไม่มีร้านไหนเปิดแล้ว เพื่อน ๆ ของนัทเสียดายที่นาน ๆ ที่ได้เจอกันทีแทนที่จะได้คุยกันนาน ๆ บางคนที่คออ่อนก็หลับพับอยู่ข้าง ๆ วงตั้งนานแล้ว คนที่คอแข็งเห็นทีจะเป็น 3 คนนั้น เหมือนจะรอให้อะไรสักอย่างเกิดขึ้นระหว่างพวกเขากับนนท์ นนท์รู้ได้ด้วยสัญชาติญาณ จึงแสดงทีท่าให้ 3 คนนั้นรู้เลยว่า ไม่ได้แอ้มซะหรอก จึงหันไปหอมแก้มนัทเพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่า ฉันมีเจ้าของแล้ว เจ้าของฉันก็เพื่อนพวกแกนี่ไง แกจะมาแย่งของ ๆ เพื่อนเหรอ...3 คนนั้นเห็นนนท์หอมแก้มนัท แถมนัทยังประกบปากจูบด้วย ต่างก็หลบสายตา เพราะรู้ว่าเขาคงไม่ได้แอ้มนนท์แน่ ๆ ไม่รู้ว่าจะเพื่ออะไร แต่นนท์คิดว่าพวกเขาคงจะทำเพื่อระบายความเงี่ยนเมื่อเหล้าเข้าปาก ยิ่งเคยผ่านการมีไรกับเกย์มาด้วย ก็อดที่จะอยากร่วมเพศไม่ได้เพราะเขาคงคิดว่า เกย์ทุกคนคงจะง่าย แต่พวกเขาคิดผิดซะแล้ว....วัยรุ่นพวกนี้พอเหล้าเข้าปากก็คงต้องมีความกำหนัด ความใคร่อยากที่จะมีsex ...ส่วนเพื่อนที่เหลือต่างมองนนท์กับนัทจูบปากกันอย่างตาค้าง อ้าปากหวอ เพราะคงไม่คิดว่านัทจะทำแบบนี้...นัทเลยหันไปบอกเพื่อนว่า “เฮ้ย...พวกเมิง..พี่นนท์นี่เขาเป็นเมียกู” คนที่เป็นปลื้มที่สุดคงไม่ใช่ใครที่ไหน
ตี 3 แล้วหลังจากที่เพื่อน ๆ ของนัทกลับไป ทั้งคู่ก็เปลี่ยนผ้าเพื่อที่จะเข้าไปอาบน้ำพร้อมกันจะได้ไม่เสียเวลา ทันที่ที่ก้าวเท้าเข้าประตูห้องน้ำ ปากของทั้งคู่ก็ประกบกันแลกลิ้นกันอย่างพัลวัน คงเป็นเพราะฤทธิ์เหล้าที่ทั้งคู่ดื่มเข้าไป นัทกดหัวของนนท์ให้ลงไปเชยชมท่อนเนื้อของนัท กลิ่นอับของดงขนดกดำของนัทสร้างความเร้าใจให้กับนนท์เป็นอย่างมาก ไม่เพียงแค่นนท์อ้าปากครอบเอาท่อนนั้นเขาปาก นนท์ถอนปากออกมาเพื่อมาซุกไซร้สูดกลิ่นอับของความเป็นชายเข้าไป...โอยมันช่างหอมเร้าใจอะไรเช่นนี้....ปลุกอารมณ์ซ่านของนนท์ขึ้นมา...แล้วนนท์ก็ลากลิ้นเลียไปตามซอกขาหนีบกับพวงสวรรค์ของนนท์...ที่มีกลิ่นอับเพราะตั้งแต่อาบน้ำไปตอนเช้าทั้งคู่ก็ยังไม่ได้อาบน้ำอีกเลย กลิ่นเหงื่อ กลิ่นอับผสมกับกลิ่นกายของนัท มันจึงเป็นฟีโรโมน สารเร่งความกำหนัดได้อย่างดีให้กับนนท์ สักพักนนท์ก็ถอนปากแล้วลุกขึ้นมา บอกกับนัทว่า
“พรุ่งนี้ค่อยต่อดีกว่ามั้ยนัท นี่ดึกแล้ว...ถึงจะทำกันในห้องน้ำบ้านไม่สะเทือนก็เถอะ พี่กลัวว่าเสียงของเราทั้งคู่จะดังสนั่นเลย...จำคืนนั้นที่กรุงเทพฯที่บ้านพี่ได้ป่าว นัทกินเหล้าพอตึง ๆ แล้วเอาพี่ นัทส่งเสียงดังมากเลย...พี่กลัวว่านัทจะส่งเสียงดังแบบนั้น...คราวนี้ได้แห่ตื่นกันมาหมดแน่ ๆ เลย”
นัทตาละห้อย แต่แววตาก็ยังเยิ้มอยู่เพราะยังอยากที่จะเสพสุขกับนนท์ นั่นอาจจะเพราะว่าเมื่อเช้านัทเพิ่งเอาน้ำออกไปแค่ครั้งเดียวเอง...ไม่รีรอ นัทก็ให้นนท์นอนลงกับพื้นห้องน้ำ ส่วนนัทก็หันตัวมาเพื่อดูดดุนพวงสวรรค์และแท่งที่ชูชันของนนท์ เหมือนจะบอกให้รู้ว่า เขามีความต้องการจริงๆท่า 69 จึงเริ่มขึ้นที่พื้นห้องน้ำ แม้มันจะไม่ได้ปูด้วยกระเบื้อง แต่มันก็เป็นลานรักได้ไม่แพ้กัน สักพักนัทก็หมุนตัวกลับมากระซิบข้างหูนนท์
“นะคับ...เมื่อเช้าเพิ่งแค่ครั้งเดียวเอง...เอาอย่างนี้ดีมั้ย...พอผมจะร้องพี่ก็ดึงหัวผมลงมาเอาปากมาประกบจูบผมไว้จะได้ไม่มีเสียง...พื้นห้องน้ำนี่แหละ...นะคับพี่...ผมอยากกระเด้าพี่แรง ๆ มันเงี่ยน...เหลือเกิน”
นนท์ทนคำรบเร้าไม่ไหว แต่ในใจนนท์จริง ๆ ก็ต้องการที่จะเสพย์ด้วยเช่นกัน นนท์จึงยืนหันหลังให้นัท เอาลำตัวพาดไปที่ตุ่มน้ำ เพื่อให้นัทสอดเอาดุ้นเขื่อง ๆ ของนัทเข้ามาในรูสวาทของนนท์ นัทเด้งเข้ามานนท์ก็เด้งสู้ สักพักนัทก็จับนนท์พลิกท่าให้นอนหงายบนตุ่มน้ำ นนท์รู้ทันทีว่าท่านี้อีกไม่นานนัทต้องเสร็จแน่ ๆ จึงพยายามชันตัวขึ้นมา มือสองข้างจับขอบปากตุ่มน้ำไว้แล้วเอาปากประกบปากของนัท เวลาที่นัทกินเหล้าเข้าไปตึง ๆ นนท์จะรู้สึกว่าเขากระแทกเข้ามาแต่ละครั้งนั้นแรงมาก เข้าจนสุดลำขนดกดำบดขยี้กับปากทางของนนท์อย่างที่นนท์รู้สึกได้ และรู้สึกเสียวซ่านทุกครั้ง นนท์เคยคิดว่าถ้าเป็นผู้หญิง ท่อนลำนี้คงเข้าไปถึงมดลูกแน่ ๆ เพราะแต่ละครั้งที่โดนนัทกระแทกเข้ามามันดังกึก ๆ อยู่ข้างในตัวนนท์ เสียงนัทที่พยายามจะร้องออกมาเพราะความเสียวซ่านจากความกำหนัด
ต่อ
นนท์รับรู้ได้ว่าถ้าปล่อยปากที่ประกบไว้นัทคงจะร้องครางออกมาด้วยเสียงที่ดัง คราวนี้คงไม่ใช่ที่บ้านจะตื่นอย่างเดียว คงแห่ตื่นกันทั้งหมู่บ้าน ด้วยเสียงครางอย่างได้อารมณ์ของนัท ไม่นานนัก นัทก็พุ่งน้ำรักออกมาจนล้นออกมาจากรูของนนท์ นัทหายใจเหนื่อยหอบ แล้วค่อย ๆ ถอนท่อนลำออก นนท์ไม่ได้ต้องการที่จะเสร็จตามไปด้วยจึงลุกจากตุ่มหยิบขันมาอาบน้ำฟอกสบู่ให้นัทและตัวเอง เมื่อล้างตัวเสร็จทั้งคู่ก็เข้าไปนอนหลับไปด้วยความเมาและความเพลีย
เช้ามืดของเช้าวันนี้อากาศเย็น นนท์รู้สึกหนาว ๆ จึงหันไปหานัทและสวมกอดนัท นัทก้เหมือนรู้ว่านนท์หนาว จึงเหยียดแขนข้างหนึ่งออกไปให้นนท์มานอนหนุนไหล่แล้วโอบกอดนนท์ให้ตัวกระชับเข้ามา นนท์ไม่รู้เลยว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว รู้เพียงแต่ว่าเขาอยากนอนอยู่อย่างนี้ไม่อยากไปไหนเลย รู้สึกมึนหัวนิดหน่อย เพราะฤทธิ์เหล้าเมื่อคืน นนท์หลับไปอีกตื่นมา ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามา นัทรีบผละตัวออกจากนนท์จากท่าที่นอนกอดนนท์ไว้ คงจะกลัวว่าเป็นภาพที่ไม่ดีหากใครมาเห็นเข้า เสียงแม่เรียกเข้ามา
“นัทยังไม่ตื่นเหรอลูก ...เมากันมากหรือป่าว ...วันนี้บอกจะพาพี่เขาไปเที่ยวไม่ใช่เหรอสายแล้วนะลูกเอ๊ย...”
นัทถามกลับไปว่า
“กี่โมงแล้วละแม่”
“สิบโมงปายแล้วลูก...แม่เตรียมข้าวไว้ให้แล้ว...”
“คับ ๆ เดี๋ยวออกไปคับแม่...”
นัทหันมากอดนนท์และหอมตรงหน้าผากเบา ๆ
“พี่นนท์คับ...ตื่นเถอะ สายแล้ว...ไปเที่ยวกันดีกว่า...ยังไม่ต้องอาบน้ำหรอกเดี๋ยวเราไปอาบน้ำเล่นน้ำกันที่น้ำตกที่ตีนดอยละกัน...คนไม่ค่อยมีหรอกพี่เพราะน้ำตกที่นี่เล็ก ๆ ส่วนใหญ่คนในหมู่บ้านนี่แหละที่จะไปเที่ยวกัน...คนอื่นไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่”
นนท์ลืมตาขึ้นตั้งแต่นัทมาจูบเบาๆ ที่หน้าผากแล้ว..แต่เพราะยังมึนหัวอยู่เลยยังไม่อยากลุก แต่ถึงเวลานี้เขาก็คงต้องลุกแล้วละ เพราะจะมานอนบ้านคนอื่นแล้วตื่นสายอย่างนี้มันคงดูไม่งามเท่าไหร่...
นนท์ล้างหน้าแปรงฟัน แล้วก็ทานอะไรนิดหน่อยกับกาแฟที่นนท์ซื้อเตรียมมาไว้เมื่อวาน แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับมื้อเช้าของนนท์ ส่วนนัทเรียบร้อยไปแล้วกับอาหารพื้นบ้านที่แม่ทำ....ดูเขามีความสุขมากกับการได้กลับมาทานอาหารฝีมือแม่...และนนท์ก็แปลกใจมาตลอดเวลาที่ผ่านมา พอจะพานัทไปทานอาหารในร้านอาหารดีดี อาหารโรงแรมนัทจะบ่ายเบี่ยงไม่ยอมจะไปเสียทุกครั้ง...นนท์เคยพานัทไปทานอาหารในโรงแรมครั้งแรก ดูนัทจะเคอะ ๆ เขิน ๆ จนทำตัวไม่ถูกว่าจะต้องทำตัวอย่างไรเวลาทานอาหารในโรงแรมหรู ....เพราะมีทั้งมีดทั้งส้อมทั้งช้อนวางเต็มไปหมดไม่รู้จะทำยังไง...นนท์ต้องกระซิบบอกว่า ให้สังเกตดูที่เขาว่าเขาหยิบมีดหยิบส้อมอันไหนก่อน แล้วก็หยิบตาม นนท์มาเปรียบเทียบสภาพชีวิตที่เป็นอยู่อย่างง่าย ๆ ไม่ต้องเรื่องมากมีพิธีรีตรองอะไรนักของที่บ้านนัท กับสภาพชีวิตที่อยู่ในสังคมในกรุงเทพฯ ช่างต่างกันลิบลับ นนท์ชักจะหลงใหลกับชีวิตที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ แบบนี้ซะแล้วซิ....
สามคนซ้อนมอเตอร์ไซค์กันไปขี่รถไปตามทางดินลูกรัง มีหลุมมีบ่อบ้าง แต่ระยะทางที่ไปเป็นดอยต้องขี่ขึ้น ๆ ลง ๆ ดอยพอสมควร ไม่นานก็ถึงทางเข้าน้ำตก ดูไม่มีผู้คนเลย คงเป็นเพราะตอนนั้นเพิ่งจะ 11 โมงกว่า ทีแรกนนท์คิดว่าจะแดดร้อนแต่พอเข้ามาเรื่อย ๆ ก็เป็นป่าใหญ่ ที่มีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านใบหนาแน่นไปหมด เข้ามาแล้วผิวกายของนนท์รู้สึกว่ากระทบกับความเย็นของป่า ขนาดใกล้เที่ยงแล้วยังไม่ร้อนเลยผิดกับตอนที่ขี่รถมา หรืออากาศในกรุงเทพฯที่ร้อนระอุ หาความเย็นได้เพียงแค่จากเครื่องปรับอากาศ ก็ที่นั่นมันป่าคอนกรีตล้วน ๆ แต่ที่นี่ไม่ใช่เลย
นัทขี่รถมาจนถึงจุดที่จะต้องจอดรถมอไซค์ไว้จากนั้นก็ต้องเดินต่อไป แค่ตรงนี้ก็ได้ยินเสียงน้ำตกแล้ว คนที่ดูจะตื่นเต้นที่สุดเห็นจะเป็นเจ้าหน่อย เพราะคงอยากเล่นน้ำตก ถ้านัทไม่มาก็คงไม่มีใครพามาแน่...ระหว่างที่เดินไปยังแอ่งที่จะเล่นน้ำได้ นัทก็เล่าให้นนท์ฟังว่า
“น้ำตกนี่ มีคนเขาบอกว่ามันออกมาจากรู ...ในหุบเขาข้างหลังเขาลูกนี้ แล้วมันก็ไหลมาเป็นน้ำตก น้ำใสสะอาด…คนที่นี่เขาเรียกว่า น้ำฮู”
“นั่นซิ น้ำใสจริงๆ ...ปกติไม่มีคนมาเล่นที่นี่เหรอ...”
“ก็มีคับ..ส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กและวัยรุ่นแถว ๆ นี้ แต่ส่วนใหญ่เขาจะมากันบ่าย ๆ แต่พวกวัยรุ่นมันก็มาแล้วเอาเหล้ามากินกัน....น้ำตกที่นี่เดินขึ้นไปได้อีกนะคับ ...ทางไม่ลำบากไม่ต้องปีนป่ายเยอะ....เดี่ยวเราเล่นน้ำกันสักพัก กินข้าวแล้วผมจะพาพี่เดินขึ้นไปดู”
นัท นนท์ และหน่อยน้องชายของนนท์เล่นน้ำกันอยู่ตรงแอ่งน้ำนั้น จนบ่ายโมงหน่อยคงเริ่มหิวข้าว เพราะตั้งแต่มาถึงมันไม่ขึ้นจากน้ำเลย แต่คราวนี้มันขึ้นมาตรงที่นนท์กับนัทนั่งอยู่ หน่อยคงหิวข้าวจริง ๆ นนท์ก็เอากับข้าวที่แม่ทำออกมากินกัน หน่อยไม่ลืมที่จะหยิบขนมที่นนท์ซื้อให้ติดมือมาด้วย พออิ่มกันแล้ว ก็เอนหลังนอนพักสักแป๊บ ส่วนหน่อยไม่ต้องห่วงลงน้ำไปแล้ว สักพักนัทก็สะกิดนนท์ถามว่า จะเดินขึ้นไปหรือยัง นนท์ตอบตกลง นัทจึงตะโกนบอกหน่อยว่า จะเดินขึ้นไปดูข้างบน หน่อยขอตามไปด้วย แต่นัทบอกว่าเล่นอยู่นี่แหละ เฝ้าของด้วย
ทางเดินที่เดินขึ้นไปสบาย ๆ ไม่ถึงกับต้องปีนป่าย สองหนุ่มต่างวัยเดินขึ้นมาบนน้ำตกชั้นบน ระหว่างทางที่เดินมาไม่มีใครเลย มีแต่เสียงน้ำตก เสียงลมพัดใบไม้ไหว บรรยากาศดีจริง ๆ นนท์เห็นว่าอากาศเย็นสบาย เขาจึงเดินเข้าไปกอดจากด้านหลังของนัท เพราะนัทเดินนำหน้ามา
“นัทพี่มีความสุขจังเลย...สัญญากับพี่ได้มั้ย ว่านัทจะไปมีใครอีก”
นัทเงียบไม่ตอบ นนท์จึงรบเร้าถามต่อว่า
“ตอนนี้นัทรักพี่หรือยัง...พี่ไม่ได้หวังว่านัทจะรักพี่มากเท่าที่พี่รักนัทนะ...แต่พี่คิดว่าชีวิตนี้พี่เจอแล้วละ...คนที่พี่หามาทั้งชีวิต คนที่พี่คิดว่า ใครคนนั้นพี่จะฝากทั้งหัวใจและชีวิตไว้...พี่ไม่คิดเลยนะว่า...ที่เขาบอกว่า ถ้าจะหาช้างเผือก ต้องเข้าไปหาในป่าลึก...พี่คิดว่าพี่เจอช้างเผือกของพี่แล้วล่ะ”
“แล้วพี่นนท์คิดว่าผมรักพี่หรือป่าว...เมื่อคืนผมรู้ว่าเพื่อนผมมองพี่ แล้วพวกมันต้องการอะไร...ที่ผมจูบพี่เมื่อคืนเพื่อให้เพื่อนผมรู้ว่าผมกับพี่เป็นอะไรกัน...พี่คิดว่าตอนนี้ผมรักพี่หรือยัง”
นนท์ได้ฟังแค่นี้ก็เข้าใจ เพราะเขาไม่เคยเชื่อกับใคร ๆ ที่ผ่านมาในชีวิตเขาเลย เพราะปากบอกรัก ๆ ๆ ออกมาแต่การกระทำมันไม่ใช่ การกระทำที่ไม่ได้แสดงว่ารักเลย แล้วในที่สุดคนเหล่านั้นก็อดกับความต้องการที่จะมีคนใหม่ไปเรื่อย ๆ ของตนไม่ได้ นนท์ไม่ได้ต้องการที่จะมีคู่ที่เป็นแบบนั้น นนท์ได้ยินกรอกหูมาตลอดที่เกย์ถูกว่าถูกกล่าวหาว่า มั่วเซ็กส์ เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย ๆ
นัทหันมามองหน้านนท์ แล้วก็เอามือสองข้างจับที่ใบหน้านนท์ทั้งสองข้างดึงหน้านนท์เข้ามาใกล้ๆ แล้วจูบตรงหน้าผากเบา ๆ เหมือนอยากจะถ่ายทอดความรู้สึกอะไรในใจที่เขารู้สึกยากลำบากถ้าจะต้องพูดออกมาให้นนท์เข้าใจและรับรู้ความรู้สึกของเขา......นัทไม่รู้ว่าจะบอกความรู้สึกนี้กับนนท์หรือป่าว...เพราะเขายังคิดว่าตัวเขาเป็นผู้ชายแท้ ๆ แต่ความรู้สึกลึก ๆ ในใจส่วนหนึ่งก็รักนนท์...เพราะความดีของนนท์...เขากลัวว่าวันหนึ่งข้างหน้าถ้าเขาทำอะไรลงไปแล้วทำให้นนท์เสียใจ...คนที่จะมีความรู้สึกแย่ที่สุดก็คือตัวเขา....
เรื่องราวบนน้ำตกยังไม่จบนะคับ...มีอะไรดี ๆ ด้วยรอตอนหน้านะคับ
จบตอนที่ 7
ขอบคุณครับผม{:5_130:} {:5_120:}
ขอบคุณครับ...{:5_120:} สุดยอดครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆ ครับ อ่านแล้วเพลินดี ขอบคุณนะครับ ขอบคุนครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณคับ กำลังติดตามตอนต่อไป ขอบคุณนะครับ
หน้า:
[1]
2