noomcafe โพสต์ 2016-9-2 05:35:07

บันทึกของนนท์21

บันทึกของนนท์21
วันนั้น พอเจอนัทที่สนามบิน...นนท์เดินลากกระเป๋าออกมา...นัทเข้ามาหอมแก้มนนท์และกอดนนท์
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ...ที่รัก”
นัทขับรถให้นนท์นั่ง...จนกระทั่งใกล้จะถึงบ้าน ซึ่งเวลาก็เพิ่งจะ 5 โมงเย็น นนท์คว้าโทรศัพท์หาเพื่อนคนหนึ่งที่เขารักและเชื่อใจมากที่สุดในบรรดาเพื่อน...บอกว่าจะแวะไปหา ไปกินข้าวเย็นด้วย ...นัทได้ยินนนท์คุยโทรศัพท์และจะไปหาเพื่อน...จึงบอกว่าจะเลยไปเลยมั้ย...ระหว่างทางนนท์..บอกให้นัทแวะร้านขายยาร้านหนึ่ง...นนท์ลงไปซื้อของใส่ถุงหิ้วออกมา...นัทถามนนท์ถึงของที่ซื้อมา
“ที่รัก...ทำไมซื้อแอลกอฮอล์ไปมากมายขนาดนั้น”
“อ๋อ...ก็อีแจ๊ค มันฝากซื้อ ...ไม่รู้มันจะเอาไปทำอะไร”
นัทไม่ถามต่อเพราะเป็นของที่เพื่อนของนนท์ฝากซื้อ...พอถึงบ้านแจ๊ค นนท์ก็เดินขึ้นไปที่ห้องของแจ๊คพร้อมทั้งถุงใบนั้น...นัทนั่งรออยู่ข้างล่าง...เพราะทั้งสองคนเคยมาที่บ้านนี้จนสามารถเข้าออกได้เหมือนสมาชิกในบ้าน...พอนนท์เห็นหน้าแจ๊ค ก็เข้าสวมกอดแจ็คแล้วร้องไห้
“เป็นไรว่ะ...นนท์....”
“เมิงทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ...กรูก็เห็นนัทขับรถมาให้เมิงนี่นา”
“ป่าว”
แล้วนนท์ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขา ช้างและกล้าให้แจ๊คฟัง
“แหม๋เป็นกรูหน่อยไม่ได้...กรูจะนอนรอโก่งตูดให้เข้ามาเอาเลย..แต่กรูเห็นใจเมิงนะ”
นนท์เปิดเสื้อให้แจ๊คดูร่องรอยที่ช้างทั้งกัดทั้งขบ...
“กรูอยากตายว่ะ...ถ้านัทเขารู้ว่าเพื่อนเขากับกรูทำอะไรกันแบบนี้...เขาต้องไม่พอใจแน่...กรูจะทำไงดี...
“วันนี้เมิงเลี่ยงเลยนะอย่ามีไรกับนัทเด็ดขาด...มันเห็นรอยช้ำของเมิงละมีเรื่องแน่ ๆ”
“เลี่ยงยังไงล่ะ...เค้าไม่เจอกรูมา 5 วันนะเมิง...กรูว่าคืนนี้เค้าต้องอยากมีไรกะกรูแน่ๆ”
“เออ...ถ้ามีจริง ๆ เมิงก็ปิดไฟให้หมด...อย่าให้เห็นรอย...อีกอย่างเมิงกลับไปต้องทำตัวปกติอย่างที่เมิงทำมานั่นแหละ”
“นี่กรูซื้อแอลกอฮอล์มาด้วย...กรูอยากล้างออกให้สะอาดว่ะ...”
“เมิงนี่ก็...มันจะไปล้างออกได้ไงว่ะ...นี่เมิงโดนมันทำอย่างนี้ ไม่ได้โดนมันเอาสีมาทาตัวเมิงหรือเอาเชื้อโรคมาสาดใส่เมิงนี่...มันอยู่ที่ใจเมิงนั่นแหละ...เมิงจะต้องลืมมันให้ได้ ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ได้...เมิงต้องล้างใจ...กรูรู้ว่ามันยาก...แต่ยังไงเมิงก็ต้องทำ...เมิงรอนัทมันมาได้ตั้งนาน...ตอนนี้เมิงก็มีความสุขเหมือนเดิมแล้ว...เมิงยังบอกกรูว่าสุขกว่าเดิมอีก...เมิงจะให้เรื่องแค่นี้มาทำร้ายเมิงได้ไง...”
นนท์ร้องไห้ไม่หยุด...นัทเดินขึ้นมาเคาะประตูของแจ๊ค...แจ๊คตะโกนกลับไปว่า
“นัท...พี่ขอคุยธุระกะนนท์ก่อน เดี๋ยวลงไป...เย็นนี้เดี๋ยวไปหาไรทานกันข้างนอก...วันนี้แม่พี่ไม่อยู่เลยไม่ได้ทำกับข้าว”
“คับ..หรือว่าจะให้ผมออกไปหาซื้อแถวนี้แล้วเอามากินที่บ้าน...ผมห่วงพี่นนท์เค้า เพิ่งเดินทางกลับมาจะเหนื่อยหรือป่าว”
“เอาน่า...ไอ้นนท์มันก็อยากออกไปหาไรกินข้างนอก..มันบอกว่าไม่ได้กินข้าวกับพี่นานแล้ว”
“คับ ๆ งั้นผมลงไปรอข้างล่างนะคับ”
ไม่มีเสียงนนท์ตอบนัท แต่นัทก็เดินลงไปนั่งดูทีวีรออยู่ที่โซฟาชั้นล่าง
“ไง...เมิง...เดี๋ยวมันก็รู้หรอก..ไปล้างหน้าล้างตานะ...ตาเมิงบวมด้วย...เดี๋ยวล้างหน้ามาแล้วกรูเอาครีมทาให้...”
นนท์เหมือนเด็กว่าง่าย...เขาเคยเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองมาก...แต่พอเกิดเรื่องนี้...ความมั่นใจมันหายไปไหนหมด...มีเหลือแต่ความกลัว ความหวาดระแวงว่านัทจะรู้เรื่อง...สักพักสองคนก็ลงมา...เรียกนัทให้ไปทานข้าวข้างนอกกัน...นัทวิ่งไปกดรีโมทเปิดประตูรถ...แล้วก็ขับรถออกจากบ้านแจ๊คไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใกล้ๆ บ้านแจ๊ค...เพื่อนคนนี้รู้ดีว่าทั้งเพื่อนและผัวเพื่อนชอบกินอาหารญี่ปุ่น
“ไง..นนท์เมิงไปกินอาหารเมืองเหนือมาหลายวัน...วันนี้กรูเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นเมิงละกัน...นัทชอบเหมือนกันไม่ใช่เหรอ” นัทพยักหน้าตอบแล้วเดินเข้าไปในร้าน วันนั้นนนท์กินเข้าไปแบบไม่มีความอร่อยเลย...นัทนั่งจับมือนนท์...คีบอาหารให้นนท์...บางทีก็ป้อนใส่ปากนนท์ จนแจ๊คเห็นแล้วก็อดเหน็บแนมไม่ได้
“นี่อีทั้งคู่นี่แหละ...ไปหวานกันที่อื่น...อย่ามาหวานต่อหน้ากรู...กรูอิจฉาโว้ย”
นัทหัวเราะ...แล้วต่อกับแจ๊ค
“พี่ก็หาแฟนดิ..จะได้มีคนป้อน...ผมแนะนำเพื่อนผมให้รู้จักเอาป่าว...”
“เพื่อนที่ไหนละ..”
“เพื่อนผมที่บ้าน....มันหล่อนะพี่...แต่พี่จะชอบคนบ้านนอกหรือป่าวล่ะ”
“แล้วเพื่อนนัทเป็นยังไงละ...ชื่อไร”
“เพื่อนผมอ่ะเหรอ...หน้ามันบ้าน ๆ นะพี่ แต่มันหน้าเข้มกว่าผม..ตัวสูงกว่าผมอีก..พี่ชอบแนวไหนละ...อ่อ...ไอ้เพื่อนผมนี่อ่ะ มันชื่อ....ช้าง”
นนท์ได้ยินชื่อนี้ถึงกับสะดุ้ง...แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้..แล้วหันไปมองหน้าแจ๊ค...
“แหม๋...จะแนะนำให้พี่จริงอ่ะ”
“จริงดิพี่...สงกรานต์นี้พี่ไปเที่ยวบ้านผมด้วยกันซิ...ผมจะไปลากมันมาแนะนำให้พี่แจ๊ครู้จัก...มันมีเมีย ๆ ก็อยู่กับมันไม่ได้สักคน ...ผมก็ไม่รู้ทำไม...แต่ถ้าพี่จะกรุณามันก็เอามันมาอยู่ด้วย...อย่างพี่นนท์กับผมไง”
“แหม๋ ...พี่เองก็ยังไม่พร้อมแบบไอ้นนท์มันนี่นา...มันเจอรักแท้...พี่ไม่รู้ว่าเพื่อนนัทจะรักพี่เหมือนที่นัทรักไอ้นนท์มันหรือป่าวอะซิ”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันพี่...แต่ผมโตกับมันมาตั้งแต่เด็ก รู้จักนิสัยมันดี...มันรักใครมันรักจริงนะพี่...แต่มันอาจจะมีเผลอไปบ้าง”
“เหมือนเราอะเหรอ...นัท..ที่เผลอไปตั้งครึ่งค่อนปี...ปล่อยให้เพื่อนพี่มันเสียน้ำตาเป็นปี๊บ”
นัทคงรู้สึกตัว..หันมามองหน้านนท์...
“ผมไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้วละ...ถ้าไม่ใช่พี่นนท์...ผมคงจะไม่ได้เรียนจนใกล้จะจบอย่างนี้แน่ ๆ”
“อ้าว...นี่นัทจะจบแล้วเหรอ..แล้วจะเรียนอะไรต่อล่ะ”
“จบมอ.6 อ่ะพี่...ทีแรกพี่นนท์เขาอยากให้เรียนต่อจนให้จบปริญญา...แต่ผมว่าสมองผมมันไปไม่ถึงหรอก..ผมได้แค่ปวส.ก็พอแล้ว...ผมอยากเรียนอะไรก็ได้ที่จบมาแล้วมีงานทำเลย”
“เออ...พี่ก็เห็นนนท์มันคุยกับพี่เหมือนกัน...เห็นมันกำลังมอง ๆ ดูว่าจะให้เรียนที่ไหน...ใช่ป่าวนนท์” แจ๊คหันมาถามนนท์
“อืมม...กรูกำลังดูอยู่ว่าจะให้เค้าเรียนอะไร...เมิงว่าอย่างนัทเค้านี่น่าจะเรียนอะไรดีละ”
“หาที่เรียนทางสายอาชีพก็ดีนะ...จบมาก้ไม่น่าจะหางานยาก”แจ๊คเสริม
“เออ.กิน ๆ ..เหอะ...เอาไว้ให้สอบเสร็จก่อนเดี๋ยวก็รู้ว่าจะเรียนที่ไหน”
นนท์ตัดบท เพราะยังไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ แม้ว่าตัวเขาเองจะเป็นคนที่อยากให้นัทได้เรียนสูงๆ แต่นัทก็คงจะไปไม่ไหวอย่างที่เขาบอกจริงๆ
ทานเสร็จนัทก็ขับรถกลับมาส่งแจ๊คที่บ้าน...คืนนั้น...นัทก็อยากมีไรกับนนท์อย่างที่คิดจริง ๆ แต่นนท์แกล้งทำเป็นหลับ...นัทเข้ามาเล้าโลม..ดีนะที่ปิดไฟเข้านอนแล้ว...ไม่งั้นละเห็นรอยแน่ ๆ ...จนกระทั่งทั้งสองก็สู่ปลายทางสวรรค์ในคืนนั้น
นนท์ยังรู้สึกไม่ดีกับเหตุการณ์ไม่ดีที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ แจ๊คเองก็เข้าใจ จึงบอกให้นนท์ลางาน 7 วัน ...แจ๊คจะพานนท์ไปนั่งสมาธิ...เพราะนนท์เริ่มเครียดมาก...นัทเองก็กังวลว่านนท์เป็นไร...แต่นนท์ก็พยายามบ่ายเบี่ยงว่า...เครียดเรื่องงาน...แจ๊คมันจะพาไปนั่งสมาธิ...ช่วงนั้นเป็นช่วงที่นัทสอบพอดี...นนท์จึงให้เหตุผลว่า...
“นัท...นัทไม่ต้องห่วงนะ..พี่ไปนั่งสมาธิ...ไปก็ไปกับอีแจ๊คมัน..ไม่ได้ไปเที่ยวไหน...ตั้งใจสอบ...ถ้าพี่อยู่แล้วเครียดให้เห็น...นัทก็จะมากังวลเรื่องพี่จนไม่เป็นอันสอบกัน...พี่กลับมา...นัทก็สอบเสร็จวันนั้นพอดี...กลับมาเราค่อยไปหาไรกินเลี้ยงฉลองที่นัทสอบเสร็จกันดีกว่านะ”
“ได้คับ..พี่ไปก็อย่าเครียดละ..ตั้งใจนั่งสมาธิ...”
“อืมม”
ระหว่างที่นนท์นั่งสมาธิ...จิตใจเขาว้าวุ่นมาก...เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไง...พอหลับตาลงภาพเหตุการณ์ก็แทรกเข้ามาในจิตใจทุกครั้ง...เหตุการณ์ที่เรียงลำดับมันลอยเด่นขึ้นมาหลอกหลอน...จนเข้าวันที่สี่...นนท์ค่อย ๆ ปล่อยวางอย่างที่พระอาจารย์ท่านแนะนำ...ภาพเหล่านั้นแม้จะปรากฏขึ้นมาฉายในใจให้นนท์รู้สึก...แต่นนท์ก็ไม่สนใจต่อมัน...รู้เท่าทันมัน...และสามารถควบคุมสมาธิ จิตใจของตัวเองไม่ให้แกว่งไปตามภาพที่ปรากฏ นนท์เองก็รู้สึกสบายใจขึ้น...แม้ว่าจะลืมภาพและเหตุการณ์เหล่านั้นไม่ได้...แต่เขาเริ่มรู้แล้วว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้น...ตั้งอยู่...แล้วก็ดับไป...ขอเพียงแค่เราเท่าทันความรู้สึกของเรา...เท่าทันความคิดของเรา ไม่ปล่อยให้ความคิดเตลิด..ไม่ปล่อยให้จิตล่องลอยไปโดยที่ไม่รู้จุดหมายปลายทาง...แต่ครั้นเมื่อมันจะหลุดลอย...นนท์ก็พยายามตั้งสติเพื่อจะดึงมันกลับมา...เพื่อเอามันมาพิจารณาให้เห็นถ่องแท้ว่า มันเป็นอย่างไร...นนท์รู้สึกว่า การมานั่งสมาธิ 7 วันนี้เขาได้รับอะไรต่าง ๆ มากมาย...เอาไว้ต้องชวนนัทมาลองนั่งดู...
นัทเอง...อาจจะไม่ใช่คนที่จะชอบมาปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิแบบนี้...แต่ทั้งนัทและนนท์...หากมีเวลาว่างเมื่อใด...ทั้งสองจะขับรถออกไปไหว้พระ ไม่ว่าจะเป็นวัดต่าง ๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครปฐม และอีกหลายจังหวัด...นัทเป็นคนที่ชอบสะสมพระเครื่อง...ครั้งหนึ่งที่นนท์เอาพระเครื่องที่นนท์สะสมมาและมีราคาหายาก..ให้นัทดู...นัทให้ความสนใจอย่างมาก...ตั้งแต่นั้นมา นัทก็เลยชอบไปเสาะหาพระเครื่องต่าง ๆ ถึงแม้จะไม่มีเงินหาเช่ามาในราคาแพง..แต่เขาก็หามาตามกำลังที่เขาพอจะหาได้
เรื่องเหตุการณ์ของนนท์..ผ่านไปได้ด้วยดี...แต่เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด...นัทเข้าไปเรียนที่โรงเรียนทางสายช่างแห่งหนึ่ง...แต่โรงเรียนแห่งนั้นอยู่ต่างจังหวัด...ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก...และจำเป็นต้องไปนอนที่หอพักของโรงเรียนแห่งนั้น...นนท์คิดว่า...ทำไมเขาถึงต้องเลือกโรงเรียนแห่งนั้นให้นัทไปเรียน แต่เพราะคิดว่าถ้านัทเรียนจบมาก็มีงานทำได้เลย เพราะเป็นโรงเรียนของบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่จบออกมาเขาการันตีว่า มีบริษัทในเครือรับเข้าทำงานแน่ๆ ...นนท์จึงต้องยอมให้นัทไปเรียนและพักที่หอพัก
“พี่นนท์...ผมไม่ได้ไปไกลซะหน่อย...พี่ร้องไห้เพราะเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว...ผมไม่เรียนดีมั้ย...จะได้อยู่กับพี่นนท์”
“ไม่..นัทไม่เรียนไม่ได้...เราสองคนพยายามกันมาถึงขนาดนี้แล้ว...พี่เพียงรู้สึกใจหาย..เราอยู่กันมาสามปีกว่าแล้ว...อยู่ ๆ นัทก็จะไปอยู่ที่อื่น...สักพักพี่คงทำใจได้”
“ผมก็กลับมาทุกวันศุกร์นี่...เสาร์อาทิตย์เราก็อยู่ด้วยกัน ตอนบ่ายวันอาทิตย์พี่ก็ไปส่งผมขึ้นรถ ...หรือพี่จะไปส่งผมที่โรงเรียนเลยก็ได้...แต่ผมก็เป็นห่วงพี่อีกนั่นแหละ...เพราะพี่ต้องขับรถกลับมาเองคนเดียว...”
“เอาน่า...ให้เวลาพี่สักพัก พี่คงทำใจได้...เรียนแค่สองปีเอง...พี่จะอดทนเพื่ออนาคตของเรา” นนท์ตอบไปก็สะอื้นไป จนนัทต้องเข้ามากอด และหอมแก้ม...
วันแรกที่นัทต้องไปเรียน นนท์ไปส่งนัทที่โรงเรียน...พอส่งเสร็จนนท์ก็ขับรถกลับมา...ขับ ๆ อยู่น้ำตาก็ไหลพราก...จนนนท์ต้องจอดรถข้างทางเพื่อร้องไห้ให้เต็มที่...คนที่โทรเข้ามาหานนท์...เวลานั้น..คือแจ๊ค...เพื่อนก็ปลอบว่า
“เฮ้ย...นัทมันไม่ได้ไปตายซะหน่อย...เมิงจะร้องทำไมว่ะ...มันไปเรียน..เมิงก็รู้...เมิงร้องแบบนี้...นัทมันเป็นห่วงเมิง...มันก็เรียนไม่รู้เรื่องดิ”
“เออ...กรูรู้...กรูจะพยายามไม่ร้อง...ไม่ให้เขาเป็นห่วงกรู...กรูก็อยากให้เขาตั้งใจเรียน”
“งั้นเมิงก็หยุดร้องได้แล้ว...แล้วเมิง..ก็ขับรถกลับบ้าน..ถ้าเมิงยังไม่อยากเข้าบ้านเมิงก็มาที่บ้านกรูนี่...กรูรู้...เมิงกลับบ้านไปเมิงก็เหงา...คนที่บ้านเมิงนี่เขาเป็นไรกะเมิงว่ะ...กรูดู ๆ เหมือนพวกเขาไม่รักเมิงเลย..แม่งเกิดตามกันมาแท้ ๆ”
“เออ..งั้นเดี๋ยวกรูไปหาเมิงที่บ้านละกัน”
พอวางสายจากแจ๊ค...นนท์กำลังจะออกรถ ก็มีสายเข้ามา
“พี่นนท์...ถึงไหนแล้ว...ผมเก็บของเสร็จแล้วก็เลยลงมาจากหอแล้วมาโทรหา...พี่ไม่ต้องห่วงนะ...อย่าร้องนะคนดี...ผมมาเรียน...วันศุกร์ผมก็กลับไปแล้ว...”
“อืมม...พี่ไม่ร้องละ...เดี๋ยวพี่จะเลยไปบ้านอีแจ๊คมันก่อนนะ...คงจะกลับบ้านมืด ๆ ...แล้วนัทจะโทรมาอีกหรือป่าว..”
“เห็นบอกว่าต้องเข้าประชุมตอนหกโมง...เดี๋ยวเลิกผมโทรหาพี่ละกัน...ไม่รู้ว่าจะเลิกประชุมกี่โมง..”
“ได้งั้นพี่จะรอนัทโทรมานะ...งั้นพี่ขับรถก่อนนะ”
“คับ งั้นแค่นี้นะ ขับรถดีดีล่ะคับ” นัทวางสายไป
ในช่วงที่นัทเรียนอยู่ทิ่โรงเรียนนั้น...มีเหตุการณ์ที่พลิกผันชีวิตของนนท์อย่างไม่น่าเชื่อ...กิจการของครอบครัวที่นนท์ดูแลอยู่นั้น..ได้ผลกำไรน้อยมาก...มันสะสมมาเมื่อช่วงสองสามปีก่อน...แต่นนท์ก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะพยุงเอาไว้ให้..ไม่ให้ขาดทุนไปมากกว่านี้...แต่เหตุที่แย่กว่านั้น..คือพี่น้องของนนท์...กลับกล่าวหาว่านนท์โกง ยักยอกเงินของกิจการครอบครัวไปใช้เอง...ทำให้ไม่มีกำรี้กำไรเพื่อนำมาแบ่งสรรปันส่วนให้กับพี่น้องของนนท์...
หนึ่งปีแล้วที่นัทไปเรียน ...นัทก็รู้ถึงความตรึงเครียดที่เกิดขึ้นในครอบครัวของนนท์...นัทจึงถามนนท์ว่า...
“พี่...อยู่อย่างนี้พี่อึดอัดแย่เลย..ผมสงสารพี่นะ...พี่ยังต้องส่งผมเรียนอีก...ผมหยุดเรียนดีกว่าพี่...แล้วออกมาอยู่กับพี่..พี่จะได้ไม่มีใครมาทำร้ายจิตใจพี่..”
“นัท..นัทเรียนมาปีนึงแล้ว...อีกแค่ปีเดียวเอง...ไม่ต้องห่วง พี่จัดแบ่งเงินไว้สำหรับให้นัทเรียนไว้แล้ว..ต่อให้พี่ไม่มียังไงพี่ก็จะต้องให้นัทเรียนให้จบให้ได้...นั่นคือความหวังของพี่”
เหตุการณ์กิจการของครอบครัวนนท์กลับยิ่งเลวร้ายลงเรื่อย ๆ นนท์ถูกพี่ชายกล่าวหาว่า โกงเงิน...ทั้ง ๆ ที่นนท์ทำบัญชีส่งไปให้ตรวจมาตลอด...จนวันหนึ่ง...วันนั้นอาทิตย์นั้นนัทกลับมาจากโรงเรียน...ก็ได้มาพบเหตุการณ์ที่ พี่ชายของนนท์กำลังต่อว่านนท์อย่างแรง...คำพูดสารพัดคำพูดที่นนท์โดนด่าโดนว่า...แถมยังพาลมาถึงนัทอีกด้วย....หาว่าตั้งแต่นัทมา...ทำให้ทุกอย่างในครอบครัวเขาแย่ลง
จริง ๆ สภาพในครอบครัวของนนท์...ก็ไม่ได้ดีอะไรตรงไหนนัก...กิจการของครอบครัวที่นนท์จำต้องยอมออกจากงานที่ได้รับเงินเดือนสี่หมื่นกว่า (ตอนนั้นถือว่าเยอะมาก) มารับดูแลกิจการของครอบครัวที่ไม่มีพี่น้องคนไหนคิดอยากจะทำ...เพราะพวกเขาต่างก็มีงานประจำทำกัน...เวลานั้น พ่อของนนท์เสียชีวิตอย่างกะทันหัน.....ไม่มีใครคาดคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น....การประชุมของพี่น้องจึงเกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่นนท์เติบโตมา ไม่เคยแม้สักครั้งที่จะมีการพูดคุยกันครบสมาชิกทุกคนของครอบครัว....ไม่ว่าจะเวลาทานข้าว...หรือจะไปเที่ยวไหนกันก็ตาม...ก็ไม่เคยครบทุกคน....และคราวนี้ก็เช่นเดียวกัน...ถึงจะมีพี่น้องครบแต่ก็ไม่มีพ่ออยู่ดี...นนท์รู้เองโดยสัญชาติญาณมานานแล้วว่า...การที่เขาดูเรียบร้อยเหมือนผู้หญิงมาตั้งแต่เด็ก...ทำให้ไม่มีใครชอบ....เพราะนนท์เป็นคนเจ้าระเบียบ....ข้าวของ ๆ นนท์ที่วางอยู่ตรงไหนในบ้าน...นนท์จำได้หมด...หากว่ามีใครเอามันเคลื่อนที่ไปวางอยู่ตรงอื่น...นนท์จะต่อว่าทันที...ห้องนอนส่วนตัวของนนท์ในสมัยเด็กจึงเป็นห้องที่สะอาดและเรียบร้อยที่สุด...นนท์จึงได้รับความไว้วางใจจากพ่อ...ในการจัดสำรับสำหรับเลี้ยงพระเวลาที่ทำบุญ...และเป็นคนเก็บข้าวของต่าง ๆ แต่ก็ไม่ใช่คนที่เป็นลูกรักลูกโปรด...เหมือนลูกคนโต...ซึ่งได้รับความรักจากพ่ออย่างเห็นได้ชัด...ไม่ใช่เพียงแค่นนท์ที่เห็นและรู้สึกถึงความลำเอียงนั้น...แม้แต่คนนอกครอบครัว ญาติ ๆ ต่างก็พูดกันเป็นเสียงเดียว
อย่างที่เคยเกริ่นมาแต่ต้น...ครอบครัวนนท์เป็นครอบครัวที่มีฐานะปานกลางค่อนข้างสูง...การอบรมเลี้ยงดูแบบโบราณ...นนท์ถูกเลี้ยงดูมาให้เป็นคนเรียบร้อย...พี่น้องคนอื่นก็เหมือนกัน...แต่นนท์จะถูกอบรมมากที่สุด...เพราะผู้ใหญ่คนอื่นในบ้านคงเห็นและเข้าใจนนท์ว่า....ไม่มีใครรัก....ไม่ใช่ลูกคนโปรด...จึงพยายามดึงนนท์ออกมาเพื่อสอนสิ่งต่างๆให้นนท์...เพื่อวันข้างหน้านนท์จะได้อยู่เองได้และปกครองตนเองได้อย่างดี...ถ้าจะเรียกว่า คนที่เป็นพี่น้องกับนนท์เกิดมาเป็นคุณหนูก็ไม่ผิด รวมแม้แต่ตัวนนท์เอง....เพราะแต่ละคนจะมีพี่เลี้ยง (เรียกให้ดีหน่อย : แต่จริง ๆ ก็คือคนรับใช้ส่วนตัว) ประจำตัวเพื่อทำทุกอย่างให้ ไม่ว่าจะซักผ้า...อาบน้ำให้ในตอนเด็ก ๆ แต่พอโตขึ้นมาก็อาบเอง เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ใส่ ไม่ว่าจะวันไปโรงเรียนหรือวันหยุด นั่นคือแทบไม่ต้องทำอะไรเองเลย...แค่รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองคือเรียนให้ดีที่สุด อ้อ...แม้แต่กระทั่งจัดตารางสอน เก็บหนังสือเข้ากระเป๋า พี่เลี้ยงก็ยังทำให้....แต่ทว่า... พี่เลี้ยงของนนท์กลับไปเป็นเช่นนั้น...พี่สวย...พี่เลี้ยงประจำตัวของนนท์...ไม่เคยทำอะไรให้นนท์เลย...เมื่อพี่สวยจะซักผ้า...ก็จะเรียกนนท์ไปนั่งด้วยแล้วก็เอาผ้าผืนเล็ก ๆ ให้นนท์หัดซักหัดขยี้...แล้วเปลี่ยนเป็นผ้าชิ้นใหญ่ ๆ หรือจะกวาดบ้าน..พี่สวยถึงขนาดไปซื้อไม้กวาดขนาดเล็กมาไว้ให้นนท์กวาดไปด้วย...เข้าครัวทำกับข้าวก็จับเอานนท์เข้าไปนั่งทำด้วยหยิบผักมาให้หัดเด็ดหัดล้าง...เขาไม่เคยได้อะไรจากพี่เลี้ยงคนนี้ เหมือนกับพี่เลี้ยงคนอื่นของพี่น้อง...ที่ทำทุกอย่างให้หมด...นนท์ย้อนกลับไปคิดในวัยเด็ก...ถ้าเขาไม่ได้พี่เลี้ยงคนนี้...วันนี้ที่เขาโตมาคงหยิบจับอะไรไม่เป็น...นี่ละมั้งที่พี่เลี้ยงคนนี้ให้กับเขา...เขามองดูพวกพี่น้องเขาที่ทุกวันนี้ต่างก็หยิบจับทำอะไรไม่เป็นกัน...
การประชุมหรือการพูดคุยกันของพี่น้องนนท์ในครั้งนั้น...ครั้งที่พ่อนนท์เสียใหม่ ๆ บอกให้นนท์ออกมาดูแลกิจการของครอบครัว ซึ่งทั้ง ๆ ที่นนท์ก็ไม่ได้อยากออกจากงานประจำเงินเดือนสูง ซึ่งสูงกว่าพี่น้องทุกคนในครอบครัว...แต่ก็ต้องอยู่ในสภาพที่ต้องจำยอมกลับมารับดูแลกิจการของครอบครัว เพื่อให้ดำเนินต่อไป...หลังจากที่ไม่มีพ่อเป็นคนคอยดูแลกิจการ...การตกลงที่ยื่นข้อเสนอของผลกำไรเมื่อแบ่งส่วนแล้วนนท์จะได้มากกว่าทุกคน ...เพราะถือว่าเป็นคนดำเนินกิจการ...ก็เหมือนการกินในกงสี...เพราะค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านหลังใหญ่ที่พี่น้องคนอื่นอยู่กัน....ยกเว้นบ้านหลังเล็กของนนท์...ที่ทุกอย่างเอาเงินจากกิจการไปจ่ายไม่ว่า จะเป็นค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์...ซึ่งที่บ้านหลังเล็กของนนท์...นนท์ควักเงินของตัวเองจ่าย...เพื่อไม่ให้มีปัญหาในภายหลัง แต่ปัญหาก็ยังตามมาอยู่จนได้
ค่าอาหารการกิน...ก็มาจากเงินกงสีที่นนท์เป็นคนปั่น...นอกจากเงินรายจ่ายที่ต้องจ่ายในกิจการ ยังต้องแบ่งเงินออกมาเพื่อใช้จ่ายทุกอย่างภายในบ้าน...ทั้ง ๆ ที่ทุกคนก็มีเงินเดือนจากงานที่ตนทำงานประจำ....นนท์เคยเสนอว่า...ทำไมไม่เอาเงินเดือนของทุกคนมาคนละเท่า ๆ กันเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านหลังใหญ่...ทุกคนกลับเฉยเมย...แถมยังย้อนอีกว่า...ตอนที่พ่อทำ พ่อยังทำได้...ทุกคนก็ไม่ได้ควักเงินของตัวเองเพื่อจะต้องมาลงขันอย่างที่นนท์เสนอ....รายได้ที่เคยได้รับลดลง...ผลกระทบจากเศรษฐกิจฟองสบู่ที่แตก...กระทบกระเทือนไปทุกหย่อมหญ้า...คนตกงานกันเป็นแพ...เศรษฐีใหม่ทั้งหลายต่างร่วงหล่นลงมากันหมด...หากจำกันได้...ยุคนั้นตลาดหุ้นกำลังบูม...เศรษฐีใหม่ทั้งหลายเกิดขึ้นจากการค้าขายหุ้น...ซื้อบ้าน...ถอยรถกันเป็นแถว...ราคาน้ำมันก็ถูกแสนถูก ลิตรละ 8 – 12 บาท ไม่เหมือนทุกวันนี้ปาเข้าไปเกือบ 50 บาท...ยิ่งดอกเบี้ยธนาคารไม่ต้องพูดถึง คนมีเงินฝากตอนนั้นได้ดอกเบี้ยสูงมาก...ร้อยละ 25 ถ้าจำไม่ผิด...ตอนนั้นคนร่ำรวยกันเป็นแถว ๆ มีเงินมีทองใช้อย่างสบายมือ...ช่วงนั้น..นนท์เองก็นอกจากจะทำงานได้เงินเดือนจากกิจการครอบครัว...นนท์ยังหางานพิเศษทำทุกวัน...ไม่เว้นแม้แต่เสาร์อาทิตย์...เขาอยากหาเงินให้ได้มาก ๆ เพื่อที่จะให้ตัวเองสบาย...พอมีนัทเข้ามาในชีวิตด้วย...จุดมุ่งหมายของเขาก็เปลี่ยนไป...ไม่เพื่อตัวเขาคนเดียวอีกต่อไปแล้วแต่รวมทั้งตัวของนัทด้วย...ที่จะต้องมีชีวิตที่สุขสบายไปด้วยกัน...นนท์คิดเช่นนั้น
ดีที่ช่วงจังหวะหนึ่งที่นนท์...พยายามหาเงิน เก็บเงินก้อนหนึ่ง เพื่อที่จะเอาไปซื้อบ้านในหมู่บ้านเกิดของนัท...และเพื่อที่จะให้พ่อแม่ของนัทได้อยู่บ้านที่สบายกว่าบ้านหลังเดิมที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่ สภาพบ้านที่เก่าเต็มทน...นนท์ได้มองดูบ้านขนาดไม่ใหญ่มากนัก เพราะนนท์เบื่อสภาพการอยู่บ้านหลังใหญ่ แต่ไม่มีความอบอุ่น ไม่ได้รับความรักมาตั้งแต่เด็ก…บ้านที่มีแต่ความใหญ่โตหรูหรา โอ่โถง แต่ขาดซึ่งความรัก ความอบอุ่น นนท์เฝ้าฝันที่เขาอยากจะมีบ้านหลังเล็ก ๆ ของตัวเองมานาน...เขาถึงมุทำงานหาเงิน...และวันที่เขาพบกับนัทและอยู่ร่วมกับนัทมา ยิ่งทำให้ความคิดของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น...ตอนนี้เขามีคนที่จะอยู่เคียงข้างทั้งชีวิตและกายของเขาแล้ว....มีคนที่จะช่วยกันถักทอความฝันของทั้งคู่ให้กลายเป็นจริง...มีความรักที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของรักที่ไม่ทอดทิ้งกัน...รักที่ไม่อยากจากกันไปไหน...นนท์จึงคุยกับนัทว่าอยากจะซื้อบ้านไว้สักหลังที่ราคาไม่ต้องแพง...ไม่ต้องสวยหรู เอาแค่พออยู่ได้ เพื่อวันหนึ่งที่เราทั้งคู่จะกลับมาอยู่บ้านหลังนี้กันชั่วนิรันดร์
จบตอนที่ 21

minone โพสต์ 2016-9-2 06:13:59

ขอบคุณครับผม{:5_130:}

SunDay345 โพสต์ 2016-9-2 06:24:38

ขอบคุณครับ

nongbasz โพสต์ 2016-9-2 08:27:41

ขอบคุณนะครับ

auto101 โพสต์ 2016-9-2 08:44:34

ขอบคุณครับ

pai_2552 โพสต์ 2016-9-2 14:09:49

ขอบคุณครับ

cakedong โพสต์ 2016-9-2 14:46:50

ขอบคุณครับผม

maxum โพสต์ 2016-9-2 17:26:10


ขอบคุณครับ

bubblebeer โพสต์ 2016-9-2 17:27:27

ขอบคุณครับ

bubblebeer โพสต์ 2016-9-2 17:27:35

ขอบคุณครับ

freezz โพสต์ 2016-9-2 20:33:27

ดีจังครับ สู้ๆ

Dajim โพสต์ 2016-9-2 20:42:49

ขอบคุณนะครับ{:5_127:}

doodd โพสต์ 2016-9-2 20:59:09

ขอบคุณนะครับ

topto โพสต์ 2016-9-3 01:05:45

ต่อๆคร้า

Intra โพสต์ 2016-9-3 05:13:47

ขอบคุณครับ

tttmk โพสต์ 2016-9-3 05:49:35

ขอบคุณครับ

lovelovena โพสต์ 2016-9-3 06:18:15

ขอบคุณนะครับ

love-w โพสต์ 2016-9-3 16:15:16


ขอบคุนครับ

gaybin โพสต์ 2016-9-3 20:31:03

น่าสงสารนนท์

bird0211 โพสต์ 2016-9-3 23:37:38

ขอบคุณครับ
หน้า: [1] 2
ดูในรูปแบบกติ: บันทึกของนนท์21