treepet โพสต์ 2011-4-14 22:06:43

7 วิธีคลายเครียดแบบง่ายๆ สบายๆ

เป็นที่ทราบกันดีว่า ความเครียดที่น้อยเกินอาจทำให้คนเราเรื่อยเปื่อยเฉื่อยแฉะ ความเครียดที่มากเกินอาจทำให้คนเราป่วยทั้งทางกายและทางใจ

เว็บไซต์ "ฮาร์ท แอนด์ สโตรค ฟาวเดเชิน (Heart & Stroke Foundation / มูลนิธิโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง)" สหรัฐฯ แนะนำ 7 วิธีคลายเครียดแบบง่ายๆ สบายๆ... ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟัง และเสริมเคล็ดไม่ลับเข้าไป เพื่อให้คำแนะนำนี้นำไปใช้ได้จริง

(1). หาตัวกระตุ้น

    ควรสังเกตว่า สถานการณ์ใดทำให้เราเครียดได้ง่าย เพื่อหาทาง "หลีกเลี่ยงดีกว่าต้านทาน"... ทีนี้ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรฝึกเทคนิคผ่อนคลาย ซึ่งเทคนิคที่นิยมกันมากๆ ได้แก่ การฝึกลมหายใจช้าๆ และการเกร็ง-ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

...

    การฝึกหายใจให้ช้าลง ไม่เกิน 10 ครั้งต่อนาที ฝึกอย่างนี้ทุกวัน วันละ 10 นาที มีส่วนช่วยลดความเครียด และลดความดันเลือดได้ในคนหลายๆ คน
    เมื่อมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราเครียด... ให้รีบหายใจช้าลง จับเวลาดูว่า ตอนนี้หายใจกี่ครั้งต่อนาที แล้วหายใจให้ช้าลง ไม่เกิน 10 ครั้งต่อนาที ทำต่อเนื่องให้ได้อย่างน้อยคราวละ 5 นาที เพื่ออะไรๆ จะได้เย็นลง

...

    การฝึกเกร็ง-คลายกล้ามเนื้อนั้น... ให้ฝึกเกร็งกล้ามเนื้อทีละส่วน แล้วผ่อนคลายทีละส่วน (เลิกเกร็ง) สังเกตความแตกต่างระหว่างเวลาเกร็งกับไม่เกร็ง โดยเน้นที่ใบหน้า ลำคอ ไหล่ทีละข้าง และแขนทีละข้าง คนบางคนอาจจะฝึกได้ดีขึ้นถ้าฟังเพลงบรรเลงหรือเสียงสวดมนต์ไปด้วย
    เมื่อมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราเครียด... ให้รีบตรวจสอบทันทีว่า ตอนนี้เรากำลังเกร็งกล้ามเนื้อส่วนใด ให้คลายกล้ามเนื้อส่วนนั้นทันที และไล่ไปทีละส่วน เน้นที่ใบหน้า ลำคอ ไหล่ทีละข้าง และแขนทีละข้าง

...

(2). ระบายออกไป

    การระบายความในใจให้คนที่รู้ใจ หรือคนที่ไว้ใจได้ฟัง มีส่วนช่วยให้ความเครียดลดลง เปรียบคล้ายการ "ยกภูเขาออกจากอก"

...

    จุดสำคัญมากๆ คือ อย่าระบายคราวละหลายๆ เรื่องจนดูคล้ายบ่นทั้งวัน เช่น บางคนบ่นเรื่องปวดก็จะบ่นว่า ปวดตรงโน้น ปวดตรงนี้ เริ่มจากหัวจรดเท้า บ่นอยู่เป็นชั่วโมงๆ ฯลฯ
    ถ้าบ่นแบบนี้รับรองคนรอบข้างจะ "หายแซ็บ (คำเมืองเหนือ = หายไปหมด)" ยกเว้นรวยหรือมีมรดกมาก อาจจะมีคนรับฟัง เพื่อเตรียมรับมรดก

...

    ควรระบายความในใจออกไปคราวละเรื่อง และอย่าระบายนานเกิน 20-40 นาที เพื่อไม่ให้คนรับฟังทนไม่ไหว
    และที่สำคัญคือ ระบายแล้ว อย่าลืมขอบคุณ ขอบใจ และหาทางตอบแทนคนรับฟัง เช่น หาของขวัญที่คนรับฟังชอบให้ ฯลฯ วันหลังจะได้มีคนรับฟังต่อ เพราะถ้าบ่นๆๆๆๆ ลูกเดียว ไม่แสดงความขอบคุณขอบใจ หรือไม่ให้ของขวัญ วันหลังอาจจะไม่มีคนรับฟังอีก

...
(3). ออกแรง-ออกกำลัง

    การออกแรง-ออกกำลังมีส่วนช่วยละลายความเครียดได้ พระรูปหนึ่งกล่าวว่า "ถ้าเหงื่อออกมาก-น้ำตาจะออกน้อย ถ้าเหงื่ออออกน้อย-น้ำตาจะออกมาก" คำกล่าวนี้ยังคงใช้การได้ดีเสมอ

...

   การออกแรง-ออกกำลังที่ควรทำให้ได้ทุกวัน คือ การเดินและเดินขึ้นลงบันไดตามโอกาส นอกจากนั้นถ้าเสริมการออกแรงแบบตะวันออก เช่น ไทเกก-ไทชิ โยคะ รำกระบองชีวจิต รำกระบองคุณป้าบุญมี ฯลฯ ได้... แบบนี้จะดีมากๆ เลย

...

(4). ให้เวลากับตัวเองบ้าง

    อย่าไปใส่ใจคนรอบข้างมากจนไม่มีเวลาให้ตัวเอง... คนเราควรมีเวลาให้ตัวเอง เก็บไว้ทำอะไรที่เราชอบ เช่น เล่นกับน้องหมา เล่นกับน้องแมว ฟังเพลง ทำสวน สวดมนต์ ฯลฯ อย่างน้อยวันละ 30 นาที

...

    การมีเวลาให้กับตัวเองจะทำให้ตัวเราเครียดน้อยลง มีความสุขมากขึ้น ทำให้เราใส่ใจคนรอบข้างได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น (มากกว่าไปใส่ใจคนอื่นตอนเราเครียดสุดๆ)

...
(5). หัวเราะหรือยิ้ม

    การฝึกหัวเราะให้เป็นมีส่วนช่วยคลายเครียดได้... ถ้าหัวเราะไม่เป็นจริงๆ การฝึกนึกถึงคนที่เรารัก หรือสัตว์ที่เรารัก แล้ว "แช่ยิ้ม" ไว้สักวันละ 10 นาทีก็ช่วยได้มาก

...

    คนที่เป็นเสือยิ้มยากจริงๆ... ถ้าฝึกร้องเพลงแบบคาราโอเกะคนเดียวได้ ไม่จำเป็นต้องร้องดังๆ หรือฝึกสวดมนต์ได้ แบบนี้ก็ยังดีกว่าตีหน้าบึ้งทั้งวัน

...

(6). กินให้ดี

    การกินอาหารที่ดีกับสุขภาพพอประมาณ ไม่กินจนอิ่มเกิน มีส่วนช่วยป้องกันอาการโมโหหิวได้ โดยเฉพาะถ้ามีอายุ 40 ปีขึ้นไป... ควรพิจารณาปรับเปลี่ยนมื้ออาหารเป็นมื้อเล็กๆ หน่อย กินวันละ 4 มื้อได้แก่ เช้า สาย เที่ยง และเย็น แทน 3 มื้อ ลดข้าวลงสัก 1 ใน 3 เพิ่มผักเพิ่มถั่วเข้าไปแทน

...

    ผักและถั่วช่วยชะลอการย่อยอาหาร และการดูดซึมอาหาร ทำให้อิ่มได้นานขึ้น โมโหหิวน้อยลง
    พวกเราที่ทำงานหรือเรียนหนังสือ... อย่าลืมกินอาหารมื้อเช้าและมื้อเที่ยง เนื่องจากเป็นมื้อที่มีส่วนช่วยป้องกันอาการโมโหหิวได้มากกว่ามื้ออื่นๆ

...
(7). อย่าลืมลาพักผ่อน

    ตอนผู้เขียนเรียนหนังสือ... อาจารย์ท่านหนึ่งบอกว่า ท่านไม่เคยลาพักร้อนเลย 8 ปี ฟังดูเหมือนดี ทว่า... นี่ไม่ใช่แบบอย่างที่ "พอดี" ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรที่ท่านเป็นคนมีธาตุน้ำมากไป (ได้แก่ ธาตุ "น้ำโห" หรือขี้โมโห)

...

    อาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวว่า ความคิดดีๆ มักจะเกิดตอนคนเรามี '3B' ได้แก่ 'Bath, Bed & Bus (bath = อาบน้ำ; bed = นอน; bus = ไปที่ที่ไม่เคยไป)
    นั่นคือ คนเรามักจะมีความคิดดีๆ หรือความคิดสร้างสรรค์ตอนทำอะไรสบายๆ เช่น เวลาอาบน้ำ เวลานอน (บางคนได้ไอเดียดีๆ ตอนฝัน หรือตื่นขึ้นมาใหม่ๆ จึงควรเตรียมกระดาษ ปากกาหรือดินสอไว้ใกล้ตัวเสมอ) ฯลฯ

...

    ช่วงเวลาพักผ่อนประจำปีเป็นช่วงเวลาของ 'bus' หรือการมีโอกาสไปเที่ยวในที่ที่ไม่เคยไป หรือพักผ่อนต่อเนื่อง ทำให้เราสดชื่น และมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น
    คนเราทำงานมาทั้งปี จึงควรหาเวลาลาพักผ่อนบ้าง จะได้ไม่สะสมความเครียดข้ามปีข้ามชาติมากเกินไป

...
ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
ขอบคุณคับ
สู้ๆคับ

boyzab โพสต์ 2011-4-14 22:16:16

ขอบคุณคับจะลองนำไปใช่ดูนะคับผม

yellow2550 โพสต์ 2011-4-14 23:20:13

ขอบคุณครับ การยอมรับและเข้าใจความเป็นจริง
ก็เป็นอีกวิธีในการลดความเครียดนะครับ

Po'Pe โพสต์ 2011-4-14 23:49:14

ขอบคุณคร๊าบๆๆ !! แล้วจ๊ลองดูคร๊าบๆๆ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: 7 วิธีคลายเครียดแบบง่ายๆ สบายๆ