INPUT โพสต์ 2016-11-28 14:56:14

[คิดไปเอง] บทที่ 13 "สะสาง" [28/11/59] ไม่ 18+

หายไปหลายวัน การบ้านเยอะมากๆ อีกไม่กี่อาทิตย์ก้จะสอบแล้วด้วยครับ
บทที่ 13 “สะสาง”
********************************************************************

วันนี้เป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์อาทิตย์แรกของการเปิดเรียน

“ก่อนจะเคารพธงชาติกันวันนี้มีเรื่องสำคัญจะแจ้งผมได้รับข้อมูลมาว่ามีเด็กทะเลาะวิวาทกันบนสะพานลอยในเมืองส่วนเหตุการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไรนั้นผมคงต้องขอพบ นักเรียน ชั้น ปวช.2 ช่างกลโรงงาน กับ ปวช.2 ช่างอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกเทคโนไล่ตีเมื่อวันก่อนนู้น ขอให้รอพบผมที่หน้าเสาธงหลังเลิกแถวด้วย” อาจารย์ผชร พูดใส่ไมค์หน้าเสาธง

“อิน จารย์ผชรแกหมายถึงมึงหรือป่าวว่ะ”ชัยถามผม

“ก็คงประมาณนั้นแหละ” ผมตอบอย่างเซงๆ

“ผมคงไม่มีอะไรจะพูดแล้วก็ขอให้ร้องเพลงชาติให้ดัง สวดมนต์ ปฏิญาณตนให้เข้มแข็ง ร้องไปเถอะครับเพลงชาติหนะก่อนที่จะไม่มีเพลงชาติให้ร้อง สำหรับผมมีเท่านี้ขอบคุณครับ” เมื่อประกาศอะไรเสร็จแล้ว อาจารย์ผชรมักจะพูดแบบนี้ทุกวันคงเป็นการปลูกฝังและพูดเพื่อย้ำเตือนสติ

เมื่อทำกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จเรียบร้อยทุกคนก็แยะย้ายกันไปเรียน

“เดี๋ยวกูอยู่คุยกับจารย์ผชรก่อนเดี๋ยวตามไป” ผมบอกเพื่อน

“เออๆ” บาสพูด

“โอเค แล้วรีบตามมานะ” ตันบอก แล้วก็เดินไปกับเพื่อนๆ

ผมก็เดินไปหน้าเสาธงกับบาล์มเพื่อนช่างกล

“นี่พวกมึงไปก่อเรื่องอะไรไว้หรือป่าว” อาจารย์ถาม

“ป่าวครับอาจารย์” หน้าอย่างผมคงจะชอบไปมีเรื่องกับใครอะนะครับ

จากนั้นผมกับบาล์มก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้อาจารย์ผชรฟัง

“โอเคงั้นพวกมึงไปรอกูที่หน้าช็อปตะไบ เดี๋ยวนั่งรถตู้เทคนิคไปเทคโนพร้อมกับกูเดี๋ยวกูพาไปเคลียร์เอง” อาจารย์ผชรพูด ผมนี่ฮึกเหิมเลย!!!พูดจบแกก็เดินเข้าตึกอำนวยการไป คงจะไปขอรถตู้ละมั้งครับ

ต่อไปนี้กูจะได้เดินกลับบ้านข้ามสะพานลอยอย่างสบายดากสักที แม่ง 3วันที่ผ่านมากูต้องเดินหลบๆซ่อนๆอย่างกับคนไม่มีพื้นที่ในสังคม

ดูจากทรงแล้วผมคงไม่ได้เรียนช่วงเช้าแน่นอนผมจึงโทรศัพท์ไปหาไอ้บาสบอกให้ลาอาจารย์ให้ด้วยวันนี้ผมมีเรียนวิชาเครื่องรับวิทยุทั้งวัน ช่วงเช้าเป็นหลักการ ช่วงบ่ายเป็นปฏิบัติซึ่งเป็นวิชาที่ผมอยากเรียนมากเพราะวิชานี้อาจารย์จะให้ประกอบวิทยุจริงๆคนละเครื่องเลย

แล้วผมกับบาล์มก็เดินไปรอที่หน้าช็อปตะไบไปถึงก็เห็นบรรยากาศเดิมๆที่ผมเคยผ่านมา

มองไปก็เห็นน้องๆ ปวช.1 เข้าแถวตอนเรียง 10เหมือนตอนผมเรียนเลยดูแล้วก็นั่งขำกับไอ้บาล์มมัน สักพักรถตู้ก็มาจอด

“ไปเฮ่ย” อาจารย์ผชร สาวเท้าก้าวยาวๆออกมาจากช็อปตะไบอย่างเร่งรีบพร้อมเรียกพวกผมให้ขึ้นรถ

ในรถผมนั่งกับบาล์ม 2 คน ส่วนอาจารย์ผชร นั่งหน้าคู่กับคนขับ

“เดี๋ยวพอไปถึงเทคโนพวกมึงนั่งเงียบๆไม่ต้องพูดอะไรมากมาย ถ้าเขาให้เล่าความจริงก็พูดออกไปตามตรงถ้าเคลียแล้วมันไม่จบมีนอกรอบก็บอก เดี๋ยวกูเคลียร์เอง” อาจารย์ผชรหันหลังมาบอกพวกผม

“ครับอาจารย์”

การไปเทคโนในครั้งนี้ไม่รู้ว่าอาจารย์ผชรเขาจะเคลียกับ อาจารย์ฝ่ายปกครองทางนั้นได้หรือป่าวนะ

ตลอดทางผมกับบาล์มนั่งเงียบไม่คุยอะไรมีเพียงอาจารย์ผชรนั่งโม้กับตาลุงคนขับตลอดทางอย่างกับพวกคนแก่ขุดเรื่องวัยหนุ่มมาคุยนั่งฟังก็ฮาดีครับเพราะไม่เคยเห็นอาจารย์ผชรในมุมมองแบบนี้ ปกติแกจะดูโผงผางพูดจาคำหยาบ เด็กเทคนิคส่วนใหญ่จะกลัวแกที่สุด เพราะแกเป็นคนจริง และเก๋าจริง

จนกระทั้งมาถึงเทคโน รถตู้จอดที่หน้าห้องฝ่ายปกครอง

“สวัสดีครับ อาจารย์ผชร” อาจารย์ฝ่ายปกครองเทคโนไหว้อาจารย์ผชร

“อ่า สวัสดีๆ” อาจารย์ผชรรับไหว้

“เออ อาจารย์เขาชื่อสุทินเป็นศิษย์เก่าเทคนิคเรานี่แหละ และยังเป็นลูกศิษย์กูอีกด้วย” อาจารย์ผชรแนะนำ

ผมกับบาล์มก็ไหว้อาจารย์ฝ่ายปกครองเทคโนแกก็รับไหว้ยิ้มๆ แล้วเชิญเข้าไปนั่งในห้องฝ่ายปกครอง

“เดี๋ยวผู้ปกครองเด็กที่ไล่ตีพวกเธอ เขาจะมาคุยนะนั่งรอสักครู่คงกำลังมา” อาจารย์สุทินพูด

นั่งกันไม่นานผู้ปกครองของเด็กเทคโนที่ไล่ตีพวกผมก็มา มีอยู่ 3 คนเป็นผู้หญิงหมดเลย คาดว่าคงเป็นแม่เขา

“นี่เธอ 2 คน หรอที่ก่อเรื่องหนะ” ผู้ปกครองคนหนึ่งพูดขึ้นทำหน้าจะเอาเรื่อง ผม 2 คนนี่งงเลย

“ใจเย็นๆก่อนนะครับ” อาจารย์สุทินพูดเชิงขอร้อง

“ใจเย็นอะไรละค่ะเสียเวลามากที่ต้องลางานมาด้วยเรื่องแบบนี้”

“คุณแม่ทั้งหลายฟังก่อนเถอะครับเดี๋ยวผมจะให้ลูกศิษย์ผม 2คนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง ถ้าคุณคิดว่านี่เป็นเรื่องไร้สาระก็เชิญกลับไปได้ถ้าคุณไม่ละอายลูกศิษย์ 2คนนี้ของผมละก็นะบางทีเขาอาจจะคิดว่าพวกคุณกลัวความจริงอยู่ก็ได้ เพราะเด็กเทคโน 3 คนนั้น เขาก็ลูกคุณ คุณย่อมรู้ดีแกใจอยู่แล้วว่าลูกๆของคุณนั้นมันเป็นกันยังไงแล้วลูกศิษย์ผมมีกันอยู่ 2คนหน้าตามันก็หน่อมแน้มแบบนี้จะได้ทำอะไรใครเขาได้ละครับผมก็ขออภัยด้วยแล้วกันพอดีผมเป็นคนพูดตรงครับ” อาจารย์พชรพูดออกหน้าให้คุณแม่ทั้งหลายก็สงบปากสงบคำกัน (เอาตรงๆตอนนั้นอาจารย์พูดยาวกว่านี้เยอะเลยครับผมจำไม่ได้ว่าพูดอะไรบ้าง แต่คร่าวๆก็ประมาณนี้)

คงจริงอย่างที่อาจารย์ผชรว่าแหละครับเขาย่อมรู้แก่ใจว่าลูกเขาเป็นยังไงกัน

“เดี๋ยวฟังเด็กๆเล่าจบแล้วผมจะบอกสาเหตุของการทะเลาะวิวาทครั้งนี้ให้ฟังครับ” อาจารย์สุทินพูด

แล้วผมกับบาล์มก็ช่วยกันเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังบรรดาคุณแม่ทั้งหลายพอฟังความจริงก็นั่งเงียบกริบเลยครับ

“เรื่องทั้งหมดก็มีเท่านี้ครับ” บาล์มพูด

“เฮ้อ.....” ผู้ปกครองคนนึงถอนหายใจ

จากนั้นอาจารย์สุทินก็พาเด็กเทคโน3 คนที่ทำร้ายบาล์มในวันนั้นส่วนพวกที่เหลือไม่ได้พามาเพราะไม่ได้ทำร้ายร่างกายบาล์มพูดง่ายๆคือเอามาเฉพาะตัวเต๊งครับพร้อมกับโชว์อาวุธของมีคมที่ยึดมาได้จากกลุ่มเทคโนพวกนี้ เท่าที่ผมเห็นตอนนั้นก็มีเหล็กทำเป็นเกลียวทั้งแท่งแล้วทำปลายแบบแหลม,มีดพกสั้น และปืนปากกาเห็นแล้วก็รู้สึกอันตรายเหมือนกันนะครับ คือมาเรียนเพื่อหาความรู้กัน ทำไมมันต้องมามีอะไรแบบนี้ด้วย

บรรดาคุณแม่ทั้ง 3 เห็นลูกตัวเองเดินเข้ามาก็ ทำหน้าเซ็งจัดเลยครับคงเพราะอายขายขี้หน้าด้วย

“เดี๋ยวจะบอกสาเหตุของการเกิดเรื่องครั้งนี้ให้นะครับเรื่องมันมีอยู่ว่า เด็กเทคโนกลุ่มนี้ ไปมีปากเสียงกับ รุ่นพี่ช่างกล ปวช.3 ของเทคนิค เรื่องแค่เดินสวนแล้วเขม่นกันเด็กเทคโนกลุ่มนี้ก็เลยเดินมาเจอ ไอ่ 2คนนี้บนสะพานลอยพอดีก็เลยตีฝากเฉยๆครับ” อาจารย์สุทินพูด

“ทำไมทำตัวเหลวแหลกแบบนี้แม่ละเบื่อมึงจริงๆเลยว่ะ”ผู้ปกครองคนนึงพูดขึ้นพร้อมกับผู้ปกครองอีก 2 คนที่กำลังบ่นลูกเหมือนกัน

“บ่นไป ด่าไปมันก็ไม่มีความหมายหรอกครับคุณแม่เรื่องมันก็ผ่านมาแล้วผมก็เพียงแค่อยากจะให้พวกเขามาขอโทษขอโพยจับมือให้อภัยกันไม่อยากให้เรื่องถึงตำรวจ เพราะถ้าไม่มาคุยกันวันนี้เด็กผม 2 คน จะกลับบ้านด้วยความหวาดระแวงแล้วเขาก็ไม่ได้รู้เห็นเรื่องพวกนี้ด้วย เพียงแค่เป็นอารมณ์ร้อนของเด็กวัยรุ่นมันยังไงเขาก็เป็นอนาคตของชาติเมื่อก่อนเขาอาจจะยังคิดไม่ได้แต่สำหรับเหตุการณ์ในวันนี้คงทำให้พวกเขาคิดได้ก็ได้นะครับถ้างั้นผมก็ขอให้มันจบๆกันไปได้ไหม”อาจารย์ผชรพูดกับผู้ปกครองทั้ง3 พร้อมกับหัวไปพูดประโยคท้ายที่ว่า “ขอให้มันจบๆกันไปได้ไหม” กับเด็กเทคโน3 คน

เด็กเทคโน 3 คนนั้น ย่อมขอโทษผม 2คน แล้วก็จับมือกัน จากนั้นอาจารย์สุทินก็ขอให้ถ่ายรูปกัน เหมือนจะเอาไปลงบันทึกมั้งครับเพราะเหล่าอาจารย์ฝ่ายปกครองที่สังกัดกรมอาชีวะศึกษาเขาจะมี พวกสารวัตนักเรียนหนึ่งในนั้นมีอาจารย์ผชรด้วยครับ

“เอ่อ อาจารย์สุทินผมขอยกเว้นเด็กเทคโน 3 คนนี้ไว้ได้ไหมครับอย่าไล่เขาออกให้โอกาสเขาอีกสักครั้ง”อาจารย์ผชรพูด

“ครับๆ อาจารย์” อาจารย์สุทินรับปาก

เคลียปัญหาเสร็จพวกผมก็นั่งรถตู้กลับเทคนิคกันระหว่างทางตอนขึ้นรถกลับเทคนิคผมก็ถามอาจารย์ว่าทำไมถึงขอร้องอาจารย์สุทินไม่ให้ไล่พวกนั้นออกตามกฎของสถาบันเขาแกบอกว่า “ถ้าพวกมันโดนไล่ออกละก็ มึง 2 คน ก็ไม่รอดหรอกมันจะต้องตามมาทำร้ายแน่นอนการที่ให้โอกาสเขาก็เหมือนเป็นการให้ใจเขาไปด้วย” ผมฟังก็สำนึกในบุญคุณอาจารย์ผชรมากแกห่วงผม 2 คน กลัวว่าจะมีอันตายถึงกับออกหน้าให้

พอมาถึงเทคนิคอาจารย์ผชชรให้ตู้รถมาส่งผมถึงหน้าแผนกอิเล็กฯเพราะแกกลัวจะกินเวลาเรียนผมไปเยอะ

“สวัสดีครับอาจารย์ขอบคุณนะครับ” ผมไหว้อาจารย์พร้อมคำขอบคุณ

“เออๆต่อไปนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ตั้งหน้าตั้งตาเรียนสะนะ” อาจารย์พูด

แล้วผมก็ขึ้นแผนกไปเรียนชั้น2 ตอนนี้เวลา 11.00น. แล้วครับ

“เฮ่ยๆ ไอ้อินกลับมาแล้วว่ะ” โอ๊ตพูดขึ้น เมื่อเจอผมเดินขึ้นมาเพื่อนๆแห่กันถามผมเต็มเลยครับ ผมก็เล่าให้พวกมันฟังมันก็ว่าอาจารย์ผชรเก๋าจริงๆพาผมไปถึงเทคโนอะไรประมาณนั้นอะครับขณะเล่ามองหาตันแต่ก็ไม่เจอ ไม่ณู้ว่าหายไปไหนเหมือนกัน

“แล้วนี่พวกมึงไม่เรียนหรอว่ะ” ผมถาม

“อาจารย์แกสอนทฤษฎีเสร็จแล้วตอนนี้แกให้ออกมานั่งไล่ไฟเลี้ยงและสัญญาณ InputOutput ในวงจรวิทยุอยู่ช่วงบ่ายแกจะให้ลงมือเริ่มทำวงจรกันจริงๆแล้ว” บาสพูด

“โอเคๆ แล้วไอ้ตันละว่ะ” ผมถาม

“ไม่รู้มันว่าเห็นมันว่าจะไปทำธุระที่บ้านเดี่ยวมาบ่ายๆ”บาสตอบ

หลังจากนั้นพวกผมก็นั่งไล่ไฟเลี้ยงและสัญญาณInput Output ในวงจรวิทยุตามที่อาจารย์สั่งทิ้งเอาไว้แล้วช่วงบ่ายจะกลับมาดูเที่ยงเพื่อนๆก็ไปกินข้าวเหลือเพียงผมที่ไม่กินเพราะเก็บเงินอยู่ช่วงบ่ายเป็นคาบโฮมรูม พบที่ปรึกษา

อาจารย์ก็แจกใบเกียรติบัตรนักเรียนที่มีผลการเรียนดีขึ้นในภาคเรียนที่2/2552 พูดง่ายๆคือเกรดเทอมที่แล้วอ่าครับเป็นใบเกียรติบัตรที่ที่ปรึกษาผมทำขึ้นเองรับรองเอง คนที่ได้ในกลุ่ม 3 ผมจำไม่ได้แล้ว แต่ถ้ากลุ่ม 4 มี ผม บาส บิ๊ก 3คนตอนนั้นรู้สึกดีใจและมีกำลังใจเพิ่มขึ้นมากเลยครับบวกกับตันที่ค่อยส่งเสียงเฮ้แล้วยิ้มให้ผมอยู่ด้านหลัง(แม่งมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้) พร้อมกับเพื่อนอีกหลายๆคนทั้งกลุ่ม 3-4

หมดคาบโฮมรูมก็ออกมาเรียนวิชาเครื่องรับวิทยุต่อพวกผมส่งงานที่ทำช่วงเช้าเสร็จอาจารย์ก็แจกอุปกรณ์ที่ใช้ทำเครื่องรับวิทยุ ครั้งแรกอาจารย์ให้พวกผมทำวงจรขยายกันก่อนโดยการลงอุปกรณ์ภาคขยายลงแผ่นวงจรพิมพ์อเนกประสงค์ หรือพูดง่ายๆก็คือแผ่นปริ้นท์ไข่ปลา แล้วทำการตัดสายจั้มมาบัดกรีทำเป็นจุดเชื่อมต่อคือผมพูดไปก็งงอยู่ดี เอาเป็นว่าอาจารย์ให้พวกผมทำวงจรขยายก่อนครับ

พูดเหมือนทำง่ายแต่เอาเข้าจริงก็เทอมนึงเลยนะครับ กว่าจะได้เครื่องรับวิทยุมานั่งฟังเล่นที่บ้าน


minone โพสต์ 2016-11-28 16:58:47

ขอบคุณครับผม{:5_130:}

pipi1 โพสต์ 2016-11-29 03:03:50

{:5_119:}ขอบคุนครับ{:5_119:}

ddavp โพสต์ 2016-11-30 01:34:40


ขอบคุนครับ

Nikezero โพสต์ 2016-11-30 03:25:28

สนุกมากครับ

meanspy โพสต์ 2016-11-30 06:21:45


ขอบคุณครับ

freezz โพสต์ 2016-11-30 17:33:23

จบเรื่องเครียดสักที

Armoola โพสต์ 2017-3-30 05:03:19

{:5_130:}
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: [คิดไปเอง] บทที่ 13 "สะสาง" [28/11/59] ไม่ 18+