[คิดไปเอง] บทที่ 14 "เครื่องรับวิทยุเป็นเหตุ...พามาให้ยอมรับความจริง..." [28/11/59] ไม่ 18+
บทที่ 14 “เครื่องรับวิทยุเป็นเหตุ...พามาให้ยอมรับความจริง...”********************************************************************
วันศุกร์ก่อนสัปดาห์สุดท้าย
ช่วง ปวช.2 เราจะวุ่นๆกับการทำเครื่องรับวิทยุAM เสียส่วนใหญ่ ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่ผมทำภาคขยายและภาครับ AMเสร็จ นำกลับมาเปิดฟังที่บ้านมีแต่เสียง ซ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆฟังดูน่าลำคานใช่ไหมครับ แต่สำหรับผม และพ่อ แม่ น้องสาว รู้สึกว่ามันวิเศษมากถึงจะยังไม่มีเสียงคนผู้มีแต่เสียง ซ่าๆๆๆๆๆ ผมก็ดีใจฉิบหายแล้ว
“มากินข้าวก่อนอิน เดี๋ยวค่อยไปทำต่อ” แม่ผมเรียกกินข้าวขณะที่ผมกำลังหาวิธีแก้เสียง ซ่าๆๆๆๆ จากเครื่องรับวิทยุอยู่
“ครับๆ” ผมเดินมาล้างมือแล้วนั่งกินข้าวกับครอบครัว
“อิน เอ๊งไม่ลองไปหาลุงหนุ่ยที่คอนโดดูละ ให้แกสอนให้” พ่อผมพูด พร้อมตักข้าวเข้าปาก
ลุงหนุ่ยคือช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นเพื่อนพ่อแม่ผมสมัยผมยังอยู่คอนโดเดียวกับเมย์ที่สมุทรปราการ ก่อนจะย้ายมาต่างจังหวัด
“เออ ก็ดีนะไปให้แกสอนดูสิอิน” แม่ผมเสริมส่วนอุ้มนั่งกินข้าวไปพลางดูทีวีไปพลาง
“ครับๆ” ผมรับคำเพราะว่าอาทิตย์หน้าเป็นสัปดาห์สุดท้ายต้องรีบส่งแล้วครับ
กินข้าวเสร็จผมก็อาบน้ำ เก็บกระเป๋าสำหรับไปสมุทรปราการพรุ่งนี้
“ฮาโหล เมย์พรุ่งนี้มึงอยู่ป่าวพอดีกูจะไปคอนโดเอาวิทยุไปให้ลุงหยุ่นทำให้ว่ะ” ผมโทรหาเมย์
“อยู่ๆ มึงมาดิ” มันตอบ แล้วก็วางไป
เช้าวันรุ่งขึ้น
ตู๊ดดดดดดดดดดดดดดด (เสียงมือถือผมดังขึ้น)
“พี่อินมีคนโทรมา” อุ้มเรียกผมจากชั้นล่างขณะที่ผมกำลังแต่งตัวเตรียมไปสมุทรปราการ
“ใครโทรมาว่ะ” ผมตะโกนถามจากบนห้อง
“ใครไม่รู้ เพื่อนพี่นั่นแหละชื่อตันอะ”
“ตันหรอ!!!” ผมอุทานขึ้นพร้อมกับรีบลงไปรับโทรศัพท์มือถือ
“โหล อิน อยู่บ้านป่าว” ตันถาม
“เออ....ตอนนี้อยู่ แต่เดี๋ยวจะไปสมุทรปราการแล้วดิมึงมีอะไรหรือป่าว”
“อ๋อพอดีมาทำวิทยุที่บ้านไอ้บาสมันแล้วทีนี้มันทำของกูพังอะดิเซงมากเลย แล้วมันไม่พาไปซื้อด้วยนะกูก็เลยโทรหามึงว่าจะให้พาไปซื้อชุดคิทวงจรวิทยุ AM เป็นเพื่อนหน่อยอะดิ แต่ไม่ว่างไม่เป็นไร”
อืม...ทีตอนลำบากละนึกถึงกูขึ้นมาทุกที
“เฮ่ยๆ ได้ดิๆ เพราะยังไงกูก็ต้องไปขึ้นรถในเมืองอยู่ดี” แล้วผมก็ยอมทุกครั้ง ถึงมันจะเสียเวลาแต่แค่ได้เจอผมก็สบายใจแล้วครับ
“อ่าวหรอ โอเคงั้นเดี๋ยวไปรับนะ ไม่เกิน 10 นาที”ตันพูดแล้วก็วางสายไป
ไม่เกิน 10 นาที มันก็มาถึงจริงๆตันเข้ามาไหว้แม่ผมในร้าน แล้วผมก็ออกมาหน้าร้านพอดีไหว้แม่เสร็จก็ซ้อนรถเครื่องตันไปในเมือง
ไปถึงหน้าร้าน ตันมองหน้าผมประมาณว่า เข้าไปซื้อให้ทีคือตันมันเป็นพวกขี้อายไม่ค่อยกล้าแสดงออกเท่าไหร่ กับอีแค่ซื้อชุดคิทมันยังไม่กล้าเข้าไปซื้อเลย แล้วผมก็เดินเข้าไปซื้อมาให้แต่โดยดีจากนั้นตันขับรถเครื่องไปส่งผมที่ท่ารถตู้ไปสมุทรปราการตันรอจนรถตู้ออกแล้วจึงขับกลับผมก็ไม่กล้ามองหรอกครับแต่พอดีกระจกในรถตู้มันติดฟิล์มสีดำ ก็เลยถือวิสาสะคิดอกุศลนิดหน่อย5555+
แล้วผมก็มาถึงคอนโดน
“ลุงหนุ่ย สวัสดีครับ”
“อ่าว ว่าไงอิน ไปยังไงมายังไงละเนี่ย” ก็นั่งรถมาอะครับ
“พอดีผมจะเอาวิทยุมาให้ลุงดูให้หน่อยครับ มันมีแต่เสียงซ่าๆไม่มีเสียงคนพูดเลยครับ” ผมพูดพร้อมกับส่งเครื่องรับวิทยุให้ลุงหนุ่ยดู
“อืม.......” ลุงหนุ่ยรับมาแล้วทำการตรวจสอบดูตามแผงวงจร
“การที่ไม่มีเสียงคนพูดมีแต่เสียง ซ่าๆ แบบนี้ จะต้องดูที่ภาครับ AMเท่านั้น เพราะภาคขยายมันไว้ขยายเสียงเฉยๆมันไม่เกี่ยว” ลุงหนุ่ยพูดโคตรหลักการดูมีภูมิฉิบหายครับฟังตอนนี้มันนี่รู้สึกศรัทธาเลยทีเดียว นี่แหละอาจารย์ปู่ของข้า!!!
“แล้วทำยังไงต่อดีครับ” ผมถาม
“ก็ต้องลองไปจูนที่กระป๋อง IF” ลุงหนุ่ยตอบผมรู้สึกมีความหวังขึ้นมาแล้ว
กระป๋อง IF เป็นกระป๋องเล็กๆไว้สำหรับจูนหาช่องสัญญาณ(ถ้าผมจำไม่ผิด) ภายในจะมีขดลวดอยู่ ซึ่งในการหมุนปรับจูนต้องใช้ไขควงไม้เท่านั้นและต้องค่อยๆหมุนปรับจูนห้ามหมุนปรับจูนนานเกินไป เพราะขดลวดข้างในจะขาด
“เอาหละ เริ่ม!!!” ลุงหนุ่ยพูด พร้อมกับหยิบไขควงเหล็กปากแบนทิ่มลงไปจูนในทันที!!!
“เอ่อ...ละ...ลุง....” ไม่ทันแล้วครับ
โอ้ยยยยย ลุงหนุ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย
จังหวะนั้นกูห้ามไม่ทันจริงๆไม่คิดว่าแกจะไม่รู้ว่าต้องใช้ไขควงไม้ในการปรับจูนเท่านั้นจนในที่สุดก็มีเสียงดัง แก๊ก เบาๆ เป็นสัญญาณบอกว่า กระป๋อง IF ได้สิ้นม้วยมรณาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว.....
ผมฟังเสียง แก๊ก นั้น ก็รู้ว่านั่นคือเสียงสวรรค์นอนแน่ครับผมหยิบกระเป๋าตังออกมานับเงินดูก็โล่งใจไปหน่อยที่ตังยังพอสำหรับซื้อชุดคิทเครื่องรับวิทยุ AM มาเปลี่ยน!!!!ไอ่ส๊าดดดดดดดดดดดดดดดด
“เอ...ทำไมมันไม่ดังสักทีนะ....” ลุงหนุ่ยยังไม่ละความพยายามยังคงหมุนปรับจูนกระป๋อง IF อย่างขะมักเขม้น
นี่มึงยังไม่รู้ตัวอีกหรอครับลุงว่ามึงทำอะไรลงไป.....มึงล่อหมุนสะมันอยู่คนเดียวเลย.....
ผมมองดูด้วยความปลง เฮอ....ช่างแม่งเถอะไหนๆก็พังละกูไปหาไอ้เมย์ดีกว่า
“ลุงหนุ่ยครับ งั้นเดี๋ยวเย็นๆผมกลับมาเอานะครับ”
“ได้ลูกๆ” ลุงหนุ่ยตอบ ขณะที่หมุนกระป๋อง IFกูเมามันเลยมึง
เออดีลุงหมุนๆไปจะได้ฝึกกล้ามแขนไปในตัวด้วยผมสนับสนุนผู้สูงอายุให้ออกกำลังกายอยู่แล้วครับ
จากนั้นผมก็ขึ้นไปหาไอ้เมย์
“มาถึงตั้งแต่ตอนไหนว่ะ” เมย์ถาม
“นานแล้วหละ แต่กูมัวเอาวิทยุให้ลุงหนุ่ยแกดูอยู่” ผมพูดกับเมย์ ขณะที่มันกำลังนั่งเล่น Facebook อยู่
ลืมบอกไปว่าช่วงนั้นที่เทคนิคผมฮิตเล่น Facebook กันมาก hi5 หายไปจากชาวเทคนิคเลยครับผมเองก็เพิ่งจะสมัครเล่นได้ไม่นานนัก ในกลุ่ม 3-4 เล่นกันทุกคนแม้แต่ที่ปรึกษากลุ่มผมก็เล่นแต่เล่นแอบๆ พวกผมเคยแอบดูจอโน๊ตบุ๊คตอนแกนั่งหลับหน้าโน๊ตบุ๊ค ที่แกเล่นนี่ไม่ใช่โพสต์อะไรนะแกเล่น “แฮปปี้คนเลี้ยงหมู” ส่วนคนที่ไม่เล่น Facebookมีอยู่คนเดียวคือท่านตันของกระผมนั่นเอง
“เออนี่ กูซื้อมือถือใหม่แล้วนะเว้ย” ผมพูดพร้อมโชว์โทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ที่ผมอุส่าอดข้าวอดน้ำมานานหลายเดือนนั่นก็คือ Nokia X2-00 กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซลถ่ายชัดที่สุดในกลุ่ม 3-4 ครับ ราคาในตอนนั้นถ้าผมจำไม่ผิด 4,700บาท ตังผมไม่พอแต่แม่ช่วยออกให้ครึ่งครับ
“เยดเข้ เจ๋งหวะมีเครื่องใหม่กับเขาแล้ว” เมย์ยินดีกับผมพร้อมกับหยิบมาลองเล่นดู
พอมาเทียบดูกับสมัยนี้แม่งต่างกันอย่างเห็นได้ชัด Smartphoneมันพัฒนาไปได้ไกลและไวมากจริงๆ ความรู้สึกของคนที่มี NokiaX2-00 ในตอนนี้คงจะดูตลกไม่น้อยเลยในอีกมุมนึงอาจจะดูเท่ห์เพราะเหมือนพวกสะสมของเก่าละมั้งครับ มันคิดได้หลายแง่
“เออมึง....” ผมเรียกเมย์
“ว่าๆ”
“ช่วงนี้เหมือนกูจะแปลกๆว่ะ”
“เหี้ยอะไรแปลกว่ะ”
“กู รู้สึกแปลกๆกับเพื่อนอยู่คนนึง”
“เฮ่ย เยดๆๆๆ เพื่อนกูมีความรัก”
“ไอ่สัส แปบนึงยังเล่าไม่จบ”
“เออต่อๆ”
“กูรู้สึกแปลกๆกับเพื่อนคนนึงเพื่อนคนนี้ไม่รู้แม่งมีอะไรเวลาอยู่ใกล้ๆทำให้กูใจเต้นตลอดวันหยุดเสาร์อาทิตย์เป็นวันที่กูเบื่อมากๆอยากให้ถึงวันจันทร์เร็วๆเพื่อจะได้เจอมัน เวลาเจอก็ไม่กล้าคุยต้องให้มันทักก่อนถึงจะอ้าปากพูดได้ ถ้ารู้สึกประมาณนี้คือกูเป็นใช่ไหมว่ะ”
“เดี๋ยวๆ กูไม่เข้าใจที่มึงพูดว่า [กูเป็นใช่ไหม]คือเป็นอะไรยังไงกูงง” เมย์ถามอย่างอยากรู้
“คือ...คนที่ทำให้กูรู้สึกแบบนี้มันเป็น.......ผู้ชาย.......”
“เฮ่ยอีเหี้ย!!!” เมย์ตกใจตบโต๊ะโน๊ตบุ๊คดังลั่นเลย
“จริงหรอว่ะอิน” เมย์เพื่อความมั่นใจ
“เออดิ”
“เออ ถ้างั้นมึงก็เป็นแล้วแหละอินกูว่าแล้วทำไมมึงถึงไม่ยอมมีแฟนสักที ที่ไหนได้มึงก็ชอบผู้ชายนี่เอง” เมย์พูดแล้วก็ยิ้มๆเหมือนคำตอบในใจที่มันเคยคิดนั้นถูกเปะ
“นี่มึง รังเกียจกูหรือป่าวว่ะ” ผมถามอย่างกังวน
“มึงฟังกูนะเว้ย ไม่ว่ามึงจะเป็นอะไรมันไม่ได้สำคัญหรอกมันสำคัญตรงที่มึงเป็นคนดีหรือป่าวก็พอ ยังไงมึงก็เพื่อนกูหรือป่าวว่ะแล้วกูก็ยังเป็นเพศที่ 3 เหมือนกับมึงด้วยกูเข้าใจความรู้สึกเหล่านี้ดี” เมย์แตะไหล่ผมแล้วพูด
“แล้วพ่อแม่กูละ”
“เรื่องนี้มึงห้ามบอกคนที่บ้านเลยนะเว้ย มึงเหยียบไว้รอจนมึงโตมีงานทำค่อยบอก อย่าหักดิบแบบกูโอเคปะ”
ถึงเมย์จะพูดแบบนั้นแต่ในใจลึกๆของผมนั้นรู้สึกว่าแม่คงต้องรู้เข้าสักวันก่อนที่ผมจะทำงานอย่างแน่นอน
“โอเค เฮ้อ กูไม่อยากเป็นเลยว่ะ”
“ทำไงได้ละว่ะ ไม่มีใครอยากเป็นกันทั้งนั้นแหละ แต่มันเกิดขึ้นแล้วนี่มึงอย่าไปสนใจเลยสมัยนี้เขาก็เป็นกันเยอะแยะอย่าไปสนพวกคนสมัย Gen X เลย”
“เออ ขอบใจนะเว้ยมึงเป็นเพื่อนรักกูเลย”
“เออ มึงก็เพื่อนรักกู”
จากนั้นเราก็คุยกันเรื่องทั่วไปจนกระทั้ง 16.00 น.
“กูว่าจะกลับแล้วว่ะ เดี๋ยวลงไปเอาวิทยุที่ฝากลุงหนุ่ยก่อนแล้วก็กลับบ้านละ”
“ปะๆ เดี๋ยวกูเดินลงไปส่งหน้าปากซอย”
ผมลงไปแล้วไปร้านลุงหนุ่ยซึ่งอยู่ชั้นล่างสุดติดกันร้านตัดผมเก่าของแม่ผม
“ลุงหนุ่ยเป็นยังไงมั้งครับ”
“อ๋อ...ลุงว่าเองทำวงจรมาเสียแน่ๆเลย เสียงมันไม่ออกเลยว่ะแล้วลุงก็ไม่ได้ซ่อมวิทยุนานแล้วด้วยซ่อมแต่ทีวีวิทยุเดี๋ยวนี้เขาเลิกใช้กันไปหมดแล้ว” อืม....แถไปเรื่อย
“แล้วกี่บาทครับ” ผมถามค่าซ่อม
“อ๋อ ลุงไม่คิดเงินเอาไปเถอะ ไว้โอกาสหน้ามีอะไรให้ช่วยก็มาได้นะ”
“ครับๆ” กูคงจะมาอีกหรอก....
จากนั้นลุงก็ส่งวิทยุให้ผมแล้วเมย์ก็เดินมาส่งผมขึ้นสองแถวหน้าปากซอยเพื่อที่จะไปลงบางนาแล้วต่อรถตู้กลับบ้านผมตลอดทางนั่งรถกลับผมนึกในสิ่งที่ตัวเองเป็นว่าสักวันนึงถ้าพ่อแม่น้องรู้ขึ้นมาผมจะทำยังไงดีที่ใหญ่ไปกว่านั้นก็ยังมี พ่อใหญ่ (ตา) แม่ใหญ่ (ยาย) ปู่ ย่า น้า อาทั้งหลายที่ให้ความหวังผมไว้เยอะแยะ
ซึ่งครอบครัวทางฝั่งแม่นั้น แม่ใหญ่ผมมีลูก 4 คนผู้หญิงทุกคน แม่ผมเป็นคนโตสุดน้าคนรองไม่มีลูกเคยมีแต่คลอดก่อนกำหนดแล้วเสียเป็นลูกผู้ชายซึ่งตอนที่แม่คลอดผมออกมาน้าคนรองเป็นคนตั้งชื่อเล่นให้ผมและรักผมเหมือนลูกแท้ๆคนนึง ตอนนั้นทั้งฝั่งแม่ ฝั่งพ่อ ดีใจกันยกใหญ่เลยแม่เล่าให้ฟังว่าพ่อใหญ่เป็นคนอุ้มผมออกมาจากโรงพยาบาลตอนที่หมอกำลังทำคลอดแม่ผมนี่แม่แก่ (ยายทวด) เดินวนรอบรถพ่อใหญ่เลยครับแกเป็นกังวนเพราะฝันว่าตอนแม่คลอดผมออกมาแม่ผมเสียแต่พอรู้ว่าปลอดภัยและได้ลูกชายแกดีใจใหญ่เลย ส่วนน้าคนก่อนสุดท้องเป็นทอม มีลูก 2คน เป็นหญิงทั้งคู่ ขอบอกว่าน้าคนรองและคนก่อนสุดท้องที่เป็นทอมอยู่ต่างประเทศทั้งคู่ และน้าคนเล็กสุดมีลูกเป็นผู้หญิง ถ้าเทียบเวลาในเรื่องที่ผมเขียนตอนนี้ยังไม่เกิด เกิดตอนผมอยู่ปวช.3
ส่วนทางฝั่งพ่อ ย่าผมมีลูก 3 คน พ่อผมคนโตสุดมีลูก 2 คนคือผมกับอุ้ม ส่วนน้าสาวคนรองมีลูก สาว 1 คน และน้าสาวคนสุดท้องมีลูกชาย 1 คน ตอนนี้ยังอนุบาล3 อยู่เลย ขอบอกเลยว่าเหมือนผมทุกอย่าง
ก็อย่างที่ว่าแหละครับ คนในครอบครัวหวังกับผมไว้เยอะครับ
.
.
.
.
.
.
.
เฮ้อ ทำไมหนทางที่เลือกมันดูยุ่งยากสะเหลือเกินครับ
...................................................................................
....................................................................
........................................................
..............................................
.....................................
..........................
................
.........
....
..
.
.
แค่นี้ก่อนนะครับ
*
*
*
*
ขอบคุณทุกคำคอมเม้นท์และผู้ติดตามอ่านทุกท่านนะครับ
************************************************************************************* ขอบคุณครับผม{:5_130:} {:5_119:}ขอบคุนครับ{:5_119:} ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุนครับ ขอบคุนครับ รอตามต่อครับ {:5_130:} {:5_130:} {:5_130:} น่าสนุก ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]