เรื่องของนายและกาย (36) ของขวัญ (2)
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย GuySexy เมื่อ 2016-12-28 06:59คืนนั้นผ่านพ้นไปด้วยความยากลำบาก ในหัวผมคิดกังวลมากมายหลายเรื่อง เรื่องที่บ้าน เรื่องแม่ เรื่องเรียน ที่ผมเครียดสุดคือเรื่องเรียนต่อมหาลัยที่มึงแม้จะลงทะเบียนเซกชั่นเลือกและจ่ายเงินค่าเทอมไปแล้ว แต่หลังจากนี้ล่ะ ค่ากินค่าอยู่ผมจะทำยังไง ถ้าไม่มีเงินจากพ่อแม่ผมก็ลำบากแน่ๆ ไม่อยากจะต้องใช้เงินนายด้วย
"นอนไม่หลับหรอ" นายตะแคงข้างมามองผม
"อืม... ไม่รู้แม่จะโดนอะไรบ้าง"
"ไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรหาเนอะ อย่าคิดมากเลย เรื่องมันผ่านมาแล้ว ยังไงสักวันพ่อนายก็ต้องรู้จริงไหม"
ผมไม่ตอบแต่คล้อยตามความคิดของนาย ผมพยายามข่มตาหลับ แต่ภาพเหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้ทำให้ผมนอนไม่หลับ ถึงจะพยายามข่มตานอนให้หลับแล้วก็ตาม มาเผลอหลับอีกทีตอนไหนไม่รู้ แต่ตื่นขึ้นมาก็เช้าแล้ว เป็นเช้าที่ไวกว่าปกติ ตั้งแต่เข้ามหาลัยมานิสัยตื่นเช้าผมก็ค่อยๆ หายไป แต่เพราะความเครียดบวกกับปวดฉี่เลยทำให้ผมข่มตานอนต่อไปอีกไม่ได้ ข้างๆ ที่นอนหลับอยู่คือนาย ผมจ้องมองนายที่ตะแคงข้างหลับ นึกขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันมา ทุกวันนี้ผมก็ยังรู้สึกว่าตัวเองโคตรโชคดีที่ได้เจอผู้ชายแบบนาย คนที่ผมคิดมาตลอดว่าเขาคงไม่มีวันสนใจผู้ชายด้วยกัน แตวันนี้เขากลับนอนอยู่ตรงหน้าผม และปกป้องผม
ผมนั่งจ้องมองอยู่ได้สักพักก็เอนตัวลงนอนตะแคงข้างแล้วกอดร่างของนายไว้แน่น รับสัมผัสอบอุ่นนั้นอย่างชุ่มชื่นหัวใจ และเหมือนอ้อมกอดผมจะบีบรัดจนนายได้สติตื่น มือของนายเคลื่อนมากุมมือผมไว้ช้าๆ โดยไม่เอื้อนเอ่ยอะไร แต่ผมสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่ทำให้ผมน้ำตาไหลออกมา
"อย่าทิ้งกายนะ" ผมกอดนายแน่นขึ้น นายเองก็กุมมือผมไว้แน่นขึ้นเหมือนกัน สัมผัสอบอุ่นจากนายทำให้ความกังวลผมคลายตัวอีกครั้ง ผมค่อยๆ หลับเคียงข้างนายไปอีกครั้งช้าๆ โดยที่ยังกอดนายไว้แน่น
--------------
"เป็นไงบ้างลูก" แม่ของนายถามผมด้วยน้ำเสียงห่วงใยทันทีที่เห็นผมออกมาจากห้องนอน "นายเล่าให้แม่ฟังหมดแล้ว มีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกได้นะ ไม่ต้องคิดมากนะ" ผมยิ้มให้กับความห่วงใยนั้น
"นายดูแลกายไปนะลูก เดี๋ยวแม่กับพ่อเข้าสวนก่อน"
"กินข้าวกัน" นายส่งยิ้มให้ ทำเหมือนทุกอย่างเมื่อคืนไม่ได้เกิดขึ้นมา ทำให้ทุกอย่างเหมือนเป็นปกติ แต่ผมก็ยังจดจำมันได้แม่นยำ จากแผลเล็กๆ ที่หน้าผากนาย
"นายเล่าแม่หมดแล้วหรอ"
"อื้ม" นายตอบสั้นๆ แล้ววางถ้วยข้าวต้มปลาให้ผม
"กินเสร็จแล้วไปช่วยนายในสวนกันนะ" ผมสิ่งยิ้มให้นายแทนคำตอบ แล้วกินข้าวต้มปลาฝีมือแม่นาย ยิ่งกินก็ยิ่งคิดถึงแม่
"เดี๋ยวกายโทรหาแม่ก่อนนะ"
"กินให้หมดก่อนก็ได้ เดี๋ยวเย็นหมดนะ นี่ก็ยังเช้าอยู่เลย" ผมลงนั่นตามมือของนายที่ฉุดไว้ไม่ให้ออกไปโทรศัพท์
"ยิ้มหน่อยซิ" นายบอกแล้วพยายามเอามือมาจับแก้มผม
"ยิ้มไม่ออกอะ" ผมบอกแล้วพยายามจะตักข้าวกินต่อ
"ยิ้มหน่อยน้าาา" นายพยายามดึงหน้าผมอีก ผมเลยฝืนยิ้มให้ไปที แล้วนายก็เลิกร้องขออีก จนผมกินข้าวเสร็จ
--------------
"แม่เป็นไงบ้างคับ" ผมถามออกไปทันทีที่ได้ยินเสียงแม่รับสาย
"กายล่ะลูก เจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า"
"ไม่ครับ ไม่เจ็บแล้ว" ผมพยายามฝืนไม่ให้ร้อง
"พ่อไม่ได้ทำอะไรแม่ใช่ไหม"
"เปล่าจ๊ะ พ่อแค่โกรธนิดหน่อย เดี๋ยวแม่ช่วยคุยกับพ่อให้นะ ตอนนี้พ่อยังไม่ฟังแม่ ออกไปทำงานตั้งแต่เช้ามืดแล้ว" แม้ผมจะไม่ได้รักพ่อมากนักเมื่อทเียบกับแม่ แต่ลึกๆ ผมก็อดเป็นห่วงแกไม่ได้เหมือนกัน
ถ้าเราเลือกได้คงไม่มีใครเกิดมาแล้วอยากสร้างปัญหาให้ครอบครัวโดยที่ตัวเองไม่มีสิทธิ์เลือกแล้วเกิดมาเป็นตัวปัญหาหรอกจริงไหม ผมก็อยากเกิดมาเป็นลูกผู้ชายแบบที่พ่อคาดหวังให้เป็น
"กายอยู่กับนายไปก่อนนะ ไว้แม่คุยกับพ่อได้แล้ว แม่จะโทรหานะ" ผมได้ยินเสียงสะอื้นจากแม่เบาๆ
"แล้วถ้าพ่อไม่หายโกรธผมจะทำไงดีอะแม่" ผมเริ่มเก็บความรู้สึกตัวเองไว้ไม่อยู่
"เดี๋ยวแม่ช่วยคุยให้นะ"
"กายรักแม่นะ" ผมปล่อยโฮออกไป
"แม่ก็รักกายนะ ดูแลตัวเองนะกาย" เราสองแม่ลูกร้องไห้ให้กันผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยที่ผมมีนายคอยลูบหลังอยู่ข้างๆ
"ถ้ากายอยากไปหาแม่ เราไปหาด้วยกันก็ได้นะ เดี๋ยวนี้เลย"
"ไม่เป็นไร" ผมเช็ดน้ำตา "กลัวกลับไปเจอพ่อแล้วแกจะโกรธขึ้นมาอีก"
"งั้นก็ไปเที่ยวสวนกัน จะได้ไม่เครียดเนอะ"
ผมพยายมเช็ดน้ำตาให้แห้งสนิท แล้วผมก็พูดออกไปในที่สุด
"กายว่ากายคงไม่กลับไปเรียนมหาลัยต่อแล้วอะ" นายหันมามองผมด้วยสีหน้าตกใจ "กายต้องเรียนต่อซิ ทำไมจะเลิกเรียนล่ะ ถ้ากายกังวลเรื่องเงินไม่ต้องห่วงนะ นายดูแลกายได้นะ"
"ไม่เอาอะ เราไม่อยากให้นายต้องมาดูแลเรา อีกอย่างค่าเทอม ค่าทำงานของเราก็แพงกว่าของนายเยอะ แค่ค่าเทอมก็สี่หมื่นกว่าแล้วที่จ่ายไป นายจ่ายไม่ไหวหรอก"
"ไหวดิ นายมีเงินเก็บเยอะนะ"
"นายอยากกลับมาอยู่บ้านอยู่แล้วไม่ใช่หรอ กายออกจากมหาลัยแล้วมาช่วยงานกับนายที่สวนไง ดีกว่าอีกเนอะ" ผมฝืนยิ้มให้นายออกไป เพราะคิดว่าสิ่งที่ผมคิดมาตลอดเมื่อคืนนี้คิดมาดีแล้ว
"กายทำแบบนี้ไม่ได้นะ" นายจับไหล่ผมไว้แน่น
"ทำไมอะ มันดีสำหรับเราทั้งสองคนไม่ใช่หรอ นายก็ได้อยู่บ้าน กายก็ได้อยู่กับนายไง"
"แบบนี้ไม่ดีอะ นายไม่ได้อยากให้กายต้องมาตัดอนาคตตัวเองนะ กายชอบที่คณะไม่ใช่หรอ"
"กายว่ากายไม่เหมาะกับงานที่กายทำหรอก"
"ไม่เอาดิกาย อย่าคิดแบบนี้ซิ กายต้องไปเรียนนะ กายไม่คิดถึงเพื่อนที่มหาลัยหรอ ไม่คิดถึงไอบอยมันหรอ" ผมเงยหน้ามองนายด้วยความสงสัย
"กายไม่อยากกลับไปเรียนแล้ว กลับไปจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย"
"เงินนายไง"
"ไม่ได้ เราไม่อยากให้นายต้องลำบากเพราะเรา"
"งั้นกายกลับไปเรียนเทอมนี้ก่อน ถ้าไม่ไหวค่อยว่ากันอีกที"
"กายบอกแล้วไงว่าไม่อยากรบกวนนาย กายไม่อยากแบมือขอเงินนายนะ"
"แต่กายกำลังเดือดร้อน นายเป็นแฟนกายนะทำไมนายจะช่วยกายที่กำลังเดือดร้อนไม่ได้อะ"
ไม่ทันที่ประเด็นจะยุติลง เสียงมอเตอร์ไซต์ก็ขับเข้ามาหน้าบ้านพอดี
"เกิดอะไรขึ้นวะมึง" เสียงไอนัทดังมาทันทีที่เห็นผมสองคนยืนอยู่หน้าบ้าน "มึงบอกว่ากายโดนไล่ออกจากบ้าน คือยังไงวะ"
"พ่อกายรู้แล้วว่ากูกับกายเป็นแฟนกันเมื่อคืน แล้วก็เลยโดนแกไล่ออกมา" ไอนัททำสีหน้าตกใจ
"โอเคนะกาย" น้ำเสียงของนัทสลดลง
"เป็นนัทนัทจะโอเคไหม"
"ให้กูไปช่วยคุยกับพ่อมึงให้ไหม" มันพยายามจะหาทางช่วยผมแบบที่เป็นมันมากจริงๆ
"จะช่วยอะไรได้อะ กับแม่เราพ่อยังไม่ยอมคุยด้วยเลย"
"แล้วนี่จะเอาไงต่ออะ กลับบ้านไม่ได้เลยหรอ"
"อืม" ผมตอบได้แค่นั้น
"แล้วมหาลัยล่ะ"
"คงลาออก" ผมตอบออกไปตามความรู้สึกและสิ่งที่คิดว่าคิดมาดีแล้ว
"เราบอกว่าไม่ให้ออกไง" นายแทรกขึ้นมา
"เออ มึงจะลาออกได้ไงวะ เรื่องแค่นี้ต้องลาออกเลยหรอวะ"
"แล้วกูจะเอาอะไรเลี้ยงตัวเอง เงินติดตัวกูยังไม่มีสักบาท เงินเก็บก็อยู่ในธนาคาร แล้วกูจะไปเอามาจากไหนใช้จ่ายที่มอวะ" ผมเริ่มเดือดอีกครั้ง
"มึงก็ให้แม่มึงจ่ายให้ก่อนดิวะ จะรีบคิดมากไปไหนวะ เรื่องมันแค่นิดเดียว" ไอนัทเดือดตามมาติดๆ
"เห็นไหม ไอนัทมันยังไม่อยากให้กายออกจากมหาลัยเลย"
"ถ้าไม่ได้จริงๆ มึงก็ให้ไอนายช่วยจ่ายก่อนดิวะ ไม่เห็นจะยากอะไร ถ้าไม่พอกูช่วยด้วยก็ได้"
"ขอบใจว่า แต่กูไม่อยากต้องยืมเงินใคร"
"มึงแมร่งโคตรคิดมากเลยกาย"
"ใครจะคิดน้อยเหมือนมึงล่ะ" แทนที่จะด่าผมกลับไอนัทกลับนิ่งเงียบลงไป บรรยากาศของเราสามคนเงียบสนิทในทันที "ขอโทษที่กูคิดน้อยไป กูก็แค่เป็นห่วงมึง ไม่อยากให้มึงคิดอะไรแย่เกินไป" แมร่งเล่นเอาผมรู้สึกผิดไปทันที
"กายคิดมากเหมือนที่มันว่าจริงๆ อะ ไม่แน่พอพ่อนายอารมณ์เย็นๆ ลงแล้ว แม่นายอาจจะคุยได้ แกอาจจะหายโกรธ หรืออะไรที่มันแง่ดีก็ได้ แต่ถ้ามันแย่จริงๆ กายก็ยังมีทั้งเรา ทั้งไอนัท มีคนอื่นที่พร้อมจะช่วยอะ แม่กายไม่ทิ้งกายหรอกเชื่อนายดิ ถึงพ่อกายจะไม่ให้เงินกายแม่กายก็ต้องให้อยู่ดีแหละ เพราะคนจ่ายเงินก็แม่กายตลอดไม่ใช่หรอ" นายพยายามอธิบายทุกอย่างให้ผมเห็นความจริงและคลายความเครียดลง แต่ ณ ตอนนั้นผมกลับรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจผมเลย
"เราบอกว่าเรายืมเงินใครไม่ได้ไง แล้วถ้าพ่อไม่ให้เราเราก็ไม่อยากให้แม่ต้องทำอะไรแบบนั้นเข้าใจกันบ้างไหม!" ผมหงุดหงิด
"เข้าใจดิ แต่นั่นพ่อกับแม่กายไง ยังไงแม่กายก็ต้องช่วย แม่กายไม่ยอมให้กายลำบากหรอก แล้วนายก็เชื่อว่ายังไงพ่อกายก็ยังรักกายอยู่ดีนั่นแหละ"
"นายจะไปเข้าใจพ่อเราได้ยังไงอะ"
"มีพ่อที่ไหนเกลียดลูกได้จริงบ้างอะ"
"ไม่รู้" ผมตอบได้แค่นั้น
"มึงคิดมากแบบนี้แล้วมันจะดีขึ้นจริงหรอ" ไอนัทที่เงียบฟังพูดแทรกขึ้นมาอีกครั้ง
"นายก็อยากอยู่บ้าน เราก็เลิกเรียนต่อ มาช่วยงานที่สวนนาย ก็ดีกว่าไปเรียนไม่ใช่หรอ" ผมเอาเหตุผลที่คุยกับนายยกขึ้นมาพูดอีกโดยไม่สนใจจะหันไปมองนัทเลย
"มึงจะตัดอนาคตตัวเอง มาเป็นคนสวนเนี่ยนะ" ไอนัทถามขึ้นมาอีก "อย่างมึงจะทำอะไรได้ว่า เรี่ยวแรงมีพอจะแบกลัง หิวตะกร้าผลไม้หรอวะ" คำพูดไอนัทเล่นเอาผมจุก
"ทำไมวะ อย่างกูแล้วยังไง"
"มึงแมร่งโคตรบอบบาง..."
"พอแล้ว..." นายหันไปบอกนัท "กายเองก็อย่าคิดมากไป ยังมีเวลาคิดนะ" นายเบรกสถานการณ์ไม่ให้ผมกับนัททะเลาะกัน "ให้แม่กายคุยกับพ่อกายก่อน อย่าพึ่งคิดมากคิดล่วงหน้าไปไกล ถ้าพ่อกายไม่ยอมฟังจริงๆ เดี๋ยวนายพาพ่อกับแม่ไปช่วยคุยด้วยก็ได้ พ่อกับแม่นายไม่มีปัญหาหรอกเรื่องนี้"
ผมเริ่มอ่อนลงบ้างแล้ว เพราะสุดท้ายผมก็ไม่อยากทะเลาะกับนายแล้วก็ไม่อยากใส่อารมณ์ขนาดนี้
"ปัญหามันมีทางออกนะ โอเคไหม รอแม่กายคุยกับพ่อก่อนเนอะ" นายเดินเข้ามาหาผมแล้วขยี้หัวเบาๆ
"แต่อาทิตย์หน้าเราก็ต้องกลับมหาลัยแล้ว ถ้าพ่อยังไม่ยอมคุยกับแม่ล่ะ"
"ให้นายพาพ่อแม่ไปสู่ขอเลยไหมล่ะ นายจะได้ดูแลกายได้เต็มๆ เลย" นายพยายามทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น ซึ่งก็ดีขึ้นมาหน่อย แต่ผมก็ยังไม่อยากให้นายต้องมาลำบากด้วยอยู่ดี
"ใช่เวลาหวานกันหรอวะเนี่ย" ไอนัทเข้ามาทำลายบรรยากาศอีกรอบ
"ถ้ามึงหาทางออกไม่ได้จริงๆ นะ มึงกลับไปเรียนมหาลัยก่อน มึงจ่ายค่าเทอมไปแล้วนี่ แล้วก็หางานทำที่กรุงเทพไปด้วยระหว่างเรียนซะดิก็จบ"
"คิดว่าคณะเรามีเวลาว่างพอไปทำงานเสริมหรอ"
"ทำไมวะ ไม่มีเวลาว่างเลยรึไง"
"มีอะไรล่ะ แค่ปีหนึ่งก็กลับหอไม่เป็นเวลาละ"
"เออๆๆ ตามใจมึงแล้วกันจะคิดยังไงก็แล้วแต่มึง ส่วนตอนนี้ไปหาไรทำแก้เครียดเหอะว่ะ ขืนเครียดกับเรื่องที่แก้ปัญหาเองไม่ได้มีแต่จะปวดหัวตาย"
"เอาดิ" นายทำท่าเห็นด้วยและสนับสนุนให้ผมเลิกคิดมากเต็มที่
"โทรชวนคนอื่นไปเที่ยวดีมะ" นายเสนอขึ้นมา
"ไม่เอาอะ เราไม่อยากอธิบายเรื่องนี้อีก"
"มึงไม่ต้องอธิบายหรอก เขารู้กันหมดแล้วเนี่ย" ไอนัทยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เห็นชัดเลยว่ามีคนประชุมสายฟังเราสามคนมาตั้งแต่แรก... มันยิ้มอย่างกวนตีนให้ผม แม้มันจะสารภาพรักผมไป แต่ดูเหมือนมิตรภาพของเราสามคนจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะว่าไปแล้วไอนัทก็ทำใจได้เก่งโคตรเลย
"ทีนี้ก็ไปเที่ยวกันได้แล้วใช่ไหม" ไอนัทถามอีก
"เออ" ผมตอบได้แค่นั้น แล้วความรู้สึกเบิกบานก็เริ่มกลับมาเพราะวิธีการเปิดมือถือให้ทุกคนฟังของไอนัทแท้ๆ ที่ทำให้ผมต้องเลิกคิดมาก เพราะไม่อยากให้ทุกคนเครียดตามไปด้วย
------------
เรื่องของนายและกาย (36) ของขวัญ (3)
http://www.g4guys.com/forum.php?mod=viewthread&tid=98620&fromuid=122301
(ที่มา: จีโฟกาย.คอม)
ขอบคุนนะ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับผม{:5_130:} {:5_119:}ขอบคุนครับ{:5_119:}จะรอคอยน่ะครับ{:5_119:} ติดตามอยู่ครับ รู้สึกเป็นห่วงกายนะ หวังว่ากายคงผ่านช่วงปัญหาชีวิตนี้ไปได้ด้วยดี ขอบคุมากครับ ขอบคุณนะครับ กำลังฟินต่อๆ ใจเย็น ๆ สู้ ๆ เดี่ยวเรื่อง มันก็ผ่านพ้นไป
ไอนัทเก่ง มาก ทำใจ ถึงจะรัก กาย แค่ข้างเดียว
มาต่อ ไวๆ นะ สู้ๆนะครับ ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะ ขอบคุณทุกๆกำลังใจนะครับ ขอบคุณมากเลย ขอบคุณครับ....
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ หายไปนานเลยนะ มาต่อแล้วครับ เรื่องของนายและกาย (36) ของขวัญ (3)
http://www.g4guys.com/forum.php?mod=viewthread&tid=98620&fromuid=122301
(ที่มา: จีโฟกาย.คอม)
ถือโอกาสสวัสดีปีใหม่ทุกคนเลยนะ น่าสงสารกาย
หน้า:
[1]
2