แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Maxkyac เมื่อ 2016-12-22 06:37
เริ่มต้นจากเซ็กส์ จบด้วยความรักพี่แม็กกะน้องตั้ม-ตอนที่3.1 ****** เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าอิงจากชีวิตจริง70%แต่งเติมเพิ่มอรรถรส30%************ ขอเล่าเรื่องของตัวเองบ้างไม่สนุกก็ขออภัยด้วยนะครับเป็นเรื่องยาวนะครับ แต่ขอชิมลางก่อน กลัวไม่มีคนอ่าน ตอนที่ – 3 : เราสามคน ความเดิมตอนที่แล้ว ภารกิจกามคืนนั้นคืนนั้นล้มเหลวไม่เป็นท่า ผมขับรถไปส่งน้องตั้มที่ชุมชนข้างหมูบ้านจัดสรร แล้วกลับหอไปถึงก็นอนหลับเป็นตาย(ผมออกมาเช่าหออยู่กับเมียชะนี(แหม..ชะนีเต็มปากเต็มคำ)เพราะทางบ้านผมยังไม่รู้ว่ามีเมีย ) .........ต่อจากนี้หละผมจะแก้ปัญหายังไงจะเริ่มตรงใหน ถามว่ารักเธอใหม ตอบเลยไม่นะที่อยู่ทุกวันนี้มีแต่ความผูกพันธ์ และความสงสารเธอดีกับผมมากดูแลทุกอย่าง ผมมีหน้าที่ขับรถกะปี้แค่นั้นแต่ถ้าปล่อยไปแบบนี้ต้องมีปัญหาแน่ เพราะใครก็อยากเป็นที่หนึ่งทั้งนั้น........
...ผมตื่นอีกทีตอนบ่ายค่อยๆเปิดเปลือกตาช้าๆ เพ่งมองเพดาน แต่ใจของผมไม่ได้อยู่ตรงนั้น (ช่วงปิดเทอมตื่นบ่ายได้คับ) สมองซีกสำนึกดีมันพาผมย้อนไปในอดีต ย้อนกลับใปจุดที่เราเริ่มมีความรักครั้งแรก “พัตร” คือผู้หญิงที่แสนดี ผู้หญิงที่ไม่เคยทอดทิ้งผม ทั้งที่ฐานะทางบ้านผมอยู่ในระดับมีอันจะกิน มีหน้ามีตาทางสังคมพอสมควร แต่เธอไม่เคยขอเงินผมใช้เลย ตอนที่เธอทิ้งครอบครัวมาอยู่กับผมใหม่ๆ เธอเรียนอยู่ม.3 เสาร์-อาทิตย์ เธอตื่นตั้งแต่ตี2 ไปตลาดชื้อปลาดุกเครื่องในไก่มาย่างขาย เธอภูมิใจมากกับเงินก้อนแรก(กำไรไม่ถึงร้อย) ช่วงปิดเทอมทั้งสามภาคเรียน ก็เที่ยวเดินหาสมัคงานในห้างอิมฯ เธอได้งานร้านขายรองเท้าแฟชั่นมีบุซสาขาทั่วห้าง วันๆเธอวี่งขึ้นวิ่งลงเป็น100เที่ยว เพื่อไปเอารองเท้าตามที่ลูกค้าต้องการ เลิกงานมาเธอขอร้องให้ผมนวดให้ประจำ ผมเคยขอให้เธอลาออกแต่เธอไม่ยอม ผมเคยไปแอบดูเขานะโดยขึ้นไปยืนบนชั้นสูงสุดของห้าง ผมเห็นเธอวิ่งแล้วก็วิ่ง ผมแหงนหน้าขึ้นฟ้าแค้นในอก น้ำตาลูกผู้ชายไม่เอาถ่านอย่างผมได้พรั่งพรูออกมาเหมือนเขื่อนแตก ผมเจ็บทั้งหัวใจ มันช่าง...บังเอิญจริงๆ เธอได้มองมาเห็นผมยืนร้องไห้อยู่ เขารู้ว่าผมเป็นคนอ่อนไหวง่าย (พวกเจ้าของบ่อน้ำตา ) ผ่านไปประมาณ 5 นาทีเธอโทรมาถามผมว่า “ ตัวเองร้องไห้ทำไม “ “ เค้าสงสารตัวเอง ฮือ อ อ เค้ามันผู้ชายเฮงซวย ทำให้ตัวเองลำบาก“ ผมยิ่งมีคนปลอบยิ่งยิ่งร้องหนักสายตาร้อยๆคู่ คงคิดว่าผมอกหัก ผมร้องไห้โดยไม่แคร์สายตาใคร (ผมมั่นใจในความหล่อผมอ่ะ) “ อย่าร้องนะตัวเองเค้าทนได้ เค้าไม่อยากให้ใครดูถูกว่าหนีตามผู้ชาย แล้วไปไม่รอด “ผมเจ็บจิ๊ดเหมือนมีเข็มทิ่มแทงเป็นพันๆเล่ม “ ตัวเองถ้าไม่ไหวก็ออกนะ อย่าฝืนเค้าเลี้ยงตัวเองได้ “ ผมบอกเธอแบบนี้วันละหลายๆครั้ง แต่เหมือนเธอไม่ได้ยิน “ หยุดร้องนะคนดีของ”พัตร”โตจนเป็นควายละ อายคนบ้างสิ “เธอก็บอกดีนะ แคร์ทำไมมันจำเป็นด้วยเหรอ ที่ต้องอายคนที่ไม่เคยให้เรากิน ผมคิดแบบนี้ ผมไม่ค่อยสุงสิงคนคนที่ไม่รู้จัก เลยถูกมองว่า“ไอ้หยิ่ง “ “ ตัวเองเลิก3ทุ่มเหรอ “ ผมถามทั้งที่รู้ “ เค้ารอกลับพร้อมตัวเองนะ ขี้เกียจขับรถกลับไปกลับมา “ ผมอยากยืนให้พัครเห็นด้วยแหละ เวลาที่เธอมองเห็นผม “ อืมมม ถ้าไม่คิดว่านานก็แล้วแต่เลย ไปหาอะไรกินด้วยนะ “ ถึงเธอจะเหนื่อยแต่พัตร ก็ยังห่วงผมเสมอ “ เค้าไปอ่านหนังสือชั้น4นะ “ ชั้น4คือโซนที่ผมชอบมาก “ จ้า ๆ เดี๋ยวเลิกงานเค้าพาเดินเลหลังไปซื้อทุเรียน “เธอชอบมากตลาดเขมรแต่ผมนี่ไม่อยากจะเข้าเลย ผมจะยืนรอรับของแถวมุมตลาด(ก็คุณหนูอะนะ) เธอชอบหาทุเรียนงอมๆซื้อทีเยอะมาก ผมให้ฉายาเธอว่า” หญิงพัตรเจ้าแม่ทุเรียนแตก”. คร้าบ ตัวเองกินติมป่าว “ ผมแค่ถามไปงั้นเป็นมารยาทรู้อยู่ว่าเธอไม่เคยกินไอติมแพงๆหรอก เธอชอบติมตัก5บาท “ ไม่ต้องซื้อมาเลยมันแพง ตัวเองกินทิ้งกินขว้าง “ ก็จริงอย่างเธอว่า ผมไปกินในสเวนเซ่นร้อยกว่าตัก2คำจืดยังกะตดเจ๊กเดินออกเลย ปล่อยให้ละลายเป็นเหยื่อจุรินทรีย์ตรงนั้นแหละ หมาไม่แดรกเสือกขายแพงอีก มโนสำนึกยังพาผมไปเรื่อยๆล้วนแต่สิ่งดีๆที่เธอทำเพื่อผม เหมือนคอยตอกย้ำความเลวในตัวผม ยิ่งชัดเจนเท่าไรยิ่งเจ็บปวด กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ ก็สะดุ้งสุดตัว เสียงโทรศัพท์ที่ดังมาก ผมดูเบอร์เป็นน้องตั้ม แล้วผมก็วางลงที่เดิมปล่อยให้มันดัง อย่าเพิ่งวางนะตั้มพี่จะฟังเพลง หนึ่งคนทิ้งเราให้ตายอีกคนให้ลมหายใจ หนึ่งทางคือรักจริงอีกทางก็รักฝังใจ ไม่อยากเสียใครซักคนแต่วันนี้ต้องตัดสินใจ โจทย์ความรักจะจบเช่นไรยังไม่รู้หัวใจตัวเอง ถ้ารู้ต้องเป็นแบบนี้ให้มันตายยังดีซะกว่า หลับไม่ต้องฟื้นดีกว่าตื่นขึ้นมาทำลายใจของใคร ความรักที่แตกสลายก่อขึ้นใหม่อีกครั้ง ชีวิตที่เคยสิ้นหวังเริ่มจะสดใส แต่แล้วในวันนี้เธอคนเดิมที่เคยจากฉันไป กลับมาขอคืนวันเก่าๆให้เราเป็นเหมือนเดิม เพลงจบไปสามสี่รอบผมถึงรับสาย ได้ยินเสียงไสๆของเด็กน้อย ผมรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆที่ยังไม่ได้อาบน้ำล้างหน้า ผมกลอกตาไปรอบห้องก่อนพูดกับปลายสาย “ อัลโหล ว่าไงครับน้องตั้ม “ ผมทักทายไปก่อน เกิดเป็นคนอื่นคงหน้าแตก “ พี่แม็กกกก ทำไมรับช้าจัง ตั้มเกือบร้องไห้อ่ะ คิดว่าพี่ไม่สบาย “ เด็กน้อยปลายสายทำเสียงอ้อน “ อ้อ พี่พึ่งตื่นครับน้องตั้มๆมีไรป่าวค้าบ “ สถานการณ์มันชอบบีบคั้นให้คนตอแหลที่จริงตื่นนานละ “ ทำไมอ่ะ ไม่มีอะไรโทรหาไม่ได้เหรอค้าบ ตั้มคิดถึงพี่อะ “ เอ้อ...ถามก็ผิดอีกกรู “ พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น สำหรับตั้มโทรหาได้ตลอดครับ “ ต้องหยอดหน่อยเดี๋ยวงอน “ คืนนี้พี่จะมาหาตั้มป่าว ตั้มจะรอพี่นะครับ “ เอาไงดีหล่ะ พูดไปก็กลัวความรู้สึกน้องพัง “ เอ่อ ค คืนนี้3ทุ่มต้องไปรับแฟน(เมียชะนี) “ ผมต้อเป่าลมออกจากปากเบาๆ รอฟังว่าน้องจะว่าไงต่อ “.....เงียบบบบบบบ............คับพี่งั้นตั้มไม่กวนพี่แล้วคับแค่นี้นะพี่แม็ก ” กรูว่าแล้วแทงไม่ถูกแต่หวย “ เฮ้ยๆ ตั้มๆ อย่าเพิ่งวางดิ แต่งตัวรอนะ ครึ่งชั่วโมงพี่ไปรับ ไปกินข้าวกัน “ เกือบไม่ทัน อิอิ “ คับพี่แม็ก ที่จริงพี่ไม่ต้องมาใส่ใจตั้มก็ได้นะคับ ตั้มรู้ว่ามาทีหลัง “ จุกคับจุก เด็กหวยคัว “ น้องตั้ม ทีหลังอย่าพูดแบบนี้อีกนะคับ เตรียมตัวเลย พี่อาบน้ำแป๊บเดียว “พูดเสร็จผมกดวางเลยกลัวยาว ผมเดินไปยืนหน้ากระจก สายตาก็เห็นกระดาษแผ่นน้อยที่แปะไว้..........................อ่านแล้วสะดุ้ง พัตรทำกับข้าวที่ตัวเองชอบไว้ให้นะ แต่ผมไม่ได้กินหรอก หยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ ตะโกนร้องเพลง “ฉันต้องทำ ทำอะไรสักอย่างแล้ว” ใช้เวลาไม่นานผมก็แต่งตัวเสร็จ คว้ากุญแจรถบึ่งไปรับ เด็กน้อยหัวเกรียนหน้าหล่อ ผัวของผมทันที เส้นทางไม่ถึง2กิโลเมตร แต่ผมติดแหงกบนถนนปู่เจ้า40นาที ถนนสายนี้มันน่าเบื่อสุดๆ(ตอนนั้นยังไม่มีสะพานวงแหวน) หลุดมาได้เข้าซอย(Isuzu)แค่3นาที เจอเด็กน้อยที่รักนั่งหน้าบูดอยู่หน้าเซเว่น (หล่อไปอีกแบบเวลางอน) “ ป่ะ น้องตั้ม มาขึ้นรถ / รอนานมั้ยครับ “ ผมชิงถามก่อน “ ไม่นานมั้งคับชั่วโมงครึ่งอะ ” แอ๊ะๆ ยังมียอกย้อนเดี๋ยวจะโดนย้อนยอก “ รถมันติดอะค้าบ น้องตั้มก็รู้นิถนนสายนี้ เอาแป็นว่าพี่พาไปเลี้ยงขอโทษละกัน ตั้มอยากกินไรคับ “ ผมเปลี่ยนประเด็นเลย “ แล้วแต่พี่อะ ไม่ใช่เงิน ตั้มๆ ไม่มีสิทธิ์” เหอๆนี่กรูหาเหาใส่หัวป่าวว่ะ มีผัวเด็ก “ งั้นเราไปกิน ปิ้ง ย่าง กันนะคับ “ น้องตั้มพยักหน้าเบาๆ ผมวิ่งออกซอยสวนส้มหนีรถติดมุ่งสู่”ร้านปากน้ำซีฟู๊ด” น้องตั้มยังคงนั่งเงียบตลอดทาง สายตาเพ่งไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ไม่แน่ใจอายุแค่นี้เขาคิดอะไรอยู่นะ “ น้องตั้ม” ผมอยากให้น้องตั้มพูดอะไรกับผมบ้าง น้องตั้มหันมามองช้าๆ สีหน้าที่เย็นชา พร้อมกับยกนิ้วชี้ ไปทาบปากที่สวยๆรูปกระจับของตัวเอง แล้วส่ายหน้าให้ผม เป็นสัญญาณว่า “อย่าพึ่งเห่า...เห้ย อย่าพึ่งพูด” โปรดติดตามกันต่อไป ชีวิตผม(แม็กกี้) จะลงเอยแบบใหนกันนร้าา
เราสามคน https://www.youtube.com/watch?v=vRfmGN_btjY
|