9 A% x8 t: \/ c# F% X r
9 @+ ]9 f5 u5 e% X3 g! A2 X6 l9 i( O) H4 R7 y: j
9 f+ Z" I- R# |; B22 “ถึงนนท์..ผู้ที่เป็นที่รักที่สุดในชีวิตของพี่ ถึงวันนี้...ถ้านนท์ได้อ่านจดหมายฉบับนี้...นั่นคงเป็นวันที่พี่ไม่ได้อยู่กับนนท์แล้ว...พี่ไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่...อะไรในชีวิตมันไม่มีความแน่นอน....แต่สิ่งที่แน่นอนที่สุดในตัวพี่...คือพี่รักนนท์มากที่สุด...ไม่มีเสื่อมคลาย....ไม่เคยแม้แต่วินาทีเดียวที่พี่จะไม่คิดรักและไม่คิดห่วงนนท์...ถึงเราจะทำงานอยู่ที่เดียวกัน...เจอกันทุกวัน...นอนด้วยกัน...อยู่ด้วยกัน...แต่เพราะความดีของนนท์ที่ทำให้พี่รักนนท์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นนท์ทำให้พี่รู้จักที่จะให้ความรักและมอบชีวิตให้กับใครสักคน...สอนให้พี่รู้ว่า...เราสองคนอยู่กันด้วยความรัก...พี่ไม่รู้ว่าพี่จะชอบหรือรักผู้หญิงหรือผู้ชาย...นับตั้งแต่นนท์ก้าวเข้ามาในชีวิตพี่...สิ่งที่ไม่รู้พี่ก็ได้รู้...ว่าไม่ว่านนท์จะเป็นหญิงหรือชาย...พี่ก็รักนนท์...ไม่ได้อยู่ที่เพศที่นนท์เป็นเพราะเราเลือกเกิดมาเป็นชายหรือหญิงไม่ได้...แต่อยู่ที่ใจของเราสองคนที่จะรักกันมากกว่า.... นนท์...พี่รู้อย่างนึงว่า...วันนึงร่างพี่ที่กอดนนท์อยู่ทุกคืนทุกวัน...จะปราศจากวิญญาณ...นนท์ครับ...พี่ขอนะ...ทำอะไรให้พี่สักอย่าง....เอาร่างนี้ของพี่เผาเลย...ถ้านนท์จะจัดให้มีสวดพี่ขอสวดแค่ตอนเผาเท่านั้นไม่ต้องทำอะไรให้ยุ่งยาก....แล้วเถ้ากระดูกของพี่....นนท์ไปหาอาที่เกาะเสม็ดให้เขาเอาเรือออก...เอาไปโปรยให้ไกล...วันหนึ่งที่นนท์คิดถึงพี่...นนท์มาหาพี่ที่เสม็ด...พี่จะรอนนท์อยู่....ที่นั่น อีกอย่างหนึ่งที่พี่ไม่เคยบอกนนท์มาก่อน....พี่ไม่มีพ่อแม่มาตั้งแต่เด็กแล้ว...นนท์จำได้หรือป่าวที่นนท์พยายามถามพี่...แต่พี่ก็ทำเป็นไม่สนใจ...พี่อยู่กับหลวงตาที่วัดๆ หนึ่งที่ชัยนาทมาตั้งแต่เด็ก...พอพี่อายุ 17 หลวงตาก็มรณภาพพี่ก็เลยออกจากวัด...มาอยู่เองดิ้นรน...ดีที่ตอนอยู่วัดพี่ยังได้ฝึกทำอาหารบ้าง...ก็เลยเอาตรงนี้มาเป็นอาชีพ...จนพี่มาทำงานที่นี่.... แล้วก็ได้พบกับนนท์ ...ชีวิตพี่ก็มีค่ามีความหมายขึ้นมาทันที.... นนท์จ๋า...ถึงพี่จะจากนนท์ไป...แต่ใจพี่ยังอยู่กับนนท์เสมอนะ...อย่าร้องไห้ซิ...นนท์ต้องเข้มแข็ง...นนท์ต้องมีชีวิตเดินต่อไป....พี่อยากให้นนท์กลับบ้าน...แล้วไปเรียนต่อให้จบโทอย่างที่นนท์เคยบอกกับพี่ไว้...พี่จะคอยรอดูวันที่นนท์เรียนสำเร็จ....พี่จะเป็นกำลังใจให้นนท์อยู่เสมอ...อีกอย่างนะนนท์ที่เป็นที่รักของพี่...พี่รู้ว่านนท์อยู่คนเดียวไม่ได้....ไม่มีพี่แล้ว...นนท์หาคนที่เขารักนนท์...คนที่นนท์รักเขา...พี่ไม่โกรธไม่ว่าที่นนท์จะเอาเขามาแทนที่พี่ในหัวใจของนนท์....แต่พี่จะโกรธนะถ้านนท์จะต้องทนทุกข์อยู่คนเดียวจากการไปของพี่....นนท์รู้ใช่มั้ย... ของๆ เราถ้านนท์ไม่ต้องการใช้...ถ้านนท์กลับกรุงเทพ...นนท์ก็เอาให้พวกป้า ๆเขาไป...จะได้ไม่ต้องขนไป...เงินของเรานนท์เก็บไว้เรียนนะ...ถึงแม้มันจะไม่มาก...แต่พี่เชื่อว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะให้นนท์เรียนหนังสือต่อ...นนท์จ๋า...นนท์เรียนต่อเพื่อพี่นะคับ...ชีวิตนี้พี่ไม่ได้เรียนมาสูง...แต่พี่หวังให้คนที่พี่รักได้เรียนสูงๆ...นนท์ต้องก้าวหน้าในชีวิต....ทำเพื่อพี่...ทำให้พี่แค่นี้ได้มั้ย...นนท์อย่าส่ายหน้าซิ...พี่รู้นะ...ว่าตอนนี้นนท์กำลังเสียใจ....เอากำลังใจของพี่ไปนะคับ...ใจพี่อยู่กับนนท์หมดทั้งใจไปตั้งแต่วันแรกที่เราไปกันที่หาดแห่งนั้นแล้วนะคับ...เก็บกำลังใจดวงใจของพี่ไว้เป็นพลังเพื่อสร้างชีวิตของนนท์นะคับ... วันนี้แม้กายเราจะพรากจากกันแต่ใจพี่จะอยู่กับนนท์ไปชั่วชีวิตของนนท์คราใดที่นนท์ท้อแท้ผิดหวัง...ขอให้นนท์คิดถึงพี่...พี่อยู่ข้างนนท์เสมอ....รักนนท์ที่สุด...รักนนท์หมดหัวใจ... พี่วุฒิ” นนท์อ่านจดหมายฉบับนี้จบ...รถที่นำร่างไร้วิญญาณของพี่วุฒิก็มาถึงอนามัย...พี่ศักดิ์อุ้มร่างของพี่วุฒิเข้าไป....หมอตรวจสักพักก็ออกมาเขียนใบตรวจให้...แล้วให้เอาไปที่อำเภอเพื่อยื่นให้ออกใบมรณบัตร...พี่ศักดิ์ขับรถไปที่อำเภอ...ส่วนนนท์นั่งอยู่ข้างร่างที่ไร้วิญญาณของพี่วุฒิ...นนท์ไม่ยอมปล่อยมือจากมือของพี่วุฒิเลย..ตอนนี้มือพี่วุฒิแข็งไปหมดแล้ว...ไม่นุ่ม ไม่กระด้างเหมือนที่เคยจับอยู่ทุกวัน.... หมอเดินมาถามนนท์ “เดี๋ยวสักพักหมอจะให้คนมาฉีดฟอร์มารีนให้” “หมอ...ต้องฉีดด้วยเหรอ....พี่เขาสั่งไว้ว่าให้เผาเขาเลยอ่ะ” “ถ้าจะเผาวันนี้...จะมีวัดให้เผาหรือป่าว....วัดแถว ๆ นี้เมื่อวานก็มีคนเพิ่งตาย แต่หมอไม่รู้ว่าเขาเอาศพไว้บ้านหรือวัด” “ก็....เผาวันนี้เลย….พี่เขาสั่งไว้...ไม่อยากทำให้พี่เขาเสียใจที่นนท์ไม่ได้ทำตามที่พี่เขาสั่งไว้”นนท์พูดกับหมอแต่น้ำตาไหลพราก...ตอนนั้นนนท์รู้อย่างเดียวว่า...เขาต้องทำตามที่พี่วุฒิสั่งไว้...นนท์ไม่เคยขัดใจพี่วุฒิเลยสักครั้งพี่วุฒิเองก็ไม่เคยขัดใจนนท์เลยแม้แต่ครั้งเดียว... “นนท์...นนท์จะจัดการเรื่องศพพี่วุฒิยังไง”พี่แก้วหันมาถามนนท์ “พี่เค้าให้เผาเลยเค้าบอกไว้ในจดหมาย..”แล้วนนท์ก็ยื่นจดหมายให้พี่แก้วอ่าน “ก็ทำตามที่วุฒิมันสั่งไว้ละกัน....เดี๋ยวศักดิ์มาพี่จะให้ศักดิ์ไปถามที่วัดดู.... พี่ว่าโลงที่วัดก็น่าจะมีนะ จะได้ไม่ต้องไปหาซื้อถึงในตลาด” “คับ...พี่แก้ว...พี่แก้วช่วยนนท์หน่อยละกัน...นนท์คิดอะไรไม่ออกแล้ว” “เอาน่านนท์...วุฒิมันก็เขียนบอกไว้ว่าให้นนท์มีสตินี่...นนท์อยากให้วุฒิมันไม่สบายใจเหรอ...ดูซิทั้งตัวและเสื้อผ้านนท์เปรอะเลือดเต็มไปหมด…เดี๋ยวพี่โทรไปบอกให้ใครเอาชุดมาให้นนท์เปลี่ยนละกัน”เสื้อที่เปรอะเลือดพี่วุฒิตัวนั้น เป็นเสื้อที่พี่วุฒิซื้อให้เมื่อครั้งที่นนท์กับพี่วุฒิไปที่อำเภอแกลง...พี่วุฒิบอกว่าเห็นแล้วสวยดีเหมาะกับนนท์มาก...นนท์รักเสื้อตัวนี้มาก...ทุกวันนี้...นนท์ยังเก็บเสื้อที่เต็มไปด้วยคราบเลือดของพี่วุฒิไว้อย่างดี..หากวันใดที่นนท์คิดถึงพี่วุฒิ...นนท์จะหยิบเสื้อตัวนี้และเสื้อที่พี่วุฒิใส่ในวันที่ตายออกมาดู... สักพักพี่ศักดิ์กลับมา พี่แก้วก็ไล่ให้ไปที่วัดเพื่อไปถามพระว่าเมรุเผาศพวันนี้ว่างหรือป่าวแล้วก็ให้แวะเอาเสื้อมาให้นนท์เปลี่ยนด้วย....พี่ศักดิ์หายไปพักหนึ่ง...ก็กลับมาที่อนามัยพร้อมกับเสื้อของนนท์... “แก้ว...วันนี้เมรุว่างพอดี...นนท์จะเอาวุฒิมันไปวัดเลยมั้ย” “พี่ศักดิ์...นนท์ขออยู่กับพี่วุฒิอีกสักพักได้หรือป่าว” พี่ศักดิ์กับพี่แก้วเดินออกจากห้องนั้นไป...นนท์ก้มหน้าก้มตาร้องไห้...กับการจากไปของพี่วุฒิ...ผู้ชายคนแรกที่นนท์รัก..ผู้ชายคนแรกที่เขาให้ทุกอย่างกับนนท์....ผู้ชายคนแรกที่สอนให้นนท์ได้รู้จักกับคำว่ารักและซื่อสัตย์ว่าเป็นอย่างไร....ผู้ชายคนแรกที่พร้อมให้อภัยนนท์ทุกอย่าง...ผู้ชายที่มอบหัวใจทั้งหมดของเขาให้กับนนท์...และเป็นผู้ชายคนแรกที่นนท์ให้ดวงใจนนท์ทั้งดวงกับชายผู้นี้... “พี่วุฒิ...นนท์รักพี่วุฒิ...นนท์ไม่รู้ว่านนท์จะมีชีวิตอยุ่ต่อไปอย่างไร...ทำไมนนท์ไม่มากับพี่ด้วย...นนท์จะได้ตายพร้อมพี่....พี่รู้มั้ย...ตอนนี้นนท์เหมือนตายทั้งเป็น...นนท์ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว...นนท์จะอยู่กับใคร...นนท์จะอยู่ต่อไปเพื่อใครกันอีกล่ะ...ชีวิตนี้ของนนท์ๆให้พี่ไปหมดแล้ว...พี่ลุกขึ้นมาซิ...ฟื้นขึ้นมาซิ....มาดูแลชีวิตนนท์ต่อนะ...มาดูแลดวงใจของพี่ดวงนี้...พี่วุฒิ....พี่วุฒิตื่นซิ....พี่วุฒิ.....ต่อจากนี้ใครจะกอดนนท์...นนท์จะนอนกอดใครล่ะ....ตอนเช้าใครจะมาหอมที่หน้าผากนนท์....พี่วุฒิ....พี่วุฒิจ๋า...อย่าทรมานนนท์แบบนี้ซิ....นนท์รักพี่วุฒิ....พี่ได้ยินนนท์หรือป่าว....นนท์รักพี่วุฒิ....” พี่แก้วคงทนไม่ได้ที่เห็นนนท์คร่ำครวญอยู่แบบนั้น...จึงเข้ามาดึงตัวนนท์ออก...แล้วให้พี่ศักดิ์เปลี่ยนชุดให้พี่วุฒิแต่นนท์ขอว่านนท์จะเป็นคนเปลี่ยนให้เอง...นนท์ค่อย ๆปลดกระดุมเสื้อของพี่วุฒิออก...โดยมีพี่ศักดิ์ค่อยช่วยจับร่างที่แข็งทื่อของพี่วุฒิ...แล้วนนท์ก็ปลดตะขอกางเกงและซิปกางเกงของพี่วุฒิ...ดึงออก...ปกติพี่วุฒิจะไม่ใส่กางเกงในอยู่แล้ว....จึงไม่ลำบากที่จะต้องอุ้มพี่วุฒิขึ้น...นนท์ค่อยๆสวมกางเกงให้พี่วุฒิ...เป็นกางเกงตัวที่พี่วุฒิสวมใส่เป็นประจำ...นนท์หยิบมาด้วยตอนที่ออกมาจะมาอนามัย...พอใส่เสื้อสวมกางเกงเสร็จ...พยาบาลก็เข้ามาเพื่อที่จะเช็ดคราบเลือดที่ติดตามตัวพี่วุฒิจนสะอาด.....พี่แก้วเอาแป้งมาทาที่หน้าของพี่วุฒิ...แต่นนท์ก็เช็ดออก “พี่วุฒิเขาไม่ชอบแป้ง...นนท์ทาแป้งพี่วุฒิยังไม่ให้ทาเลย...พี่แก้วอย่าทาแป้งให้พี่วุฒินะ”นนท์ส่งสายตาอ้อนวอนและขอร้องพี่แก้ว “ไปกันเถอะนนท์...พี่อุ้มวุฒิมันเอง...”พี่ศักดิ์มาอุ้มร่างพี่วุฒินนท์เอามือกอดร่างพี่วุฒิตรงหัวไว้... “นนท์ร้องไห้พอแล้ว...น้องเอ๊ยยย....พี่รู้และเข้าใจน้องนะ....พี่ก็ไม่เคยเห็นใครจะรักกันเท่านนท์กับวุฒิมันเลย...พี่รู้ว่านนท์เสียใจแค่ไหน...แต่นนท์ก็ต้องทำใจให้ได้...พี่วุฒิเขาไม่ฟื้นมาแล้ว...นอกจากจะมีปาฏิหาริย์เท่านั้น”พี่แก้วเข้ามาปลอบนนท์ บนรถนนท์เอาหัวพี่วุฒิหนุนตักนนท์ไว้...พี่แก้วนั่งข้างหน้ากับพี่ศักดิ์...นนท์นั่งลูบใบหน้าของพี่วุฒิที่ต่อแต่นี้ไปเขาจะไม่ได้ลูบใบหน้านั้นอีก...จับจมูกที่โด่งโค้งเข้ารูปของพี่วุฒิ...เอานิ้วแตะปากที่ต่อจากนี้ไป..จะไม่มีปากนี้มาจูบนนท์อีก...นนท์ก้มตัวลงไปจูบปากที่ร่างของพี่วุฒิเป็นครั้งสุดท้าย....ก่อนที่รถจะเลี้ยวเข้าวัด...พี่ศักดิ์ขับตรงไปที่เมรุ...พอจอดรถ...ป้ามรและป้าคนอื่นๆ ที่โรงครัวก็พากันเข้ามาที่รถ....พี่ศักดิ์มาอุ้มร่างพี่วุฒิออกจากตักของนนท์...นนท์พยายามคว้าเอาไว้...แต่ป้าๆ ก็ดึงมือดึงแขนนนท์ไว้ “นนท์เอ๊ย....หักอกหักใจบ้างเถอะลูก...วุฒิมันไปดีแล้ว...ป้าเชื่อนะว่าวิญญาณวุฒิมันจะอยู่กับนนท์ไปตลอด” พระมาจัดการที่จะบรรจุศพพี่วุฒิลงใส่ในโลง...ก่อนที่นนท์จะเห็นหน้าพี่วุฒิเป็นครั้งสุดท้าย...ลุงที่เป็นสัปเหร่อของวัดเฉาะลูกมะพร้าวเพื่อเอาน้ำให้รดลงบนหน้าของพี่วุฒิ....แล้วก็ปิดฝาโลงไป....นนท์ทรุดลงนั่งกองอยู่กับพื้นตรงนั้น...หมดแล้ว...ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...1ปีที่ผ่านมา...พี่วุฒิทำไมจากไปอย่างง่ายดายขนาดนี้...ทุกคนพยายามฉุดดึงนนท์ขึ้นมานั่งที่เก้าอี้....บ้างก็เอาพัดมาพัดให้...เอายามาให้ดม... “ท่านเจ้าค่ะ...แล้วนี่จะเผาตอนไหนเจ้าค่ะ”เสียงป้าน้อยถามพระ “ก็สัก5 โมงเย็นละกัน นะโยม” “เผาตั้ง5โมงเย็น....ลุงเปิดฝาโลงให้นนท์ก่อนได้ป่าว...ขอนนท์นั่งอยู่กับพี่วุฒิตรงนี้ก่อนได้ป่าว...ขอให้นนท์เห็นหน้าพี่วุฒิอีกได้มั้ยคับ”นนท์ขอร้องลุงสัปเหร่อ “โยม...ปลงซะเถอะนะ...คนตายไปแล้วยังไงก็ไม่ฟื้นหรอกเห็นหรือไม่เห็นก็เหมือนกัน” “หลวงพ่อ...นนท์กราบละ...ขอนนท์เห็นหน้าพี่วุฒิอีกนะคับ...ชีวิตนี้นนท์ไม่เหลือใครอีกแล้ว...มีพี่วุฒินี่หละ...นนท์รู้ว่าเดี๋ยวก็ไม่เห็นอีกแล้ว....แต่นนท์ขอเถอะจนกว่าหลวงพ่อจะให้เผานะ...นนท์กราบละ”นนท์ทรุดตัวลงจากเก้าอี้กราบหลวงพ่อที่พื้น “เอ้า...นายมี...มันรักของมัน...เออ...กูก้เพิ่งเคยเห็นนี่หละว่ะ....ผู้ชายที่มันรักกัน...เคยแต่ได้ยิน...ไปเปิดให้มันไป” “ขอบพระคุณคับหลวงพ่อ” นนท์นั่งอยู่ข้างโลงศพที่ใส่ร่างไร้วิญญาณของพี่วุฒิ....นนท์นั่งมองใบหน้าของพี่วุฒอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย...สามชั่วโมงที่นนท์นั่งอยู่ตรงนั้นโดยที่ไม่ขยับตัวไปไหน...สายตาที่เพ่งพิศไปที่ใบหน้าของพี่วุฒิ....คิดถึงพี่วุฒิเหลือเกิน....จวบจนใกล้5 โมงเย็น...หลาย ๆ คนที่เป็นพนักงานที่รีสอร์ททะยอยพากันมาที่วัดลุงมีสัปเหร่อ...เดินมาจับไหล่นนท์ จนนนท์ต้องสะดุ้งตื่นจากภวังค์... “พอเถอะหนู...คนตายแล้วไม่ฟื้นหรอก...เดี๋ยวตอนเผาก็ตั้งใจอธิษฐานส่งวิญญาณเขาให้ไปอยู่ในที่ที่มีความสุข....”แล้วลุงมีก็เอาฝาปิด...พี่ศักดิ์และคนสวนผู้ชายอีก3 คนก็มาช่วยกันยกโลงศพที่ใส่ร่างพี่วุฒิขึ้นไปบนเมรุ...หลวงพ่อรออยู่บนนั้นแล้วพร้อมกับพระอีก3 รูป เป็น 4 รูป เพื่อที่สวดให้พี่วุฒิเป็นครั้งสุดท้าย... พนักงานที่เป็นเพื่อนร่วมงานที่รีสอร์ทป้า ๆ ในห้องครัวขึ้นมาวางดอกไม้จันทน์นนท์วางดอกไม้จันทน์เป็นคนสุดท้ายก่อนที่ประตูเตาเผาจะปิด...ใจของนนท์ปวดร้าวเหลือเกิน...ทำไมนะคนที่เขารักที่สุดต้องมาตายจากไป...คนที่เราต่างสัญญากันว่าเราจะมีความสุขกันไปตราบเท่านานแสนนาน...ถึงต้องมาตายจากกันไปเช่นนี้...ทุกคนพยายามมาดึงตัวนนท์ให้กลับ...นนท์ขัดขืนที่จะไม่ไป...เขาอยากอยู่จนเผาพี่วุฒิเสร็จ...แต่ที่สุดก็ถูกคนสวนคนหนึ่งอุ้มขึ้นรถพี่ศักดิ์...แล้วขับกลับมาที่รีสอร์ท... คืนนั้นแทบทั้งคืน..นนท์ไม่ได้นอนเลย...ป้ามรมาอยู่เป็นเพื่อนจนป้ามรหลับไป...พอเช้านนท์ก็อาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะไปเก็บกระดูกพี่วุฒิ...พี่ศักดิ์ขับรถมาจอดรออยู่แล้ว....พอไปถึงวัดลุงมีก็ยื่นห่อผ้าสีขาวที่ห่อหุ้มอัฐิของพี่วุฒิให้นนท์ “พี่ศักดิ์พานนท์ไปที่ท่าเรือที่เพนะ ...นนท์จะข้ามไปเสม็ดเอาอัฐิพี่วุฒิไปลอยทะเลที่นั่น...พี่วุฒิสั่งไว้” พี่ศักดิ์ข้ามไปที่เกาะด้วยเพราะไม่ไว้ใจนนท์ว่านนท์จะมีเรี่ยวแรงไหวหรือป่าวพอไปถึงนนท์ก็ไปหาอาคนนั้นที่พี่วุฒิสั่งไว้... “เสียดายเจ้าวุฒิมัน....มันเป็นคนดี....นนท์เอ๊ย....อาว่านะวุฒิมันโชคดีแล้วละ...ที่มีคนที่ทำให้มันแบบนี้...วุฒิมันเคยมาอยู่ที่นี่พักใหญ่ ๆมันก็เรียนทำกับข้าวกับป้าเขา...มันเป็นคนดี เป็นคนซื่อ...”อาพูดให้นนท์ฟังระหว่างที่เรือลอยลำอยู่กลางทะเล....นนท์ค่อย ๆปล่อยอัฐิของพี่วุฒิลงทะเล....แต่นนท์ก็เก็บมาไว้ชิ้นหนึ่ง...ตอนหลังนนท์จึงเอาอัฐิชิ้นนี้ของพี่วุฒิมาใส่กรอบแล้วแขวนไว้ที่คอจวบจนทุกวันนี้...นัทเองก็เคยถามถึงคนที่เป็นเจ้าของอัฐิชิ้นนี้...นนท์ก็เล่าให้นัทฟังทุกอย่าง...นัทถึงเข้าใจว่า...ทำไมนนท์ถึงต้องการความรักที่ซื่อสัตย์...ทำไมนนท์ถึงบูชาความรักอย่างมากมาย... พอกลับเข้าฝั่ง...ลุงกับป้าเจ้าของร้านและบังกะโลที่นนท์กับพี่วุฒิมาพักกันบ่อยๆ ก็บอกกับนนท์ว่า “ถ้าลูกอยากจะมาที่นี่เมื่อไหร่...ก็มานะ...ป้าจะเก็บบ้านหลังนี้ไว้ให้” นนท์ยกมือไหว้ขอบคุณลุงกับป้า...แล้วก็มารอเรือเพื่อข้ามกลับมา...สองเดือนหลังจากที่พี่วุฒิจากไป...นนท์ลาออกจากรีสอร์ทแห่งนั้นเพื่อกลับมาบ้านที่กรุงเทพบ้านที่เขาไม่อยากกลับมา บ้านที่เขาจะต้องเจอสภาพอะไรก้ไม่รู้....บ้านที่ไม่เคยมีความรักและความจริงใจให้กับนนท์...แต่นนท์จะกลับมาเพื่อมาเรียนต่ออย่างที่พี่วุฒิอยากให้เขาเรียน...เงินทำศพพี่วุฒินนท์ก็ไม่ได้จ่ายเลยแม้แต่บาทเดียว...พี่ๆ ป้า ๆ ลุง ๆ เพื่อน ๆที่รีสอร์ทช่วยกันควักเพื่อจ่ายค่าทำศพพี่วุฒิให้กับนนท์...แล้วยังมีเงินเหลือส่วนหนึ่งนนท์จึงทำบุญกับวัดแห่งนั้น....ทุกวันนี้...ถ้านนท์ไประยองนนท์จะต้องแวะไปที่วัดแห่งนั้น...แต่หลวงพ่อก็มรณภาพไปแล้ว....ลุงมีก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น....หลายคนที่ไปวัดนั้น...ในจังหวะที่นนท์ไปก็คงจะเห็นชายหนุ่มวัยกลางคน นั่งเหม่อลอย น้ำตาไหลพราก...ในใจที่นนท์ยังเก็บอดีตที่ดีดีกับพี่วุฒิไว้...รีสอร์ทแห่งนั้นอีกหลายปีต่อมาก็ต้องปิดตัวลง...เพราะสู้กับต้นทุนที่สูงไม่ไหว....นนท์เคยขับผ่านไปครั้งล่าสุดมองเข้าไปผ่านดงหญ้าและต้นไม้ที่รกชัฏ...เขาเห็นพี่วุฒิยืนยิ้มให้เขา....ด้วยท่าทางกวนๆ ของพี่วุฒิที่มักจะทำท่านี้ให้นนท์ดูเป็นประจำ....20ปีมาแล้วที่นนท์ไม่เคยลืมพี่วุฒิได้เลย...แม้จะมีนัทมาอยู่เคียงข้างแล้วก็ตาม นนท์เอาข้าวของๆ พี่วุฒิและที่ซื้อร่วมกันให้กับป้า ๆที่รีสอร์ทไว้ใช้...นนท์จากมากับสร้อยพร้อมจี้รูปหัวใจของพี่วุฒิแหวนที่เขาซื้อร่วมกัน กระเป๋าตังค์ของพี่วุฒิ...และเงินที่ทั้งสองคนเก็บสะสมร่วมกันมา....ประมาณ8 -9หมื่นบาท....นนท์ใช้เงินก้อนนี้ส่งตัวเองเรียนจนจบปริญญาโทอย่างที่พี่วุฒิอยากให้นนท์เรียน....ไม่เคยเอาเงินที่บ้านที่ครอบครัวใช้ในการเรียนเลย....ยังดีที่นนท์สอบเรียนต่อในมหาวิทยาลัยของรัฐได้...ซึ่งค่าเทอมก็ไม่แพงเท่าไหร่....ไม่เหมือนสมัยนี้....ที่ค่าเรียนปริญญาโทจนจบหลักสูตรเป็นแสน....บางที่ยังมีโปรโมชั่นเหมือนขายของในห้างลดแลกแจกแถมกันสนั่น....แจกคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คด้วยอีกตะหาก....สมัยที่นนท์เรียนคอมพิวเตอร์ยังแพงมากๆ รายงานก็ต้องใช้แค่พิมพ์ดีดพิมพ์ส่ง...ยังดีที่มีเครื่องถ่ายเอกสารแต่ก็อย่างแพง....ไม่ใช่หน้าละห้าสิบสตางค์เหมือนทุกวันนี้...ยังดีที่ช่วงที่นนท์ต้องทำวิทยานิพนธ์พ่อของนนท์ตัดสินใจซื้อคอมพิวเตอร์มาไว้ใช้ในกิจการของครอบครัว...นนท์ก็เลยได้ใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์วิทยานิพนธ์...แต่สมัยนั้นก็ยังใช้เวิร์ดจุฬากับเวิร์ดราชวิถีเท่านั้น...แต่ก็ยังดีกว่าที่จะใช้พิมพ์ดีดพิมพ์ทีละหน้าแถมยังแก้ไขข้อมูลไม่ได้ด้วย... วันที่นนท์เรียนจบและเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร...นนท์ตื่นมาแต่เช้าเพื่อใส่บาตรบอกพี่วุฒิ...ปกตินนท์ก็จะใส่บาตรให้พี่วุฒิเป็นประจำอยู่แล้ว....แต่วันนี้เป็นวันที่พิเศษ...นนท์จึงลุกมาทำกับข้าวที่พี่วุฒิชอบมากที่สุด...ใส่บาตรไปให้พี่วุฒิ...ตั้งจิตอธิษฐานส่งไปให้พี่วุฒิ...บอกพี่วุฒิว่า....“นนท์เรียนจบแล้ว....นนท์ทำตามที่พี่วุฒิอยากให้นนท์ทำได้แล้ว....นนท์ยังรักพี่วุฒิอยู่เสมอ.....” ความรักมันช่างโหดร้ายจังนะ...ที่ไหนมีรักที่นั่นมีทุกข์...ดูเหมือนจะเป็นคำที่เป็นสัจธรรม...ที่เป็นความจริงอยู่เสมอและตลอดไป...ณเวลานั้น นนท์คิดว่าจะไม่รักใครอีก....จะไม่มีหัวใจให้ใครอีก....เพราะใจของนนท์ได้ตายไปพร้อมกับร่างกายและหัวใจของพี่วุฒิที่ตายไปแล้ว....ตลอดระยะเวลาที่นนท์เรียนอยู่นั้น....นนท์ไม่เคยสนใจและมองใครเลย....รักไม่ยุ่งมุ่งแต่เรียน....นนท์มุ่งมั่นต่อการเรียนในระดับปริญญาโทมาก...จนทุกคนมองว่านนท์เครียดไปหรือป่าว....แต่นนท์ไม่ปริปากบอกใครว่าหัวใจของแตกสลาย...หัวใจเขาเพิ่งได้รับความชอกช้ำมา... “นนท์...เมิงยังลืมพี่เขาไม่ได้ใช่ป่าว”แจ๊คถามนนท์...วันหนึ่งที่ไปทานข้าวกันหลังจากที่นนท์เลิกเรียน... “กรู...บอกไม่ถูกนะ....ทุกวันนี้กรูยังรู้สึกว่าพี่เขานอนกอดกรูอยู่เลย...” “ปีนึงแล้วนะเมิง...” “กรูลืมพี่เขาไม่ได้เจงๆ อ่ะ...ไอ้แจ๊ค...เมิงจะให้กรูทำไง...กรูฝันเห็นพี่เขาทุกคืน...ฝันถึงแต่ละวันที่มีชีวิตร่วมกับเขา...ตอนที่เมิงไปหากรูที่นั่น...เมิงก็เห็นว่าพี่เขาดีกับกรูแค่ไหน” “เออ...กรูเห็น...แต่เมิงก็ต้องทำใจเมิงบ้างแล้วล่ะ...ดูดิหน้าเมิงเครียดจนเหี่ยวขนาดนี้...เดี๋ยวก็แก่เกินอายุหรอก” “กรูไม่สนตัวเองแล้ว...แก่ก็แก่ว่ะ....ไม่ต้องมีคนมอง..” “เมิงพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก...กรูรู้ว่าเมิงรักพี่เขามากแค่ไหน...กรูเห็นใจเมิงนะนนท์...แต่ถ้าเมิงจมอยู่กับความรู้สึกแบบนี้...เมิงก็เครียด...เมิงตั้งใจเรียนให้จบก่อนดีกว่า...อะไรๆ มันก็จะเปลี่ยนไปเองแหละ” “กรูก็เลยตั้งใจอยู่นี่ไง” “แต่เมิงเครียดว่ะ....อย่าเรียนแบบเครียดดิ...” “เออ...กรูจะพยายาม”เย็นวันนั้นหลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จ...แจ๊คก็พานนท์ไปเที่ยวเธคแห่งหนึ่ง... “เฮ้ย...นนท์...เมิงดูดิมีคนมองสนใจเมิงตั้งหลายคน...เมิงลองเปิดใจหน่อยดิ” “อีแจ๊ค...เมิงก็รู้ว่ากรูไม่ชอบจะคบกับคนที่เจอกันในที่เที่ยว...” “เออ...เออกรูลืมไป...แต่คนนั้นหน้าตาแม่ง...โคตรหล่อเลยนะเมิง...มองมาทางเมิงด้วย”พูดเสร็จแจ๊คก็เดินตรงหาคนนั้น สักพักคนนั้นก็เดินตามแจ๊คมา “สวัสดีคับ...ผมอาทคับ...ผมขอเป็นเพื่อนด้วยคนนะคับ” “เชิญซิคับ...” “เพื่อนคุณ...เอ่อ...ชื่อไรนะคับ” “อ๋อ...นี่นนท์...ส่วนผมแจ๊ค” “คับๆ ผมเรียกพี่ละกันนะคับ....พี่นนท์ไปเต้นกับผมสักเพลงนะคับ” “ไม่ดีกว่าคับ...ผมเต้นไม่เก่ง” “อ้าว...นนท์ตะก่อนเมิงนี่เท้าไฟเลยนะเมิง...อย่าไปเชื่อมัน..น้องอาทเพื่อนพี่นี่แหละเต้นเก่งมาก” “นะคับ...พี่นนท์เพลงเดียวก็ยังดีนะคับ”ว่าแล้วแจ๊คก็ผลักนนท์ออกจากเก้าอี้ตัวสูงที่ต้องอยู่ในสภาพกึ่งนั่งกึ่งยืน...ไปชนกับอาท...ที่ยืนอยู่ตรงหน้า... นนท์เริ่มไม่สนุกแล้ว...1 ปี1เดือนที่เขาอยู่ที่ระยอง...กับพี่วุฒิ...นนท์เคยชวนพี่วุฒิเต้นในห้องพัก...นนท์พยายามสอนพี่วุฒิเท่าไหร่...พี่วุฒิก็ยังเต้นเก้งๆ ก้าง ๆดูไม่เป็นจังหวะ...จนพี่วุฒิบอกว่า...ไม่เอาแล้ว...นนท์ต้องเปลี่ยนจากสอนเต้นแบบดิสโก้มาเป็นเต้นแบบสโลว์ซบ...นนท์แอบอิงใบหน้าบนไหล่พี่วุฒิก็เอียงหน้ามาซบบนหัวของนนท์...วันไหนที่ทั้งสองคนนึกครึ้มใจ...ก็จะเปิดเพลงช้าๆ แล้วเต้นกันสองคนในห้อง....ภาพนั้นฉายขึ้นมาในใจของนนท์ตอนนั้น...ทำให้นนท์ต้องหยุดเต้นกับอาท...คนที่เพิ่งรู้จัก...และก็คงเป็นครั้งแรกครั้งเดียว และครั้งสุดท้ายที่จะเจอ...นนท์เดินกลับมาหาแจ๊ค “กลับเถอะว่ะแจ๊ค....กรูคิดถึงพี่เขาว่ะ...คืนนี้กรูไปนอนบ้านเมิงนะ” “อะไรว่ะ...เมิงนี่...กรูยังไม่หนุกเลย...” “งั้นกรูไปรอที่ร้านเดิมนะ...เมิงเต้าให้มันส์ก่อนก็ได้...กรูจะรอ” “เอองั้นเดี๋ยวไม่เกิน15 นาทีกรูตามไป” คืนนั้น...นนท์นอนที่บ้านแจ๊คเพราะรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์นนท์ไม่ต้องไปเรียน...รายงานก็ทำเสร็จหมดแล้ว...นนท์ตื่นมาแต่เช้าเพื่อมาใส่บาตรกับแม่ของแจ๊ค...แล้วก็กรวดน้ำให้พี่วุฒิพอกรวดน้ำเสร็จก็เดินเข้าบ้าน...แม่ของแจ๊คนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร...นนท์เดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม...ด้วยความรู้สึกเศร้าหดหู่ใจ... “นนท์...นนท์ลืมพี่เขาเสียเถอะลูก...จะทรมานตัวเองอยู่ทำไม...แม่รู้เรื่องทุกอย่าง...แจ๊คเขามาเล่าให้แม่ฟัง...ตอนที่พ่อของแจ๊คจากไป...ตอนนั้นแม่ก็แทบล้มทั้งยืน...แต่เพราะแม่มีแจ๊ค...แม่ถึงสู้...เอาความรักของพ่อแจ๊คมาเก็บไว้ต่อสู้ชีวิต...หลายครั้งที่แม่คิดจะมีคนใหม่...ถ้าแม่ไม่มีแจ๊คแม่มีใหม่ไปแล้ว....แต่นนท์ละ...ลูกก็ไม่มีพันธะที่เกิดจากพี่เขา....แม่อยากให้นนท์หาความสุขให้ตัวเอง...ลองเปิดใจให้คนอื่นดูนะลูก” “คับ...นนท์จะพยายาม...”นนท์ไม่รู้หรอกว่าวันหนึ่งที่นนท์เจอนัท....เพราะลักษณะของนัทที่คล้ายคลึงกับพี่วุฒิด้วยมั้ง...ที่ทำให้นนท์เกิดความรักกับนนท์...ดวงตาที่ใสซื่อเหมือนกับพี่วุฒิ....แต่นนท์ก็ไม่อยากเอาคนสองคนมาเปรียบเทียบกันเพราะมันเอามาเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว...นนท์จึงต้องมองหาจุดพิเศษที่มีอยู่ในตัวของนัทและแม้ว่าจะไม่เหมือนกับคนรักคนแรก...แต่เด็กหนุ่มที่ชื่อนัท...ก็มีอะไรที่พิเศษ...และสิ่งที่นนท์คิดไว้ก็ไม่ได้ทำให้นนท์ผิดหวังกับตัวนัทเลย...การที่เขาเป็นผู้ชายที่ไม่แสดงออกให้เห็นสักนิดว่าเป็นเกย์... “ถ้านนท์ยังจมอยู่กับความทุกข์นี้...นนท์จะไม่มีความสุขอีกเลยในชีวิต...นะลูก...แม่ว่านะ...เก็บเขาไว้ในใจ...ความคิดถึงไม่มีใครห้ามนนท์ให้คิดถึงพี่เขาได้...แต่นนท์ก็ต้องรู้ตัวเองว่า...ชีวิตจริงของนนท์...นนท์ยังมีชีวิตมีลมหายใจ...ที่ต้องเดินต่อ...แม่ฝากไว้แค่นี้นะลูก”แม่เดินเข้าครัวไป...นนท์กลับขึ้นไปบนห้อง...แจ๊คยังนอนอยู่...นนท์เลยล้มตัวลงนอน...จนหลับไป...ตื่นมาอีกทีก็ใกล้เที่ยง...มีเสียงดังขึ้นที่ประตู “แจ๊ค...นนท์ตื่นหรือยังลูก...จะเที่ยงแล้วนะ...” นนท์ลุกไปที่ประตูเปิดประตูออกแม่แจ๊คยืนอยู่หน้าประตู “ลงไปทานอะไรเถอะลูก...สายแล้ว....” “คับ..เดี๋ยวล้างหน้าแปรงฟันแล้วตามลงไปแม่” นนท์เดินกลับไปเขย่าตัวแจ๊ค “เฮ้ยตื่น...แม่เมิงมาเรียกแดกข้าวแล้ว” “กี่โมงแล้วว่ะนี่”เสียงงัวเงียของแจ๊คถาม...ตายังปรืออยู่ “จะเที่ยงแล้วว่ะ” “ตายห่า....กรูรับปากแม่ว่าวันนี้จะพาแม่ไปเดินเที่ยว...เดี๋ยวไปด้วยกันนะ...นนท์...เสร็จแล้วกรูขับไปส่งเมิงที่บ้าน” “กรูยังไม่อยากกลับบ้านว่ะ...กรูไปด้วยแล้วกรูกลับมานอนบ้านเมิงอีกคืนแล้วพรุ่งนี้เมิงค่อยไปส่งกรู...หรือกรูกลับแท็กซี่เองก็ได้” “เออ...กรูไปส่งเมิงอยู่แล้ว...สภาพเมิงแบบนี้กรูไม่ปล่อยเมิงไปคนเดียวหรอก” สองคนรีบล้างหน้าแปรงฟันแล้วลงไปทานข้าว..รีบกลับมาอาบน้ำแต่งตัวพาแม่แจ๊คไปเดินเล่นห้างหรูย่านสุขุมวิทในเวลานั้น...ปรากฏว่า...เดินไปเดินมาจนเย็นมืดค่ำ....แม่แจ๊คเลยชวนขับรถไปหาอะไรกินกันที่ร้านแห่งหนึ่งริมน้ำเจ้าพระยา... ที่ร้าน...ทั้งสามคนได้โต๊ะนั่งริมน้ำ...นนท์นั่งเหม่อมองสายน้ำที่ไหลไป...มองแสงไฟจากตึกสูงระฟ้าริมแม่น้ำเจ้าพระยา...เรือที่ล่องไปมา...ปีนึงแล้วที่เขายังทำใจให้ลืมพี่วุฒิไม่ได้เลย...จู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น... “ฮัลโหล...ขอสายพี่นนท์คับ” “คับกำลังพูดคับ...นั่นใครคับ” “ผมอาทคับ...ที่เจอพี่เมื่อวาน...ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหนคับ” “อยู่ที่ร้านอาหารคับ...พอดีมาทานข้าวกับเพื่อนคับ...ถ้าไม่มีอะไรแค่นี้ก่อนนะคับ”นนท์วางสายไป... สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีก... “พี่วางไปทำไมคับ...เพื่อนพี่อยู่ด้วยหรือป่าวคับ...ผมขอสายเพื่อนพี่ได้หรือป่าว” นนท์ยื่นโทรศัพท์ให้แจ๊ค “ฮัลโหล..แจ๊คคับ...” “พี่แจ๊คเหรอคับ...ผมอาทคับ...พี่ไปทานข้าวที่ไหนกัน...ผมจะไปหา” “จะดีเหรอคับ....”แจ๊คตอบแล้วก็ลุกเดินไปคุยสักพักก็กลับเอาโทรศัพท์มาคืนนนท์.... “มีไรอ่ะแจ๊ค” “ไม่มีไร...”นนท์เลยนั่งทานข้าวต่อ...แล้วก็นั่งมองสายน้ำแสงไฟที่กระทบสายน้ำที่ดูแล้วมันไม่น่าจะกลมกลืนกันได้เลย...ธรรมชาติกับสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น...นนท์คิดไปถึงบังกะโลหลังนั้นที่เกาะเสม็ด...เมื่อไปกับพี่วุฒิเมื่อไหร่...พี่วุฒิจะสร้างบรรยากาศที่โรแมนติคให้กับนนท์ทุกครั้งที่ไป...มีเสียงมากระซิบถามนนท์ข้างๆ หู “ผมขอนั่งด้วยคนได้หรือป่าวคับ”นนท์หันไปมองหน้า...อาทนั่นเอง “นั่งเลยน้องอาท...”ไอ้แจ๊คดันเสือกตอบแทนซะนี่ ...สักพักก็ทานเสร็จ...เตรียมจะกลับ...แจ๊คเจ้าความคิดก็โพล่งขึ้นมาว่า “น้องอาทเดี๋ยว...ให้พี่นนท์นั่งรถไปกับน้องอาทละกัน...ขับตามรถพี่ล่ะ” “คับ”อาทเดินข้างนนท์...พยายามเอามือมาจับที่ต้นแขนของนนท์ แต่นนท์พยายามที่จะไม่ให้จับพอถึงรถ...เขาเปิดประตูให้นนท์เข้าไปนั่ง...ปิดแล้วเขาก็วิ่งอ้อมไปด้านคนขับ... “พี่นนท์...ผมไม่รู้ว่าพี่จะชอบผมหรือป่าว..แต่ผมกลับชอบพี่” “ขอโทษนะคับ...ตอนนี้พี่เรียน...พี่ยังไม่อยากมีใคร...” “ผมก็ไม่เร่งรัดพี่นี่คับ...งั้นผมขอไปรับพี่ที่มหา’ลัยได้หรือป่าว” “แล้วน้องอาทไม่เรียนเหรอ...” “เรียนคับ..แต่ผมเลิกเรียนเร็วทุกวันเที่ยงก็เลิกแล้ว” นนท์ไม่ตอบและไม่พูดต่อ เขารู้สึกตัวเองว่ายังไม่พร้อมเลยตอนนี้ ... ใจเขายังลืมพี่วุฒิไม่ได้... หลังจากวันนั้น...อาทขับรถมารอรับนนท์ที่มหา’ลัยทุกวัน....เขาจะใช้ตู้สาธารณะหน้าหอสมุด...โทรเข้ามาหานนท์ทุกครั้งที่มาถึง...เพื่อให้นนท์รู้ว่า...เขามาถึงแล้ว..แม้ว่านนท์จะยังติดเรียน...หรือยังค้นคว้าเอกสารงานอยู่ในหอสมุด...นนท์เคยชวนให้อาทขึ้นมาเพื่อรอบนหอสมุด...เพื่อที่จะได้รู้ว่านนท์...จะนั่งอยู่ตรงไหนประจำ...เพราะถ้าวันไหนที่ยังไม่เลิกเรียน...อาทจะได้มารอที่โต๊ะที่นนท์นั่งประจำในหอสมุด...เพียงอาทิตย์แรก..อาทก็จำตารางเรียนของนนท์ได้หมดว่าวันไหนเลิกกี่โมง...หรือวันไหนนนท์จะอยู่ในหอสมุด..โดยที่ไม่ต้องโทรอีก...บางครั้งนนท์ก็รู้สึกสงสารเด็กคนนี้เหมือนกัน...ที่เขาพยายามทำตัวสม่ำเสมอ...มารับนนท์ที่มหา’ลัยกลับไปส่งบ้าน...บางวันก็จะแวะหาอะไรทานกันก่อน...บางวันที่นนท์ยังทำรายงานไม่เสร็จ....หรือนนท์ต้องอยู่จนหอปิด...เขาก็จะนั่งอยู่กับนนท์...อ่านหนังสือของเขาไป..แต่นนท์ยังไม่เปิดโอกาสให้...นนท์รู้ว่าอาทต้องการอะไรจากเขา...แต่นนท์ยังไม่อาจลืมพี่วุฒิได้.... นนท์เรียนใกล้จะจบ...และเป็นช่วงที่ต้องทำวิทยานิพนธ์...อาทเองก็ใกล้สอบ...อาทเรียนปีสุดท้าย...และเขาตั้งใจว่าจะไปเรียนต่อที่เมืองนอก...เขาเคยชวนให้นนท์ไปด้วย...เขาจะออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้นนท์...แต่นนท์ไม่อยากรับเพราะครึ่งปีที่ผ่านมา...นนท์ไม่เคยเปิดโอกาสให้อาท..ทำอะไรเขาเลย...นอกจากอาทจะจับมือนนท์ขึ้นมาจูบ...เท่านั้น...แม้แต่แก้ม..ที่อาทพยายามจะมาจูบ...นนท์ก็พยายามเลี่ยงมาตลอด........จนอาทเรียนจบ...เตรียมตัวไปเมืองนอก...วันนั้นนนท์ไปส่งอาทที่สนามบิน...ก่อนที่จะเดินทางอาทมาพูดกับนนท์ว่า “พี่รอผมนะ...ผมจะรีบเรียนกลับมา..ผมจะมาขอพี่เป็นแฟน” “ถ้าอาทไม่มีใครเสียก่อน...และพี่ไม่มีใครเสียก่อน...กลับมาพี่จะตกลงเป็นแฟนกับอาท” “ผมไม่มีใครแน่...พี่ก็อย่ามีละ” อาทเดินหายเข้าไปในห้องผู้โดยสารขาออก...อาทส่งจดหมายมาถึงนนท์อาทิตย์ละฉบับ....สมัยนั้นยังไม่มีอินเตอร์เน๊ทให้คุยกันเหมือนสมัยนี้...ค่าโทรศัพท์ก็ยังแพงสุดๆ...ข้อความในจดหมายก็พูดถึง...ความรู้สึกของอาทที่มีต่อนนท์...นนท์เองก็ตอบจดหมายของอาททุกอาทิตย์....พอเริ่มเดือนที่เจ็ดที่อาทไปอยู่ที่นั่น...จดหมายของอาทที่เคยมาทุกอาทิตย์ก็ค่อยๆ หายไป...จนฉบับสุดท้ายที่อาทส่งมาบอกับนนท์ ตอนหนึ่งว่า “พี่นนท์คับ...ผมขอโทษจริงๆที่หายไปนาน...ผมอยู่ทางนี้เหงามาก...ผมได้รับจดหมายจากพี่นนท์ทุกฉบับ...ผมอยู่ทางนี้เหงามาก...เรียนหนักด้วย...ผม...จะบอกพี่นนท์ว่า...ผมมีเพื่อนคนนึง...ชื่อโทนี่...เขาช่วยให้ผมหายเหงาได้...ผมขอโทษนะคับ...ที่ผมกับโทนี่...เราคบกันมาระยะหนึ่งแล้วคับ....” นนท์อ่านจดหมายของอาท..นนท์เข้าใจดี...ไม่ต่างจากนนท์ที่ไปอยู่ที่ระยอง...นี่ยังแค่ระยอง...แต่นั่นต่างประเทศ...จะไปๆ กลับ ๆก็ไม่ได้...เป็นนนท์เองนนท์ก็คงต้องทำแบบนั้น...และชีวิตของนนท์ตอนนี้ก็ยังไม่พร้อมที่จะเปิดใจรับใครเข้ามา...เข้ามาแทนที่พี่วุฒิ...และก็ต้องเร่งทำวิทยานิพนธ์ให้เสร็จด้วย... อาทหายไปนานทีเดียว...นนท์ไม่ได้รับข่าวคราวจากอาทอีก...จนหลังจากที่นนท์เรียนจบปริญญาโทสักสามปี...แจ๊คชวนนนท์ไปเดินเที่ยวที่สีลม...ขณะที่กำลังเดินดูข้าวของอยู่...ก็มีมือมาสะกิดหลังนนท์... “หวัดดีคับพี่นนท์พี่แจ๊ค...จำผมได้หรือป่าว” “อ๋อ..จำได้ซิ....น้องอาทนี่เอง” แจ๊คตอบสวนกลับทันที...นนท์สังเกตเห็นว่าอาทมากับอีกคน... “อ่อ...นี่เก่งคับ...เก่งนี่พี่นนท์ กับพี่แจ๊ค...ที่อาทเคยเล่าให้ฟัง” “คับ...ยินดีที่รู้จักนะคับ...แล้วนี่จะไปไหนกันละ...พี่สองคนกำลังจะกลับแล้วละ”นนท์ตอบไป...แจ๊คหันมามองหน้า...แต่นนท์ส่งสัญญาณให้แจ๊ครู้เพราะเขาไม่อยากจะต้องเป็นเหมือนส่วนเกินของคนสองคนนั้น...ทั้งสองคู่ก็แยกกันตรงนั้น....หลังจากนั้นมานนท์ก็ไม่เคยได้ยินข่าวคราวและการติดต่อจากอาทอีกเลย... ********************* . T2 w$ @* Q4 t" w
|