เกาหลีใต้ เจ๋ง!! เตรียมให้บริการ Wi-Fi ฟรี ทั่วกรุงโซล
สื่อต่างประเทศ รายงานว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ เตรียมจัดงบประมาณเพื่อให้บริการ Wi-Fi ฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตามสถานที่สาธารณะทั่วกรุงโซล โดยโครงการ Wi-Fi ฟรี ดังกล่าว คาดว่าน่าจะใช้งบประมาณมูลค่า 44 ล้านเหรียญสหรัฐหรือราว 1,340 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ทั่วกรุงโชล ทั้งนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าว เกิดขึ้นเนื่องจากการเติบโตของธุรกิจสมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต ทำให้มีความต้องการใช้ Wi-Fi เพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน มีบริการ Wi-Fi ตามพื้นที่ด้านนอกร้อยละ 83 และตั้งเป้าจะขยายบริการให้ได้ทุกแห่ง ตามถนนสายต่าง ๆ ในรถโดยสาร รถไฟใต้ดิน ส่วนแท็กซี่ก็จะมีการติดตั้งอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตไร้สายให้บริการผู้โดยสารด้วย คาดว่าทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้
.........................................................................
น้องธันย์ ณิชชารีย์ เหยื่อรถไฟฟ้าสิงคโปร์ กับทัศนคติ ที่ผู้ใหญ่ยังยกนิ้วให้
จากกรณีที่ น้องธันย์ ด.ญ.ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ อายุ 14 ปี ซึ่งเดินทางไปเรียนภาษาอังกฤษ ที่ประเทศสิงคโปร์ และประสบอุบัติเหตุรถไฟฟ้าทับได้รับบาดเจ็บสาหัสที่บริเวณขาทั้ง 2 ข้าง จนต้องตัดขาทิ้ง ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา แต่มุมมองและทัศนคติของน้องธันย์ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับตรงข้ามกับเหตุการณ์ร้ายๆที่เธอประสบโดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้เอง น้องธันย์จึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมมอบให้ศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ช่วยเหลือ โดยเฉพาะเรื่องขาเทียม ผ่านโครงการขาเทียมของศูนย์สิรินธรฯ และเมื่อวานนี้ (14 มิ.ย.) นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้เชิญน้องธันย์และคุณพ่อ นายกิตติ์ธเนศ เป็นเอกชนะศักดิ์ ไปสัมภาษณ์ในรายการ เจาะข่าวเด่น ทางช่อง 3 ทุกคำตอบของเธอ คงเป็นกำลังใจให้ใครหลายคน โดยเฉพาะคนที่กำลังท้อแท้ หมดหวังหรือประสบปัญหาเช่นเดียวกับเธอ โดยน้องธันย์เล่าถึงเหตุการณ์วันที่เกิดเหตุว่า ตอนนั้นคนเยอะมาก แล้วก็โดนดันจนตกลงไป แล้วรถไฟก็ทับขา ตอนแรกเธอตกใจ แล้วก็คิดต่อว่าจะไปเรียนยังไง เพราะที่โรงเรียนต้องเดินเรียน จะบอกพ่อกับแม่ยังไง แต่ ณ ตอนนั้นด้วยความที่เรียนสายวิทย์มา ก็รู้ว่าถ้าไม่รีบช่วยเหลือตัวเองอาจเสียชีวิตได้ เพราะเลือดไหลเยอะมาก ก็เลยรีบเรียกเจ้าหน้าที่ แล้วก็พยายามโทรหาเพื่อน เมื่อเห็นสภาพขาก็รู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าต้องตัดขาแน่ๆ เธอคิดว่าเป็นเรื่อที่เกิดขึ้นแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แต่ถ้าไม่ตั้งสติ แล้วช่วยเหลือตัวเองในสถานการณ์คับขัน มัวแต่เสียใจ ฟูมฟาย มันก็จะทำให้จิตใจของเราไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัว แล้วก็คิดว่าแม้จะไม่มีขาแต่ว่าในโลกของเรายังมีสิ่งที่ใช้ทดแทนขาเราได้ ถ้าถามว่า เสียใจและทุกข์กับเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ ตอบเลยว่า ไม่มี แค่เราทำตัวให้ไม่ทุกข์ บางคนคิดว่า ถ้าเราได้กำลังใจจากคนอื่นจะทำให้เราดีขึ้น แต่บางครั้งกำลังใจจากคนอื่นก็ไม่ได้ช่วยเสมอไป ถ้าเราไม่มีกำลังใจให้ตัวเองแล้วคนอื่นเขาจะมาช่วยเราได้ยังไง
เมื่อถามต่อว่า ทำยังไงถึงได้เข้มแข็งขนาดนี้ ตอนธันย์ตอบด้วยท่าทียิ้มแย้มว่า ปกติเป็นคนร่าเริงอยู่แล้ว คิดแง่บวก และทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส เรื่องของการรักษาพยาบาล เธอกล่าวว่า ถึงแม้ว่าเราจะได้ขาที่ดีที่สุดในโลก มันไม่ได้เสมอไปว่าเราจะเดินได้เลย ขึ้นอยู่กับตัวเราเองด้วย ถ้าตัวเองไม่แข็งแรง ไปพึ่งขาที่ดีที่สุดก็ไม่สามารถพึ่งอะไรได้ แต่ถ้าตัวเองแข็งแรง แถมมีสิ่งอื่นมาเสริมด้วย ยิ่งพัฒนาไปมากเลย และแม้ว่าหลายคนจะรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์นี้แต่ตัวน้องธันย์เอง กลับไม่รู้สึกแย่ หลายคนที่มาเยี่ยมกลายเป็นคนที่ได้รับกำลังใจจากเธอ แม้กระทั่งคุณแม่ของเธอ ที่ยังรับไม่ได้กับการสูญเสียขาของลูกสาว แต่เธอก็กลับพูดติดตลกกับแม่ว่า ให้คิดว่าเป็นการเปลี่ยนรสชาติชีวิต มีขาแบบนี้ก็น่ารักดี และยังกล่าวอีกว่า อยากกลับไปเรียนพิเศษที่สิงคโปร์ อีก อยากไปนั่งรถไฟด้วย เพราะเธอไม่ได้รู้สึกฝังใจกับเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นเลย ทั้งหมดนี้คือทัศนคติของเด็กหญิงวัยเพียง 14 ปี ที่ต้องมาประสบเคราะห์กรรมที่คงไม่มีใครอยากให้เกิดกับตัวเอง แต่ความเข้มแข็งของสาวน้อยคนนี้ คงเป็นสิ่งที่ใครหลายคนอยากเป็นได้อย่างเธอ
....................................................................................................
|