. . . ณัฐยังคงยืนขาสั่นอยู่เช่นนั้น เขาตระหนักดีว่าความเจ็บปวดเต๋อประสบอยู่นั้นคงปางตายยิ่งกว่าวัวควายคลอดลูกไม่ออก แต่จะทำอย่างไรได้นอกจากขอคำปรึกษาจากมีน ส่วนเต๋อยังคงนอนตัวบิดงอกุมขมับทั้งที่ก็ไม่ช่วยให้อาการปวดทุเลาลงได้ สารรูปเหมือนไส้เดือนโดนน้ำร้อนราดหรือไม่ก็ตัวทากถูกโรยเกลือ . . . “พี่เต๋อครับ. . .ณัฐ. . .จะเรียก. . .แท็กซี่ให้นะครับ” . . . “พาพี่ไปหาหมอที!! พี่จะทนไม่ไหวแล้ว!” . . เสียงเมื่อครู่ดังพอที่จะได้ยินไปถึงมีนซึ่งอยู่ในสาย เธอบอกให้ณัฐเปิดลำโพงโทรศัพท์เพื่อเจรจากับมีน . . “นิกเป็นคนเดียวที่รู้วิธีแก้ไข และถ้าจะให้ฉันเดินเรื่องให้ถึงมือ เธอต้องยัดใต้โต๊ะเหมือนที่พวกข้าราชการเค้าทำกันไงละ ฉันไม่ขออะไรมาก แค่เธอไปหาพวงมาลัยสด ๆ สักพวงแล้วบรรจงไหว้ขอขมาในเรื่องทุเรศ ๆ ที่เธอทำกับฉันวันนั้นก็พอ ไม่ยากเลยใช่ไหมพ่อหนุ่มโทรจิต?” . . . “ใครน่ะณัฐ!” เต๋อฝืนสังขารตั้งใจฟังและเปล่งเสียงโต้ตอบ ทั้งที่พิษความเจ็บปวดยังแทรกทั่วอณูสมอง . . . “พี่มีนครับ. . .” ณัฐก้มหน้ายื่นโทรศัพท์ให้ใกล้ตัวเต๋อ ดู ๆ ไปเหมือนเป็นสื่อกลางเชื่อมคนกับผีที่อยู่คนละภพให้คุยกันรู้เรื่องได้ก็ไม่ปาน . . . “พี่มีน. . .อ๋อ. . .หึ หึ อยากให้ผมขอโทษเหรอ” เขาใช้มือตบขมับสองข้างเพื่อให้อาการชาเข้ามาลดพิษความเจ็บปวด . . . “ใช่. . .ฉันไม่มีโปรโมชั่นให้อย่างจอร์จหรือซาร่าห์นะ ตรงกันข้ามถ้าเธอตัดสินใจช้ากว่านี้ ฉันจะให้เธอกราบแทบเท้าเลยล่ะ” มีนยืนยันแน่น เธอยังฝังใจเรื่องที่เกิดขึ้นหน้าบ้านวันนั้น เพียงเพราะเต๋อต้องการหยั่งเชิงพลังของเธอก็ถึงกับล่วงเกินผู้มีพลังพิเศษที่ไม่มีพิษภัย อีกประการหนึ่งในฐานะสตรีเธอยอมไม่ได้ร่างกายต้องกลายเป็นของเล่นของผู้ชายจิตใจต่ำทราม . . . “ฮะ ๆ ๆ ๆ พี่มีน. . .พี่รู้อะไรไหม. . .ซี๊ดดด” เต๋อกัดฟันทนเจ็บและพูดใส่โทรศัพท์เสียงชัด “ตอนนี้พี่ไม่ต่างจากผมหรือไอ้คุณธนิกเลยนะ. . . ปล่อยให้ความแค้นครอบงำ. . .จนความสะใจมีค่าอยู่เหนือชีวิตคน ฮะ ๆ ๆ” . . . “นี่เธอ!!?” มีนรู้สึกเหมือนถูกน้ำคำของเต๋อกลายเป็นฝ่ามือตบเข้าเต็มหน้า . . . “ฮะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” น่าอัศจรรย์ที่เขาสามารถหัวเราะยียวนได้แม้ในสภาพน้ำหูน้ำตาไหล เมื่อมองผ่าน ๆ แลคล้ายสติฟั่นเฟือง . . “ณัฐ! กลับมาเดี๋ยวนี้! ปล่อยเค้าไว้อย่างนั้น!” มีนแผดเสียงลั่นจนน่าเป็นห่วงอายุการใช้งานลำโพงโทรศัพท์ . . . “แต่. . .พี่เต๋อ. . .เค้าดูแย่จริง ๆ นะครับ” ตรงกันข้ามณัฐสนองกลับด้วยเสียงที่เบาประหนึ่งแปรผกผันกัน . . “ถ้าเธอไม่ฟัง พี่จะบอกพี่นิกว่าเธอแอบพบเขามา! ไม่สิ! จะใช้ไซโคเมทรี่สอบสวนตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยล่ะ! เอาอย่างนั้นใช่ไหม!” อำนาจโทสะดลให้มีนเริ่มงัดลูกไม้เพื่อกดดัน . . . . คำพูดเมื่อครู่เสมอเหมือนคมมีดที่เพียงแตะด้ายขึงตึงเบา ๆ ก็ขาดผึงทันที . . . “เหรอครับ. . .” . . . “งั้น. . .ผมก็จะฟ้องพี่นิกว่าพี่มีนแอบไปเจอเขามาเหมือนกัน” จู่ ๆ เส้นเสียงควบคุมการพูดของณัฐก็ไหลลื่นขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาฉายแววต่อต้านอำนาจ . . “ว่าไงนะ!?” มีนทวนเหมือนไม่เชื่อหูตนเอง ณัฐเป็นคนขลาดเกินกว่าจะต่อรองกับใครมาไหนแต่ไหน ขนาดคนเดินชนตัวเองยังเป็นฝ่ายขอโทษก่อนด้วยซ้ำ . . “เรื่องขอโทษไงครับ ผมไม่รู้หรอกว่าเรื่องอะไร รู้แต่ว่าต้องเป็นพี่นิกต้องยังไม่รู้มาก่อนแน่ ๆ ถ้าพี่นิกไปด้วย ใครกล้าจะทำอะไรพี่” . . “เดี๋ยวสิ! เดี๋ยวก่อน!” มีนอ้ำอึ้ง สภาพจิตใจของเธอไม่ต่างกับโดนนักไอคิโดบิดข้อมือจนมีดที่ถือหันกลับปักอกตัวเอง . . . “ผมจะอยู่ช่วยพี่เต๋อ!” ณัฐลั่นใส่โทรศัพท์แล้วกดปิดเครื่องทันที เขาเพิ่งสังเกตว่าระหว่างเถียงกับมีน เต๋อจับจ้องทุกการกระทำของเขา และยังยิ้มออกได้เสียด้วยแม้เจ็บปางตาย . . . “. . .เก่งมากครับณัฐ อย่า. . . อย่าให้ใครมาข่มเหงเราได้. . .” เต๋อฝืนพูดในท่านอน “แววตาของณัฐหม่น. . .หม่นเหมือนพี่ตอนเป็นเด็ก. . .พี่ไม่อยากให้ณัฐเป็นอย่างพี่เลย. . .วัยมัธยมควรจะเป็นวัยที่แจ่มใส . .ไม่ใช่ต้องทนทุกข์ทรมาน พี่จึงไม่แปลกใจเลยเมื่อครั้งแรกที่ณัฐบอกพี่ว่าจะทำงานให้พี่. . .เพื่อแลกกับอิสระ. . .เหมือนพี่ตอนอยากย้ายโรงเรียนหนีไม่มีผิด ฮะ ๆ ๆ” . . . “แต่อย่าเสียใจไปเลย. . .ความทุกข์. . .มันจะทำให้เราแกร่งขึ้น. . .แกร่งกว่าคนที่สุขบนทุกข์ของเรา. . .แต่อย่ารอคอยเฉย ๆ . . .เราต้องหัดทำให้ตัวเองแกร่งขึ้นด้วย” . . “พี่เต๋ออย่าฝืนพูดเลยครับ ผมจะเรียกรถพาไปหาหมอนะครับ” ณัฐตั้งท่าจะออกไปโบกรถหน้าร้าน แต่เต๋อขัดขึ้นมาก่อน . . “ไม่ต้องหรอก. . .พี่รู้สึกเหมือน. . .ใกล้จะไปแล้ว. . .” พิษความเจ็บปวดเข้ากดทับสติสัมปชัญญะทุกที ความรู้สึกทุกอย่างกำลังจะทุกกลืนกินจนเลือนหายไป . . “พี่เคยคิดเล่น ๆ . . .ว่าพี่จะช่วยให้ณัฐใช้พลังตัวเองแบบสร้างสรรค์ได้ยังไงบ้าง. . .คิดออกตั้งหลายอย่างแน่ะ. . . ถ้าโลกหลังความตายมีจริง. . .พี่จะกลับมาบอกในฝันนะ. . .และ. . .สุดท้ายจริง ๆ . . .” “. . .พี่ขอโทษ. . .ที่ทำตามสัญญาไม่ได้” เต๋อรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายเปล่งวาจาออกมา ก่อนจะฟุบลง . . “ไม่นะ! ไม่!!!” . . เสียงของณัฐก้องกังวานลั่น ทว่ากลับมีเพียงตนเองเท่านั้นที่ได้ยิน . . . . . . . เหตุการณ์ลำดับที่หนึ่ง . . ชายชราผู้หนึ่งกำลังนั่งเหม่อมองแสงอาทิตย์อัสดงอยู่บนเตียงห้องพิเศษ เขาคิดไม่ถึงว่าเงินทองที่เก็บหอมรอมริบมาตลอดชีวิตเกินกว่าครึ่งต้องหมดไปกับการนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลนานนับปี แต่ที่น่าเศร้ายิ่งกว่าคือดูเหมือนว่าลูกหลานจะไม่พอใจที่เงินมรดกในอนาคตเริ่มร่อยหรอไปทุกที . . . บางครั้งนึกอยากตายไปให้พ้น ๆ คนที่อยู่ข้างหลังจะได้โล่งใจ ไม่ต้องหมั่นหิ้วกระเช้าซุปไก่ราคาแพงมาเยี่ยมแล้วตีหน้าเสแสร้ง คนแก่ผู้เจนจัดชีวิตชีวิตมีหรือแค่นี้จะดูไม่ออก . . . “คุณตาคะ เรียกหนูหรือเปล่าคะ” นางพยาบาลสาวเคาะประตูพอให้เป็นพิธีแล้วเดินเข้าหาอย่างนุ่มนวล เธอรับหน้าที่ดูแลผู้ป่วยวีไอพีท่านนี้มาเนิ่นนาน จนไม่ต้องเรียกชื่อจริงหรือแทนตัวว่า “ดิฉัน” ทั้งนี้ด้วยความคุ้นเคยกันนั่นเอง . . “หนูเอาซุปไก่นี่ไปกินที่บ้านสิ ฉันไม่กิน” . . . “อีกแล้วเหรอคะคุณตา. . .รังนกที่ให้มาคราวก่อนยังทานไม่หมดเลยค่ะ. . .แค่หนูเคยรับของก็ผิดจรรยาบรรณแล้ว อย่าให้หนูรู้สึกผิดซ้ำซ้อนเลยค่ะ” . . . “ก็เพราะฉันคะยั้นคะยอให้หนูเองนี่นา. . .หนูไม่ผิดซะหน่อย. . .เอาไปเถอะ. . .แบ่งให้คนที่บ้านกินก็ได้” ชายชรายิ้มให้อย่างเอ็นดูประหนึ่งลูกหลาน . . . “แต่มันไม่เหมาะสมนะคะ คุณตาทำแบบนี้หนูลำบากใจนะคะ” น้ำเสียงของเธอบ่งบอกความอึดอัดใจ . . . “เชื่อฉันอีกสักครั้ง. . .เอาไปกินเถอะ. . .ฉันไม่ชอบกลิ่นมันเหม็นคาว. . .แค่ครั้งสุดท้าย. . .ครั้งสุดท้ายจริง ๆ นะหนู” ชายชราพยายามเอื้อมมือสั่นสะริกเพื่อหยิบกระเช้าซุปไก่บนโต๊ะเล็กข้างหัวเตียง . . . เมื่อเอื้อมมือแตะถึงตัวก็ล้มลงเกือบตกจากเตียง ส่วนกระเช้าซุปหล่นตกพื้น . . “คุณตา!!?” พยาบาลสาวรุดเข้าประคองทันที 8 d" V- x) x( W# b j
“เอากระเช้านี้ไปอีกเที่ยวเดียว ฉันขอแค่ครั้งนี้ก็ได้” ชายชราขอร้องออดแอด ช่างสงสารยิ่งนัก . . “ก็ได้ค่ะ หนูรับไว้ก็ได้ แต่ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายจริง ๆ นะคะ คุณตาห้ามทำอย่างนี้อีกนะคะ ไม่งั้นหนูจะไม่ยอมคุยเป็นเพื่อนอีก” เธออยากตามใจชายชราขี้เหงาเท่าที่เขาต้องการก็จริง แต่ด้วยหน้าที่และหัวโขนที่สวมอยู่ คงไม่เหมาะนักที่จะรับของเยี่ยมผู้ป่วยมากินใช้อยู่เนือง ๆ . . . เธอก้มลงเก็บกระเช้าซุปไก่ หารู้ไม่ว่าชายชราได้ซ่อนสำเนาพินัยกรรมแสดงเจตจำนงยกทรัพย์สินเป็นเงินให้เธอถึงแปดหลักพร้อมจดหมายรับรองสิทธิ์ที่เขียนด้วยลายมือตนเอง โดยซ่อนอยู่ใต้ฐานตั้งขวดซุปทรงขั้นบันได สำหรับเป็นทุนการศึกษาต่อต่างประเทศตามที่เธอเคยเล่าความฝันว่า แค่ทำหน้าที่พยาบาลยังไม่เพียงพอ เธออยากไปศึกษารับเอาวิทยาการจากอารยประเทศแล้วกลับมาเผยแพร่ในฐานะอาจารย์มหาวิทยาลัย เธอบอกว่าลำพังตัวเธอทั้งชีวิตอาจดูแลคนได้แค่หลักร้อย แต่หากเธอเป็นผู้สร้างพยาบาลจะมีคนแบบเธอไม่รู้อีกกี่ร้อยกี่พันคน และจะช่วยคนอีกได้ไม่รู้เท่าไหร่ ชายชราถึงกับน้ำตาซึมเมื่อได้ยินความฝันอันเปี่ยมอุดมการณ์ นอกจากนี้พยาบาลสาวยังดูแลปรนนิบัติเขาเปี่ยมด้วยเมตตา หลายครั้งที่ต้องเหนื่อยเกินกว่าหน้าที่ เธอก็ไม่เคยแสดงอาการไม่พอใจหรือปริปากบ่น บางทีชายชรานึกอยากให้เธอคนนี้เป็นลูกแท้ ๆ เธอทำหน้าที่ได้ดีกว่าลูกในสายเลือดเสียด้วยซ้ำ . . . และหลังจากที่เธอรับมันไป เขาจะฆ่าตัวตายเพื่อมิให้เป็นภาระกับลูกหลานไปมากกว่านี้ นอกจากมรดกที่ให้โดยเสน่หากับพยาบาลสาวแล้ว ส่วนที่เหลือจะมอบให้ลูกหลาน และมูลนิธิการกุศลอีกจำนวนหนึ่ง . . . . . . เสี้ยววูบความคิด. . . . จู่ ๆ ชายชราก็นึกเปลี่ยนใจ . . “หนู ๆ. . .” . . . ชายชราอ้าฝ่านิ้วทั้งห้าตะปบเข้าที่แก้มก้นพยาบาลสาวที่กำลังก้มเก็บซุปดังป๊าป!! “เป็นเมียน้อยฉันเถอะ!” . . “ว๊าย!!?” เธอหันขวับปิดป้องแก้มก้นที่เพิ่งถูกสัมผัสเมื่อกี้ยังกับกลัวว่าเนื้อจะหลุดติดมือไป . . . “ข้างหลังยังสวยขนาดนี้แม่เจ้าประคุณเอ้ย จุ๊ ๆ ๆ อยากรู้ว่าข้างหน้าจะโหนกนูนแค่ไหน” แววตาชายชราผู้น่าสงสารกลับกลายเป็นหมาป่าผู้หอบกระหายเลือด แลบลิ้นตวัดเลียอากาศไปมาเหมือนต้องการซ้อมก่อนเลียบางสิ่งบางอย่าง . . . “ทำแบบนี้ได้ไงคะ!!?” พยาบาลสาวเอ็ดเสียงสั่น น้ำตาปริ่มขอบ เธอทั้งโกรธ อายและผิดหวังในตัวชายชรา . . . “มานี่อีหนู!!! เดี๋ยวป๋าจะมอบทุนการศึกษาให้!!!” อยู่ดี ๆ ชายชราที่น่าจะอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงก็กลับลุกเหินเดินเหาะคล่องแคล่ว ซ้ำเส้นเลือดตามกล้ามเนื้อยังปูดโปนดุจอัดฉีดด้วยพลังช้างสาร เป้ากางเกงคนไข้โป่งพองขึ้นชี้หน้าพยาบาลสาว เธอแทบไม่อยากคิดว่าสิ่งที่อยู่ข้างในจะมีสภาพเป็นอย่างไร . . แล้วชายชราก็โผตะครุบพยาบาลสาวทันที พยาบาลสาวยื่นมือหมายกดออดฉุกเฉิน แต่ชายชรากดแขนให้เบนไปอีกทาง . . . “ช่วยด้วย!!กรี๊ดดดดดดด !!ช่วยด้วย!!” นางพยาบาลกรีดร้องลั่น . . “อย่าร้องสิจ๊ะหนูจ๋า แหะ ๆ ๆ ป๋าออกจะใจดี กลัวทำไมกันจ๊ะ” ชายชราพยายามสอดมือเข้าไปในเครื่องแบบขาวพิสุทธิ์ของเธอ มือที่ตะเกียกตะกายหาเครื่องทุนแรงคว้าหูกระเช้าซุปไก่ได้พอดิบพอดี . . “นี่แน่ะไอ้โรคจิต!!” เธอฟาดทั้งกระเช้าอัดใส่ศีรษะตาแก่มือปลาหมึกโดยไม่สนใจสถานภาพว่าเป็นคนไข้ ชายชราเสียหลักล้มลง พยาบาลได้ทีวิ่งหนีออกจากห้องอย่างไม่รอช้า . . . “เดี๋ยวสิจ๊ะหนูจ๋า รอป๋าด้วย!” ชายชราตั้งท่าจกมือเหมือนผีปอบแล้ววิ่งตามติดออกไป . . . . . “ผมจะเดินไม่ได้ตลอดไปใช่มั๊ย” เด็กชายอายุราวสิบกว่าขวบนั่งอยู่บนรถเข็นเงยหน้าพูดกับผู้เป็นแม่ ดวงหน้าเศร้าสร้อย . . “ไม่หรอกจ้ะ แม่สัญญาว่าน้องบอยต้องกลับมาเดินได้ แต่น้องบอยต้องมาให้พี่ ๆ เค้าทำกายภาพบำบัดเป็นประจำ ห้ามดื้อนะคะลูก เดินได้แน่ ๆ” คุณแม่พูดให้กำลังใจ เธอสังเกตว่ามีพยาบาลนางหนึ่งวิ่งฉิวผ่านไป แต่ก็ไม่ได้เอะใจนึกผิดปกติ ก็แค่อาจถูกคนไข้เรียกด่วน . . “จริงนะฮะ” . . “จริงสิจ๊ะ แม่สัญญา” คุณแม่เข้าโผกอดลูกชายและบีบกลั้นน้ำตาไว้ วัยนี้ลูกของเธอควรจะได้ซุกซนโลดโผนตามประสาเด็กผู้ชาย เธอสงสารลูกจับใจที่ต้องประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ กระนั้นก็ไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ลูกเห็นเพราะเธอเท่านั้นคือที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของลูก . . “คุณแม่รักลูกบอยนะคะ เข้มแข็งไว้นะลูก” . พูดได้แค่นั้นทั้งสองก็รู้สึกเหมือนโลกเอียงฉาก . . “เกะกะ! เอาไอ้นี่มายืมหน่อยซิ! เมื่อยตีนโว้ย!!” ชายชราถีบแม่พร้อมเด็กคนไข้กระเด็นลงจากรถเข็น เด็กชายร้องไห้จ้า ส่วนผู้เป็นแม่กระเด็นหงายกระโปรงหวอออกนอนแผ่ไม่เป็นท่า . . “ฮี่ ๆ ๆ ๆ เสร็จป๋าแน่อีหนู!!!” ชายชรานั่งเข้าที่บนรถเข็นและปั่นด้วยกำลังแขนเหลือเชื่อ เขานั่งปั่นล้อรถเข็นไล่กวดนางพยาบาลสาว ไม่นานนักเหยื่อก็ถึงคราวจนมุม เป็นมุมอับบริเวณทางหนีไฟซึ่งไม่ค่อยมีคนผ่าน . . . ยังเคราะห์ดีที่เธอเหลือบเห็นกล้องวงจรปิดบริเวณนั้นพอดี . . “ช่วยด้วย! ตรงนี้มีคนโรคจิต!” เธอโบกมือให้กล้องวงจรปิด เหมือนคนติดดาดฟ้าตึกไฟลุกลามที่กำลังโบกมือเรียกเฮลิคอปเตอร์ซึ่งเป็นความหวังเพียงหนึ่ง . . “ฮี่ ๆ ๆ หนูจ๋ายอมป๋าซะดี ๆ” ชายชราตั้งท่าผีปอบจอมจกขึ้นทีละมือ . . และพุ่งเข้าปล้ำพยาบาลสาวทันที . . “กรี๊ดดดดดด!!” เธอกรี๊ดได้อีกอึดใจก็ถูกตั้นท้องจนร้องไม่ออก ตาเฒ่าจอมหื่นรูดกางเกงในออกจากขาเรียวเธอถูกถลกกระโปรงเย็ดต่อหน้ากล้องวงจรปิด . . อีกด้านหนึ่งกลุ่มเจ้าหน้าที่เฝ้าจอวงจรปิดกำลังสาวท่อนลำชักว่าวพร้อมดูหนังสดผ่านจอ รอยบาปที่เธอถูกข่มขืนมีค่าหาเกินกว่านั้นจริงๆ / z7 ^4 g% Q& X2 ~
เหตุการณ์ลำดับที่สอง . . . ในห้องตรวจภายใน สูตินารีแพทย์หนุ่มกำลังตรวจช่องคลอดสตรีรุ่นราวคราวแม่ คนไข้มีอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัด โชคดีที่กระบวนการทั้งหมดกินเวลาไม่นานกว่าที่คิด . . คนไข้ค่อย ๆ ลงจากขาหยั่งหลังตรวจเสร็จ ในใจเธอรู้สึกขยะแขยงตัวเองที่ต้องถูกถ่างช่องคลอดโดยหมอหนุ่มรุ่นลูกจนหลวมโพรกชั่วขณะ กระนั้นไม่ยอมทำก็ไม่ได้เนื่องจากมีอาการคันเรื้อรังผิดปกติบริเวณช่องคลอด . . . “เรียบร้อยดีไหมคุณ” สามีถามหลังภรรยาเดินโผล่ออกจากม่านพร้อมพยาบาลผู้ช่วย . . “ค่ะ หมอยังเด็กอยู่เลย แต่ให้เกียรติดีมาก ไม่ติดใจอะไร” . . “อืม. . .ผมก็อยากให้หมอผู้หญิงตรวจนะ แต่มันช่วยไม่ได้นี่นา ของแบบนี้เลือกมากเอาแต่ใจได้ที่ไหน” . . “เดี๋ยวรอคุณหมอกันก่อนเถอะค่ะ” เธอหันไปพร้อมสามี นายแพทย์ผู้ตรวจยังคงอยู่หลังม่าน อาจจะวุ่นอยู่กับการเก็บเครื่องมือต่าง ๆ ให้เรียบร้อย . . . หลังม่านทึบอีกฟากฝั่ง แพทย์หนุ่มกำลังพินิจคีมปากเป็ดที่ใช้ถ่างช่องคลอดคนไข้อย่างครุ่นคิด . . “น้าคนนั้น อายุก็ไม่สาวแล้วนะ. . .หุ่นยังดีอยู่เลย สวยซะด้วย สวยกว่าแม่เราอีก” เขาคิด . . . ยิ่งมองคีมปากเป็ดใช้แล้ว. . .ยิ่งเกิดความฟุ่งซ่าน . . . . . “แอบเลียนิดนึงจะเป็นไรไหมนะ” จิตสำนึกถามกับตัวเอง . . “ไม่เป็นไรน่า” ว่าแล้วคุณหมอสูติก็ค่อย ๆ เผยอปลายลิ้นสัมผัสปากเป็ด เขารู้สึกได้ถึงเมือกลื่นที่ติดค้างปลายคีม มันทั้งเค็มทั้งคาว แต่ก็เร้าใจอย่างบอกไม่ถูก . . “อร่อย. . .สะเด็ด. . .เหลือเกิน” แพทย์หนุ่มบรรจงเลียคีมปากเป็ดชิมน้ำอมฤตที่คนไข้ทิ้งให้จนเกลี้ยง ทว่าลิ้มลองจนติดใจแล้วก็ไม่ต่างจากสารเสพติด เขากระหายอยากได้เพิ่ม. . . . . แพทย์หนุ่มรูดม่านออก ตีหน้าเคร่งขรึม . . . “ขอโทษนะครับ” ทันทีที่เขาเอ่ยปาก สองสามีภรรยาก็พร้อมตั้งใจฟังทันที . . “รบกวนคุณผู้หญิงขึ้นขาหยั่งอีกรอบนะครับ เมื่อกี้หมอเกือบมองข้ามอะไรไปนิดนึง อยากเช็คซ้ำเพื่อความแน่ใจ” . . ทั้งสามีภรรยามองหน้ากันอย่างงง ๆ กระนั้นก็ตกปากรับคำไป ด้วยเชื่อฝังหัวว่าไม่มีใครรู้เรื่องสุขภาพดีไปกว่าแพทย์ปริญญา แพทย์หนุ่มเชิญผู้รับการตรวจกลับไปในห้องม่านกั้นอีกครั้ง ฝ่ายสามีเอะใจว่าทำไมต้องรูดม่านแรงขนาดนั้นด้วย เหมือนจะรีบร้อนไปไหน . . . “คราวนี้ผมจะตรวจแบบพิเศษนะครับ” หมอหนุ่มพูดกับหญิงผู้รับการตรวจที่ขึ้นขาหยั่งพร้อมมีผ้าคลุมบังไว้ . . . “ค่ะ. . .” เธอตอบเสียงอ่อย ไม่สบายใจเลยที่ต้องตรวจซ้ำอีกรอบ . . . เธอสะดุ้งเฮือก “หมอคะ!!??” . . หมอหนุ่มเอาศีรษะมุดโปงแล้วใช้ลิ้นสอดเลียหีเธออย่างดูดดื่ม . . “. . .” ยังไม่ทันได้ตะโกนเอะอะ จู่ ๆ หญิงผู้นี้ก็รู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับบทเพลงบรรเลงลิ้นของแพทย์หนุ่มหน้าใสวัยคราวลูก “อาหหห์” เธอคราง . . “เบา ๆ นะครับ เดี๋ยวแฟนคุณได้ยิน” หมอหนุ่มเงยหน้าขึ้นแนะนำและมุดกลับดูดหีต่อไป . . . “อูวววว โอววว” ความเสียวมีอำนาจเกินจะทน หญิงสาวส่งเสียงอย่างลืมตัว ฝ่ายสามีได้แต่เดินวนไปมา กระวนกระวายไม่รู้ว่าหลังม่านนั้นมีอะไรกันแน่ เสียงแปลก ๆ เหล่านี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นระหว่างการตรวจภายในซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนในสังคมไทย . . . ทันใดนั้นผู้ช่วยพยาบาลคนเดิมก็กลับเข้ามาพอดี “หมอคะ เรียบร้อยหรือยังคะ” . . “ยัง! ยัง! อีกนิดเดียว” แพทย์หนุ่มตอบเสียงผ่านม่านกั้น “อึ๊! อูยยย” ผู้ช่วยพยาบาลรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงขออนุญาตเข้าไปดูกับตาตัวเองด้วยวิธีการพูดอ้อม ๆ . . “ให้ดิชั้นช่วยนะคะ” เธอพูดแล้วรูดม่านออก . . “กรี๊ดดดดดดดด!!!” ภาพที่อยู่ตรงหน้าช่างบาดตาบาดใจยิ่งนัก หมอหนุ่มเอาหัวมุดโปงฝ่ายหญิง ท่าทางไม่ใช่การตรวจที่ถูกต้องตามหลักการ ฝ่ายหญิงดูจะพึงพอใจเอามาก ๆ ส่งเสียงครวญครางไม่หยุดหย่อน ฝ่ายสามีลุกขึ้นชะโงกจึงได้เห็นความจริงหลังม่านทั้งหมด . . “ม. . .มึง. . .” . . “. . .มึงทำงี้ได้ไง!!” . . ผู้เป็นสามีระดมทั้งตีนทั้งหมัดเข้าใส่หมอหนุ่มไม่ยั้ง ผู้ช่วยพยาบาลป้องปากตะโกนให้คนช่วย เกิดเสียงเอะอะโกลาหลดังลั่นแผนก . . . . . . เหตุการณ์ลำดับที่สาม . . . “โหยดูสิมึง ตายคาชุดนักศึกษาเลย น่าสงสารว่ะ” เจ้าหน้าที่ห้องเก็บศพหัวเถิกพูดกับเพื่อนหลังจากได้เห็นศพนักศึกษาชายรถมอเตอร์ไซค์คว่ำ ศีรษะกระแทกริมทางเท้าเสียชีวิตคาที่ บัดนี้ร่างนั้นนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงเหล็กเพื่อรอญาติมาดูศพ . . . “อยู่มาตั้งนานยังไม่ชินอีกเหรอ” ผู้เพื่อนร่างโย่งตอบเฉยเมย . . “ไม่ใช่ ๆ กูหมายถึง. . .เสียดายชีวิตไอ้น้องคนนี้ หน้าตาดีซะด้วย ถ้าให้กูผ่าตัดหน้าแลกกับน้องคนนี้ได้คงดี เชี่ยนี่กูปาไปยี่สิบเจ็ดแล้วยังหาแฟนไม่ได้เลย เสียเงินลงอ่างตลอด” . . “มึงอย่าพูดไรเกี่ยวกับคนตายนักมันไม่เหมาะกับจรรยาบรรณเว้ย ใครมาได้ยินเข้ามันไม่งาม เค้าควรตายหรือไม่ควรก็ไม่ต้องไปวิพากษ์วิจารณ์ ทำตามหน้าที่เราก็พอ” . . “อีกเดี๋ยวพ่อแม่เค้าก็มาถึงแล้ว มึงอยู่เฝ้าไปก่อน กูเข้าห้องน้ำหน่อย” เจ้าหน้าที่ร่างโย่งขอตัวออกจากห้อง . . . หลังจากนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่หัวเถิกได้อยู่เฝ้าศพตามลำพัง ไม่นานนัก เขาก็เริ่มรู้สึกร้อนตามเนื้อกายขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ . . เขารู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังแทรกซึมผ่านกะโหลก ราวกับเป็นคลื่นพลังงานที่ไม่อาจมองเห็นได้แต่รับรู้ได้จากสิ่งที่เรียกกันว่าความไหวรู้สึก เขาเลิกผ้าคลุมศพออกและล้วงผ้าเช็ดหน้าส่วนตัวเช็ดคราบเลือดตามแนวหน้าผาก แผลไม่กว้างนัก อาจเรียกได้ว่าศีรษะถูกกระแทกโดนจุดตายทีเดียวดับ ศพจึงยังคงสภาพแทบไม่ต่างจากก่อนเสียชีวิตเลย เช็ดเพียงไม่นานเรือนหน้าก็กลับใสสะอาดดั่งยามมีชีวิต . . “ดู ๆ ไป. . .” . . “. . .ไอ้น้องนี่ก็หน้าหวานดีนะ หน้าผมยังกะนักร้องไต้หวัน” เขานึกในใจ เปลือกตาหรี่ลงดุจต้องมนต์มายา “ตัวยังไม่เย็นเลย เสียดายที่ร่างนี้อีกไม่นานก็ต้องเน่าเปื่อย เฮ้อ. . . .อนิจจัง” เขาใช้ฝ่ามือสากลูบไล้ตามเรือนร่างศพ จริงอย่างที่เขาบรรยายสรรพคุณ น่าเสียดายชีวิตวัยใสของนักศึกษาหนุ่มคนนี้ หากยังมีชีวิตต่อไปอนาคตอาจรุ่งโรจน์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งด้วยรูปเป็นทรัพย์ . . บางอย่างดลใจให้เขาคว้ามือปลดเข็มขัดและตะเข็บซิปของศพรูปหล่อ เมื่อรูดลงเล็กน้อยก็เห็นกางเกงในสีขาวสะอาดสมวัยนักศึกษา . . “มะ . . .ไม่ได้!! นี่เรากำลังทำอะไรอยู่!?” เขาสะบัดมือออกด้วยความรังเกียจตัวเอง “ต่ำช้าจริง! นี่แน่ะ ๆ” เขาโขกหัวตัวเองกับผนังเบา ๆ พอให้เรียกสติได้ . . . . แต่แล้วเขากลับรู้สึกว่าคลื่นพลังงานนั้นหวี่หวีดชอนไชสมองเข้าไปทุกที ๆ เหมือนกับว่าต้นศูนย์กลางพลังงานของมันแผ่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าใดนัก อานุภาพของมันทวีความเข้มข้นจนเขาอดรนทนไม่ได้. . .มันสามารถขุดถอนรากความคิดกระทั่งในระดับจิตไร้สำนึกซึ่งอยู่ลึกกว่าจิตใต้สำนึกขึ้นสู่คลื่นสมองและแปรผลเป็นพฤติกรรม . . ท้ายที่สุด เขาก็ต้องพ่ายแก่อำนาจลึกลับ . . “อยากลองกับผู้ชายซักครั้งมานานแล้ว . . .แต่กลัวคนรู้. . .ถ้าเป็นศพ. . .ก็จะไม่มีใครรู้” เขาเดินไปล็อคประตูห้องเก็บศพ แล้วกลับมายังร่างแน่นิ่งปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออก เผยให้เห็นหน้าอกนวลเนียนและหัวนมสีชมพู . . “ ‘โหสิให้ด้วยนะน้อง เดี๋ยวพี่ทำบุญให้เจ็ดวัดเจ็ดวาเลย” เขาก้มลงลองเลียหัวนมศพเด็กหนุ่ม พบว่ามันอร่อยลิ้นน้อยกว่าเถาถันของอิสตรี อย่างไรก็ตามเป็นแค่การลองเพื่อให้หายสงสัย ไม่จำเป็นจะต้องผูกมัดยกระดับเป็นรสนิยมต่อไป . . “ต้องรีบก่อนที่ตัวจะแข็งทื่อ” เขานึก พร้อมกันนั้นก็จับศพบนเตียงนอนคว่ำและถกกางเกงพร้อมกางเกงในลง . . . เจ้าหน้าที่หัวเถิกมองร่างไร้วิญญาณของนักศึกษาหนุ่มอีกครั้งอย่างลังเล. . . . . . . “ช่างแม่ง จะเหี้ยก็ต้องเอาให้ถึงที่สุด!” เขาถลกกางเกงลงและขึ้นนอนทับร่างไร้วิญญาณ พยายามสอดใส่ดุ้นลำเข้าไปในกายเด็กหนุ่ม ต้องออกแรงอยู่มากโขเนื่องจากเป็นร่างไร้ชีวิตแต่ก็ไม่อาจต้านแรงปรารถนาแห่งตัณหาวิปริต . . “อูย รู้สึกดีจัง” ไม่รู้จะพูดเพื่อชมเชยศพหรือปลุกอารมณ์ตัวเอง เขาเริ่มกระทำการสมสู่กับศพหรือเนโครฟิเลีย มันช่างได้อารมณ์เร้าใจเกินกว่าที่คนทั่วไปจะเข้าใจความหฤหรรษ์ส่วนตัวของเขา ทุกครั้งที่บั้นท้ายโยกเข้าออกเขารู้สึกได้ถึงความตื่นเต้น ความกลัวผลกระทบที่จะตามมา ความรู้สึกเป็นผู้คุมเกมเบ็ดเสร็จ ความสุขทางเพศ ความรู้สึกลักลั่นย้อนแย้งกันเองระหว่างสันดาบดิบกับศีลธรรม ทั้งหมดผสมผสานเป็นค็อกเทลสูตรลับเฉพาะ ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถเข้าถึงรสชาติเหนือจินตนาการนี้ได้นอกจากต้องลองเองเท่านั้น. . . “ไหนขอพี่ดูหน้าชัด ๆ หน่อยนะ” เขาขออนุญาตศพในใจ ดึงกางเกงที่ห้อยติดขาจนหลุดจากศพเด็กหนุ่ม จากนั้นจึงพลิกหมุนร่างสู่ท่าหงาย เจ้าหน้าที่ผู้วิปลาสจับร่างที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ยกขาขึ้นกระหน่ำทวารหนัก ควบคู่กับมองใบหน้าหนุ่มอ่อนละมุนช่วยเร้าอารมณ์ให้ถึงปลายทางโดยเร็ว ไม่มีเวลามากนักก่อนที่ศพจะแข็งตัวหรือมีคนผ่านมาเห็น ขณะนี้ศพรูปหล่อเป็นต่างตุ๊กตายางไร้ปากเสียง มีหน้าที่ปรนเปรอกามารมณ์อย่างไร้เงื่อนไขใด ๆ ทั้งปวง . . . . “อูย ไม่ไหว แล้ว!” เขาฉีดน้ำรักเข้าเต็มรูทวารร่างแน่นิ่ง และเป็นจังหวะเดียวกับที่เพื่อนเจ้าหน้าที่อีกคนไขประตูห้องเข้ามาพอดี กระนั้นเจ้าตัวก็ยังไม่รู้ตัว เสียวลืมสติและกระแทกต่อไปด้วยความสะใจ . . “ห้องนี้ครับ เชิญครับ” . . แขกผู้มาดูศพทั้งสามถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าในโลกนี้จะมีคนวิปริตเลวชาติกล้าย่ำยีร่างไร้ชีวิตไร้ทางต่อสู้ได้ถึงเพียงนี้ ซ้ำยังเป็นศพผู้ชายเสียด้วย ทุกคนมั่นใจว่าเป็นคนที่ตามหา ทรงผมผิวพรรณและหน้าตาบอกยี่ห้อ เพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่าศพเด็กหนุ่มนี้มีความสำคัญต่อใครบ้าง. . . “อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!” ผู้ซึ่งอนุมานได้ว่าเป็นมารดาของศพตรงหน้าร้องกรีดร้องลั่น บอกไม่ถูกว่าช็อคที่ทราบว่าเป็นศพลูกชายจริงหรือช็อคที่ได้เห็นสภาพศพ สิ้นเสียงเธอลมจับล้มลงทันที . “นั่นพี่ไชย ใช่พี่ไชยแน่ ๆ แกทำอะไรเค้า!! ฮือ” แฟนสาวปิดหน้าร่ำไห้ . . “เฮ้ย! มึงเล่นอะไรเนี่ย!” เจ้าหน้าที่อีกคนตัวคร้ามสั่น นอกจากสิ่งที่เพื่อนของเขาได้กระทำลงไปมีความผิดร้ายแรงแล้วยังขัดกับบรรทัดฐานสามัญสำนึกวิญญูชนอีกด้วย . . . “ไม่ได้เล่นนะ กูเอ็นดูน้องเขาจริง ๆ นี่ยังกะว่าจะลาบวชอุทิศส่วนกุศลให้” . . . สิ้นคำกล่าว. . .บุรุษคลับคล้ายเป็นพี่ผู้ตายก็คว้าเก้าอี้พับโลหะ แล้วระดมฟาดใส่ตัวการชนิดเอาให้ตามไปอยู่ด้วยกัน ! R8 R$ b; T e7 u
เหตุการณ์ลำดับที่สี่. . . . . ที่ห้า . ที่หก . เจ็ด แปด เก้า. . .และสิบ . . .สิบเอ็ด . . .สิบสอง สิบสาม สิบสี่ สิบห้า สิบหก. . . . . เหตุวิปลาสทั้งหมดปรากฏขึ้นในโรงพยาบาลเซนต์แมตธิว ยังคงเกิดขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ ในเวลาไล่เลี่ยกัน และไม่มีทีท่าจะสงบนิ่ง จากเดิมเหตุเกิดขึ้นในแต่ละจุดแต่ละอาคารซึ่งแยกห่างจากกัน บัดนี้ความโกลาหลลุกลามทั่วโรงพยาบาลจนแม้คนที่ความรู้สึกช้าที่สุดก็ยังต้องหวั่นผวา จะให้นิ่งเฉยได้อย่างไรในเมื่อมีพยาบาลวิ่งไล่จะใช้กรรไกรแทงคนไข้ผ่านหน้า แม่บ้านกระโดดลงจากชั้นสองเพื่อหนีจากอะไรบางอย่าง มีคนตาลีตาลานดึงสลักถังดับเพลิงออกมาใช้ เกิดเสียงเอ็ดตะโรโวยวายราวกับมีสัตว์ประหลาดบุกอาคารเข้ามาพร้อมกันทุกทิศ เสียงหวอไซเรนดังอยู่ไม่ไกล คงมีคนแจ้งตำรวจแล้วเป็นแน่แท้ . . ณัฐซึ่งนั่งเฝ้าเต๋ออยู่หน้าห้องฉุกเฉินต้องยังต้องวิ่งไปสำรวจว่าที่ล็อบบี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ และได้เห็นภาพความยุ่งเหยิงดังกล่าว เหมือนมีเหตุจลาจล เหมือนมีผีดิบบุกเข้ามา เหมือนวันสิ้นโลก. . . . . . “คงไม่ใช่ . . .” ณัฐเหลียวหลังหันกลับไปมองห้องฉุกเฉิน เต๋อน่าจะยังนอนอยู่ในนั้นพร้อมทีมแพทย์พยาบาล. . .แต่ไม่มีเหตุผลที่เต๋อจะต้องอาละวาดทันทีหลังฟื้นไข้ ซ้ำยังจู่โจมไม่เลือกเป้าหมายกับคนในโรงพยาบาล การกระทำไร้แรงจูงใจรองรับไม่น่าจะใช่วิถีในแบบของเต๋อ . . . ชั่วอึดใจประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกมา แพทย์หญิงผู้รับผิดชอบเวรผลักบานประตูออกมาพร้อมกับเต๋อซึ่งถูกเปลื้องเสื้อออกเหลือยีนส์ตัวเดียว . . . “ชั้นไม่ให้เด็กคนนี้กับใครหน้าไหนทั้งนั้น! ใครจะว่าเลี้ยงต้อยก็ไม่แคร์!” เธอหันรีหันขวางเหมือนคนบ้ากลัวผู้อื่นทำร้ายแย่งชิงของหวง หลังจากแพทย์หญิงหันหลังตะคอกใส่คนในห้องฉุกเฉินแล้วก็รีบหิ้วปีกเต๋อหนีออกมา มีพยาบาลอีกสองสามคนก้าวเท้าฉับ ๆ เดินตามออกมา . . “เซ็กส์หมู่ไม่ได้รึไงหมอ!” . “ฉันก็อยากกินเจี๊ยวหวาน ๆ บ้าง!” . . “พวกแกมันไม่คู่ควร! กลับบ้านไปอยู่กับลูกผัวไป! ชั้นต่างหากที่จะเลี้ยงดูเด็กคนนี้ให้สบาย! ชั้นจะเก็บไว้กินคนเดียว!!” แพทย์หญิงตวาดใส่ . . “อ้าว! พูดงี้สวยสิ! ของอย่างนี้ใครดีใครได้!” พวกพยาบาลช่วยรุมยื้อแยงร่างเต๋อเปลือยท่อนบนให้แยกจากแพทย์หญิง ชั่วเสี้ยววินาทีก็เปลี่ยนเป็นลงไม้ลงมือตบกันสด ๆ หน้าห้องฉุกเฉินไม่ต่างตลาดห้างร้าน . . “นึกว่าเป็นหมอแล้วเบ่งใส่พวกกูได้เหรอ ทนมานานแล้วนะโว้ย!!” พยาบาลตบแพทย์หญิงดังฉาด “วันนี้ถ้ากูเอาเลือดหัวอีหมอจองหองนี่ออกไม่ได้ ไม่ต้องเรียกกูว่าคน! พวกเราช่วยกันลุย!” . . ณัฐอาศัยจังหวะที่ตะลุมบอนกันอยู่นี้ชิงตัวเต๋อออกมาจากวงล้อม . . “พี่เต๋อ ๆ . . .พี่รู้สึกตัวแล้วใช่ไหม. . . ครับ?” ณัฐถามขณะหิ้วปีกพาเต๋อเดินหนี . . แต่แววตาของเต๋อเลื่อนลอยไร้จุดหมาย แทบไม่มีเค้าของผู้ใช้โทรจิตจอมเจ้าเล่ห์หลงเหลืออยู่เลย ใบหน้าปราศจากอารมณ์ปานหน้ากระดาษขาว . . “อื๋อ. . .แม่. .แม่. . .วันนี้ผมถูกแกล้งอีกแล้ว” เต๋อบ่นพึมพำ . . “พี่ว่าไงนะครับ!?” . . “เห็นแม่ผมไหม. . .มีใครเห็นแม่ผมบ้าง. . . แม่. . .แม่” เขาบ่นซ้ำไปมา ต้องการสื่อสารกับใครก็ไม่อาจทราบได้ . . “พี่หายปวดหัวรึยังครับ?” . . “แม่. . .พาผมกลับบ้านที. . .แม่. . .” . . “. . .” ณัฐคิดว่าในสภาพที่เป็นอยู่นี้คงคุยกันด้วยวิธีปกติไม่เป็นผล เหตุการณ์ร้ายแรงนี้ต้องเกิดจากอำนาจโทรจิตของเต๋ออย่างไม่ต้องสงสัย แต่มันตึงมือเกินกว่าที่เด็กอย่างเขาจะคิดหาทางแก้ไข เขาจับเต๋อนั่งบนเก้าอี้ยาว แล้วหยิบมือถือออกมา เปิดยังหน้าสมุดโทรศัพท์เลื่อนหาหมายเลขของธนิก . . “เอาน่ะ. . .อย่างดีก็ถูกด่า. . .พี่นิกคงเข้าใจ” ณัฐพูดเข้าข้างตัวเองเป็นการปลุกใจ แต่เสียงกระซิบอีกด้านของความคิดก็แทรกค้าน “. . .หรือไม่ต้องโทรดีหว่า” . . . ไม่ทันที่จะชั่งน้ำหนักเพื่อตัดสินใจเอง หมายเลขของธนิกก็โชว์หราพร้อมเสียงเรียกเข้า เด็กหนุ่มตกใจผงะ . . . “ครับ? พี่. . .นิก” . . “ณัฐแกปิดมือถือทำไมพี่โทรหาไม่รู้กี่รอบ!! ตอนนี้มันเป็นยังไงบ้าง!! อาการกำเริบแล้วใช่ไหม!! แล้วอยู่ที่ไหนกัน!!” ธนิกยังคำถามรัวทันทีเมื่อรับสาย ทำเอาผู้เป็นน้องไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อน . . “เอ่อ. . .เอ่อ” . . “พี่มีนเล่าให้พี่ฟังหมดแล้ว แกอย่าเพิ่งกลัวพี่เป็นยักษ์เป็นมาร เอาปัญหาตรงหน้าก่อน มันอาละวาดรึยัง! ตอบมาเร็ว ๆ !!” . . “ก็. . .ประมาณนั้นครับ. . .ตอนนี้อยู่โรง’บาล. . .เซนต์แมตธิวครับ. . .เละตุ้มเป๊ะเลย” . . . “เวรเอ้ย! แกรีบเล่าทุกอย่างตั้งแต่ก่อนมันปวดหัวให้พี่ฟังให้หมด เร็วเข้าอย่าชักช้า!” เสียงของธนิกทรงอำนาจยิ่งกว่าครูฝึกทหารเสียอีก . . ณัฐจึงพยายามเล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาเรียบเรียงให้ธนิกทราบเท่าที่นึกออก เรื่องย่อทั้งหมดกินเวลาราวสามนาที เมื่อทางณัฐเล่าจบ ธนิกก็เบนเป้าไปที่มีนซึ่งนั่งร้องไห้อยู่มุมโซฟา ก่อนหน้านี้เธอฟ้องธนิกเรื่องที่ณัฐแอบนัดพบเต๋อพร้อมทั้งความยิ่งยโสที่ปฏิเสธความช่วยเหลือแม้ตัวเองเจ็บเจียนตาย แต่ผลตอบรับกลับตาลปัตร ธนิกตะคอกใส่จนเธอกระเด็นกระแทกฝาผนังประหนึ่งเธอทำผิดกฎหมายร้ายแรง . . “เห็นไหมพี่ทำอะไรลงไป!! เทเลพาธิค ดิสออร์เดอร์อย่างที่ผมคิดไว้ไม่ผิด!! พี่รู้ไหมตอนนี้มันไม่มีทั้งสติและควบคุมพลังไม่ได้เลย! มันมีอำนาจระดับก่อให้เกิดจลาจลขนาดใหญ่ได้เลยนะ!!” เขาเกรี้ยวกราดใส่พี่สาวเต็มหลอดเสียง . . “พี่. . .พี่ไม่รู้เรื่อง. . .พี่ไม่ตั้งใจ ฮือ ฮือ” มีนสะอื้น แต่หาได้ผ่อนปรนความโมโหของธนิกไม่ . . “อยากรู้ว่าอะไรก็อ่านเอาเอง!! หน้าที่ผมพับมุมไว้!!! แล้วหยุดร้องซะที! รำคาญ!!” เขาเหวี่ยงฟาดสมุดบันทึกลับประจำตระกูลลงตรงพื้นเบื้องหน้ามีน แล้วหันไปคุยกับณัฐต่อ . . “ตั้งสติให้ดีแล้วฟังพี่นะณัฐ. . .ซีเรียสมาก ไปหาอะไรมาจดด้วย” . . “ครับ ๆ” ณัฐหยิบปากกาและเศษกระดาษที่ติดตัวขึ้นจด . . “เทเลพาธิค ดิสออร์เดอร์ (Telepathic Disorder) แกจะเรียกว่าโทรจิตแปรปรวนก็ได้ เป็นอาการป่วยเฉพาะของพวกใช้โทรจิต เกิดจากการหยุดใช้โทรจิตกะทันหันในช่วงที่จิตใจถูกกระตุ้นให้นึกถึงปมฝังใจ จะพูดให้ง่ายก็เหมือนธาตุไฟแตกหรือลมปราณตีกลับในหนังจีนทำนองนั้น. . .เฮ้ย! จดอยู่รึเปล่า!” . . “ครับ จดอยู่ครับ” . . “เฟส (ระยะ) แรกจะปวดหัวรุนแรงจนหมดสติ เฟสสองจะได้สติกลับคืนมาแต่จะพูดไม่รู้เรื่อง ย้ำคิดย้ำทำแต่เรื่องที่ฝังใจมัน และตัวเองจะแผ่คลื่นโทรจิตสะเปะสะปะควบคุมไม่ได้ ใครซวยถูกลูกหลงก็จะแสดงอาการตามพื้นเพพฤติกรรมเดิมของผู้ใช้โทรจิต ร้อยกว่าปีก่อน มีนักใช้โทรจิตรับจ้างฆ่าคนเกิดป่วยอาการเดียวกับมัน แกรู้ไหมเกิดอะไรขึ้น. . .” . . . “ไม่ทราบครับ. . .” ณัฐพยายามจดให้ทันคำพูดของธนิก . . “ผู้คนครึ่งค่อนเมืองเข่นฆ่ากันแบบไร้เหตุผล เผาวัด จับพระสงฆ์เผาทั้งเป็น เด็ก คนแก่ หมาแมวยังไม่มีเว้น แต่ในกรณีไอ้เต๋อ แกไม่ต้องเล่าละเอียดพี่ก็พอจะเดาออก. . . ฟังนะ ประเด็นคือไอ้เต๋อมันทำไม่ถึงขนาดนั้นก็จริง แต่ผลที่ตามมาหลังจากนั้นมันทำให้เสียหายถึงขั้นคนโกรธจนฆ่ากันได้เลยนะ ฟังจากที่แกเล่าตอนนี้มันยังอยู่ที่เฟสสอง ถ้าพัฒนาไปเป็นเฟสสามมันจะเริ่มโต้ตอบกับคนอื่นได้ แต่ยังเพ้อแต่เรื่องย้ำคิดย้ำทำของมันเหมือนเดิม ช่วงนี้มันจะมีทั้งคลื่นโทรจิตที่ควบคุมไม่ได้แผ่จากร่างกายและอีกส่วนยังใช้ออกคำสั่งกับคนตามเจตนาได้ด้วย. . .และถ้าถึงเฟสสี่ซึ่งเป็นระยะสุดท้าย . . . มันจะควบคุมพลังไม่ได้ เกินขีดจำกัดของร่างกาย จะแผ่กระแสจิตเข้มข้นแผ่วงกว้างเหมือนคลื่นช็อคเวฟ ทุกคนที่สัมผัสกระแสจิตของมันจะคลุ้มคลั่งจนเสียสติกลับมาเป็นคนปกติไม่ได้อีก ส่วนเจ้าตัวจะมีอาการเลือดออกตา หู จมูก ปากและขาดใจตายในที่สุด” . . . “มีวิธีแก้ไหมครับ. . .” ณัฐตัดสินใจวางปากกา มันยืดยาวเกินกว่าเขาจะบันทึกได้หมด ขอวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อนดีกว่า . . . “ตอนนี้แกอยู่กับมันรึเปล่า. . .” . . “อยู่ครับ ๆ ” ณัฐตอบแต่เมื่อหันไปด้านข้าง เต๋อก็อันตรธานไปเสียแล้ว “อ้าว. . .เดินหายไปไหนแล้ว” . . “แล้วทำไมไม่รีบบอกพี่ตั้งแต่แรก!! ที่เล่าให้แกฟังเพราะนึกว่าแกต้องออกตามหามันน่ะนั่น!! เว้ย! ให้มันได้อย่างนี้สิคนบ้านนี้!!” เขาบุ้ยปากอย่างหัวเสีย . . “แกไปตามหามันให้เจอ หาอะไรแข็ง ๆ ฟาดหัวมันให้สลบ ระวังตัวด้วย ถ้าอาการกำเริบถึงเฟสสาม มันอาจสั่งให้คนรอบข้างคุ้มครองมันได้ เดี๋ยวพี่ตามไปสมทบ คุยกันไปด้วยก็ได้!” . . ณัฐออกเดินหาเต๋อในโรงพยาบาลท่ามกลางผู้คนที่วิ่งสวนไปมาจ้าละหวั่น ไม่นานนักก็เห็นแผ่นหลังหลัด ๆ เขากำลังเดินตุปัดตุเป๋ออกทางประตูหลังโรงพยาบาล . . . “เจอแล้ว!” ณัฐหันซ้ายขวามองหาอาวุธ เจอท่อนเหล็กขึ้นสนิมวางข้างประตู ขนาดเหมาะมือพอดี . . . “ทำให้มันหมดสติให้ได้นะณัฐ ไม่งั้นกว่าพี่ไปถึงเรื่องจะบานปลายขนาดไหนก็ไม่รู้” ธนิกบึ่งรถพร้อมคุยโทรศัพท์ไปด้วย . . ณัฐสะกดรอยตามเต๋อไปเงียบ ๆ แต่เมื่อใกล้ถึงตัวแล้วแท้ ๆ เท้ากลับหนักอึ้งราวกับถูกหมุดตอกเท้าติดยึดกับพื้น . . . . “พ. . .พี่นิกครับ. . .มะ. . .ไม่. . .ผม ทำไม่ได้. . .” . . “เป็นอะไรของแกอีก! บอกให้ตีจนสลบไม่ใช่ตีให้ตาย!! ปอดแหกไร้สาระ!” ธนิกตวาด . . “ไม่. . .ไม่ใช่ครับ ผมไปต่อ. . .ม. . .ไม่ไหว” ณัฐกวาดตามองรอบ ผู้คนหลายร้อยคนกำลังเดินจับจ่ายใช้สอยแน่นขนัด เต๋อเดินกลืนหายเข้าไปในฝูงชน . . ที่นี่คือตลาดนัดขนาดใหญ่บริเวณหลังโรงพยาบาล . . . และเป็นสาเหตุทำให้โรคกลัวคนของณัฐกำเริบขึ้นอีกครั้งจนก้าวขาไม่ออก . . . . . . “แม่. . .ผมถูกแกล้งอีกแล้ว แม่ช่วยด้วยครับ” เต๋อเดินโซเซ แววตาฉายความว่างเปล่า ความที่ปราศจากเสื้อและไม่มีรองเท้าทำให้เป็นจุดรวมสายตาของผู้คน บางก็มองว่าเป็นคนบ้าเมายา บางก็คิดว่าไม่น่าจะบ้า เนื่องจากหน้าตาและเนื้อตัวเหมือนคนมีสตางค์ อย่างไรก็ตาม ทุกที่ที่เขาผ่านจะมีคนหลีกทางให้เนื่องจากดูไม่น่าวางใจ . . . “เห็นแม่ผมไหมครับ. . .แม่. . .แม่. . . แม่ผมเป็นแม่ค้าขายน้ำชื่อทิพย์ครับ” เต๋อเดินไล่ถามพ่อค้าแม่ขายและสุ่มถามผู้สัญจรไปมา “แม่ครับ. . .แม่อยู่ไหน. . .” . . . “ไม่เคยได้ยินนะ ไม่รู้จักเลย ทิพย์ไหน?” . “น่าสงสารจัง ไม่มีเงินกินข้าวเหรอ” . “ลองไปถามร้านตรงหัวมุมโน้นสิ” . “อย่าไปสบตาซิ! เมากาวรึเปล่าไม่รู้” . “ไม่มี ๆ ! ไม่รู้ ๆ !ไม่ซื้อก็อย่าขวางหน้าร้าน!! ไปยืนที่อื่นไป!!” . . . หลังจากทุ่มแรงพยายามกับสิ่งไม่มีความหมายอยู่พักใหญ่ เต๋อทอดตัวนั่งลงกับพื้นกลางจตุรัสตลาดนัด โดยไม่สนใจสายตาคู่แล้วคู่เล่าที่จ้องมองเหมือนเขาเป็นสิ่งมีชีวิตหลุดมาจากอีกโลกหนึ่ง . . “พวกคุณหลอกผมไม่ได้หรอก. . .เอาแม่ผมไปซ่อนไว้ที่ไหน. . .” . . . ฉับพลัน. . .ม่านตาอันว่างเปล่าของเต๋อกลายกลับลุกโชนด้วยเปลวแห่งความชิงชัง. . .สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ . . [. c+ N, i' i% a+ I8 B
# v5 F2 J% P* V; a
|