ยาวหน่อยนะคะ หนึ่งขอข้ามเรื่องของรุ่นพี่ที่เปิดร้านคาราโอเกะไปก่อนนะคะ รู้สึกเสียอารมณ์มาก พี่แกเน้นถ่ายรูป ถ่ายเยอะมาก แต่แกทำให้หนึ่งไม่เสร็จ รู้สึกรำคาญใจมาก แถมพี่เค้าเสร็จเร็วอีก พอเสร็จก็จบเลยไม่ทำอะไรให้หนึ่งต่อเลย วันนั้นเซ็งมากกับรุ่นพี่ทั้ง2คน หนึ่งขอข้ามมาเล่าเรื่องต่อจากนั้นดีกว่านะคะ คือหนึ่งเคยกลับบ้านต่างจังหวัดในวันหยุดยาวมาแล้ว และช่วงนี้หนึ่งก็ยังโสดไม่มีใครอยู่คนเดียวมันก็เซ็งๆ พอถึงวันหยุดอย่างวันแม่หนึ่งก็กลับบ้านอีก หนึ่งกลับไปถึงบ้านวันศุกร์ตอนประมาณทุ่มกว่าๆ ก็เจอหลานชายที่เป็นลูกของลูกพี่ลูกน้องของหนึ่ง หลานคนนี้ที่เคยแอบถ่ายรูปหนึ่งตอนโป๊ พอวันนี้หลานก็มาอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่หนึ่งที่บ้านตามปกติ หนึ่งก็ไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ก็เลยขี่มอไซค์พากลับไปส่งที่บ้านเค้า พอถึงบ้านหลาน หนึ่งก็เจอลูกพี่ลูกน้องของหนึ่งก็ได้ทักทายกัน หนึ่งเองเวลาคุยกับลูกพี่ลูกน้องของหนึ่ง หนึ่งก็จะประหม่าๆอยู่เหมือนกันเพราะช่วงที่โสดหนึ่งเองแชทกับลูกพี่ลูกน้องของหนึ่งบ่อยมากกว่าแต่ก่อน คุยกันทั้งเรื่องทั่วๆไป เรื่องเซ็กส์ และส่งรูปโชว์เรือนร่างของกันและกันจนเรือนร่างเปลือยเปล่า ตำหนิตามที่ต่างๆ และรูปร่างควยของเค้าอยู่ในความทรงจำของหนึ่งหมดแล้ว แต่รูปที่หนึ่งส่งให้เค้าหนึ่งจะไม่ให้เห็นหน้าหนึ่งแต่รูปของเค้าที่ส่งมาคือชัดเจนทุกอย่าง และหนึ่งจะเบลอภาพหรือทำให้มันมืดๆหน่อย หนึ่งไม่อยากให้เค้ารู้ว่าคนที่เค้าแชทด้วยคือหนึ่งเพราะยังไงเราก็เป็นญาติกันแม้จะเป็นญาติที่เรียกได้ว่าสายเลือดห่างกันมากก็ตามและเมื่อก่อนเราแทบไม่เคยคุยหรือสนิทกันเลย เริ่มมาคุยกันมากขึ้นก็ตอนที่หลานไปคอยดูแลพ่อแม่ให้หนึ่งนี่แหละ ตอนนั้นที่หนึ่งไปส่งหลานและได้คุยกับลูกพี่ลูกน้องคนนี้ ก็ดูเหมือนเค้าไม่ได้มีทีท่าว่าจะรู้ว่าหนึ่งคือคนที่คุยแชทกับเค้า เค้าก็คุยกับหนึ่งปกติและสายตาก็ไม่ได้จ้องมองรูปร่างส่วนไหนของหนึ่ง วันนั้นหนึ่งแต่งตัวเสื้อยืดกางเกงยีนส์ขายาวด้วยแหละ เพราะปกติที่ส่งรูปให้กันถ้าไม่ใส่กางเกงขาสั้นหรือกางเกงในก็เปลือยไปเลย ลูกพี่ลูกน้องของหนึ่งเค้าก็ถามหนึ่งว่า พาไอ้…(ชื่อลูกเค้า) มาส่งทำไมละ มันทำอะไรวุ่นวายให้ปู่ย่าหรือหนึ่งหรือเปล่า หนึ่งก็บอกว่า เปล่าหรอก (จริงๆก็ระแวงมันแหละ) พอดีหนึ่งกลับมาอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่หนึ่งแล้วก็เลยไม่อยากรบกวนหลานให้หลานมันได้พักบ้าง ก่อนหนึ่งจะขี่มอไซค์กลับบ้านลูกพี่ลูกน้องของหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า คืนพรุ่งนี้ที่วัดท้ายทุ่งจัดงานวันแม่และเค้าเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องสอยดาวหนึ่งอยากมาเที่ยวไหมไปสอยดาวดูเผื่อได้รางวัลใหญ่ หนึ่งก็บอกไปว่า ก็น่าสนใจ ถ้าหนี่งไปจะแวะไปสอยดาวแน่นอนคะ พี่(ลูกพี่ลูกน้องของหนึ่งเค้ามีศักดิ์เป็นพี่)แอบช่วยหนึ่งหน่อยนะ แล้วหนึ่งกับลูกพี่ลูกน้องหนึ่งก็หัวเราะ พอถึงคืนวันงานหนึ่งก็แต่งตัวเรียบร้อยเพราะเข้าวัด หนึ่งใส่เสื้อยืดกับกาเกง3ส่วนขี่มอไซค์ไปเที่ยวงานตามคำชวนของลูกพี่ลูกน้องของหนี่ง พอไปถึง โห…ไม่ได้มาวัดนี้นานมาก ส่วนใหญ่จะไปแต่วัดหน้าตลาด ไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้ แล้วหนึ่งก็เดินเที่ยวเล่นในงาน ซักพัก ก่อนกลับก็แวะซุ้มสอยดาวหมดเงินไป200ได้แต่พวกมาม่า น้ำผลไม้ อะไรพวกนั้น ตอนเอาไปแลกของก็เจอกับลูกพี่ลูกน้องของหนึ่ง หนึ่งก็บ่นๆให้เค้าฟังว่าไม่เห็นได้รางวัลใหญ่อะไรเลยแล้วก็หัวเราะกลบเกลื่อนความผิดหวัง พี่เค้าก็แอบกระซิบว่า รอดึกๆหน่อยได้แน่ หนึ่งก็บอกพี่เค้าไปว่าหนึ่งคงรอดึกกว่านี้ไม่ได้หรอก ต้องกลับไปดูพ่อแม่ ลูกพี่ลูกน้องหนึ่งเค้าก็บอกว่าเดี๋ยวให้ไอ้…(ลูกชายเค้า)มันไปเฝ้าปู่กับย่าให้ก่อนแล้วกัน หนึ่งก็โอเค เพราะนานๆจะได้มาเที่ยวงานวัด แล้วพี่เค้าก็โทรหาลูกเค้า หลานมันก็เดินมาหาแล้วบ่นนิดๆว่า มันกำลังดูหนังกลางแปลงกับเพื่อนมันอยู่ แต่ถึงหลานมันจะบ่นแต่มันก็ยินดีไปเฝ้าพ่อแม่หนึ่งให้เพราะมันว่าพ่อแม่หนึ่งใจดีกับมันและมันก็รักเค้าทั้งคู่ แล้วหลานมันก็ขอเอามอไซค์หนึ่งไปเพราะมันไม่มีรถ หนึ่งกำลังลังเลเพราะถ้าหลานเอามอไซค์ไปแล้วหนึ่งจะกลับยังไง ลูกพี่ลูกน้องหนึ่งคงเห็นทีท่าหนึ่งก็เลยบอกว่า เดี่ยวพอจับได้รางวัลแล้วเดี๋ยวพี่ไปส่ง พอทุกอย่างลงตัวหนึ่งก็เลยตกลง หนึ่งเดินเล่นอยู่จน5ทุ่มกว่า ลูกพี่ลูกน้องก็เรียกให้หนึ่งไปสอยดาวอีกครั้ง คราวนี้หมดไป150 แต่หนึ่งได้โทรทัศน์จอแบน24นิ้ว ถึงมันจะยี่ห้อไม่ดังราคาไม่สูงแต่หนึ่งว่ามันก็คุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆ ลูกพี่ลูกน้องหนึ่งบอกให้รอถึงประมาณเที่ยงคืน พอถึงเวลาพี่เค้าก็พาหนึ่งไปส่ง แต่เค้าเอารถมอไซค์มาจะกระเตงโทรทัศน์ไปด้วยก็ไม่ค่อยสะดวกนัก พี่เค้าเลยฝากกับเพื่อนเค้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ซุ้มสอยดาวแล้วพรุ่งนี้เค้าจะเอามาส่งให้ที่บ้านหนึ่ง เพราะทุกคนก็รู้จักพ่อแม่หนึ่งและรู้ว่าหนึ่งกับพี่เค้าเป็นญาติกัน ตอนซ้อนมอไซค์พี่เค้ากลับ ระหว่างทางหนึ่งมองเห็นแสงไฟจากที่นาข้างทางซึ่งจำได้ว่าตรงนี้เป็นที่นาของบ้านหนึ่ง หนึ่งเลยถามพี่เค้าเพื่อความแน่ใจว่าตรงนี้ที่นาใครเหรอ พี่เค้าก็บอกว่า ก็ที่นาบ้านหนึ่งไง แต่พี่ขอเช่าทำนาเพราะพ่อแม่หนึ่งทำไม่ไหวแล้ว หนึ่งก็เลยบอกว่า คะ…หนึ่งก็คุ้นๆ พอดีเห็นแสงไฟซึ่งเมื่อก่อนมันไม่มี พี่เค้าก็บอกว่า พี่สร้างที่พักเอาไว้พักเวลาตอนกลางวัน ยกพื้นสูงเลยนะ มีชานไว้ชมวิวต้นข้าวตอนมันเขียวด้วย หนึ่งอยากไปดูไหมล่ะ หนึ่งก็ตอบกลับไปว่า แหม…พี่พรีเซ้นซะขนาดนี้ก็ต้องขอไปชมหน่อยแล้วแหละ แล้วพี่เค้าก็เลยเลี้ยวมอไซค์ขี่บนคันนาซึ่งมันขรุขระมากหนึ่งนั่งซ้อนเด้งไปเด้งมาจนต้องเอามือไปเกาะเอวพี่เค้าไว้ แต่แค่เกาะมันก็ไม่คงถนัดนักเหมือนจะเด้งตกจากมอไซค์หนึ่งเลยจำเป็นต้องกอดเอวพี่เค้า พอถึงที่พัก ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรดี จะเรียกเถียงนามันก็ดูดีกว่าเถึยงนาเยอะมาก มันคล้ายๆบ้านเรือนไทยที่เค้าต่อสำเร็จไว้ แต่มันก็ไม่ได้สวยถึงขนาดนั้นแต่ก็ถือว่าดูดีมาก ลมพัดเย็น พี่เค้าก็พาหนึ่งเดินรอบๆและเดินดูที่นาซึ่งมันก็มืดๆแต่ก็พอมองเห็นบ้าง แต่หนึ่งเดินสะดุดบ้างเดินเท้าพลิกเป๋ไปเป๋มาบ้างเพราะคันนามันขรุขระ พี่เค้าเห็นหนี่งเซเค้าเลยช่วยจับแขนประคองหนี่งเดิน แล้วเราก็เดินกลับมาที่พักและขึ้นบันไดไปนั่งที่ชาน ลมพัดเย็นสบายมากเลย แสงไฟที่หนึ่งเห็นตอนแรกเป็นแสงไฟจากโคมไฟที่พี่เค้าเปิดไว้ แล้วพี่เค้าก็บอกกับหนึ่งว่า ขอปิดไฟนะ เพราะถ้าใครเห็นเข้าแล้วเอาไปพูดมันจะไม่ดี หนึ่งก็ตกลง พอปิดไฟมันก็มืดแหละแต่ก็พอมีแสงจากพระจันทร์ทำให้พอมองเห็น เรา2คนก็นั่งที่ชานตากลมเย็นๆคุยกัน เราคุยกันถูกคอมากคงเพราะเราคุยแชทกันจนสนิทไปแล้วมั้ง แต่มีแต่หนึ่งที่รู้ว่าเราคุยแชทกันแต่พี่เค้าไม่รู้ พี่เค้ายังแปลกใจว่าทั้งๆที่ไม่ค่อยได้คุยกันทำไมถึงคุยกันถูกคอและมีหลายๆเรื่องที่หนึ่งรู้ทางว่าเค้าจะพูดอะไรจะปล่อยมุขอะไรเพราะเป็นสิ่งที่เค้าเคยคุยแชทกับหนึ่งมาแล้ว พอนั่งคุยไปเรื่อยๆลมมันเย็นมากขึ้นหนึ่งเริ่มหนาว เสื้อกันหนาวหรือเสื้อแขนยาวก็ไม่ได้เอามา หนึ่งนั่งกอดเข่า พี่เค้าคงเห็นเลยถามว่าจะเข้าไปคุยข้างในห้องไหมละ หนึ่งว่าก็ดีจะได้ไม่โดนลมจังๆแบบตอนนี้ พี่เค้าลุกขึ้นแล้วยื่นมือมาให้หนี่งจับเพื่อลุกขึ้น แล้วเค้าก็เดินจูงมือหนี่งเข้าไปในห้อง ในห้องอุ่นดีเลย พี่เค้าเปิดไฟโคมไฟที่เหมือนด้านนอกซึ่งมันเป็นโคมเล็กๆไฟสีส้มๆ พี่เค้าบอกว่าอยู่ในนี้หน้าต่างมันปิดคนที่เห็นไฟก็จะนึกว่าพี่เค้ามานอนเฝ้านาซึ่งพี่เค้ามานอนบ่อย ในห้องมีที่นอนยางพารา กระติกน้ำร้อน และกาแฟซอง ก็ถือว่าห้องพี่เค้าดูสะอาดสะอ้านดีเลยแหละ แต่หนี่งสะดุดตาตรงผ้าคลุมที่นอนและปลอกหมอนนี่แหละ เพราะมันเป็นลายเดียวกันกับที่หนึ่งเห็นในภาพที่พี่เค้าส่งคลิปมาให้ทางแชทตอนที่พี่เค้าชักว่าวจนน้ำแตก พี่เค้าให้หนี่งนั่งบนที่นอน หนึ่งก็โรคจิตนิดๆ555แอบมองหาว่าจะมีรอยน้ำเชื้อของพี่เค้าเป็นด่างเป็นดวงอยู่ตรงไหนบ้างไหม เรานั่งคุยกันจนถึงตี2 พี่เค้าไม่ลุ่มล่าม ไม่ใช้สายตามองรูปร่างลวนลามหนึ่งเลย คงเป็นเพราะพี่เค้าเห็นว่าเราเป็นญาติกัน พี่เค้าบอกว่าดึกมากแล้วเค้าก็พาหนึ่งกลับไปส่งบ้าน ตอนขี่ออกจากที่นาหนึ่งก็กอดเอวพี่เค้าอีกเพราะมันกระเด้งแต่ถึงแม้จะออกมาถนนหมู่บ้านที่มันเรียบแล้วหนึ่งก็ยังกอดเอวพี่เค้าไปจนถึงบ้านหนึ่งเลยเพราะไม่มีรถหรือใครผ่านไปผ่านมาเลย พอเช้าวันรุ่งขึ้นพี่เค้าก็เป็นคนเอาโทรทัศน์มาส่งให้ที่บ้านหนึ่ง หลังจากวันนั้นเราก็คุยกันสนิทมากขึ้น พอกลับมากรุงเทพ หนึ่งกับพี่เค้าก็ได้คุยแชทกันทางเมสเซนเจอร์(ครั้งนี้หนึ่งใช้ยูสเซอร์จริงของหนี่งคุยกับพี่เค้าเพราะเคยแอดพี่เค้าในเฟสมานานมากแล้ว) พี่เค้ามักจะทักแชทชวนหนึ่งคุยเกือบทุกวันแต่ส่วนใหญ่จะคุยกันช่วงเย็น ยูสเซอร์จริงนี้หนึ่งไม่เคยเปิดกล้องคุยหรือไม่เคยส่งรูปที่ถ่ายในห้องไปให้พี่เค้าเลย เราคุยกันปกติทั่วๆไป พี่เค้าก็คุยดีสุภาพคุยสนุกแต่ก็คุยไม่นานนักแค่ประมาณวันละครึ่งชั่วโมงได้ แต่พอค่ำๆพี่เค้าจะทักแชทมาในอีกยูสเซอร์ที่หนึ่งคุยเซ็กส์และแลกรูปกับเค้า อันนี้พี่เค้าจะคุยแบบหื่นๆเงี่ยนๆชักว่าวโชว์ หนึ่งก็นึกขำพี่เค้าอยู่ในใจที่ไม่รู้ว่าหนึ่งคนที่เค้าคุยดีคุยสุภาพตอนเย็นกับหนึ่งที่เค้าคุยแบบเงี่ยนใส่ตอนค่ำเป็นหนึ่งคนเดียวกันเราคุยแบบนี้เรื่อยมาตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ที่13ที่หนึ่งกลับมากรุงเทพ หนึ่งรู้สึกสนิทกับพี่เค้ามากขึ้นจนเหมือนกับว่าถ้าวันไหนพี่เค้าไม่มาแชทกับยูสเซอร์จริงของหนึ่งหนึ่งจะรู้สึกกระวนกระวายตั้งตารออะไรประมาณนี้ คงเพราะหนึ่งเหงาด้วยหละมั้ง จนเมื่อวันอังคารที่22พี่เค้าแชทบอกว่าเค้าต้องมาทำธุระที่กรุงเทพวันที่23 ตอนนั้นหนึ่งรู้สึกดีใจมาก หนึ่งก็แชทตอบพี่เค้าไปว่าถ้ามาก็โทรมาแล้วกันเดี๋ยวพาไปเลี้ยงข้าว พอวันที่พี่เค้ามา เค้าก็ทำธุระของเค้าทั้งวันเสร็จธุระตอนประมาณ5โมงเย็น พี่เค้าก็โทรหาหนึ่ง กว่าจะได้เจอกันก็ประมาณ6โมงกว่าเกือบทุ่มแล้ว พี่เค้าขับรถมา หนึ่งก็พาพี่เค้าไปร้านอาหารที่หนี่งเคยไปกินมีทั้งห้องคาราโอเกะและโต๊ะทานอาหารกลางแจ้งนั่งฟังเพลงจากนักร้อง เราเลือกนั่งกลางแจ้งฟังเพลงจากนักร้อง ตอนลงจากรถจะเดินไปที่โต๊ะ บรรยากาศของร้านมันก็จะสลัวๆหน่อย พี่เค้าเดินจับมือหนึ่งหนึ่งปล่อยให้เค้าจับมือเพราะคิดว่าถ้าหนึ่งดึงมือออกพี่เค้าคงรู้สึกเขินและทำตัวไม่ถูก วันนี้พี่เค้าแต่งตัวดูดีมากเพราะพี่เค้าเป็นตัวแทนมาประชุมกับหน่วยงาน ซึ่งพี่เค้าก็หน้าตาดีอยู่แล้วพอแต่งตัวภูมิฐานหน่อยก็ดูหล่อขึ้นเป็นกองเลย ส่วนหนึ่งวันนี้ก็ใส่ชุดแซกเข้ารูปสีขาวทั้งชุด ตัวกระโปรงยาวถึงเข่าตัวเสื้อเป็นแขนกุด คือหนึ่งก็พยายามแต่งตัวให้ดูเรียบร้อยเพราะคิดในใจอยู่เสมอว่าเราเป็นญาติกัน การทานอาหารครั้งนี้ไม่มีแอลกอฮอล์เพราะพี่เค้าต้องเป็นคนขับรถ พอทานเสร็จ พี่เค้าก็จะขับรถไปส่งหนึ่งที่คอนโด แล้วเค้าจะไปพักที่โรงแรมที่เค้าจองไว้ แต่หนึ่งถามพี่เค้าว่า พี่เคยขับรถเล่นในกรุงเทพตอนกลางคืนไหม พี่เค้าก็ตอบว่าไม่เคยและไม่อยากขับเพราะขับในเมืองไม่ชินและในกรุงเทพดูวุ่นวาย เลยสรุปว่าจะนั่งรถไฟฟ้าไปเดินเล่นในกรุงเทพกัน แต่ชุดมันก็ดูจะไม่ค่อยคล่องตัวนัก พี่เค้ามีกระเป๋าเสื้อผ้าในรถอยู่แล้วเลยไปเปลี่ยนในห้องน้ำของร้านอาหาร ส่วนหนี่งพี่เค้าขับพาไปที่คอนโด หนึ่งให้พี่เค้ารอในรถแล้วขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ครั้งนี้หนึ่งใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดเพราะมันใส่สบายและคล่องตัวดี แต่มันก็ไม่ได้สั้นมากหรอกก็ประมาณครึ่งน่อง แล้วหนึ่งก็ให้พี่เค้าจอดรถไว้ที่คอนโดหนึ่งแล้วไปนั่งรถเมล์ไปที่สถานีรถไฟฟ้า ตั้งแต่ตอนเดินออกจากคอนโดพี่เค้าเดินจับมือหนึ่งตลอดเลย เราไปเดินเล่นชมสะพานชมแม่น้ำและเดินเรียบแม่น้ำเจ้าพระยา พี่เค้าก็เดินจับมือหนึ่งและมีโอบเอวหนึ่งบ้างตอนที่เดินผ่านคนเยอะและเบียดเสียดกัน เราเดินเรียบแม่น้ำผ่านย่านชุมชนที่เปิดเป็นโรงแรมหรือเกสเฮ้าส์ซึ่งก็จะมีชาวต่างชาติมาพักกันเยอะและมีร้านที่เปิดเป็นบาร์ เราเดินผ่านหน้าร้านก็มีชาวต่างชาติที่ยืนคุยยืนสูบบุหรี่กันอยู่หน้าร้าน แต่จะมีชาวต่างชาติหญิงชายคู่นึงยืนจูบกันอยู่ หนึ่งกับพี่เดินผ่านเราทั้งคู่ก็เห็นชาวต่างชาติคู่นี้ พี่เค้าโอบเอวหนึ่งแล้วรีบพาหนึ่งเดินผ่านแต่มือพี่เค้าไม่ได้อยู่แค่ที่เอวแต่ไปแปะอยู่ที่ก้นหนึ่ง แต่พอเดินผ่านชาวต่างชาติคู่นั้นมาซักพักพี่เค้าก็เอามือออกจากก้นหนึ่งแล้วมาจับมือหนึ่งเหมือนเดิม แล้วเราก็หาที่นั่งพักริมแม่น้ำ ตรงนี้จะมีคู่วัยรุ่นหรือกลุ่มวัยรุ่นอยู่กันเยอะเลย ขนาดตอนนั่งพี่เค้าก็ยังจับมือหนึ่งอยู่ หนึ่งจะบอกเค้าก็กลัวเค้าจะทำตัวไม่ถูกเลยต้องปล่อยไปแบบนั้น ลมพัดเย็นๆเรา2คนนั่งคุยกัน อยู่ๆพี่เค้าก็สลับเอามือที่ว่างมาจับมือหนึ่งแล้วเอามือที่จับมือหนึ่งอ้อมหลังไปโอบเอวหนึ่งแล้วรั้งตัวเข้าไปชิดตัวพี่เค้า หนึ่งเองก็ทำตัวไม่ถูกเพราะคำว่าญาติกันมันค้ำคออยู่อย่างที่พี่ในเว็ปนี้เตือนไว้ จนหนึ่งตัดสินใจถามพี่เค้าไปว่า พี่ทำอะไร…ปล่อยหนึ่งเถอะ…เราเป็นญาติกันนะ พี่เค้าก็มองหน้าหนึ่งแบบตกใจและรีบขอโทษแล้วเค้าก็ปล่อยมือทั้งตรงที่โอบเอวและที่จับมือหนึ่งไว้ แล้วก็เป็นจริงอย่างที่คิด ตอนนี้บรรยากาศมันก็จะดูกร่อยๆ พี่เค้าก็พูดตะกุกตะกักแล้วก็ตัดบทว่า ดึกมากแล้ว เรากลับกันเถอะ ตอนเดินกลับจะไปนั่งรถเมล์เพื่อไปสถานีรถใต้ดิน พี่เค้าก็จะเดินนำหน้าหนึ่ง คือไม่ได้เดินจับมือหนึ่งแล้ว หนึ่งก็ไม่รู้จะทำไงเพราะก็รู้อยู่แล้วว่าถ้าพูดออกไปเหตุการณ์แบบนี้ต้องเกิดขึ้นแน่ ตอนนั้นหนึ่งตัดสินใจทำตามที่ตัวเองคิดเพราะหนึ่งไม่อยากให้พี่เค้ารู้สึกว่าทำผิดและจะค่อยๆห่างเหินจากหนึ่งไป หนึ่งเลยวิ่งไปจับมือพี่เค้า พี่เค้าก็หันมามองหน้าหนึ่ง หนึ่งก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็เดินจับมือพี่เค้าไป แต่พี่เค้าไม่ได้กำมือจับมือหนึ่งตอบ ระยะทางกว่าจะเดินถึงรถเมล์ก็ไกลประมาณนึง หนึ่งจับมือพี่เค้าอยู่ฝ่ายเดียวและเราไม่ได้คุยอะไรกัน คือมันไม่เหมือนตอนก่อนที่หนึ่งจะพูดออกไป หนึ่งก็เลยบีบมือพี่เค้าเป็นระยะๆเพื่ออยากให้พี่เค้ากลับมาเป็นเหมือนเดิม ซักพักพี่เค้าก็กำมือจ้บมือหนึ่งกลับและบีบมือหนึ่งแต่ครั้งนี้พี่เค้าบีบมือหนึ่งถี่และบีบขึ้นบีบลงไปทั่วมือบางครั้งก็ใช้ทั้งห้านิ้วสอดสับหว่างนิ้วของหนึ่งแล้วกำบ้างถูไถบ้าง การที่พี่เค้าทำแบบนี้สัญชาตญาณของหนึ่งที่เป็นผู้หญิงรู้สึกได้ว่าเหมือนพี่เค้าจะมีอารมณ์และคงกำลังอยากจะบอกหนึ่งเป็นนัยๆว่าพี่เค้าอยากจะมีอะไรกับหนึ่ง แต่หนึ่งก็ทำได้แค่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่รู้ว่าพี่เค้าจะสื่ออะไร ทั้งๆที่หนึ่งเองก็มีความต้องการเหมือนกันแต่เพราะเราเป็นญาติกันเลยต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้ แล้วหนึ่งก็เอามือพี่เค้าออกจากมือหนึ่ง พี่เค้าก็หันมามองหน้าหนึ่งอีกครั้ง หนึ่งมองหน้าพี่เค้าแล้วก็เอาแขนพี่เค้ามากอดแทนเพราะคิดว่าอย่างน้อยเค้าก็ไม่ต้องมาลูบไล้ถูไถมือหนึ่งและก็คงไม่ทำให้พี่เค้าทำตัวไม่ถูก แต่มันกลับเป็นความผิดพลาดอย่างแรง พี่เค้าชักแขนออกแล้วเอาแขนมาโอบเอวหนึ่งแล้วรั้งเข้าหาตัวพี่เค้าแทน แต่มือพี่เค้าอยู่ที่เอวหนึ่งบ้าง สะโพกบ้าง ก้นบ้าง พี่เค้าทำแบบนี้อยู่เป็นระยะจนหนึ่งต้องหันไปพูดเตือนความจำพี่เค้าอีกครั้งว่า เราเป็นญาติกันนะ ตอนนี้พี่เค้าหันมาตอบหนึ่งกลับว่า พี่ขอทำแค่นี้ได้ไหม่ ที่นี่ไม่มีใครรู้จักเรา หนึ่งก็เงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เลยกลายเป็นว่าพี่เค้าไม่ใช่แค่เอามือมาวางแปะๆไว้ แต่มีบีบขยำก้นหนี่งบ้างเป็นระยะ พอตอนนั่งรถเมล์ก็เอามือมาวางที่ขาอ่อนหนึ่ง ตอนขึ้นรถไฟก็มายืนซ้อนอยู่ด้านหลังหนึ่ง จนพอจะถึงคอนโดหนึ่งก็เดินจับบีบก้นหนึ่งมาตลอดทาง และขอค้างกับหนึ่ง หนึ่งเองก็ต้องตัดใจบอกไปว่าไม่ได้คะพี่ มันดึกมากแล้วพี่กลับไปโรงแรมเถอะ พี่เค้าก็ขอโทษหนึ่งแล้วเดินหน้าเศร้าไปที่รถ หนึ่งก็เดินไปส่งพี่เค้าที่รถ พอพี่เค้าขึ้นรถด้านคนขับหนึ่งก็เปิดประตูรถเข้าไปนั่งด้านข้างคนขับแล้วพูดเคลียร์กับพี่เค้าว่า พี่เข้าใจใช่ไหม เราเป็นญาติกัน และพี่ก็มีเมียมีลูกแล้ว พี่เค้าก็ตอบกลับมาว่า เข้าใจ และขอโทษหนึ่งด้วยที่ทำแบบนั้น แต่พี่เค้าก็พูดออกมาตรงๆจนหนึ่งได้ยินแล้วสะดุ้งว่า ที่นี่ไม่มีใครรู้จักเรา ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นญาติกัน และเราก็เป็นญาติห่างๆซึ่งถ้าไม่ได้อยู่หมู่บ้านเดียวกันหรืออยู่กันคนละจังหวัดเราก็คือคนที่ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ ถ้าพี่ใส่ถุงยางจะได้ไหม ไม่รู้ว่าในเว็ปนี้เพื่อนๆผู้หญิงบ้างไหมคะ ถ้าเป็นเพื่อนๆ เพื่อนๆจะตอบกลับไปยังไง ถ้าเพื่อนๆเป็นหนึ่งที่ในตอนนี้ ทั้งโสด เหงา แอบชอบพี่เค้าอยู่เหมือนกัน มีความต้องการทางเพศเหมือนคนทั่วๆไปแต่อาจจะมากกว่าคนอื่นเพราะเราเคยโดนกระทำมาจนเป็นแบบนี้ แต่เพราะหนึ่งเป็นญาติกับพี่เค้า ถ้าเป็นเพื่อนๆจะทำอย่างไรกันคะ
|