รุ่งอรุนรับแสงตะวันคล้ายว่าจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายของแม่เฒ่าหมอตำแยที่ไม่ว่าใครจะเกิดล้วนแต่ผ่านมือแกมาแล้วทั้งนั้นวันนี้ก็คงเป็นวันเกิดของใครสักคน
“อ้าว ไอ้ทัพ ยืนบื้ออยู่ทำไม เอ็งมาช่วยข้าต้มน้ำสิวะน้องเอ็งจะคลอดอยู่รอมร่อ”
“นะ น้องฉันหรอจ๊ะ”
“ก็น้องเอ็งสิวะแม่รัมภาเลี้ยงดูเอ็งมาเหมือนลูก ตอนนี้มีน้องเอ็งก็ต้องเป็นพี่ ข้าพูดถูกมั้ยวะ”
“อร๊าย!”เสียงกรีดร้องตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของเด็กทารกแรกเกิด “อุแว้...อุแว้...”
แม้จะดูกล้าๆ กลัวๆแต่ด้วยความที่อยากจะเห็นหน้าน้องใจแทบขาดเลยได้แต่เขย่งเท้าเอาความสูงให้สามารถมองลอดผ่านฝาไม้ที่เป็นรู
"น้องตัวขาวจัง"ทัพพูดกับตัวเองเบาๆ ใบหน้ายิ้มกริ่มอย่างมีความสุขแม้จะเห็นหน้าเจ้าตัวเล็กได้ไม่ถนัดนัก
"ไอ้ทัพเอ้ย น้องเอ็งช่างน่ารักน่าชังแท้"เสียงแหบแห้งของแม่เฒ่าเอ่ยชมเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมอกแม่รัมภาไม่ขาดปาก
“เจ้าทัพ เข้ามาดูน้องสิลูก”รัมภาร้องเรียกลูกชายให้เข้าไปหา พร้อมทั้งให้เขาเป็นคนอุ้มน้อง
"แม่รัมภาคลอดน้องออกมาตัวขาวจั๊วะขาวเหมือนกับข้าวสวยที่เพิ่งหุงสุกใหม่ๆเลย"
"ลูกจะตั้งชื่อน้องว่าข้าวสวยไม่ได้นะจ๊ะเพราะน้องเป็นผู้ชาย" ทัพมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยคงเพราะไม่คิดว่าจะได้น้องเป็นผู้ชาย เพราะตัวขาวซะเหลือเกิน"งั้นแม่จะตั้งชื่อให้น้องว่าขวัญข้าวดีมั้ยจ๊ะ"
“ชื่อเพราะมากเลยจ่ะ น้องขวัญข้าวของพี่ทัพ”
“ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันแต่ก็ขอให้เจ้าทั้งสองรักกัน ดูแลกันตลอดไปนะลูก”
“ทัพให้สัญญากับแม่รัมภาเลยว่าจะรักและดูแลน้องตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่”
ด้วยความที่ยังไม่ครบกำหนดคลอดดี เพียงแค่ 7เดือนเศษเท่านั้นรัมภาก็เจ็บท้องหนักคงเพราะเป็นเมียเสือสมานจอมโจรผู้เลื่องชื่อที่ต้องคอยจัดหาข้าวปลาน้ำท่าให้เรียบร้อยเมื่อออกปล้นเด็กชายตัวเล็กจ้อยก็ลืมตาขึ้นมาดูโลก
เจ้าทัพก็ช่างเห่อน้องประไรแต่อ้อนแต่ออกก็คอยป้อนข้าว อาบน้ำ ไม่สบายก็วิ่งไปซื้อยาดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เพราะคลอดก่อนกำหนด ข้าวจึงไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนเด็กทั่วไปป่วยกระเซาะกระแซะ อย่างโบราณว่าสามวันดีสี่วันไข้ อะไรทำนองนั้น
ครั้นในตอนนี้เจ้าตัวเล็กก็ได้วัยเตาะแตะเจ้าทัพยังคงทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีไม่เปลี่ยนแปลง ยามว่างจากงานไร่นาเจ้าทัพก็จะสอนให้เจ้าตัวเล็กหัดเดิน ค่อยๆประคองมือน้อยๆไว้ทั้งสองข้างยืนเป็นหลักให้น้องพยายามก้าวขาเล็กๆทีละนิด บางครั้งเจ้าตัวเล็กก็เซล้มลงไปนั่งกับพื้นดินเจ้าทัพหัวเราะเบาๆ ก่อนจะประคองน้องให้ลุกขึ้นใหม่
ยามเย็นเกือบค่ำท้องฟ้าเปลี่ยนจากสีส้มเรืองรองเป็นม่วงหม่นแสงสุดท้ายของวันค่อยๆลาลับหลังแนวเขา เสียงจักจั่นเริ่มดังแว่วแทรกมากับเสียงลมพัดยอดตาลไหวเป็นจังหวะคล้ายจะบอกว่าหมดเวลาเล่นสนุกของสองพี่น้องเสียแล้ว
ทัพเดินอุ้มน้องกลับบ้านท่ามกลางกลิ่นหอมของดินเย็นๆ หลังตะวันคล้อยต่ำ กลิ่นควันจากเตาฟืนลอยมาแตะจมูก ข้าวปลาอาหารถูกจัดวางไว้บนสำรับอย่างเรียบร้อยมีต้มฟัก น้ำพริกผักลวก และกับข้าวอีกสองสามอย่างที่คุ้นเคย ทัพวางน้องลงบนแคร่ไม้หน้าบ้านอย่างนุ่มนวลเจ้าตัวเล็กหัวเราะคิกคัก มือเล็กๆ จับแขนพี่แน่นเหมือนจะเล่นต่อ ทัพหัวเราะเบาๆ
“กลับมากันซะมืดเลย เล่นกันจนเพลินล่ะสิ!” เสียงรัมภาจากในครัวดังแทรกออกมาพร้อมกับเสียงไก่ที่กำลังขึ้นคอน ใบหน้ายิ้มอบอุ่นขณะยกสำรับออกมาจากครัว
“มาจ่ะ ให้ทัพช่วย” ทัพรีบเสนอตัวมือยื่นออกไป
“ไม่เป็นไรลูก ไปดูน้องเถอะ เดี๋ยวอีกหน่อยแม่วานเจ้าไปตามพ่อมากินข้าวนะลูก”รัมภาตอบด้วยเสียงนุ่มพลางวางสำรับลงตรงหน้า
ทัพพยักหน้ารับ “ได้จ่ะแม่รัมภาวันนี้ทัพสอนน้องหัดเดินด้วยนะ น้องเก่งมากเลย ถึงจะเดินไปล้มไปแต่ก็ไม่ร้องไห้เลย”
รัมภายิ้มกว้างลูบหัวเจ้าตัวเล็กด้วยความเอ็นดู “ว้าว เก่งมากจ่ะเจ้าหนูขวัญข้าวคราวหน้าเราคงได้วิ่งแข่งกับพี่ทัพแล้วสิ!”
เจ้าตัวเล็กหัวเราะคิกก่อนจะพูดเลียนแบบด้วยน้ำเสียงน่ารัก "เจ่งมาก! เจ่งมาก!" มือเล็กๆยกขึ้นปรบเบาๆ เหมือนกำลังชมตัวเอง
“จ้าๆ รู้แล้วๆ เก่งที่สุดในบ้านเลย”รัมภาพูดอย่างเอ็นดู “งั้นคืนนี้เจ้าหนูขวัญข้าวคงต้องกินข้าวเยอะๆให้มีแรงไว้แข่งวิ่งพรุ่งนี้เลย ใช่ไหมจ๊ะ?”
ทัพที่นั่งมองอยู่หัวเราะพลางส่ายหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มเจ้าตัวเล็กเบาๆพร้อมกับยิ้มให้เจ้าตัวเล็กที่พยักหน้ารับอย่างกระตือรือร้น
'รีบโตให้ทันพี่นะเจ้าขวัญ'
---------------------------
ฝากคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะ