ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 151|ตอบกลับ: 6

ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? Chapter 2

[คัดลอกลิงก์]

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
98
พลังน้ำใจ
4329
Zenny
21485
ออนไลน์
1055 ชั่วโมง
โพสต์ 3 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด |โหมดอ่าน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2025-3-1 16:59


Chapter 2
เครือข่ายอำนาจใต้ดิน




7:00 AM
กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้

กลิ่นควันซิการ์ราคาแพงลอยคละคลุ้งในอากาศ หยดเลือดสีเข้มไหลซึมผ่านเรียวขาขาวซีดลงมาตามแผ่นผ้าปูที่นอน เปื้อนเปรอะเป็นคราบคล้ายภาพที่สะท้อนถึงความเลวร้ายที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ ร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง แผ่นหลังเต็มไปด้วยรอยข่วน รอยฟกช้ำกระจายอยู่ทั่ว เสียงหอบหายใจสั่นระริก ทว่ากลับไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น ไม่มีคำวิงวอน ไม่มีคำร้องขอ


“อึก…”


แรงสั่นจากลมหายใจที่ติดขัดสะท้อนเป็นเสียงเบา ริมฝีปากแห้งผากกัดเข้าหากันแน่น ดวงตาหลุบต่ำเหมือนไม่ต้องการจะโฟกัสกับอะไรทั้งนั้น มันไม่ใช่ครั้งแรก และแน่นอนว่ามันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เขาต้องเผชิญกับสิ่งนี้


เสียงกริ๊กของไฟแช็กดังขึ้น ก่อนที่เปลวไฟเล็ก ๆ จะลุกโชติช่วง คาบบุหรี่ถูกแตะลงปลายปากซิการ์อย่างเชื่องช้า เสียงสูบหายใจลึกดังขึ้นในความเงียบ เงาของชายร่างสูงที่ยืนอยู่ปลายเตียงทอดยาวใต้แสงไฟสลัว ดวงตาคมกริบทอดมองร่างที่หมดแรงบนเตียงราวกับกำลังมองของเล่นที่ถูกใช้งานจนแทบพัง


“ติดต่อเพื่อนของนายได้หรือยัง?”


เสียงทุ้มต่ำแฝงด้วยความเย็นชา นั่นคือคำถามแรกที่ถูกเอ่ยขึ้นตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ ไม่มีคำพูดอื่น ไม่มีการปลอบโยน มีเพียงความเงียบที่กดทับราวกับเป็นโซ่ตรวนมองไม่เห็น


ร่างที่นอนอยู่กระตุกเล็กน้อยก่อนจะพยายามขยับตัวขึ้น เสียงหอบหนักดังขึ้นจากลำคอของเขา ฮันแจหลับตาลงชั่วครู่ก่อนจะกัดฟันตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า


“ยังครับ…”


คำตอบนั้นทำให้บุหรี่ในมือถูกกดลงกับที่เขี่ยบุหรี่เสียงดังกรอบแกรบ ก่อนที่เจ้าของมันจะถอนหายใจหนัก ๆ ด้วยความหงุดหงิด แววตาของคิมบอมฉายแววเย็นเยียบขณะก้มลงมองร่างที่หมดสภาพอยู่บนเตียง


“ควรจะถึงลอนดอนตั้งนานแล้ว…”


มือแกร่งยกขึ้นลูบคางตัวเอง ก่อนที่ริมฝีปากจะเหยียดรอยยิ้มบางๆ ที่ไม่ได้มีความหมายของความเมตตาแม้แต่น้อย ในโลกของเขา… ข้อผิดพลาดไม่ใช่สิ่งที่สามารถให้อภัยได้


“หึ…”


เสียงหัวเราะเบา ๆ ทว่าเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย ฮันแจยังคงนอนนิ่ง ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วร่าง ช่องทางด้านหลังถูกใช้งานอย่างรุนแรงจนความรู้สึกคล้ายกับว่ามันถูกฉีกขาดไปแล้วจริง ๆ ทว่าภายในดวงตาของเขายังคงแน่วแน่ ไม่มีแววโกรธแค้น ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกต่อต้าน


เขารู้จักคิมบอมดี…


ชายคนนี้คือเจ้าของทุกสิ่ง ทุกลมหายใจของเขาถูกกำหนดโดยอีกฝ่าย ฮันแจเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกตระกูลคิมเก็บมาเลี้ยง และถูกกำหนดให้เป็น "เงา" ของว่าที่ผู้นำคนต่อไป

ตั้งแต่จำความได้ เขาเติบโตมาเคียงข้างคิมบอม เด็กชายที่อายุน้อยกว่าเขาแต่กลับแข็งแกร่งและโหดเหี้ยมกว่าที่ใครจะคาดคิด ฮันแจเรียนรู้ว่าหน้าที่ของเขาไม่ใช่แค่รับใช้ แต่ต้องเป็นเกราะกำบัง เป็นมือ เป็นเท้า และถ้าจำเป็น... ก็คือหมากที่พร้อมถูกสังเวยเพื่อปกป้องอีกฝ่าย


“ผมจะลองติดต่ออีกครั้ง…”


เสียงแหบต่ำกระซิบออกมาอย่างยากลำบาก มือที่ยังสั่นเล็กน้อยพยายามดึงโทรศัพท์มือถือที่ตกอยู่ข้างเตียงขึ้นมา แต่นิ้วมือยังคงอ่อนแรงจนแทบไม่สามารถพิมพ์ข้อความได้


เงาร่างของคิมบอมขยับเข้ามาใกล้ เขาโน้มตัวลง ยกมือขึ้นแตะปลายคางของฮันแจ บังคับให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาโดยตรง ดวงตาคมดุจเหยี่ยวมองจ้องลงมาราวกับกำลังพิจารณาบางอย่าง


“ฉันไม่ชอบคนที่ทำให้ฉันผิดหวัง”


ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยเบา ๆ บนริมฝีปากแตกของฮันแจ ราวกับกำลังปลอบโยน ทว่าสิ่งที่อยู่ในสายตาของเขาไม่ได้สะท้อนถึงความอ่อนโยนแม้แต่นิดเดียว


“ผมเข้าใจครับ…”


ฮันแจกระซิบตอบ ขณะที่ปลายจมูกของคิมบอมเคลื่อนเข้าใกล้มากขึ้น ความร้อนจากลมหายใจปะทะกับผิวของเขา ทว่าแทนที่จะรู้สึกถึงความอบอุ่น มีเพียงความเย็นเยียบที่คืบคลานไปทั่วร่างกาย


คิมบอมจ้องเขานิ่ง ก่อนจะเหยียดยิ้มช้า ๆ


“ดี”


เสียงเรียบเย็นนั้นดังก้องในความเงียบ มือหนาลูบไล้ไปตามแนวลาดไหล่ ไล่ผ่านผิวเนื้อที่เต็มไปด้วยร่องรอยของการลงโทษ สัมผัสนั้นไม่ได้อ่อนโยน ไม่ได้มอบความรัก แต่มันเป็นการย้ำเตือนว่าร่างกายนี้เป็นของใคร


"จนกว่าจะติดต่อเพื่อนนายได้..."


คิมบอมโน้มตัวลงมากระซิบชิดข้างหู เสียงของเขาช่างแผ่วเบาและเชื่องช้า ทว่ากลับแฝงไปด้วยเจตนาที่น่าสะพรึงกลัว


"เรามาหาอะไรทำฆ่าเวลากันดีกว่า"
  









อีกฟากหนึ่งของมุมโลก - ลอนดอน, อังกฤษ




เสียงสั่นของโทรศัพท์ไม่ต่างจากจังหวะหัวใจของผม ชื่อของปลายสายคือ "ฮันแจ" ที่พยายามติดต่อมาตลอด ดูจากยอด missed call ที่ค้างอยู่ในเครื่อง เกือบสิบสายเห็นจะได้ คงเป็นเพราะผมขาดการติดต่อไปตั้งแต่ลงจากเครื่อง และไม่ได้เปิดดูโทรศัพท์เลย


ติ้ง… ติ้ง…


ผมจ้องหน้าจออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกดรับ แต่ ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร เสียงของฮันแจก็ดังขึ้นทันที


"จ… เจบี… นะ… นาย… อยู่ไหน"


น้ำเสียงของเขาแปลกไป มันแผ่วเบาและไม่มั่นคง ราวกับถูกบีบให้พูดอะไรบางอย่าง ผมขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความผิดปกติที่ชัดเจน


"ฉันโอเค เครื่องดีเลย์นิดหน่อย เลยเพิ่งถึง" ผมโกหกออกไปทันทีโดยไม่ต้องคิด แม้ว่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายอาจจับผิดได้ก็ตาม


ปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจ แต่เสียงลมหายใจหนักๆ แทรกเข้ามาแทน ผมได้ยินเสียงขยับตัวเบาๆ …ราวกับว่าเขาไม่ได้อยู่ตามลำพัง


"อึก… ฉันให้คนไปรอที่สนามบิน ทำไม…ไม่เจอนาย"


ผมหยุดชะงัก หัวใจเต้นแรงขึ้นโดยอัตโนมัติ พวกเขาส่งคนไปรอรับที่สนามบิน...?


"อ่า…" ผมพยายามหาข้อแก้ตัว แต่สมองกลับขาวโพลนไปหมด


"คือว่า ฉัน..."


ยังไม่ทันจะหาคำตอบดีๆ ได้ ฮันแจก็พูดแทรกขึ้นมา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก


"นะ… นาย… ไม่ได้หนีใช่มั้ย"


คำถามนั้นทำให้หัวใจผมกระตุกวูบ มันไม่ใช่แค่คำถามธรรมดา แต่มันแฝงไปด้วยความหวาดหวั่นและความกดดัน ราวกับว่าถ้าเขาไม่ได้ยินคำตอบที่ต้องการ เขาจะเดือดร้อนมากกว่านี้


"เปล่า…" ผมรีบตอบทันที พยายามให้เสียงของตัวเองฟังดูปกติที่สุด "ฉันเจอเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย นายไม่ต้องห่วง"


ปลายสายเงียบไปพักใหญ่ มีเพียงเสียงลมหายใจติดขัดแทรกเข้ามาเป็นระยะ ก่อนที่คำพูดถัดมาจะดังขึ้น แผ่วเบา ราวกับถูกกดดันให้พูดมันออกมา


"พ… พรุ่งนี้… หอนาฬิกา… บิกเบน"


เสียงนั้นขาดห้วง ราวกับว่าเขาพยายามพูดออกมาให้จบก่อนที่อะไรบางอย่างจะเกิดขึ้น


ผมขมวดคิ้ว "นายโอเคมั้ย ฮันแจ?"


"อื๊ออ~" เสียงครางแผ่วดังผ่านสาย


ผมขมวดคิ้วทันที เสียงแบบนั้นมัน… ฟังดูแปลกๆ เหมือนคนที่พยายามจะกลั้นอะไรบางอย่างไว้


"ฮันแจ?"


"ฮัลโหล?"


ตู๊ด… ตู๊ด…


เสียงสัญญาณตัดสายดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แต่สิ่งที่ค้างอยู่ในหูของผมไม่ใช่เสียงเหล่านั้น มันคือความเงียบที่กดทับ… ความว่างเปล่า


ผมจ้องหน้าจอที่กลับสู่ความสงัดงัน ดวงตาตรึงอยู่กับชื่อของ [ฮันแจ] ที่ยังคงอยู่บนหน้าจอเหมือนเป็นเศษซากสุดท้ายของการติดต่อที่หายไป ผมขยับนิ้วเหมือนจะกดโทรกลับ แต่ปลายนิ้วกลับหยุดนิ่งกลางอากาศ


เกิดอะไรขึ้นที่ปลายสาย?


มือของผมที่กำโทรศัพท์แน่นเริ่มสั่นเล็กน้อย ขณะที่ความกังวลก่อตัวขึ้นเงียบงัน


อึดใจต่อมา ผมสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามบังคับตัวเองให้สงบ ปล่อยให้เสียงของบรรยากาศรอบตัวดึงผมกลับมา ก่อนที่มือจะเลื่อนเปิดกลอนประตู แล้วก้าวออกไปด้วยสติที่ยังล่องลอย ราวกับยังไม่สามารถหลุดออกจากความกังวลนั้นได้


ขาทั้งสองข้างพาผมมาหยุดอยู่ตรงอ่างล้างหน้าโดยไม่รู้ตัว เสียงน้ำไหลจากก็อกดังก้องอยู่ในโสตประสาท ผมเอื้อมมือไปเปิดให้กระแสน้ำเย็นจัดไหลผ่านปลายนิ้ว ก่อนจะตักขึ้นมาลูบใบหน้า หวังให้ความเย็นช่วยฉุดรั้งสติที่กำลังเตลิดออกไปไกล


ความเย็นแทรกซึมเข้าสู่ผิว ทำให้ผมได้สติขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่มากพอที่จะไล่ความรู้สึกหนักอึ้งในอกออกไปได้


ผมเงยหน้าขึ้นมองเงาของตัวเองในกระจก ภาพสะท้อนตรงหน้าทำให้ผมต้องนิ่งมองอยู่นานกว่าปกติ ใบหน้าที่เคยชินกลับดูไม่เหมือนตัวเอง ดวงตาหม่นหมองคล้ายคนที่หลงอยู่ในโลกที่ไร้แสงสว่าง ผิวซีดเซียวจากอุณหภูมิของน้ำเย็นที่ไหลผ่านเมื่อครู่


ขณะที่ปลายนิ้วแตะลงบนขอบอ่างล้างหน้าหินอ่อนเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้ให้มั่น ทว่าความคิดกลับยังล่องลอยไปไกล มืออีกข้างที่กำโทรศัพท์แน่นเริ่มผ่อนแรงลงเล็กน้อย ก่อนที่มันจะสั่นไหวโดยไม่รู้ตัว


แล้วจู่ๆ เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เสียงนั้นไม่ดังนัก แต่เพียงพอที่จะทำให้ผมชะงักไปครู่หนึ่ง ผมยังไม่ทันได้หันไปมอง เงาอีกคนก็ปรากฏขึ้นในกระจก


เสี่ยวไป๋ยืนอยู่ด้านหลัง ร่างสูงพิงไปกับผนังห้องน้ำในท่าทางที่ดูผ่อนคลาย ทว่าดวงตาเรียวคมกลับจับจ้องมาทางผมผ่านกระจกอย่างไม่ปิดบัง ผมสะดุ้งเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว รีบยัดโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋า พยายามเก็บสีหน้าให้เป็นปกติ


"มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"


เสียงของเขานิ่งเรียบ ฟังดูไม่ได้สงสัยนัก แต่ก็ไม่ได้ปล่อยผ่านง่ายๆ เช่นกัน ผมกระพริบตา ตั้งใจจะเมินความรู้สึกบางอย่างที่กดทับอยู่ในใจ ก่อนจะฝืนตัวเองให้ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด


"ไม่มีอะไรครับ ผมแค่เหนื่อยๆ"


เสี่ยวไป๋เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เหมือนจะประเมินคำพูดของผม ก่อนจะพยักหน้าโดยไม่ได้ซักไซ้อะไรเพิ่ม เขาเหลือบตามองนาฬิกาข้อมือ แล้วเอ่ยขึ้นราวกับเป็นคำถามทั่วไป


"นายจะกลับเลยมั้ย?"


ผมพยักหน้ารับแทนคำตอบ และดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นว่าอารมณ์ของผมยังไม่กลับมาเป็นปกติสักเท่าไหร่ เสี่ยวไป๋ก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้น ระยะห่างระหว่างเราถูกลดลงโดยที่ผมไม่ได้ตั้งตัว มือเรียวแตะลงบนแพขนตาของผม เกลี่ยหยดน้ำที่ยังค้างอยู่ตรงปลายขนตาโดยไม่รีบร้อน ผมขยับตัวออกเล็กน้อย แต่ไม่ได้หลบเลี่ยงสัมผัสนั้นโดยตรง


"ไปกันเถอะ" เขาพูดขึ้นก่อนจะดึงข้อมือผมให้เดินตามออกไป ผมก้าวตามไปโดยไม่ได้ขัดขืน จนกระทั่งมาถึงทางเข้าด้านหน้า ที่นั่นมีแคสเปอร์ยืนรออยู่แล้ว พอเห็นผม เขาก็เอ่ยขึ้นทันที


"นายดูไม่ค่อยดีเลยนะ เจบี" ไม่พูดเปล่า เขาก้าวเข้ามาใกล้ เอาหลังมือแตะที่หน้าผากตัวเองก่อนจะแตะมาที่หน้าผากของผมราวกับเปรียบเทียบอุณหภูมิ ผมชะงักเล็กน้อยกับการกระทำที่ไม่ทันตั้งตัว "เหมือนจะมีไข้อ่อนๆ ด้วย"


ผมไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่กะพริบตาช้าๆ ไม่แน่ใจนักว่าอาการมึนเบลอที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้เกิดจากไข้ หรือเป็นเพราะความกังวลที่กัดกินผมจากข้างในกันแน่


เสี่ยวไป๋เหลือบมองผมครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปทางแคสเปอร์ "แล้วนายจะเอายังไง?"


"คงต้องรบกวนนายไปส่งเจ้าหนูนี่แล้วล่ะ" แคสเปอร์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ "ฉันมีงานด่วน ต้องบินอีกแล้ว เสียดายจริงๆ"


ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ถามอะไรต่อ เสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม เพียงแค่พยักหน้ารับเข้าใจสถานการณ์ พวกเขาสองคนพูดคุยกันอีกไม่กี่ประโยค ก่อนที่แคสเปอร์จะแยกตัวออกไปขึ้นรถที่รออยู่แล้ว


ผมมองตามรถของเขาจนลับสายตา แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่คลุมลงบนไหล่ ผมหันไปมองอย่างงุนงง แล้วก็เห็นว่าเป็นเสื้อคลุมของเสี่ยวไป๋ เขาถอดมันออกจากตัวแล้วโยนมาคลุมบ่าผมอย่างไม่รีบร้อน


"อากาศหนาว" เขาพูดขึ้น น้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็แฝงความคะยั้นคะยอเอาไว้จางๆ "คลุมไว้ จะได้ไม่เป็นหวัด"


ผมกะพริบตา มองเสื้อคลุมตัวหนาที่คลุมอยู่บนไหล่ของตัวเองโดยไม่ได้ขยับเอาออก มันยังคงอุ่นอยู่จากอุณหภูมิของเจ้าของเดิม ผมไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่กระชับเสื้อคลุมนั้นเข้าหาตัว ก่อนจะก้าวขึ้นรถที่เสี่ยวไป๋เปิดประตูรออยู่เงียบๆ


“คราวนี้จะเหยียบช้าๆ” เขาเอ่ยขึ้นขณะก้าวตามเข้ามานั่งฝั่งคนขับ เสียงเครื่องยนต์ที่สตาร์ทติดดังขึ้นอย่างนุ่มนวล ผมขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะนั่งให้สบายขึ้น มือแตะเสื้อคลุมที่ยังคลุมอยู่บนไหล่โดยไม่รู้ตัว


ภายในรถเงียบเชียบ ผมเอนหัวพิงกระจก มองแสงไฟของลอนดอนที่เคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผมยกมือขึ้นแตะสร้อยคอที่ห้อยตัวอักษรย่อของชื่อไว้ คล้ายเป็นสิ่งเดียวที่ย้ำเตือนว่าผมยังมีตัวตนอยู่จริง


“นายจะไปไหนต่อ?” เสียงของเสี่ยวไป๋ดังขึ้น ทำลายความเงียบที่ปกคลุมอยู่ เขาขับรถไปตามถนนอย่างใจเย็น มือข้างหนึ่งควบคุมพวงมาลัย อีกข้างหนึ่งวางสบายๆ บนที่วางแขน ดวงตาเรียวเฉียบยังคงจับจ้องอยู่ที่ถนนเบื้องหน้า แต่จากน้ำเสียงนั้น ผมรู้ว่าเขากำลังสนใจคำตอบของผมจริงๆ


ผมพยายามเรียบเรียงคำพูด ก่อนจะตอบออกไป “กลับโรงแรม”


เสี่ยวไป๋พยักหน้ารับรู้ “โรงแรมไหน?”


ผมหยุดคิดเล็กน้อยก่อนจะบอกชื่อโรงแรมไป เขาไม่ได้ถามอะไรต่อ เพียงแค่เลี้ยวรถเข้าสู่ถนนเส้นที่มุ่งหน้าไปยังจุดหมายโดยไม่แสดงท่าทีสงสัย ผมเหลือบมองเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น


“เปลี่ยนรถเหรอครับ?”


เสี่ยวไป๋เหลือบมองผมผ่านกระจกมองหลังแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปที่ถนน “อืม ทำไม? ไม่ชอบ?”


“...เปล่าครับ แค่แปลกใจนิดหน่อย”


“หึ” เขาหัวเราะในลำคอแผ่วเบา “หมอนั่นกลัวนายจะเป็นอะไรไปซะก่อน เลยให้ฉันเปลี่ยนรถ”


ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย “แคสเปอร์?”


“อืม” เขาตอบรับสั้น ๆ


แต่จังหวะการขับขี่ของเขากลับช้าลงกว่าปกติ ราวกับไม่รีบร้อนอะไร ซึ่งขัดกับภาพจำของผู้ชายคนนี้ที่ผมเพิ่งเจอไม่นานก่อนหน้า


“ปกติฉันไม่ค่อยขับให้ใคร” เขาพูดขึ้นหลังจากเว้นจังหวะไปเล็กน้อย รอยยิ้มเจืออยู่ในน้ำเสียง “แต่นายดูเป็นข้อยกเว้นที่น่าสนใจ”


บรรยากาศในรถเงียบไปครู่หนึ่ง มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ทำงานอย่างนุ่มนวลและเสียงลมหายใจที่ดังแผ่ว เสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดอะไรอีก ผมเองก็ไม่ได้พยายามเปิดบทสนทนา ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนต่างฝ่ายต่างพอใจกับความเงียบนี้


กระทั่งรถเคลื่อนเข้ามาจอดสนิทที่หน้าทางเข้าโรงแรม ผมละสายตาจากหน้าต่าง แสงไฟนีออนจากป้ายด้านบนสะท้อนเข้ามาในตัวรถเป็นเงาวูบไหว ก่อนที่เสียงทุ้มของคนข้าง ๆ จะดังขึ้น


"ถึงแล้ว"


น้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีอารมณ์พิเศษเจือปน ผมพยักหน้ารับ เอื้อมมือไปปลดเข็มขัดนิรภัย ขยับตัวเล็กน้อยเตรียมเปิดประตูลงจากรถ


"ขอบคุณครับ"


ผมพูดเพียงสั้น ๆ แต่ก่อนที่มือจะถึงที่จับประตู เสียงของเสี่ยวไป๋ก็ดังขึ้นแทรกเข้ามา


"เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นเบอร์ติดต่อได้มั้ย?"


ผมหยุดมือชั่วขณะ ตวัดสายตากลับไปมองเขา เขายังอยู่ในท่าเดิม มือหนึ่งวางอยู่บนพวงมาลัย อีกมือเอนสบาย ๆ บนที่วางแขน ไม่ได้จ้องมาที่ผมโดยตรง น้ำเสียงของเขาฟังดูไม่รีบร้อน ไม่ได้กดดัน หรือคาดหวัง เพียงแค่พูดขึ้นราวกับโยนข้อเสนอให้ตัดสินใจเอง


ก่อนที่ผมจะได้ถามว่าทำไม เขาก็เสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม


"แคสเปอร์เป็นคนขอ"


ผมเงียบไปชั่วอึดใจ สายตากวาดมองใบหน้าของเขาผ่านแสงไฟนวลในรถ เสี่ยวไป๋ดูนิ่งเกินไป เป็นธรรมชาติเกินไป เหมือนแค่ทำหน้าที่ส่งต่อคำขอของใครอีกคนโดยไม่ได้ใส่ใจนักว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง


ผมไม่รู้ว่าแคสเปอร์ต้องการเบอร์ไปเพื่ออะไร และก็ไม่ได้อยากคิดมากให้เสียเวลา ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์ของตัวเองแล้วยื่นให้เขา


"ฝากขอบคุณแคสเปอร์ด้วย"


เขารับโทรศัพท์ไป บันทึกเบอร์ไว้เงียบ ๆ ไม่มีคำตอบ ไม่มีการพูดอะไรแทรก มีเพียงรอยยิ้มบาง ๆ ที่แวบขึ้นที่มุมปาก ก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ผมจ้องเขาอยู่อึดใจหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าเขาคิดอะไรอยู่ และก็ไม่จำเป็นต้องรู้


ผมเปิดประตู ก้าวลงจากรถ อากาศเย็นปะทะกับผิวในทันที ผมกระชับเสื้อคลุมที่ยังพาดอยู่บนไหล่ เดินตรงไปยังล็อบบี้โรงแรมโดยไม่หันกลับไปมอง แต่ก็ยังรับรู้ได้ถึงสายตาที่ทอดมองตามอยู่จากในรถ





--





บนหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏรายชื่อที่เพิ่งถูกบันทึกลงอย่างลวก ๆ "Casper’ s Pup"[1] ก่อนที่เสี่ยวไป๋จะกดส่งหมายเลขนั้นไปยังแชตของแคสเปอร์


[แชทระหว่างเสี่ยวไป๋กับแคสเปอร์]


📲 Casper’ s Pup ส่งแล้ว


เสี่ยวไป๋กดส่งหมายเลขไปยังแชตของแคสเปอร์ สายตาไล่มองชื่อที่เพิ่งบันทึกไว้บนหน้าจอแล้วหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง "Casper’ s Pup" คำเรียกขานที่ดูจะเหมาะสมกับสถานการณ์ในตอนนี้


[Shadow Lord 🕶🔥]


: ได้เบอร์แล้ว?


: เร็วดีนี่ นายพูดอะไรกับเขา


เสี่ยวไป๋เอนหลังพิงเบาะ หลุบตาลงเล็กน้อยก่อนจะพิมพ์ตอบอย่างไม่รีบร้อน


[Frost Dragon ❄🐉]


: ไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษ แค่บอกว่านายขอ


ข้อความถูกอ่านแทบจะทันที ก่อนที่อีกฝ่ายจะพิมพ์สวนกลับมา


[Shadow Lord 🕶🔥]


: เขายอมให้เลย?


[Frost Dragon ❄🐉]


: ฉันหล่อ


[Shadow Lord 🕶🔥]


: น่าขำ


[Frost Dragon ❄🐉]


: Casper’ s Pup


[Shadow Lord 🕶🔥]


: ???…



ข้อความสุดท้ายของแคสเปอร์หยุดอยู่ตรงนั้นเพียงครู่เดียว ก่อนที่สายเรียกเข้าจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอ


📞 Casper Calling…


เสี่ยวไป๋เหยียดยิ้มบาง ๆ ขณะเหลือบมองชื่อที่กระพริบอยู่ ราวกับคาดเดาไว้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องโทรกลับมา เขาปล่อยให้เสียงเรียกเข้าดังไปสองครั้ง ก่อนจะกดรับสายด้วยท่าทีสบาย ๆ



📞 สายโทรศัพท์


แคสเปอร์: โอ๊ะ โอ ดูท่าจะคิดถึงฉันมากเลยนะ ถึงรับสายเร็วขนาดนี้


เสี่ยวไป๋: ก็แค่ไม่อยากให้เสียงเรียกเข้ามันกวนหู


แคสเปอร์: แหม เย็นชาตลอด… ว่าแต่ เจบีเป็นไงบ้าง?


เสี่ยวไป๋: ยังมีชีวิตอยู่


แคสเปอร์: แค่นั้น?


เสี่ยวไป๋: อืม


แคสเปอร์: โอเค~ แล้วเขาโอเคดีใช่ไหม?


เสี่ยวไป๋: ดูเหนื่อย ๆ ตัวอุ่น ๆ แต่เดินขึ้นโรงแรมเองได้


แคสเปอร์: นายปล่อยให้เขาไปคนเดียว? โห ใจร้ายชะมัด


เสี่ยวไป๋: ก็ไม่ได้ร้องขอให้ฉันไปส่งถึงเตียง


แคสเปอร์: หึหึ นี่อย่าบอกนะว่า… นายใจดีขึ้นมานิดนึงแล้ว?


เสี่ยวไป๋: คิดไปเอง


แคสเปอร์: เฮ้อ ถ้านายจะทำตัวเป็นพี่เลี้ยงเด็กก็บอกได้นะ ฉันจะจ้างเป็นพิเศษ


เสี่ยวไป๋: ไม่รับงานประเภทนี้


แคสเปอร์: แน่ใจ? นายดูลงทุนเปลี่ยนรถเพื่อเขาเลยนะ


เสี่ยวไป๋: นายเป็นคนขอเอง


แคสเปอร์: แต่นายก็ยอมเปลี่ยน แถมขับเองอีกต่างหาก😌


เสี่ยวไป๋:


แคสเปอร์: โอ๊ะ เงียบ


เสี่ยวไป๋: แค่ขี้เกียจเถียง


แคสเปอร์: ไม่คิดจะรับงานพี่เลี้ยงเด็กจริง ๆ เหรอ?


📲 สายถูกตัดโดยเสี่ยวไป๋



แคสเปอร์กระพริบตา มองหน้าจอโทรศัพท์ที่ขึ้นว่า "สายถูกตัดโดยคู่สาย" แล้วหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ เขาส่ายหัวขำ ๆ ก่อนจะพิมพ์ข้อความส่งไปหาเสี่ยวไป๋


แคสเปอร์: ใจร้ายจัง ไม่อยากคุยกับฉันแล้วเหรอ? 😘


เสี่ยวไป๋มองข้อความที่เด้งขึ้นมาแต่ไม่ได้ตอบกลับ เขาแค่โยนโทรศัพท์ลงข้างตัว แล้วเคาะพวงมาลัยเบา ๆ ก่อนจะกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย


"พี่เลี้ยงเด็ก?" เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ "ไม่น่าสนใจ"… แต่ถ้าเป็นเด็กคนนี้ อาจจะพอมีอะไรให้เล่นอยู่บ้าง" 😏




เชิงอรรถ
  • ^Casper’s Pup แปลว่า "ลูกหมาของแคสเปอร์" หรือ "เด็กของแคสเปอร์"เป็นคำที่ กวน ๆ ขี้เล่น ใช้ล้อหรือหยอกว่าเจบีเป็น "เด็กน้อย" หรือ "ลูกหมา" ที่อยู่ในความดูแลของแคสเปอร์ อาจสื่อถึงการแซวว่า "เป็นของฉันนะ" หรือ "ยังไงนายก็อยู่ในมือฉัน"



**********************************
ชอบใครเป็นพิเศษมั้ยเอ่ย
ฝากให้กำลังใจคนเขียนด้วยนะ
ตอนหน้าอาจจะได้รู้จักพระเอกอีก 3 คน มากขึ้น
แค่สองคนนี้ก็รวยจนใจเจ็บแล้ว555




นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
40615
Zenny
34087
ออนไลน์
2065 ชั่วโมง
โพสต์ 3 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด

นายกสโมสร

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
244134
Zenny
98925
ออนไลน์
18292 ชั่วโมง
โพสต์ 3 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
สนุกมากครับ

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
7712
Zenny
4624
ออนไลน์
436 ชั่วโมง
โพสต์ 3 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
ดีๆๆ

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
6633
Zenny
2178
ออนไลน์
752 ชั่วโมง
โพสต์ 3 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
ชอบๆ สนุก

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
40865
Zenny
22779
ออนไลน์
2730 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 09:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สุดยอด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
29492
Zenny
1998
ออนไลน์
2334 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 10:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2025-3-4 00:43 , Processed in 0.091334 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้