สะพานขาว
สะพานขาว เป็นสะพานที่สร้างขึ้นในเขตมหาวิทยาลัยขอนแก่นใกล้ๆกับคณะเทคโนโลยี ประวัติของสะพานขาวถือเป็นเรื่องเล่าที่สืบต่อกันมานานในหมู่นักศึกษาถึงความเฮี้ยน ประกอบกับบรรยากาศโดยรอบสะพานขาวนั้นมีป่ารกและไม่ค่อยมีแสงไฟทำให้ความน่ากลัวเพิ่มขึ้นทวีคูณ ประวัติสะพานขาวนั้นเล่าว่า สะพานขาวในสมัยก่อนเป็นที่ฝังศพของพวกคอมมิวนิสต์ หลังจากนั้น พอมีการตั้งมหาวิทยาลัยขอนแก่นขึ้นสถานที่ตรงนี้ก็ถูกสร้างเป็นถนนซึ่งใต้ผืนดินนั้นยังมีศพของเหล่าวิญญาณแค้นที่ไม่ได้ไปผุดไปเกิดฝังอยู่ ทำให้เหล่านักศึกษาในยุคนั้นที่สัญจรไปมาผ่านบริเวณนั้นยามค่ำคืนได้ยินเสียงโหยหวนหรือเห็นกลุ่มคนที่กำลังวิ่งเป็นจังหวะเหมือนทหารในตอนดึกๆเป็นประจำ บางครั้งก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยๆ จนทำให้ทางมหาวิทยาลัยต้องสร้างสะพานขึ้นซึ่งยกสูงให้พ้นพื้นดินเพื่อให้ผู้คนที่สัญจรไม่เหยียบย่ำบนผืนดินที่ฝังศพของเหล่าคอมมิวนิสต์ นี่คือเรื่องเล่าในอดีต และเมื่อไม่นานมานี้ก็ปรากฎมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งขับรถผ่านสะพานขาวยามดึกแล้วมีผู้ไม่ประสงค์ดีนำลวดมาขึงไว้กลางสะพาน เมื่อรถของหนุ่มสาวคู่นั้นแล่นมาถึงสะพานขาว ฝ่ายชายมองเห็นลวดก่อนจึงก้มหน้าหลบแล้วนึกว่าฝ่ายหญิงจะเห็น จึงไม่ได้สนใจอะไร ชายหนุ่มยังขับรถต่อไปเรื่อยๆจนไปจอดเติมน้ำมันที่ปั๊มแห่งหนึ่ง และทันทีที่จอดรถ เด็กปั๊มก็ถึงกับอึ้ง พูดไม่ออก เพราะผู้หญิงที่ซ้อนรถมากับชายหนุ่มนั้น "เธอไม่มีหัว" ชายหนุ่มคนนั้นถึงกับช๊อคไปเลยทีเดียว กว่าจะเรียกสติกลับมาได้ สำหรับความเชื่อเกี่ยวกับสะพานขาว เด็กมข.เชื่อว่าหากอธิฐานแล้วกลั้นหายใจวิ่งข้ามสะพานขาวได้ จะสมหวังในสิ่งที่ขอ และหากคู่รักนับเสาสะพานทั้งสองฝั่งได้เท่ากัน จะเป็นเนื้อคูู่กัน (ซึ่งไม่มีทางเท่ากัน เพราะมันไม่เท่ากันแต่แรก = = ) ปัจจุบันยังคนที่เชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะนำน้ำแดงไปเซ่นไหว้อยู่เป็นประจำ
เสาอากาศหอวิทยุประจำมหาวิทยาลัย
สถานีวิทยุของมหาลัยนั้นอยู่ไม่ไกลจากสะพานขาวมากนัก เป็นทางที่ค่อนข้างเปลี่ยว มีแต่ป่า เงียบสงัดและวังเวงมากในยามค่ำคืน เหตุแห่งความสยองนี้อาจารย์ของผมท่านหนึ่งเล่าว่า เมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา มีนักศึกษาคณะวิศวะคนหนึ่งขึ้นไปผูกคอตายบนเสาอากาศนั้น ซึ่งอาจารย์เล่าว่า นักศึกษาคนนี้เป็นเด็กเรียนเก่งมาก ร่าเริง ชอบทำกิจกรรม เพื่อนของเค้าก็บอกว่าไม่น่าเป็นไปได้ เหตุที่ฆ่าตัวตายเพราะปัญหาชีวิต เนื่องจากพี่คนนี้เค้าเป็นเด็กกำพร้า เก็บกดแต่ไม่แสดงออก คืนหนึ่งพี่คนนี้เครียดเรื่องชีวิตจึงชวนเพื่อนไปดื่มเหล้า แต่เพื่อนไม่ไปด้วย จึงน้อยใจว่าเพื่อนไม่รัก เลยถือเชือกเดินไปยังสระพลาสติกซึ่งอยู่ใกล้ๆกันกับเสาวิทยุเพื่อจะฆ่าตัวตาย บังเอิญมีคนสวนอยู่ตรงนั้น ด้วยเพราะลุงแกเป็นคนตรงๆจึงพูดในเชิงว่า อย่ามาผูกคอตายแถวนี้นะ กลัวผีหลอก พี่คนนั้นแกเลยน้อยใจไปใหญ่ (ประมาณว่าจะตายอยู่แล้วยังเป็นภาระคนอื่น เหมือนชีวิตไม่มีค่า) แกจึงปีนขึ้นไปผูกคอตายยังเสาวิทยุ คืนนั้นฝนตกหนักมาก ตอนเช้ามีคนเห็นศพแกห้อยโตงเตงอยู่บนเสาวิทยุ เจ้าหน้าที่ที่ขึ้นไปเก็บศพบอกว่าขนาดฝนหยุดไปแล้วยังปีนได้ลำบากเพราะมันลื่นมาก กว่าจะเอาศพลงมาได้ก็นานพอสมควร หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พบจดหมายลาตายซึ่งแต่งเป็นกลอนกล่าวว่า....".จะกี่เดือนกี่ปีกี่พ.ศ. จะขอรออยู่ที่นี่ไม่ไปไหน จะขออยู่ที่นี่ตลอดไป ขอฝากใจไว้ที่มอขอ,",,,,!!!..
หอ16
เป็นหอในเพียงพอเดียวที่ไม่ได้รับการซ่อมแซมและปล่อยให้ทิ้งร้าง ถึงจะอยู่ในเขตที่ผู้คนแออัด แต่หอ16 สำหรับเด็กมข.แล้ว ถ้าไม่จำเป็นที่ต้องผ่านยามค่ำคืน จะไม่ผ่านโดยเด็ดขาด เรื่องเล่าของหอนี้มีอยู่ว่า ช่วงรับน้องของแต่ละคณะ หลังเข้าเชียร์เสร็จตอนดึกพี่ๆจะไปส่งน้องใหม่กลับหอ ก่อนหน้านั้นก็จะสอบถามว่าน้องคนไหนอยู่หอไหนบ้าง จนเมื่อมีน้องคนหนึ่งตอบว่าอยู่หอ16 รุ่นพี่ทุกคนต่างอึ้งและพูดไม่ออก ก็เลยถามน้องคนนั้นว่าแน่ใจนะว่าหอ16 น้องคนนั้นก็บอกแน่ซะยิ่งกว่าแน่ เพราะช่วงมาหาหอพักก็เดินเข้ามาหอนี้แล้วมีรุ่นพี่ในหอเทคแคร์อย่างดี ของก็เก็บไว้ในหอหมดแล้ว และพักมาได้หลายคืนแล้ว รุ่นพี่ทุกคนต่างก็อึ้งแล้วบอกว่าให้น้องไปนอนที่ห้องพี่ก่อนแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยกลับหอ น้องคนนั้นก็ตกลง พอเช้าตรู่ รุ่นพี่ก็พาน้องคนนั้นมาที่หอ16 ปรากฏว่าหอที่น้องเล่าเมื่อคืนนั้นมันรกร้าง ไร้ผู้คน มีต้นไม้ขึ้นปกคลุม มีแผ่นไม้ตอกตะปูปิดตายประตูหน้าต่างห้องพักและทางเข้า น้องคนนั้นอึ้งไปพักใหญ่ จากนั้นรุ่นพี่ก็ช่วยกันแงะไม้กระดานเพื่อไปยังห้องพักของน้องคนนั้น ปรากฎว่าข้าวของยังอยู่ครบและถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ แต่สภาพห้องนั้นแทบดูไม่ได้ มีฝุ่นเยอะมาก หยากไย่เต็มเพดาน เตียงแลดูเก่าเต็มทน หลังจากนั้นไม่นาน น้องใหม่คนนั้นก็ลาออกจากมหาลัยไป ปัจจุบันหอ16ยังไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไปในยามค่ำคืน
,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,ประสบการณ์ตรงจากสะพานขาว,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,
วันหนึ่งในฤดูหนาว ผมขับรถจักรยานยนต์ไปกับเพื่อนเพื่อไปทำธุระ เส้นทางที่ผมจะไป ใกล้ๆกับเส้นสะพานขาว และด้วยความอยากลองของ ก็เลยแวะขี่ไปยังสะพานขาว ตอนนี้จำได้ว่าเวลาตี2กว่าๆ อากาศหนาวมาก ผมจึงขับรถช้าๆเพื่อจะได้ไม่หนาวมาก เมื่อมาถึงสะพานขาวผมกับเพื่อนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรผมก็ขับไปเรื่อยๆจนมาถึงช่วงกลางสะพานผมก็สังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงยืนอยู่ป่าข้างสะพานขาว เธอยืนยิ้มมาที่ผมกับเพื่อน ผมตกใจมาก แต่ก็ไม่พูดอะไร ตอนนั้นผมก็คิดว่าผมเห็นคนเดียวเลยไม่กล้าพูดอะไรมากและบวกกับความตกใจทำให้ผมคิดว่าเงียบเสียจะดีกว่า และทันใดนั้นเองก็มีเสียงผู้หญิงพูดมาดังมากว่า"กูรู้ว่ามึงเห็น" เท่านั้นแหละครับ บิดจนแฮนด์รถจะหลุด ไม่สนอีกแล้วว่าใครจะได้ยินใครจะเห็นไม่เห็น นาทีนั้นรถล้มก็ไม่กลัว มาตั้งสติได้ก็ตอนอยู่สนามฟุตบอลของมอ ก็เลยหันมาถามเพื่อนว่า แกเห็นอย่างที่เค้าเห็นไหม มันบอกเลยว่า อย่าได้สาธยายถ้าเป็นมันมันบิดตั้งแต่เห็นแล้ว ไม่ต้องรอให้ได้ยินเสียงหรอก ,,เหอะๆๆ ....นอกจากสามที่ที่กล่าวมา ยังมีอีกหลายเรื่องเล่าของชาวมอดินแดงที่เล่าสืบต่อกันมา ถ้ามีเวลาว่างจะโพสอีกนะครับ ขอบคุณมากครับที่เข้ามาอ่าน มือใหม่หัดเขียน ผิดพลาดยังไงแนะนำด้วยนะครับ |