เครื่องบินแบบเดียวกับเครื่องบินทั้ง 5 ลำ ของฝูงบินที่ 19 ที่หายสาบสูญไปทั้งฝูง พร้อมทั้งชีวิตนักบินและพลเรือนประจำ เครื่องรวม 14 นาย
ในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 1945
เครื่องบินแบบ kc 135 ของกองทัพอากาศสหรัฐได้หายไป 2 เครื่องในเวลาเดียวกันเมื่อเดิน สิงหาคม 1963
อุบัติการณ์ ลึกลับที่ไม่อาจให้คำอธิบายได้
ที่เกี่ยวกับการสาบสูญของเรือเดินสมุทร และ เครื่องบินเป็นจำนวนมาก
ในดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาก็ยังคงเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ได้ขาด
จนกระทั่งในปัจจุบัน ทุกครั้งที่ได้รับรายงานการสูญหาย
หน่วยยามฝั่งที่เจ็ด ของกองทัพเรือสหรัฐ
จะทำการค้นหาร่องรอยอย่างละเอียดละออ
แต่ก็ประสบความ ล้มเหลวที่จะพบพยานหลักฐาน
ซึ่งจะนำไปสู่การไขปัญหาลึกลับนี้ได้ทุกครั้ง
และในที่สุดกองทัพเรือสหรัฐก็ได้เก็บเรื่องเหล่านี้ไว้เป็นความลับ
ไม่ยอมเปิดเผยหรือให้คำวิจารณ์ใดๆ แก่ประชาชน ที่อยากรู้อยากเห็น
ว่า อุบัติการณ์ ลึกลับเหล่านั้น
เกี่ยวข้องกับความอาถรรพ์ของดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาหรือไม่
แต่ทั้งๆ ที่กองทัพเรือสหรัฐพยายามจะปกปิด เรื่องราวเหล่านี้ไว้
ประชาชนทั่วไปก็เริ่มรู้ระแคะระคาย ต่างๆ
และเชื่อว่า จะต้องมีแรงอาถรรพ์ หรือพลังอำนาจอันลึกลับ อย่างหนึ่งอย่างใด
ภายในบริเวณ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาอย่างแน่นอน
และยิ่งปรากฏว่าเมื่อเร็วๆนี้ได้มีข่าวรายงานว่ามีนักบิน และนักเดินเรือบางคน
ได้รอดชีวิตมาจากปรากฏการณ์สยองขวัญ
ในดินแดนของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
จึงทำให้ เกิดการฮือฮากันใหญ่ในขณะนี้
แต่อย่างไรก็ดีจวบจนกระทั่งบัดนี้หาได้มีผู้ใดที่สามารถให้คำอธิบายแจ่มชัด
เกี่ยวแก่ความลึกลับ และความอาถรรพ์ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาได้
และการสาบสูญ ก็ยังคงปรากฏอยู่ต่อไป โดยไม่มีทางป้องกันหรือขัดขวางได้
วิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยหลักการ
ในบางกรณี
หากวิเคราะห์ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการหาบสาบสูญของเรือเดินสมุทร
และเครื่องบินในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
จะพบว่าหาเป็นเรื่องประหลาดลึกลับแต่อย่างใดไม่
เพราะเครื่องบินแต่ละลำ
เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับความกว้างใหญ่สุดคณานับของพื้นมหาสมุทรโลกแล้ว
ก็เปรียบเสมือนฝุ่นละอองที่ล่องลอย อยู่ในห้องโถงใหญ่
น้ำในมหาสมุทรก็ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่
แต่มีการเคลื่อนไหว
กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม มีอัตราความเร็วกว่าสี่ไมล์ต่อชั่วโมง
ในท้องทะเลนอกฝั่งบาฮามัส
มีสิ่งแปลกประหลาดอยู่สิ่งหนึ่งที่นักประดาน้ำ มักจะพบเห็นอยู่บ่อย ๆ
ซึ่งพวกเขาเรียกว่า "ปล่องน้ำเงิน" จะปรากฏอยู่ตามหุบผาใต้น้ำ
และ
แหล่งหินประการัง มีลักษณะเป็นอุโมงค์หรือปล่องใต้ทะเล
โดยทั่วไปเป็นที่อยู่ของปลาที่ไม่ค่อยได้พบกันที่ผิวน้ำ
ปล่องเหล่านี้เชื่อว่า เกิดจากถ้ำหินประการังถูกกัดกร่อน
ด้วยกระแสน้ำใต้ทะเลมาเป็นเวลานับหมื่นปี
เคยมีนักประดาน้ำดำลงไป สำรวจปล่องต่างๆ นี้
พบว่าปล่องจำนวนมากต่างมีทางแยกออกไปในหลายทิศทาง
ทำให้ปลาที่ว่ายวนอยู่ในนั้นเกิดสับสนถึงกับว่ายเอาครีบท้องขึ้นสู่เบื้องบน
ยิ่งกว่านั้นยังพบว่า
กระแสน้ำไหลเชี่ยวแรงเข้าสู่ส่วนลึกคล้ายถูกดูดด้วยกำลังอันมหาศาล
ซึ่งเป็นอันตราย ต่อนักประดาน้ำมาก
และลักษณะการณ์เช่นนี้ทำให้น้ำบริเวณปากปล่องไหลวนเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว
ก่อให้เกิดการหมุนเป็นกรวยเหนือพื้นน้ำในลักษณะของวังน้ำวน
ซึ่งสามารถจะดึงดูดเรือเล็กพร้อมด้วยคนบนเรือ ลงสู่ก้นอย่างรวดเร็ว
อีกทฤษฏีหนึ่ง เป็นทฤษฏีเกี่ยวกับลมพายุทอนาโด
ซึ่งเกิดเป็นครั้งคราว จะกวาดเรือและเครื่องบิน
ให้จมลงสู่ก้นมหาสมุทรได้ไม่ยาก
พายุทอร์นาโดเป็นพายุหมุนปั่นเอาน้ำทะเลหมุนเป็นเกลียวสูงนับร้อยๆ ฟุตกลางอากาศ
และหากมันเกิดตอนกลางคืน
เครื่องบินที่บินอยู่ระดับต่ำอาจถูกกระแทกตกลงสู่ทะเลได้
ก็เพราะนักบินไม่สามารถจะมองเห็นได้ในระยะไกล
ส่วนเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่จมหายนั้น
เชื่อว่าอาจจะเกิดจากกระแสคลื่นมหึมา
ที่เป็นผลมาจากแผ่นดินไหวใต้ทะเลก็ได้
เพราะคลื่นที่เกิดจากปรากฏการณ์เช่นนี้จะมีความสูงร่วมร้อยฟุตเลยที่เดียว
ปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่อาจเป็นอันตรายต่อเครื่องบินได้ คือ
การผันแปรของอากาศอย่างทันทีทันใด
ที่เรียกกันว่า "แค๊ท (Cat - clear air turbulenec)"
โดยทั่วไปแล้ว "แค๊ท" จะเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่อาจจะคาดคะเน
หรือทำการพยากรณ์ได้เช่นเดียวกับลักษณะภูมิอากาศ
โดยทั่วไปมันจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลาและทุกสภาวะอากาศ
สาเหตุของปรากฏการณ์นี้ยังไม่ทราบกันแน่ชัด
แต่เชื่อกันว่าหากมันเกิดขึ้นขณะที่กระแสลมพัดแรงและรวดเร็ว
จะทำให้เกิดสูญญากาศบริเวณนั้นทันที
ซึ่งหากเครื่องบินได้บินเข้าสู่บริเวณของมันก็อาจจะตกดิ่งสู่ทะเลได้ง่าย
แต่อย่างไรก็ดี การผันแปรวิปริตของบรรยากาศทันทีทันใดในลักษณะเช่นนี้นั้น
จะต้องไม่ใช่สาเหตุการหายสาบสูญ ของเครื่องบินทุกลำ
ในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นแน่
เพราะปรากฏการณ์ "แค๊ท"
จะไม่เป็นผลต่อการทำงานของเครื่องวัดต่างๆ
และระบบการติดต่อทางวิทยุบนเครื่องบิน
แต่ทุกครั้งที่เกิดเหตุ จะปรากฏว่าการติดต่อทางวิทยุได้เงียบหายไป
การแปรผันของสนามแม่เหล็กโลก
ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตกได้เช่นเดียวกัน
เพราะมันจะทำให้เกิดการผิดพลาด
ในการทำงานของเครื่องวัดระดับ และเข็มทิศประจำเครื่อง
ในกรณีเช่นนี้นักบินไม่มีความสามารถพอ
ก็อาจจะนำเครื่องบินดิ่งลงสู่มหาสมุทรได้
ยิ่งกว่านั้นปรากฏการณ์ต่างๆ ทางธรรมชาติอีกมากมาย
ที่เราไม่อาจจะอธิบาย-หรือทราบสาเหตุของมันได้