ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 647|ตอบกลับ: 9

++ กว่าจะรู้ว่ารัก ++ @ 10- 12 ภาค 3

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว


“เอาเถอะๆ ตอนนั้นคุณก็บังคับเรามากเกินไป อีกอย่างคุณยังคิดว่าเราจะไม่เรียนต่อด้วยซ้ำแค่รู้ว่าเราตั้งใจเรียนก็ดีใจแล้ว”
“คุณครับ น้องยังมีเรื่องต้องรบกวนคุณอีกแล้วล่ะครับ เรื่องบ้านหลังนี้ที่ติดจำนองกับพี่ชายคุณป๋า”ผมค่อยๆ เข้าประเด็น
“เอาอย่างนี้นะถ้าว่างเมื่อไหร่มาค้างที่บ้าน แล้วเราจะได้ปรึกษากันได้ถนัดๆหน่อย ดีมั้ย?”
“ก็ดีครับต้องรบกวนด้วยนะครับ” ผมตอบไปอย่างเกรงใจสุดๆ

“ไม่ต้องคิดมากหรอกบ้านนี้ต้อนรับเราเสมอนะลูก”
ตอนที่ 10 การต้อนรับกับความช่วยเหลือ
ผมเดินจากหน้าปากซอยไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย แม้ว่าผมจะไม่ได้กลับมาที่นี่เป็นเวลากว่า 5 ปี แต่สิ่งที่เคยเห็นมาตลอด 10 กว่าปี
ยังคงอยู่ในความจำจดได้อย่างชัดเจน แต่ละก้าวของผมเป็นไปอย่างไม่รีบร้อนไม่ใช่ว่าจะอยากซึมซับบรรยากาศอะไรหรอกครับ
แต่เพราะลึกๆในใจผมยังอดหวั่นไม่ได้ว่าจะพบกับท่าทีแบบไหนของคุณหญิงน้า คงเพราะที่ผ่านมามีความทรงจำกับที่นี่ไม่ดีนัก
“มาแล้วเหรอลูก คุณกำลังเตรียมห้องหับไว้ให้ อืม ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ เหนื่อยมั้ยไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะ”
คุณหญิงน้าทักทายขึ้นอย่างเป็นกันเองหลังจากที่ผมเดินเข้าไปในบ้านและยกมือไหว้ทักทายท่านแล้ว
“ไม่เหนื่อยหรอกครับ คุณเลยต้องมาเหนื่อยเพราะน้องมา จริงๆ น้องนอนห้องเดิมก็ได้ครับ”
“อย่าเลยลูก เราโตแล้วนะจะไปนอนอุดอู้ห้องเล็กเหมือนแต่ก่อนได้ไง เอาล่ะไปดูห้องที่คุณเตรียมไว้ก่อน”
คุณหญิงน้าพาผมเดินเข้าไปในบ้านและสั่งให้เด็กรับใช้ที่จ้างมาทำงานเฉพาะช่วงกลางวันเสาร์-อาทิตย์รับกระเป๋าผมไปถือไว้
“คุณทานข้าวหรือยังครับ มาเหนื่อยเตรียมอะไรไว้ให้น้องมากมาย คงหิวแล้ว” ผมถามเพราะคิดว่านี่ก็สายมากแล้ว
“ทานมื้อเช้าไปแล้วล่ะ แต่เราไปพักผ่อนก่อนนะ เที่ยงๆบ่ายๆ ค่อยมาทานพร้อมคุณอีกที” คุณหญิงน้าพาเดินมาถึงห้องนอนใหม่
“ชอบมั้ยลูก คุณให้ช่างมาติดแอร์ตัวใหม่ แล้วเปลี่ยนเตียงกับเฟอร์นิเจอร์ให้ด้วยของเก่าคุณเห็นว่ามันผุแย่แล้ว” นี่คืออีกสิ่งที่ผมรู้
“ขอบคุณครับ น้องต้องมารบกวนคุณ แล้วยังมาเป็นภาระให้คุณต้องจัดแจงอะไรมากมาย ไม่รู้จะพูดยังไงดี” ผมรีบยกมือไหว้
“บ้านนี้ต้อนรับเราเสมอ อย่าลืมว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันมาเป็นสิบๆปี คุณเองก็เคยละเลยเรามามาก คุณก็อยากชดเชย”
“คุณไม่ต้องชกดเชยอะไรเลยครับ น้องเองตะหากที่ละเลยน้ำใจและความหวังดีที่คุณมีให้ น้องขอโทษครับ” ผมพูดทั้งน้ำตา
หลังจากที่เปิดใจคุยกันพอประมาณแล้ว คุณหญิงน้าก็ให้ผมไปอาบน้ำและนอนพักในห้องใหม่ที่เตรียมให้จนถึงถึงช่วงบ่าย
เมื่อตื่นมาล้างหน้าล้างตาก็มานั่งทานข้าวกับคุณหญิงน้า ระหว่างทานข้าวก็พูดคุยกันหลายเรื่องทั้งเรื่องเก่าและเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้น
เมื่อทานอิ่มแล้วก็ไปนั่งคุยกันที่ห้องรับแขก คุณหญิงน้ารีบถามว่าผมต้องการให้ท่านช่วยเหลืออะไรบ้างเกี่ยวกับเรื่องหนี้สินที่มี
ผมบอกว่าก่อนอื่นผมต้องไปคุยกับลุงวิชิตซึ่งผมไม่เคยไปบ้านเค้า จะให้นายแม่หรือพี่ชายพาไป ก็ไม่มีใครยอมไปด้วยซักคน
คุณหญิงน้าบอกว่าจะให้เพื่อนหาเบอร์โทร.และสืบดูบ้านของลุงวิชิตให้ แล้วก็จะเป็นคนพาผมไปหาลุงวิชิตเพื่อผมจะมีกำลังใจ
ส่วนเรื่องจำนวนเงินเท่าไหร่ หรือจะหามาจากไหนก็รอไว้เจอกับลุงวิชิตก่อน เมื่อได้ข้อมูลเรียบร้อยก็มาหาทางแก้ไขกันต่อไป
สิงที่คุณหญิงน้าขอจากผมก็คือ ขอให้ผมออกหน้าไปพูดคุยกับลุงวิชิตเพราะยังไงผมก็เป็นหลานไปพูดเองน่าจะดีกว่า แต่ถึงยังไง
คุณหญิงน้าก็จะคอยให้ความช่วยเหลือเรื่องอื่นๆ อยู่เบื้องหลัง ไม่ปล่อยให้ผมต้องเผชิญปัญหาเพียงลำพัง ถ้าผมสู้ท่านก็จะช่วยผม
“เรื่องหนี้สินที่คุณป๋ากับนายแม่เราสร้างน่ะมีมากกว่านี้เยอะ แต่เพราะได้เงินก้อนจากลุงวิชิตมาช่วยล้างหนี้เก่าไงถึงต้องเอาบ้าน
ไปจำนองไว้กับเค้า ตอนที่ลุงวิชิตเค้าทวงหนักๆ เมื่อหลายปีก่อนตอนนั้นเราก็ยังอยู่บ้านนี้กับคุณ แต่คุณเห็นว่าเรายังเด็กก็ไม่เล่า
ก่อนหน้านี้พี่ชายเราบอกคุณว่าจะไปเจรจากับลุงวิชิตเรื่องผ่อนหนี้ แต่ต้องมีเงินไปใช้ให้เค้าก้อนแรกอย่างน้อย 3 แสนบาทซะก่อน
คุณก็เลยเอาเงินก้อนของคุณให้ไป นี่คุณไม่ได้พูดเอาบุญคุณนะแต่คุณเห็นว่าไหนๆเราก็จะออกหน้ารับผิดชอบเรื่องนี้ก็ควรจะรู้
ทีนี้นานๆไปทั้งพี่ชายกับนายแม่เราก็บอกคุณว่าเค้าจะจัดการกันไปเอง พี่ชายเราก็ว่าจะไปกู้ธนาคารมาใช้หนี้ให้ลุงเค้า ทางแม่เรา
ก็บอกว่าจะเอาเงินรายได้จากที่ร้านผ่อนเป็นค่าดอกเบี้ย นี่ผ่านมาเกือบ 6 ปีแล้วยังไม่มีให้เค้าเลยเหรอ ก็สมควรที่เค้าจะทวงแล้ว”
สิ่งที่คุณหญิงน้าพูด ผมได้รับความกระจ่างมากขึ้นและนึกออกถึงท่าทีของลุงวิชิตที่บุกมาค้นข้าวของในบ้านผมอย่างไม่เกรงใจ
และการพี่ชายกับนายแม่ไม่อยากไปพบลุงวิชิต เป็นเพราะไม่ได้ทำตามที่ตกลงกับลุงวิชิตไว้นี่เอง แต่ก็ไม่น่าหนีปัญหาแบบนี้เลย
“น้องรับปากว่าน้องจะไม่ถอยครับ ต่อให้เค้าด่าว่าดูถูกยังไงน้องก็จะอดทน จะเดินหน้าต่อไปเพื่อให้ทุกบาททุกสตางค์ที่คุณช่วย
ทั้งที่ผ่านมาและต่อไปไม่เสียเปล่าอีกแล้ว น้องจะเอาบ้านหลังนี้คืนมาให้ได้ ถ้าคุณยินดีช่วยน้องจะไม่ทำให้คุณผิดหวังเลยครับ”
ผมรับปากด้วยความเต็มใจและเต็มตื้น ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าที่ผ่านมาคุณหญิงน้าเคยช่วยเหลือครอบครัวของผมไว้หลายครั้ง
รวมทั้งคุณป๋ากับนายแม่และญาติผู้ใหญ่ทุกท่านต่างก็เลี้ยงดูผมโดยไม่เคยให้ได้รับความลำบากใดๆผมตั้งใจว่าต่อไปนี้ผมจะดูแล
ทุกคนในบ้านของผมบ้าง เพราะผมมีชีวิตมาถึงวันนี้ได้ก็เพราะความรักและความหวังดีและการช่วยเหลือของทุกคนอย่างแท้จริง
ตอนที่ 11 อดทนในวันที่ฝนพรำ
เมื่อได้รับทั้งกำลังใจและกำลังสนับสนุนทางการเงินจากคุณหญิงน้าแล้ว ผมก็ตัดสินใจโทรศัพท์ไปหา ลุงวิชิตที่บ้านทันที
เพื่อขอเป็นตัวแทนทางบ้านเจรจาเกี่ยวกัลหนี้สินที่ติดค้างกันมานานกว่า 20 ปี ต้องบอกก่อนว่าผมยังคงเป็นคนขี้ขลาดคนเดิม
อย่างที่เคยเล่าไปคราวก่อนๆ ว่ากรณีใดๆ ก็ตามที่ผมเห็นว่ายุ่งยากวุ่นวาย ผมจะพยายามเลี่ยงให้ไกลที่สุด ผมก็ยังไม่ได้เปลี่ยน
เป็นคนเข้มแข็งกล้าหาญภายในเวลาสั้นๆ นี้หรอกครับ เพียงแต่สถานการณ์มักสร้างวีรบุรุษเสมอ (โห….ผมเว่อร์ไปป่ะเนี่ย)
แต่ในภาวะที่ไม่มีใครอยากเผชิญปัญหา คนที่รู้ปัญหาดีก็ถอดใจไปกันหมด ผมก็ต้องพยายามบอกให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมา
อีกอย่าง คุณหญิงน้าพร้อมจะช่วยผมในส่วนที่ผมไม่มีปัญญาทำได้นั่นคือหาเงินเป็นล้านมาผ่อนใช้หนี้ให้ลุงวิชิตภายในสิ้นปี
สิ่งที่คุณหญิงน้าต้องการให้ผมทำจึงเป็นเรื่องที่ไม่เกินไปกว่าที่ผมจะทำได้ ก็แค่ติดต่อพูดคุยกับลุงวิชิตอย่างนอบน้อมเจียมตัว
ทำไมเหรอครับ? คุณหญิงน้าบอกว่าถึงเรามีเงินไปให้เค้าแต่ถ้าเราไปแบบยะโสโอหัง(เหมือนที่พี่ชายกับนายแม่เคยทำมาแล้ว)
ลุงวิชิตซึ่งถือไพ่เหนือกว่า อาจจะหมั่นไส้ไม่ฟังเหตุผลและแกล้งเราด้วยการไม่ยอมให้ใช้หนี้แต่จะบีบบังคับเอาตัวบ้านให้ได้
ถึงตอนนั้นต่อให้มีเงินเป็นล้านไปกองตรงหน้าเค้า เราก็คงไม่มีโอกาสไถ่บ้านที่ติดจำนองออกมาได้ ยังไงตอนนี้ก็ต้องยอมๆเค้า
“ฮัลโหล อ่อเธอเองเหรอ โทร.มานี่มีธุระอะไรล่ะ”
ลุงวิชิตตอบกลับมาแบบห่างเหิน
“คือ น้องอยากขอเข้าพบลุงวิชิตน่ะครับเรื่องเงินไถ่บ้าน”
ผมพยายามพูดอย่างสุภาพแต่ก็ตรงประเด็น
“ฮ่าๆ เด็กอย่างเธอจะมาพบลุงทำไมกัน รึเดี๋ยวนี้พี่ชายกับนายแม่เธอสิ้นท่าถึงขนาดต้องให้เธอมาต่อรองเองเลยรึไง”
ลุงวิชิตถามเสียงเยาะเย้ย คล้ายกับว่าคนในครอบครัวผมหาเกียรติและความน่าเชื่อถือจากใครไม่ได้แม้สักคน
“น้องเองเพิ่งทราบเกี่ยวกับเรื่องบ้านที่ติดจำนองครับ แล้วทราบดีว่าทางฝ่ายของน้องผิดคำพูดเอง ก็เลยอยากเข้าไปกราบคุณลุง
ทั้งเพื่อจะกราบขอบคุณที่เคยช่วยเหลือครอบครัวน้องและอยากไปกราบขอโทษแทนคุณป๋านายแม่พี่ชายที่ผิดคำพูดกับคุณลุง”
ผมข่มใจอย่างที่สุดและพูดอย่างนอบน้อมถ่อมตัว ยอมรับข้อผิดพลาดทั้งหมดที่ผ่านมา
“ก็เอาสิ อยากมาก็มา แล้วพ่อแม่พี่ชายเธอน่ะจะมาด้วยมั้ย รึว่าไม่กล้ามสู้หน้าลุงซะแล้ว ก็อย่างว่านะพวกไม่มีสัจจะก็แบบนี้”
ลุงวิชิต ใช้น้ำเสียงเหมือนเป็นเจ้าใหญ่นายโตที่เต็มไปด้วยคุณงามความดีเสียเต็มประดา
“น้องจะไปกับคุณน้าน่ะครับ ท่านจะเป็นคนช่วยเหลือด้านเงินทองโดยน้องจะเป็นคนรับภาระนี้แทนทุกๆคนในครอบครัว”
“เฮ้ย อย่าเพิ่งพูดไปไกลเลย เอาเป็นว่ามาตกลงกันก่อนเหอะ ดูจำนวนเงินที่ต้องใช้หนี้ซะก่อนว่าเธอจะรับผิดชอบไหวมั้ย”
“ครับ ได้ครับแค่คุณลุงจะเมตตาให้น้องไปพบก็เป็นพระคุณมากแล้ว ขอบคุณครับ สวัสดีครับ”
ผมข่มอารมณ์เต็มที่ก่อนวางสาย
สิ้นเดือนสิงหาคม ปีพ.ศ.2554 ผมและคุณหญิงน้าไปพบกับลุงวิชิตที่บ้านของเค้า กว่าจะได้พบก็รอนานเป็นชั่วโมงเชียวครับ
เด็กรับใช้ที่ออกมาต้อนรับผมกับคุณหญิงน้าเทียวไปเทียวมาเพื่อบอกว่าเจ้านายของเค้ายังติดธุระสารพัดอย่าง เซ็งครับแต่ก็ทน
จนเมื่อได้ฤกษ์ดี (ของลุงวิชิต) เค้าก็เดินออกมายิ้มแย้มต้อนรับราวกับเพิ่งทราบว่าผมกับคุณหญิงน้ามารอพบสักประเดี๋ยวนี้เอง
“ดื่มน้ำดื่มท่ากันก่อนนะ แป้นไปเอากาแฟร้อนๆมาเสริฟคุณๆสิแล้วขนมอบด้วยนะ”
ลุงวิชิตสั่งเด็กรับใช้อย่างอารมณ์ดี
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดิฉันกับหลานจะมาพูดธุระก็ต้องรีบกลับแล้ว เกรงว่าเย็นกว่านี้รถจะติดค่ะ”
คุณหญิงน้าปฏิเสธเรียบๆ
“ไม่เป็นไรไม่ได้หรอกครับ เป็นธรรมเนียมน่ะครับ แล้วนี่ก็ได้เวลาน้ำชาของที่บ้านผมพอดี คุณป๋าเธอไม่ยึดธรรมเนียมรึนิว”
น้ำเสียงของลุงวิชิตช่างเยาะหยันไม่ต่างจากสายตาที่มองแลมาอย่างดูแคลน
“เอ่อ…. คือที่บ้านน้องสบายๆนะครับ เวลาไม่ตรงกันก็เลยไม่ได้ยึดเป็นธรรมเนียมอย่างที่นี่”
ผมแก้เก้อทั้งที่หน้าชาสุดๆ
“ก็คงอย่างนั้น คุณป๋าเธอน่ะเป็นลูกคนเล็กไม่ใคร่จะใกล้ชิดเจ้านาย และเจ้าคณปู่เธอก็ตามใจมาแต่เล็ก ก็คงไม่เอาธุระเรื่องนี้”
“ครับ” ผมตอบรับสั้นๆ นึกถึงคำพูดของพี่ชายที่ว่าลุงวิชิตชอบใช้วาจาเหยียดๆคุณป๋า คงประมาณนี้ล่ะมั้งหรือจะมีมา

อีกล่ะเนี่ย
หลังจากของว่างถูกนำมาวางเรียบร้อย ลุงวิชิตก็เอ่ยปากให้ทานไปคุยไป และคุณหญิงน้าก็เป็นฝ่ายออกปากเรื่องหนี้สินที่ค้างอยู่
แม้ว่าคุณหญิงน้าจะพอมีเงินก้อนสำหรับใช้หนี้ให้ลุงวิชิต แต่คุณหญิงน้าบอกผมว่าจะผ่อนให้เค้าดีกว่า เพื่อเค้าจะได้ไม่คิดว่าเรามี
เงินมากมายไม่อย่างนั้นเค้าอาจจะเรียกค่าดอกเบี้ยฝ่ายเราสาหัส จากนั้นผมบอกลุงวิชิตว่าผมจะทำงานพิเศษหาเงินมาช่วยใช้หนี้
“อ้อ แล้วเธอจะทำงานอะไรล่ะหางานพิเศษได้รึยัง ถ้าไงก็มาทำงานกับลุงก็ได้นะ”
ลุงวิชิตซักถามผมด้วยท่าทีอ่อนโยนกว่าเดิม
“ตอนนี้น้องก็สมัครงานไว้บ้างแล้วครับ ก็เป็นพนักงานเสริ์ฟแบบพาร์ทไทม์ตามร้านอาหารครับ แต่ยังไม่มีที่ไหนเรียกเลย”
ผมก็บอกไปตามความจริง โดยไม่คิดว่าจะต้องการความเห็นใจอะไรทั้งสิ้น
“เอาอย่างนี้สิ ที่บริษัทของลุงยังมีตำแหน่งว่างอยู่ ถ้าเธอพิมพ์ดีดใช้คอมคล่องก็มาลองทำงานที่นี่ ดีกว่าไปเป็นเด็กเสริ์ฟนะ”
หลังจากการพูดคุยทำความเข้าใจและตกลงเรื่องความรับผิดชอบการไถ่จำนองบ้านเป็นเวลานาน น้ำเสียงและท่าทีของลุงวิชิตก็เป็นกันเองมากขึ้น
“เกรงใจคุณลุงน่ะค่ะ ดิฉันว่าจะให้หลานไปทำงานที่เค้าสมัครไว้ก่อนดีกว่า”
คุณหญิงน้าออกตัวแทนผม
“หึหึหึ คุณคงไม่ไว้ใจผมล่ะสิ กลัวผมเอาหลานมาใช้งานหนักเหรอ นิวเค้าก็หลานผมนะคุณหญิง ถ้าไม่รับน้ำใจลุงก็ตามใจ”
เฮ้อ.......เพิ่งจะนึกว่าได้รับความเป็นกันเองจากลุงวิชิตด้วยประโยคก่อนหน้านี้ แต่ประโยคล่าสุดนี้กลับแฝงความเย่อหยิ่งทะนงตนไว้เช่นเดิม
ตอนที่ 12 ข้อตกลงในฐานะญาติ
หลังจากนั้น ลุงวิชิต ก็ไม่ได้เร่งรัดให้ผมตอบตกลงเกี่ยวกับข้อเสนอเรื่องานพิเศษของบริษัทลุงอีก เราทั้งสามจึงกลับมาพูดเรื่องการชำระหนี้สิน
ที่ค้างอยู่กันต่อ โดยสรุปแล้วเงินต้น 5 แสน กู้ไปเมื่อปี 2535 นับถึงปีที่ผมไปคุยกับลุงวิชิตคือปี 2554 เมื่อคิดคำนวนทบต้นทบดอก
ก็ปาเข้า 1 ล้าน 4 แสนกว่าบาท แต่ไม่รู้เค้าเมตตาอะไรผมขึ้นมาเลยตกลงว่าจะให้ผมใช้หนี้เพียง 1 ล้านโดยผ่อนใช้ทุกเดือนนับจากนี้
มีการร่างสัญญาขึ้นมาใหม่ระหว่างผมกับลุงวิชิต ซึ่งการชำระหนี้จะเป็นงวดละ 2 ครั้ง/เดือน ชำระทุกวันที่ 15 และ 30 ของทุกเดือน
แม้คุณหญิงน้าจะช่วยออกเงินจำนวนนี้แต่ก็ไม่ใช่ลูกหนี้ของลุงวิชิต ผมจึงต้องเป็นคนโอนเงินให้ลุงวิชิตเองและต้องโทร.บอก
ให้ลุงวิชิตทราบทุกครั้ง โดยทางฝ่ายเค้าจะทำบัญชีไว้ทุกครั้งที่มียอดเงินโอนเข้าบัญชี ทางผมก็จะเก็บสลิบตัวจริงเป็นหลักฐาน
และแฟกซ์สลิปส่งให้ลุงวิชิตที่บ้านทุกครั้งเพื่อให้ข้อมูลตรงกัน ทั้งนี้เมื่อใช้หนี้ครบจะมีการนัดโอนบ้านคืนมาให้ผมเป็นเจ้าของ
ข้อตกลงนี้เกิดจากการพูดคุยระหว่างผมกับลุงวิชิต คุณหญิงน้านั้นลุกออกไปตั้งแต่หนังสือสัญญาถูกพิมพ์มาวางไว้ที่โต๊ะรับแขก
คุณป้าสมร ภรรยาของลุงวิชิตมาเชิญคุณหญิงน้าไปนั่งคุยกันทางสวนหลังบ้านเพื่อเปิดโอกาสให้ผมทำการตกลงกับคุณลุงวิชิต
“เอาเป็นว่าตกลงตามข้อสัญญานี้แล้วกันนะ เธอก็ทำให้ได้อย่างที่พูดล่ะ ลุงชอบเด็กที่กล้าหาญและโตกว่าอายุแบบนี้ อย่าลืมว่า
เธอได้รับโอกาสจากลุงเพราะเธอกล้าเข้ามาหาลุง ลุงจะเชื่อเธอสักครั้งไม่ใช่ว่าเธอพาคุณหญิงน้ามาเป็นเกราะกำบังหรอกนะนิว
แต่ลุงฟังการพูดจาของเธอก็อยากให้ได้ทำตามที่พูดสักครั้ง หวังว่าจะไม่ทำให้ลุงหมดความเชื่อถือและไม่ทำลายเกียรติเธอเอง”
ลุงวิชิต สำทับอีกครั้ง ตอนนี้ท่าทางของลุงวิชิตอ่อนโยนและเป็นกันเอง ผมสัมผัสได้ถึงความเป็นญาติที่ยังคงเหลืออยู่บ้าง
“น้องสัญญาครับ ขอให้ลุงเชื่อในเกียรติของน้อง แม้ว่าจะเป็นเด็กกว่าใครในบ้าน แต่น้องจะทำให้ได้อย่างที่รับปากไว้แน่ๆครับ
น้องขอบพระคุณมากนะครับที่คุณลุงให้โอกาสเข้าพบ เดิมทีน้องเกรงว่าคุณลุงจะไม่อยากพบเพราะคนในบ้านน้องเคยผิดคำพูด
แต่ที่น้องตัดสินใจติดต่อมาหาเพราะเชื่อในความเป็นญาติของเรา น้องมาพูดคุยในฐานะหลานที่ขอความกรุณาจากคุณลุง ไม่ใช่
มาพบเพียงในฐานะลูกหนี้ เพราะถ้าในฐานะลูกหนี้คงมีท่าทีห่างเหินกันไป แต่เพราะน้องเชื่อในสายเลือดของเราน้องจึงกล้ามา
น้องจะไม่ทำลายเกียรติของตัวเอง ทั้งยังไม่กล้าผิดคำพูดอีกด้วย น้องถือว่ารับภาระของคนทั้งบ้านเอาไว้และต้องทำให้สำเร็จ”
ผมให้คำมั่นอีกครั้งหลังจากลงชื่อในหนังสือสัญญาชำระหนี้เพื่อการไถ่ถอนบ้านที่ติดจำนอง พร้อมทั้งไหว้ขอบคุณอีกครั้ง
ลุงวิชิตบอกให้เด็กรับใช้ที่ชื่อแป้นไปเชิญคุณป้าสมรและคุณหญิงน้าของผมจากสวนหลังบ้านให้ออกมาพบที่หน้าบ้าน
คุณป้าสมรเดินนำเข้ามาพร้อมทั้งยิ้มให้ผมด้วยความเมตตา ถามขึ้นว่า

“เรียบร้อยแล้วใช่มั้ยคะ เชิญทานมื้อเย็นด้วยกัน”
“ไม่ล่ะค่ะ เย็นมากแล้วน้าเขยจะเป็นห่วง อีกอย่างน้าเขยเค้าก็รอทานมื้อเย็นด้วยน่ะค่ะ คงต้องขอตัวเลยนะคะ”
คุณหญิงน้าปฏิเสธอีกครั้งก่อนจะยกมือไหว้ลาทั้งลุงวิชิตและคุณป้าสมรเป็นการตัดบท
“งั้นก็ตามสะดวกครับแล้วนี่จะกลับไปยังไงครับเนี่ยน้าหลาน”
คำถามนี้ของลุงวิชิตผมยังไม่แน่ใจนักว่าห่วงสวัสดิภาพของผมหรือห่วงว่าจะไม่ได้ค่าผ่อนบ้านกันแน่
“ก็นั่งแท็กซี่ไปล่ะค่ะ เพราะทางไกลไม่ได้ให้น้าเขยเค้ามารับ นิวลาคุณลุงสิลูก”
“น้องขอตัวนะครับคุณลุงคุณป้า”
ว่าแล้วผมก็ยกมือไหว้ลาอีกครั้ง เฮ้อ….จะได้กลับสักที
“ผมให้ตาศรัณย์ไปส่งดีกว่าครับ กว่าจะออกไปถึงหน้าหมู่บ้านก็ไกล แล้วไม่ค่อยมีแท็กซี่เข้ามาซะด้วยช่วงนี้”
ลุงวิชิตบอกว่าจะให้ลูกชายคนเล็กไปส่งผมกับคุณหญิงน้าที่หน้าปากซอยแทนการเรียกรถแท็กซี่ให้เข้ามารับที่หน้าบ้านคุณลุง
เด็กรับใช้ที่ชื่อแป้นยังคงถูกเรียกตัวมารับคำสั่งเหมือนเคย คราวนี้แม่แป้นถูกใช้ให้ไปตามลูกชายของลุงวิชิตที่ชื่อ ศรัณย์
จะว่าไปแล้วผมเคยได้ยินมาว่าลุงวิชิตมีลูก2คน คนโตเป็นผู้หญิงซึ่งแต่งงานไปแล้วชื่อ พี่ศิรินทร์ คนเล็กเป็นผู้ชายชื่อ

พี่ศรัณย์
ตอนที่ลูกๆของลุงวิชิตและพี่ชายของผมยังเด็กๆนั้นเราสองครอบครัวเคยไปมาหาสู่กันบ้างทำให้พี่ๆทั้งสองคนรู้จักกับพี่ชายผม
แต่ในรุ่นของผมตั้งแต่จำความได้ก็ยังไม่เคยพบกับลูกๆทั้งสองของลุงวิชิตเลยครับไม่รู้จะเจ้ายศเจ้าอย่างบ้าชาติตระกูลเหมือน
ลุงวิชิตหรือเปล่า ผมไม่มีเวลานึกเรื่อยเปื่อยได้นานนัก เสียงแนะนำตัวของลูกชายลุงวิชิตก็ดังขึ้นขัดมโนภาพของผมวะก่อนแล้ว
“สวัสดีครับคุณหญิง ผมเพิ่งกลับมาถึงเลยมาทักทายช้าไปหน่อย นี่คงเป็นน้องนิวใช่มั้ยจ๊ะโตเป็นหนุ่มแล้วนะ น่ารักซะด้วยสิ”




รุ่นน้องจูเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
143
Zenny
984
ออนไลน์
25 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-3-19 15:30:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด

รุ่นน้องจูเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
128
Zenny
1276
ออนไลน์
16 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-3-21 17:48:43 | ดูโพสต์ทั้งหมด
อย่าคิดมากดิ เด๋ยวผ่านไปเองแหละ

รุ่นน้องจูเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
128
Zenny
1276
ออนไลน์
16 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-3-21 17:52:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ความรักเป๋น อย่าง
รัยอ่า

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
3
พลังน้ำใจ
655
Zenny
4096
ออนไลน์
93 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-3-21 20:10:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนครับบบ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
9
พลังน้ำใจ
24520
Zenny
38558
ออนไลน์
2323 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-6-30 20:59:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากๆครับ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1456
Zenny
-96
ออนไลน์
698 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-12-17 18:32:51 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นักศึกษาหน้าใหม่

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
75
Zenny
185
ออนไลน์
19 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-2-5 15:59:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
47756
Zenny
20375
ออนไลน์
2060 ชั่วโมง
โพสต์ 2019-10-12 11:54:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากนะครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
43459
Zenny
28190
ออนไลน์
2119 ชั่วโมง
โพสต์ 2024-1-27 06:03:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-23 06:16 , Processed in 0.107951 second(s), 28 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้