ก่อนจากกัน.. ขอสัญญา..
ฝากประทับตรึงตรา
จนกว่าจะพบกันใหม่..
โบกมืออำลา
สัญญาด้วยหัวใจ
เพราะความรัก
ติดตรึงห่วงใย
ด้วยใจ
ผูกพันมั่นคง..
ด้วยความดี
นั้นฝังตรึง
จากไปแล้วคำนึง
ตรึงประทับดวงใจ
อย่าได้ลืมเลือน
สัญญากันไว้อย่างไร..
ขอให้เรามั่นคงจิตใจ
ก้าวไปสรรค์สร้างความดี..
โอ้เพื่อนเอ๋ย
เคยร่วมสนุกกันมา
แต่เวลา
ต้องพาให้เราจากกัน
ไม่นานหรอกหนา
เราคงได้มาพบกัน
ไม่มีสิ่งใดขวางกั้น
เพราะเรามั่นในสัญญา
หากแผ่นดิน
ไม่ฝังกาย
จะสุขจะทุกข์เพียงใด
น้อมกายยิ้มสู้ฟันฝ่า
ร้อยรัดดวงใจ
มั่นในคำสัญญา
สร้างสรรค์เพื่อมวลประชา
นี่คือสัญญาของเรา..
สวัสดีครับ.. ประโยคด้านบนนี้เป็นเนื้อร้องเพลงที่มีชื่อว่าคำสัญญา ของวงอินโดจีนครับ.. เพลงนี้หากอ่านเนื้อหาดีๆ แล้ว.. คงจะเรียกน้ำตาของเด็ก ม.3 ม.6 หรือ ป.ว.ช. ได้ดีทีเดียว.. ช่วงเวลาแห่งความสนุกสนาน ความใกล้ชิด มิตรภาพ และความอบอุ่นระหว่างเพื่อนๆ กำลังจะเปลี่ยนเป็นความทรงจำในใจเรา ครับ..
วันนี้เพื่อบันทึกความทรงจำดีๆ ให้อยู่ในใจของเรา และในใจเพื่อนๆ ตลอดไป.. พี่ลาเต้ เลยมีเทคนิคการเขียนเฟรนด์ชิพแบบซึ้งๆ มาฝากกันครับ.. ใครที่ไม่รู้ว่าโอกาสซึ้งแบบนี้.. จะเขียนเฟรนด์ชิพแบบไหนให้เพื่อนๆ ประทับใจลองมาอ่านดูครับ..
รูปถ่ายซักใบ เก็บไว้ยามเหงา..
จากกันวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะได้เจอกัน.. ลองหารูปถ่ายซักใบมาแนบไว้ในเฟรนด์ชิพเพื่อระลึกถึงกันก็คงจะดี.. แต่รูปถ่ายที่ให้บรรยากาศ และความรู้สึกที่ดีๆ ขอให้เป็นรูปถ่ายที่มี
เรา[คนเขียน และเพื่อน[เจ้าของเฟรนด์ชิพ] อยู่ในรูปใบเดียวกัน..
จะเป็นรูปหมู่ หรือรูปคู่ก็ได้ทั้งนั้น.. ในรูปอาจจะเพิ่มไฮไลน์สีสันตรงตำแหน่งของเราทั้งสองคน แล้วเขียนบรรยายเพิ่มเติมเหตุการณ์อีกซักหน่อย.. ก็จะสร้างความรู้สึกนึกถึงเรา และเหตุการณ์ในรูปถ่ายทุกครั้งเมื่อเพื่อนคนนั้นได้หยิบรูปใบนี้ขึ้นมาดู..
เหตุการณ์วันเก่า ที่เราจำได้..
หากเราจะเขียนเฟรนด์ชิพให้เพื่อนสนิทของเรา อีกสิ่งหนึ่งที่อาจจะเรียกน้ำตาของเพื่อนเราได้ นั้นก็คือ เหตุการณ์ร่วมทุกข์ ร่วมสุขของเรากับเพื่อนๆ จำได้ไหมว่าตลอดเวลาที่เราเรียนด้วยกันมา เรื่องไหนทำให้เรารักกันมากที่สุด เรื่องไหนเกิดคำว่า "เพื่อนตาย" มากที่สุด.. ให้นำเรื่องนั้นมาเขียนบรรยายในเฟรนด์ชิพได้เลยครับ..
เทคนิคในการเขียนเรื่องเหล่านี้ แม้ว่าเหตุการณ์เรื่องนั้นจะมีผู้ร่วมเหตุการณ์หลายคน.. แต่เราก็ต้องบรรยายให้เห็นถึงตัวเอกซึ่งก็คือ เรา[คนเขียน และเพื่อน[เจ้าของเฟรนด์ชิพ] เท่านี้แหละเมื่อเพื่อนสนิทของเราได้มีโอกาสอ่าน จะทรงจำในวันนั้นจะกลับมาพร้อมหยดน้ำตาแน่นอน..
อยากให้ฟังเพลงนี้ ที่ไม่เสื่อมคลาย..
แน่นอนว่าอารมณ์ และความรู้ของเราที่มีต่อเพื่อน เขียนให้มากแค่ไหนก็คงจะบรรยายความผูกพันธ์ได้ไม่หมด.. หากเรามีเนื้อเพลงซักหนึ่งเพลงมาถ่ายทอดลง ก็คงจะทดแทน และสร้างบรรยากาศอีกอารมณ์ได้เหมือนกัน.. โดยเพลงที่เลือกมานั้นควรเป็นเพลงความหมายดีๆ หรือไม่ก็เพลงที่เรากับเพื่อนคนนั้นรู้กันแค่สองคน..
ด้านท้ายของบทเพลง ก็เขียนบอกไปหน่อยว่า ทำไมเราถึงอยากมอบเพลงนี้ให้เพื่อนฟัง เพลงนี้มีความหมายกับเราสองคนอย่างไร.. ก่อนจะทิ้งท้ายไปว่า "ทุกครั้งที่ได้ยินเพลงนี้อย่าลืมนึกถึงเรานะ.. เราจะนึกถึงเธอเช่นกัน.." เพียงเท่านี้ ต่อจากวันนี้ไป เมื่อได้ยินเพลงนี้เมื่อไหร่ เพื่อนคนนั้นก็จะคิดถึงเรา..
อวยพรทิ้งท้าย เราคือเพื่อนกัน..
นอกจากเรื่องราวดีๆ ความรู้สึกดีๆ ที่มีมาให้กันตลอดเวลาหลายๆ ปี เมื่อมาถึงยามนี้ เวลาที่เราจะต้องจากกัน เพื่อนก็ย่อมที่จะต้องมีความหวังดีมอบให้กันอยู่แล้ว.. ประโยคสุดท้ายที่เราเขียนในสมุดเฟรนด์ชิพของเพื่อนๆ ก็ควรจะเป็นคำอวยพรให้เพื่อนๆ โชคดี..
คำอวยพรที่เขียนนั้น แนะนำว่าควรจะเป็นคำอวยพรที่มีไว้เฉพาะเพื่อนคนนี้เท่านั้น หากเป็นเพื่อนกันย่อมรู้อยู่แล้วว่า เพื่อนคนนี้ชอบอะไร อยากเป็นอะไร หรือมีความฝันในเรื่องไหน และเราก็อวยพรให้เพื่อนได้สมหวังในสิ่งเหล่านั้น.. เชื่อไหมว่าประโยคคำอวยพรนี้แหละ จะกลายเป็นหยดน้ำตาแห่งความคิดถึงเพื่อนแน่นอน..
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเทคนิคการเขียนเฟรนด์ชิพแบบซึ้งๆ ที่นำมาฝากกันในวันนี้นะครับ.. สุดท้ายนี้ พี่ลาเต้ ขอเปิดพื้นที่แบบกว้างๆ ให้น้องๆ ชาวเด็กดีที่อาจจะมีบางคนที่ในไม่ช้านี้อาจจะต้องห่างกับเพื่อนๆ ห่างกับอาจารย์ จะด้วยเหตุผลที่ต้องจบการศึกษา หรือย้ายโรงเรียนก็ตามแต่ มาเขียนบรรยายในเฟรนด์ชิพออนไลน์ ตรงคอมเม้นด้านล่างได้เลยครับ.. ไม่แน่นะเพื่อนๆ อาจกำลังอ่านอยู่..
ตอนสุดท้ายของบทความนี้ พี่ลาเต้ ขอยกประโยคนี้มาเรียกน้ำตาน้องๆ ครับ.. "โอ้เพื่อนเอ๋ย
เคยร่วมสนุกกันมา
แต่เวลาต้องพาให้เราจากกัน.. ไม่นานหรอกหนา
เราคงได้มาพบกัน..
ไม่มีสิ่งใดขวางกั้น
เพราะเรามั่นในสัญญา.. หากแผ่นดินไม่ฝังกาย
จะสุขจะทุกข์เพียงใด
น้อมกายยิ้มสู้ฟันฝ่า..
ร้อยรัดดวงใจ
มั่นในคำสัญญา
สร้างสรรค์เพื่อมวลประชา
นี่คือสัญญาของเรา.."