"บราก้า" เมืองแห่งประวัติศาสตร์และลานน้ำพุ

♫~TROY~♫

หลังจากที่เราดั้นด้นขึ้นไปเยือนเมืองทางตอนเหนือของประเทศโปรตุเกสกันไปเมื่อครั้งที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายๆคนคงอยากออกสำรวจเมืองที่เหลือกันอย่างใจจดใจ่อ ด้วยเหตุนี้ เราจึงของพาคุณข้ามพรมแดนเมืองเวียนาดูกัชเตลู (Viana do Castelo)ไปยังเมืองที่อยู่ใกล้ๆกันอย่าง "เมืองบราก้า (Braga)" เมืองที่หลายๆคนอาจพอคุ้นๆหูบ้างแม้ว่าจะไม่มากก็ตาม

มหาวิหารแห่งเมืองบราก้า

     "เมืองบราก้า" คือเมืองเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศโปรตุเกส อีกทั้งยังถือว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในโลกคริสเตียนอีกด้วย นอกจากนี้เมืองบราก้ายัง ถือว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่ค่อนข้างมีการเจริญเติบโตที่เร็วที่สุดในพื้นของสหภาพยุโรปอีกด้วย

     โดยกล่าวกันว่าเมืองบราก้านั้นเคยมีการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ - ยุคเหล็ก ด้วยเหตุนี้พื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองบราก้า จึงถือได้ว่ามีอนุสรณ์สถานทาง ประวัติศาสตร์จำนวนมากแห่งหนึ่งของประเทศโปรตุเกสก็ว่าได้ นอกจากนี้แล้วเมืองบราก้า ยังได้บการขนานนามว่าเป็น "โรมแห่งประเทศโปรตุเกส"อีกด้วย

     เนื่องจากได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์และลานน้ำพุ สถานที่แรกที่เราอยากแนะนำให้นักท่องเที่ยวไปเยือนคือ ซุ้มประตูเมืองบราก้า หรือที่มีชื่อว่า Arco Da Porta Nova เป็นซุ้มประตูยุคกลางที่ถูกประดับประดาอย่างสวยงาม ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 1772- 1773 โดยมีลักษณะเป็นซุ้มทรงโค้งแบบบาร็อคและนีโอคลาสสิค ได้รับการออก แบบโดยสถาปนิก André Soares

     หลังจากนั้นไปชม มหาวิหารแห่งเมืองบราก้า ( Braga Cathedral) อีกหนึ่งในอนุสรณ์สถานที่สำคัญที่สุดในของเมืองบราก้า และยังเป็นมหาวิหารที่มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับ ประวัติอันยาวนานที่สำคัญที่สุดในประเทศโปรตุเกส เป็นมหาวิหารที่สร้างขึ้นในแบบของการผสมผสานศิลปะแบบโกธิคและสไตล์บาร็อค โดยมหาวิหารถูกสร้างขึ้นในช่วง ศตวรรษที่ 3 โดยถือว่าเป็นหนึ่งในมหาวิหารที่เก่าแก่ที่สุดในคาบสมุทรแถบนี้ก็ว่าได้

     ต่อมาเดินทางไปชม โบสถ์โปปูโล (Populo) โบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 เป็นโบสถ์ที่สร้างในแบบนีโอคลาสสิค ภายใต้คำสั่งของพระเยซูสังฆราช D. Frei de Agostinho

     จากนั้นไปชม อาคารศาลาว่าการเมืองบราก้า (Braga Town Hall) ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของตัวเมือง โดยอาคารนั้นถูกสร้างขึ้นในแบบบะโรค โดยอาคารแห่งนี้ถูกสร้าง ขึ้นในช่วงปี 1754 ด้านหน้าวของอาคารเป็นลานน้ำพุ Pelican

พระราชวังแห่งสังฆราชเมืองบราก้า

     ต่อมาเดินทางไปยัง ปราสาทบราก้า (Braga Castle) ปราสาทโบราณที่ปัจจุบันหลงเหลือส่วนประกอบของตัวปราสาทอยู่เพียงน้อยนิด โดยปราสาทบราก้านั้นมีประวัติศาสตร์ที่ ยาวนานกว่า 2,000 ปี ต่อมาในปี 1906 ปราสาทได้ถูกรื้อถอนจนหลงเหลืออยู่แค่บางส่วนเท่านั้น

     สุดท้ายเดินทางไปชม พระราชวังแห่งสังฆราชเมืองบราก้า (Archbishop's Palace of Braga) ซึ่งภายในประกอบไปด้วย 3 ส่วน ซึ่งแต่ละส่วนก็มีความความแตกต่างกันไปตามช่วงเวลาในการก่อสร้าง

     โดยส่วนแรกคือ ปีกตะวันออกของพระราชวังจะเป็น ส่วนของ ซานตาบาร์บาราการ์เด้น (Jardim de Santa Barbara) สวนสวยขนาดใหญ่ที่ได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา โดยตรงกลางสวนจะเป็นที่ตั้งของรูปปั้นที่มีชื่อว่า เซนต์ บาร์บาร่า ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสวนอีกด้วย สวนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษ14 ถึง 15

     จากนั้นไปทางด้านปีกตะวันตก จะเป็นส่วนของตัวอาคารสีขาวที่สร้างขึ้นในแบบสไตล์บาร็อค โดยในส่วนนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 และสุดท้ายในส่วนของ ปีกใต้ ประกอบไปด้วยอาคารต่างๆ ที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16, 17 และ 18 มีส่วนของอาคารบ้านพัก มหาวิทยาลัย ลานน้ำพุ และห้องสมุดประชาชน