ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 519|ตอบกลับ: 0

“Soul of a Nation” ดวงจิตของไทย ดวงใจของชาติ

[คัดลอกลิงก์]

นิสิตสัมพันธ์

อยากมีเพื่อนคุยกินเที่ยวกัน

กระทู้
594
พลังน้ำใจ
30581
Zenny
218284
ออนไลน์
3227 ชั่วโมง

สมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับตรีเพชรสมาชิกระดับมงกุฎ




ขออนุญาติยกบทความจาก ผู้จัดการออนไลน์ โดย คุณปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ มาให้ได้อ่านและติดตามเกี่ยวกับ  “Soul of a Nation”  สารคดีที่คนไทยต้องชม โดยมิได้ตัดทอน และอยากบอกกล่าวให้ทุกท่านได้แจ้งต่อเพื่อให้คนไทยทุกคนได้ชมและร่วมชื่นชมพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์โดยทั่วหน้ากันครับ

“ เมื่อประมาณวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ได้มีผู้ที่นำภาพยนตร์สารคดีชุดหนึ่งซึ่งได้ขึ้นเผยแพร่ในเว็บไซต์ยูทูป และทำให้เกิดการแบ่งปันต่อๆกันไปในเฟสบุ๊คกันอย่างกว้างขวางมากขึ้นทุกวัน เพราะภาพยนตร์สารคดีชุดนี้
      
        “Soul of a Nation” คือ ชื่อของภาพยนตร์สารคดีชุดนี้ ได้จัดทำขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ BBC ซึ่งได้ส่งทีมงานเข้ามาในประเทศไทย ได้เก็บข้อมูลระหว่างการตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในช่วงปี พ.ศ. 2521-2522 ซึ่งสารคดีชุดดังกล่าวเต็มไปด้วยภาพและเนื้อหาที่คนไทยไม่เคยได้เห็นมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้พระราชทานสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษเป็นการส่วนพระองค์อีกด้วย
      
        สารคดีชุดนี้มีความยาวประมาณ 2 ชั่วโมง และสามารถแบ่งแยกได้เป็น 2 ตอน คือตอนที่ 1 ความยาวประมาณ 1 ชั่วโมง 13 นาที และตอนที่ 2 ความยาวประมาณ 38 นาที และมีผู้มาทำการตัดต่อและรวมให้สั้นลงเหลือเพียง 1 ตอนความยาวเหลือประมาณ 23 นาที
      
        สารคดีชุดนี้เป็นสารคดีที่ไม่ได้หาได้ง่ายๆ เพราะไม่เคยได้เผยแพร่ในประเทศไทยมาก่อน อีกทั้งเป็นภาพยนตร์สารคดีที่จัดทำขึ้นมาไม่ต่ำกว่า 33 ปี แล้ว ประกอบกับยุคนั้นประชาชนไม่ได้มีเทคโนโลยีการบันทึกเทปเก็บภาพยนตร์สารคดีที่ฉายในต่างประเทศ จึงย่อมถือว่าผู้ที่เป็นจุดเริ่มต้นที่คิดจะนำมาเผยแพร่นั้นต้องสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลชิ้นนี้ได้เป็นกรณีพิเศษ
      
        และความจริงก็ปรากฏว่าเทปบันทึกภาพยนตร์สารคดี “Soul of a Nation” ที่ถูกนำมาเผยแพร่ครั้งนี้น่าจะมีจุดเริ่มต้นจาก พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ได้นำเสนอสารคดีชุดนี้เปิดให้ชมในที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555
      
       โดยในวันดังกล่าวนั้น พลเอกสุรยุทธ์ได้เล่าให้ฟังว่า...
      
        “ได้รับจากผู้ใหญ่อีกท่านหนึ่งเมื่อไม่นานนี้ เมื่อได้ดูแล้วเห็นว่าควรจะนำมาเผยแพร่ให้คนรุ่นนี้ได้ดูกัน จึงได้นำมามอบให้ ทปอ.จัดแปลใส่คำบรรยาย (ซับไตเติ้ล) ภาษาไทย เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555”
      
       หลังจากนั้นจึงได้มีการนำมาเผยแพร่ในเว็บไซต์ยูทูปต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555
      
        สารคดีชิ้นนี้ถือได้ว่ามีประโยชน์อยู่มาก เพราะด้านหนึ่งเป็นการสรุปให้คนไทยรุ่นใหม่ที่ไม่เคยรู้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอย่างไร และด้วยปรัชญาตามแนวทางพระราชดำริอย่างไร และในอีกด้านหนึ่งเป็นการนำเสนอเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้ชาวต่างชาติได้เข้าใจถึงความเป็นไปเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในสังคมไทยได้อีกด้วย
      
        เหมาะอย่างยิ่งกับสถานการณ์และเวลาในปัจจุบันที่สังคมไทยบางส่วนเริ่มมีความคิดแตกต่างกันเริ่มมากขึ้นในเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศไทย
      
        สำหรับพสกนิกรชาวไทยตามปกติแล้วมักจะรับชมทางสื่อโทรทัศน์ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสในงานพระราชพิธีหรือในพระราชกรณียกิจต่างๆในฐานะทรงเป็นประมุขของประเทศ แต่คนไทยก็ยังไม่เคยทราบและไม่เคยได้เห็นเลยว่าจะมีนักข่าวคนใดก็ตามซักถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในสารคดีชุดนี้มาก่อน
      
        หลายคนแม้จะเคยรับทราบตามพระบรมฉายาลักษณ์อยู่บ้างว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงงานในห้องทรงงานโดยทรงประทับอยู่ที่พื้น แต่ก็ไม่มีใครได้เคยเห็นภาพเคลื่อนไหวในห้องทรงงานในรายละเอียดเหมือนกับสารคดีชุดนี้เช่นกัน
      
        ผู้สัมภาษณ์ของ BBC เองก็ยังต้องนั่งอยู่กับพื้นในท่าทางที่ไม่ค่อยถนัดนัก ในขณะที่สัมภาษณ์กราบบังคมทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในขณะที่ทรงประทับอยู่ที่พื้น และทำให้ประชาชนได้มีโอกาสเห็นห้องทรงงานส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เต็มไปด้วยเครื่องมือวิทยุสื่อสาร และทรงงานเขียนแผนที่บนพื้น อันเป็นภาพที่น่าประทับใจยิ่ง
      
        ความบางตอนของการสัมภาษณ์ของผู้สัมภาษณ์ BBC ทูลถาม และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดจนสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงตรัสตอบในสารคดีชุดดังกล่าวดังต่อไปนี้
      
        ผู้สัมภาษณ์ BBC : พระองค์ทรงมองหน้าที่ของพระองค์ในฐานะพระมหากษัตริย์ว่าคืออะไร และทำไมพระองค์คิดว่าประเทศไทยควรจะมีพระมหากษัตริย์ต่อไป?
      
        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว: ข้าพเจ้าไม่อยู่ในฐานะที่จะตอบได้ ข้าพเจ้าได้ทำสิ่งต่างๆที่ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย แค่นั้น
      
        ผู้สัมภาษณ์ BBC: พระองค์ทรงตระหนักหรือไม่ว่าประเทศไทย จะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้หากไม่มีพระมหากษัตริย์?
      
        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว: ข้าพเจ้าไม่ทราบ ฐานะตำแหน่งข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์ แต่หน้าที่ของข้าพเจ้าที่ข้าพเจ้าทำอยู่ อย่างที่ท่านได้สังเกตเห็นอยู่ไม่ใช่หน้าที่ของกษัตริย์ มันเป็นบางสิ่งบางอย่างแตกต่างกันหรือยากที่จะระบุได้ ข้าพเจ้าแค่ทำสิ่งต่างๆที่ข้าพเจ้าคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ท่านถามข้าพเจ้าว่าข้าพเจ้ามีแผนไหม ข้าพเจ้าไม่มีแผน ข้าพเจ้าแค่รู้ว่าวันนี้ข้าพเจ้าต้องทำอะไรแล้วก็ลงมือทำ ข้าพเจ้าไม่รู้ว่ามันคืออะไรบ้าง แต่ข้าพเจ้าจะทำสิ่งที่ดีต่อประเทศชาติ”
      
        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว: ทุกๆ ที่ที่พวกข้าพเจ้าไป ประชาชนจะมองและให้ความสนใจพวกข้าพเจ้า พวกเขามองมาที่พวกข้าพเจ้านั้นไม่ได้ต้องการรบกวนพวกข้าพเจ้า พวกเขาต้องการที่จะรู้จักพวกข้าพเจ้าให้มากขึ้นว่า พวกเขากินอย่างไร พวกเขานั่งอย่างไร และพวกเขาเดินอย่างไร
      
        สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ: พระมหากษัตริย์ และ พระราชินีของประเทศไทยมีความใกล้ชิดกับประชาชนมาโดยตลอดจริงๆ ประชาชนมักจะมองพระมหากษัตริย์ดังพ่อของแผ่นดิน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงไม่มีชีวิตส่วนตัวมากนัก เพราประชาชนได้พิจารณาเราในฐานะเป็นพ่อและแม่ของแผ่นดิน ดังนั้นเราจึงอุทิศเวลาทั้งหมดให้กับประชาชน
      
        ในสารคดีชุดนี้ยังได้อธิบายพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถมากมายเพื่อช่วยเหลืออาณาประชาราษฎร์ทั่วประเทศ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็จะทรงบันทึกชื่อหมู่บ้านนั้นๆในแผนที่ของพระองค์
      
        แม้แต่นักวิชาการรุ่นใหม่บางคนอาจไม่เคยรู้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เคยทรงนำการถวายสัตย์ปฏิญาณพระองค์ต่อหน้า พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ในพระมหาอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ก็สามารถรับชมได้ในสารคดีชุดนี้ด้วยเช่นกัน
      
        ผู้สัมภาษณ์ BBC: พระองค์บอกได้ไหมว่าพระองค์ทรงกำลังทำอะไรบนแผนที่ (ในห้องทรงงานส่วนพระองค์)?
      
        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว: ถ้าข้าพเจ้าได้มองเห็นบางสิ่งบางอย่าง อย่างที่ท่านเห็นเครื่องหมายวงกลมที่นั่นก็คือสถานที่ซึ่งสามารถถูกพัฒนา และสามารถเห็นพื้นที่ใดสามารถสร้างเขื่อนหรือที่กักเก็บน้ำ หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็จะส่งวิศวกรในพื้นที่นั้นเพื่อทำการสำรวจพื้นที่
      
        ผู้สัมภาษณ์ BBC: ทำไมพระองค์ทรงมีเครื่องมือวิทยุสื่อสารมากมายเหล่านี้ในห้องทรงงาน?
      
        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว: การสื่อสาร ท่านต้องรู้ว่าวิทยุไว้ติดต่อสื่อสาร ข้าพเจ้าไม่มีโทรทัศน์ที่นี่
      
        ผู้สัมภาษณ์ BBC: นื่คือลักษณะเครือข่ายข่าวส่วนพระองค์ใช่หรือไม่?
      
        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว: ไม่ถึงกับเป็นเครือข่ายการข่าว แต่บางครั้งพวกมันมีประโยชน์มาก บางครั้งในหากมีการติดตามข่าวสารภัยพิบัติในบางแห่ง เราก็จะสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ความรวดเร็วถือเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่ง หลายๆเรื่องที่ท่านได้ยินอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับข้าพเจ้า บางครั้งก็เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมในบางพื้นที่ หรือการจับกุมผู้ค้าเฮโรอีนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
      
        ผู้สัมภาษณ์ BBC: เวลาพระองค์ประทับอยู่ในห้องทำงานนี่ตามลำพังตอนเย็นๆ ทอดพระเนตรแผนที่ ทรงฟังวิทยุสื่อสาร เป็นเพราะพระองค์เหงา หรือพระองค์ต้องการเวลาส่วนพระองค์หลังจากที่ทรงงานในที่สาธารณะแล้ว
      
        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว : เป็นคำถามที่ข้าพเจ้าจะสามารถตอบได้หลายแนวทาง ข้าพเจ้าไม่ได้เหงา และข้าพเจ้ามีงานที่ต้องทำ ดังนั้นข้าพเจ้าต้องทำงาน การอยู่คนเดียวทำให้ข้าพเจ้ามีสมาธิและมีสติในการทำงาน เป็นหนทางในการเตรียมตัวเองข้าพเจ้าต่อสถานการณ์ที่อาจจะเจอ ข้าพเจ้าได้รวบรวมข้อมูลจากการฟังวิทยุสื่อการ และการศึกษาแผนที่ การอ่าน หรือการคิด เมื่อเวลามาถึงข้าพเจ้าก็จะได้ข้อเท็จจริงในความคิดของข้าพเจ้า
      
        สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ: พระสวามีของข้าพเจ้าและข้าพเจ้าไม่ได้แค่อยากที่จะเข้าไปเยี่ยมเยือนเท่านั้น เราต้องพยายามทำให้ได้ดีกว่านั้น เราต้องพยายามช่วยรัฐบาลในการสนับสนุนและพัฒนาความเป็นสุขของประชาชน เพราะว่าเราเป็นประเทศที่ด้อยพัฒนา ดังนั้นภาระหน้าที่ของเราในการเยี่ยมเยือนประชาชนในฐานะประมุขของประเทศจึงไม่เกิดประโยชน์ ถ้าเราไม่สามารถมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือประชาชนได้ ก็ถือว่าเราล้มเหลวในฐานะเป็นประมุขของประเทศ
      
        สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ: ปกติพระสวามีของข้าพเจ้าจะเสด็จมาก่อนข้าพเจ้าและนั่งสมาธิได้ลึกอย่างจริงจัง ข้าพเจ้ายังไม่สามารถนั่งสมาธิได้เช่นนั้น ข้าพเจ้าจึงได้แต่เพียงสวดมนต์ แต่พระสวามีของข้าพเจ้าได้ตรัสว่าการสวดมนต์นั้นก็ใช้ได้ เพราะนั่นก็คือการทำสมาธิเช่นเดียวกัน
      
        ผู้สัมภาษณ์ BBC: ในฐานะทรงเป็นจอมทัพไทย พระองค์ทรงปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธศาสนาที่ห้ามการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอย่างไร?
        
        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว: นี่คือปัญหาแต่ เวลาที่ทหารถือปืน ปืนกระบอกนี้มีไว้เพื่อเจตนาสำหรับยิง และยิงอะไร? ยิงศัตรู นั่นคือความเป็นไป แต่ถ้าเขาถือปืนโดยมีเจตนาเพื่อป้องกันและรักษาประเทศด้วยเจตนาเช่นนี้ เขาไม่ได้ทำบาป แต่แม้กระทั่งมีศัตรูบางคนเข้ามา เขาต้องยิง ทำไม? เพราะว่าเขามีเจตนาที่จะต้องป้องกันประเทศ รักษาประเทศชาติและเพื่อรักษาศาสนา และถ้าศัตรูเข้ามาแล้วประเทศถูกทำลายและไม่มีศาสนา ก็จะไม่มีความดีเหลืออยู่
      
        สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ: ความรักและความเมตตากรุณาเป็นสิ่งที่ควรให้แก่ผู้อื่น เพื่อให้แต่เพียงอย่างเดียวไม่ใช่เพื่อรับด้วยความรัก นั่นคือเหตุผลที่พระสวามีของข้าพเจ้าและข้าพเจ้าจึงสามารถทำงานได้ปีแล้วปีเล่า วันแล้ววันเล่าโดยไม่เจ็บป่วย แต่เราทราบดีว่า เมื่อถึงเวลาที่ต้องตาย ไม่มีใครหนีความตายได้
      
        สารคดีชุดนี้มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ คนไทยทุกคนควรได้มีโอกาสรับชมและทำความเข้าใจในสารคดีชุดนี้ และช่วยกันเผยแพร่ให้คนไทยและชาวต่างประเทศได้รับทราบให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อให้คนทั่วโลกได้เข้าใจว่าเหตุใดคนไทยส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดในประเทศนี้จึงได้มีเคารพรักและเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถอย่างหาที่สุดมิได้ “
   
      
ต้องการดูชุดเต็ม ตามลิงค์นี้ครับ
"ความรัก!เกิดจากความเข้าใจของคนสองคนและมักจบลงด้วยค ...
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-15 16:21 , Processed in 0.094343 second(s), 27 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้