ท่าชิเหล็กของพม่าดูสดใส ..แต่ทำไม กะเหรี่ยงคอยาวเพื่อนฉัน..ดูหงอยเหงา
ท่าชิเหล็ก..เป็นจังหวัดชายแดนของพม่าที่ติดกับ อ. แม่สาย จ. เชียงราย หลายคนที่เคยไป อ. แม่สาย คงเคยทำใบผ่านแดนข้ามสะพานข้ามแม่น้ำ “แม่สาย” เข้าไปเที่ยวตลาดในฝั่งพม่าที่เรียกว่าท่าชิเหล็ก หรือ คนไทยเรียกว่า ท่าขี้เหล็ก
ในฝั่งพม่า..หลายปีก่อน..ตลาดชายแดนท่าชิเหล็กคึกคักมากเพราะมีร้านขายของมากมาย ส่วนใหญ่เป็นสินค้าจากจีนราคาไม่แพง ได้แก่ เครื่องสำอางเลียนแบบ ผลไม้สดและแห้ง เครื่องเสียงคุณภาพต่ำ ซีดีหนัง อาหารแห้ง เช่น เห็ดหอม ส่วนสินค้าพื้นเมืองพม่า ได้แก่ อัญมณี เสื้อผ้า รองเท้า บุหรี่ สัตว์ป่า คนไทยเป็นจำนวนมาก นิยมไปเที่ยวฝั่งพม่าเพื่อเดินดูเลือกซื้อของ ซึ่งคนขายเป็นชาวพม่า และมีบางร้านเป็นคนไทยที่ไปเปิดร้านขายในฝั่งพม่าก็มี สินค้าบางอย่างก็นำจากเมืองไทยไปขายในท่าชิเหล็ก เพราะของขายดีมาก
ในฝั่งแม่สาย..คนไทยก็นำสินค้าจากฝั่งพม่าซึ่งขนส่งมาจากจีนผ่านทางพม่ามาขาย จนแทบจะกล่าวได้ว่าคนไทยที่อาศัยอยู่สองข้างถนนเลียบเลาะแม่น้ำสาย ทุกซอกทุกซอยผันตัวเองจากชาวบ้านธรรมดามาทำอาชีพเป็นพ่อค้าแม่ค้าแทบทุกบ้าน เพราะขายดี ยิ่งในช่วงเทศกาลหรือหน้าหนาวที่มีนักท่องเที่ยวไทยมาเที่ยวมากมาย
ต่อมา..เมื่อมีการขนสินค้าจากจีนทางเรือเข้ามาส่งสินค้าได้ถึง อ. เชียงแสน ของไทย..บรรดาพ่อค้าแม่ค้าไทยรับของที่เชียงแสน ไม่ต้องรับของจากพ่อค้าแม่ค้าในฝั่งพม่าแล้ว ทำให้ของที่ขายในฝั่งไทยจึงดูใหม่สดกว่าด้านฝั่งพม่าและมีมากมายพอๆ กัน ส่งผลให้ร้านค้าในฝั่งท่าชิเหล็กหลายร้านปิดตัวลง และร้านที่เหลือก็ซบเซากว่าเดิม คนไทยที่เดินทางเข้าไปเที่ยวฝั่งพม่า ก็มักจะกลับมาซื้อของฝั่งแม่สาย
แต่ก่อน..ฉันเคยเข้าไปซื้อของในฝั่งพม่าหลายครั้ง ฉันชอบซื้อรองเท้าพม่า รองเท้าจีน ผ้า และเห็ดหอม แต่มาระยะหลังๆ ฉันไม่ซื้อได้แต่เดินๆ ดูสภาพที่เปลี่ยนไป และครั้งล่าสุดฉันไม่อยากเดินอีกเพราะร้านค้าน้อยลง และไม่มีของขายให้ดูตื่นเต้นเร้าใจมากเหมือนแต่ก่อน..
วันนี้...ฉันตั้งใจจะข้ามแดนไปยังพม่า ..เพื่อไปซื้อหมวกสร้อยลูกปัดที่หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว ซึ่งฉันเคยไปมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อสองปีที่แล้ว..เมื่อเข้าผ่าน ตม. มาในแดนพม่า มีคนพม่าเข้ามาถามพร้อมโชว์ภาพแนะนำให้ฉันเช่ารถเขาไปเที่ยวสถานที่ 4 แห่ง ไป-กลับ คิดคนละร้อยบาท ฉันจึงบอกกับคนขับรถ ตุ๊กๆ ว่า
“ไปที่กะเหรี่ยงคนยาวที่เดียว 3 คน คิดเท่าไหร่”
“3 คน 200 บาท” หนุ่มพม่าคนนั้นบอก
“ตกลง” ฉันตอบตกลงทันที
นั่งเบียดเสียดกันทำตัวลีบๆ ไว้ ฉันนั่งรถสามล้อผ่านมาตามถนนในท่าชิเหล็ก ซึ่งวันนี้ดูสะอาดสะอ้านขึ้น และถนนทำใหม่มีสภาพดีขึ้น มีการก่อสร้างขยายสิ่งปลูกสร้างมากมาย..
เป็นธรรมดา รถโดยสารแบบนี้
ผ่านร้านขายยา..เส้ส่ายน์.. ทางเส้นนี้ ถนนยังไม่ได้ซ่อม ยังเป็นสภาพเดิมอยู่ รถถีบ ผ่านสนามกอล์ฟ.. เรามาถึงหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว..เสียเงินค่าเข้าคนละ 90 บาท เดิมเคยเสียคนละ 80 บาท รัฐบาลจัดให้กะเหรี่ยงคอยาวอยู่เฉพาะในบริเวณนี้ เป็นเนินเดินขึ้นไป ร่มรื่นด้วยต้นไม้ วันนี้..สีหน้าเพื่อนกะเหรียงคอยาวของฉันดูหงอยเหงา ไม่สดใสสดชื่นเหมือนเมื่อสองปีที่แล้ว..ของขายก็มีน้อยลง หรือว่ายังไม่ใช่หน้าเทศกาลท่องเที่ยว ..คนมาเที่ยวก็น้อย การแสดงที่เคยแสดงก็ไม่มี ลานเวทีการแสดงเงียบเหงา เหมือนร้างมานาน กะเหรี่ยงคอยาวหญิงวัยกลางคนคนนี้ทอผ้าขายผืนนี้ใช้เวลาทอ 9 วัน เธอบอกกับฉันว่า เธอถอดปลอกคอทองเหลืองออกแล้ว เพราะร้อน..หรือว่า โลกร้อนทำให้วิถีชีวิตกะเหรียงคอยาวเปลี่ยนไป.. หรือว่า..สภาวะเศรษฐกิจที่ของแพงขึ้นของพม่าหลังการเลือกตั้งส่งผลให้วิถีชีวิตของกะเหรียงคอยาว...ซบเซาลง รอยยิ้ม ขอถ่ายอีกทีชัดๆ ฉันอุดหนุนให้เพื่อนกะเหรี่ยงได้มีกำลังใจ ฉันเป็นคนแรกของวันนี้ที่ซื้อผ้า ของเธอ ผืนละ 200 บาทเอง ฉันเหมาไป 4 ถุง สีสวย ที่ฉันซื้อมา รอบๆ เนินเขาที่กะเหรี่ยงคอยาวอยู่ ได้มีการไถดินที่จะปลูกสร้างแล้ว เห็นลิบๆ คือ โรงแรม
ร้านเพิง ยังรอให้คุณๆ ไปอุดหนุน..ฉันไม่ได้หมวกสร้อยลูกปัด..กะเหรี่ยงคอยาวเพื่อนฉันบอกว่า จะรอให้ไปเอามาจากเชียงตุง แต่ไม่รู้เมื่อไหร่
เรากลับลงมา
ขึ้นรถกลับมายังชายแดนท่าชิเหล็ก
มาเจอคนกำลังขายซื้อกุ้ง โลละ 150 บาท
เลือกได้..ปู.หรือ กะน้าน...จะเอาตัวไหน
คนซื้อชี้..ให้เอาตัวที่ดิ้นๆ เป็นอยู่
ระวังนะ ชั่งพม่า..หนึ่งกิโล เท่ากับ แปดกรัมไทยนะคะ
ออกแล้วนะคะ..แตว็ด..แปลว่า ออกค่ะ
ออกมาจากด่านตม. ไทย เจอมะม่วงลูกละกิโล..โอ้โหใหญ่มาก
ลองชิมดูครับ..ฮืม หวานดีเหมือนเขียวเสวย
แวะไปเยี่ยมสามเหลี่ยมทองคำที่ อ . เชียงแสน สักหน่อย
สามเหลี่ยมทองคำ ยังอยู่
แม่น้ำโขงมีสามสี..น้ำลดน้อยลงน่าตกใจ
มีเรือให้บริการนั่งเรือเที่ยวเลียบแม่น้ำโขง ขึ้นฝั่งไทย
ฝั่งลาว..มีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรรองรับการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและสร้างหินกำแพงกันตลิ่งพัง
หลังจากที่มีการพังทะลายแก่งหินตามธรรมชาติ ในลำน้ำโขงเพื่อให้เรือสินค้าจีนเดินสะดวกเข้าถึงท่าเรือที่ อ. เชียงแสน ทำให้น้ำโขงไหลแรง แต่ระดับน้ำลดน้อยลง จนแห้งบางแห่งเห็นสันทราย แทบไม่น่าเชื่อว่าแม่โขงแห้ง สังเกตให้ดี จะเห็นว่าฝั่งลาว ..คิดมองการณ์ไกล..ลาวสร้างก่อหินกันตลิ่งพังตลอดสายแม่น้ำโขง ในขณะที่ฝั่งของไทยรัฐหรือผู้บริหารไม่สร้างป้องกันตลิ่งพัง ทั้งที่เป็นฝั่งที่กระแสน้ำไหลเซาะตลิ่ง นอกจากสร้างร้านค้าสิ่งปลูกสร้างระเกะระกะรกรุงรังตลอดฝั่งน้ำโขง น่าเศร้าใจ
ไทยซื้อไฟฟ้าจากลาว
การก่อสร้างป้องกันตลิ่งพังทลายของฝั่งลาว ยังมีต่อเป็นระยะทางยาวมาก ฝั่งไทยไม่มีอะไรเลย นอกจากสร้างสิ่งก่อสร้างบดบังทัศนียภาพริมฝั่งโขงจนหมดสิ้น..น่าเสียดาย
|