'วดี' เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากสุรินทร์
วันนี้ดิฉันมีเรื่องสยองขวัญจากเสาตกน้ำมันมาเล่าให้ฟังค่ะ
เมื่อเดือนกันยายน ปี2545 ดิฉันกับครอบครัวและเพื่อนได้เดินทางไปเยี่ยมเพื่อนอำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ออกจากกรุงเทพฯ สองยาม ถึงสุรินทร์ราวสิบโมงเช้า แวะเที่ยวตลอดทาง มาทำบุญที่วัดกลางสังขะด้วย กว่าจะเสร็จก็บ่ายสองโมงกว่า
สามีพาเด็กๆ ไปเล่นน้ำท่วมที่ถนนก่อนถึงตลาดสังขะ ดิฉันกับเพื่อนก็อยู่ทำกับข้าวเตรียมไว้ทานตอนเย็น ครั้นอิ่มหนำเรียบร้อยเราก็ดูทีวีกัน
ประมาณสี่ทุ่มเศษดิฉันชักง่วงนอน คงอ่อน เพลียจากการเดินทางก็ได้ เพื่อนเตรียมที่นอนไว้ให้เราชั้นล่างใกล้กับประตูหน้าบ้าน ดิฉันเข้านอนกับสามีและลูก ส่วนเพื่อนก็นอนตรงข้ามอีกมุ้งกับลูกชายคนเล็ก ลูกอีกสองคนก็นอนกับน้าข้างบน
ราวเที่ยงคืนแล้ว ดิฉันนอนไม่หลับเลย ทั้งๆ ที่สวดมนต์ไหว้พระแล้ว รู้สึกกลัวๆ บอกไม่ถูก เพราะตัวเองนอนริมมุ้ง ลูกนอนกลาง สามีนอนติดโซฟาข้างประตู
สักพักใหญ่ๆ พวกหมาแถวบ้านและใต้ถุนก็เริ่มเห่าหอน เหมือนพวกมันจะเห็นภูตผีหรือสิ่งที่ไร้ร่างกาย แต่คนเรามองไม่เห็น ครู่ต่อมาหมาก็เริ่มคุ้นเคย ได้ยินเสียงพวกมันหยอกเย้ากันเล่นอย่างสนุก
ดิฉันรู้สึกกลัวมากขึ้น เหงื่อเริ่มออกเพราะเอาผ้าห่มคลุมโปง แต่แล้วก็ต้องใจหายวาบเมื่อมีเสียงกุกกักอยู่ข้างมุ้ง หัวนอนมีปลั๊กไฟและพัดลมเพดาน ดิฉันเรียกสามีเบาๆ เขาก็ตอบแบบตกใจอยู่อีกด้านหนึ่ง ดิฉันถามว่าไปทำอะไรอยู่นอกมุ้งล่ะ?
เขาบอกว่าจะหาปลั๊กไฟหน้าบ้าน จะดูรถที่จอดไว้หน่อย สงสัยว่าพวกหมามันเห่าหอนทำไม อาจจะมีขโมยขโจรก็ได้!
แปลกเอาการ...ที่นั่นไม่ค่อยมีขโมยขโจรชุกชุมอะไรนัก
สักพักสามีก็กลับเข้ามานอน บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร แต่ดิฉันยังนอนไม่หลับอยู่ดี ได้ยินใครมาเปิด-ปิดพัดลมเพดานหลายครั้ง ดิฉันยังนอนคลุมโปงอยู่ นึกว่าคงจะเป็นเพื่อนมั้งที่มาเปิดพัดลมให้...
อารามสงสัยจนอดใจไม่ไหว ค่อยๆ โผล่หน้าออกจากผ้าห่มช้าๆ ก็มองเห็นภาพนั้นถนัดตา...
ผู้หญิงแต่งชุดนอนแบบ 4 ส่วน ขาระบายสีเหลืองอ่อน เหมือนเขาถือไฟฉายอันเล็กๆ ส่องตัวเองให้สว่าง ดิฉันนอนตะแคงเลยไม่กล้าถาม เห็นแต่เสื้อเท่านั้น
สักครู่พัดลมก็ปิด ร่างนั้นก็หายไป...ดิฉันลุกขึ้นนั่งมองไปที่บันได นึกว่าคงเป็นน้องสาวของเพื่อนลงมาปิด มองไปก็ไม่เห็นแสงจากไฟฉาย ในครัวก็ไม่มีอะไร คราวนี้ดิฉันเริ่มเอะใจ คิดถึงเรื่องผีๆ สางๆ จนขนลุกซู่ไปทั้งตัว
พอล้มตัวลงนอน พัดลมเพดานก็เปิดหึ่งขึ้นมา ดิฉันตกใจกลัวจนตัวแข็ง ปากคอแห้งผากไปหมด เชื่อว่าต้องเป็นเรื่องไม่ชอบมาพากลแน่ๆ นอนคลุมโปงทนร้อนอบอ้าวจนเหงื่อแตกซิกเลยค่ะ
ไม่นานก็เคลิ้มฝันว่าตัวเองเดินเข้าไปในครัว ได้ยินเสียงแหบๆ ถามว่า...อยากรู้นักหรือว่าเป็นใคร? เขาชื่อเงี้ยว...ชื่อออกไปทางเหนือ ดิฉันกลัวจนรีบกลับเข้านอน เขาตามมาที่มุ้งเห็นเงาดำๆ พยายามเปิดมุ้งมาใกล้ ดิฉันเรียกสามีเสียงสั่นเครือหลายครั้ง รู้สึกว่าถูกผีอำเข้าแล้ว!
รวบรวมกำลังตะโกนเรียกสามี เขาก็ร้องตอบค่ะ แล้วเข้ามาเขย่าตัว ถามว่า...ฝันร้ายใช่ไหม? ดิฉันหอบหายใจแรงๆ เหนื่อยจนพูดไม่ออก ภาวนาให้สว่างเร็วๆ จะได้ถามน้องสาวเพื่อนว่าตกดึกลงมาข้างล่างหรือเปล่า?
รุ่งเช้า เพื่อนเย้าว่าเมื่อคืนคงจะเจออะไรดีแน่นอน ได้ยินร้องเรียกสามีเสียงลั่นเชียว...ที่หมาเห่าหอนน่ะเป็นเพราะสามีเขามาหาทุกครั้งที่เพื่อนกลับบ้าน (สามีเขาตายไปแล้วเมื่อปี 2540)
ดิฉันปากคอแห้ง ถามน้องสาวเพื่อน เขาก็บอกว่าไม่ได้ลงมาเลย!
อีกเพียงเดือนเศษต่อมา เพื่อนคนนี้ก็ถึงแก่กรรมโดยไม่คาดฝัน ทิ้งลูก 3 คนให้ตายายกับน้าๆ ช่วยเลี้ยง ดิฉันรักเธอมาก ก่อนตายได้ฝากฝังให้ช่วยดูแลลูกด้วย ดิฉันก็รับปาก เมื่อมีโอกาสจะแวะไปหาหลานที่สังขะค่ะ
ในครั้งแรกที่ดิฉันโดนผีหลอกนั้น เพื่อนบอกว่า...มีเสาตกน้ำมันอยู่มุมห้องตรงที่สามีนอน...ถ้าบอกตั้งแต่แรกดิฉันคงไม่กล้านอนตรงนั้นเด็ดขาด
ผีอะไรให้เห็นแต่ชุดนอน แหม! ถ้าคุณเธอเป็นผีขี้เล่น ปรากฏให้เห็นหมดทั้งตัวดิฉันคงหัวโกร๋นแน่ค่ะ!!
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์ ข่าวสด