"เอก" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากโพธิ์ผีสิงที่สามเสน
สมัยวัยรุ่นผมเป็นอารามบอยอยู่ที่วัดโบสถ์ เชิงสะพานโสภณสามเสนนี่เองครับ มีเพื่อนซี้ชื่อไอ้หิน เป็นเด็กใต้เหมือนกัน แถมนอนห้องชั้นล่างกุฏิหลวงตากรีกับหลวงพี่จันทร์ด้วยกันอีกต่างหาก
เช้ามืดเราก็หิ้วปิ่นโตสะพายย่าม ตามหลวงตากับหลวงพี่ที่ออกโปรดสัตว์ไปทางศรีย่าน เลยไปทางหน้ากรมชลประทานบ้าง บางวันก็เลี้ยวซ้ายไปทางท่าน้ำโรงพยาบาลบ้าง สาเหตุเพราะญาติโยมเขานิมนต์พระเอาไว้
กลับวัดจัดอาหารถวายหลวงตากับหลวงพี่เสร็จสรรพ พวกผมก็จัดการต่อ แล้วรีบแต่งตัวไปเรียนหนังสือที่วัดราชาฯ โน่น ตอนเย็นก็กลับมาปัดกวาดกุฏิ ชงน้ำร้อนน้ำชาให้พระท่าน ก่อนจะหุงหาอาหารกินกัน
ชีวิตเด็กวัดของจริงน่ะไม่ได้โลดโผนโจนทะยานอะไรนักหรอกครับ นิยายหรือหนังละครเขาว่าไปเหล่ดอกฟ้าใกล้ๆ วัด แถมเปิดศึกชิงนางอีกด้วยน่ะ คิดว่าเอาสนุกมากกว่า
ใกล้ๆ วัดโบสถ์สมัยนั้นไม่มีดอกฟ้า แต่ว่าผีดุนี่เยอะเชียว คุณเอ๋ย...
ไม่ต้องดูอื่นดูไกลหรอกครับ ในวัดก็มีคนโดนผีหลอกบ่อยๆ โดยเฉพาะเด็กวัดที่ชอบไปเล่นแถวศาลาท่าน้ำมืดๆ ค่ำๆ เดี๋ยวก็เห็นใครเดินผ่านวูบวาบไปมาบ้าง ได้กลิ่นเหม็นเน่าล่องลอยมากระทบจมูกบ้าง...โดย เฉพาะฝูงหมาเจ้ากรรมก็ดันโก่งคอหอนได้หอนดี ต่อให้ใจแข็งแค่ไหนก็ต้องเผ่นทั้งนั้นแหละ
พูดถึงคลองสามเสนนี่มีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ที่เชิงสะพานฝั่งตรงข้ามพอดี!
ตอนเช้าเดินตามหลังพระท่านไปทางศรีย่าน ต้นโพธิ์อยู่ขวามือครับ มีผ้าเขียวๆ แดงๆ ผูกโคนต้นครึ่ด ตั้งแต่เก่าคร่ำคร่าใกล้ขาดเปื่อยจนถึงใหม่เอี่ยม ที่โคนต้นก็มีตุ๊กตาช้าง ม้า วัว ควาย รวมทั้งเด็กผมจุก กลาดเกลื่อนไปหมด เห็นธูปปักสดๆ ร้อนๆ ควันกรุ่นก็มี เหลือแต่ก้านธูปเกลื่อนกระจายก็มี
บางวันเห็นศาลพระภูมิไม้ใกล้ผุพัง ไม่รู้ใครเอามาทิ้งไว้ บางวันก็มีพระพุทธรูปแขนหักกลิ้งเค้เก้...เห็นแล้วรู้สึกหลอนๆ ยังไงบอกไม่ถูก
เขาลือกันว่าผีเจ้าพ่อโพธิ์ดุสาหัสนักหนา!
คนที่กลุ้มอกกลุ้มใจ หาทางแก้ไขปัญหาไม่พบ รู้สึกจนตรอกเหมือนชีวิตหมดสิ้นความหวัง...ยามดึกดื่นเดินเหมือนคนใจลอยไปหาเจ้าพ่อโพธิ์หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่รุ่งเช้ามีคนพบว่ากลายเป็นศพห้อยโตงเตง... ปีนขึ้นไปบนกิ่งโพธิ์ผูกคอตายเรียบร้อย
ที่ว่าผีดุเพราะมีคนผูกคอตายได้ไม่นาน คนคิดสั้นก็ไปผูกคอตายซ้ำรอยเดิม...เชื่อกันว่าถูกวิญญาณรายก่อนๆ ชักชวนให้ปลิดชีวิตตัวเอง จะได้ไปอยู่เมืองผีด้วยกัน
วันดีคืนดี ผมกับไอ้หินก็จ๊ะเอ๋เข้าเต็มจอเชียวคุณ!
สาเหตุเพราะเราอยากไปดูหนังบู๊เรื่องเสือภูเขาด้วย สมัยนั้นศรีย่านเธียเตอร์ยังไม่ได้ฉายควบนะครับ...หลังจากทำหน้าที่ของเด็กวัดเรียบร้อยแล้ว เราก็โลดลิ่วออกมาเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ข้ามสะพานไปโรงหนังที่อยู่ใกล้ๆ ทันที
ดูเหมือนยอดโพธิ์จะไหวซ่า ส่งเสียงทักทายอยู่ในยามค่ำของฤดูหนาว แต่ไม่มีใครสนใจ จนกระทั่งซื้อตั๋วเข้าไปดูหนังบู๊แหลก สะอกสะใจวัยรุ่นซะไม่มีล่ะ! เป่าปากกันเปี๊ยวป๊าวลั่นโรงหนัง...จากนั้นก็มากินก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้นเจ้าอร่อย ก่อนจะเดินเอ้อระเหยกลับวัด
ตอนนั้นสี่ทุ่มกว่า รถรากับผู้คนแยกย้ายกันไปจนบางตาเต็มที เราเดินคุยกันมาก็พอดีได้ยินเสียงหมาหอนดังข้ามคลองมาจากวัดเหมือนจะเป็นการทักทาย...
เอ๊ะ! นอกจากเราสองคนแล้วก็มองไม่เห็นใครซักคนเดียว!
ยอดโพธิ์ไหวซ่าทำให้ผมชะงักกึก แหงนหน้าขึ้นไปมองพร้อมกับไอ้หิน เห็นแต่ความมืดครึ้ม ดูสูงตระหง่านจนคอตั้งบ่า ราวกับจะซ่อนเร้นอาถรรพณ์น่าสะพรึงกลัวเอาไว้...เราก้าวเดินไปทางเชิงสะพานแต่ก็ไม่พ้นร่มเงาที่แผ่กว้างลงมา
อ้าว? ผู้หญิงชุดดำคนนั้นนำหน้าเราเมื่อไหร่ก็ไม่ทันสังเกต...แทนที่จะข้ามสะพานกลับเดินตัวแข็งทื่อไปที่ต้นโพธิ์ หมาเจ้ากรรมก็หอนได้หอนดีจนเจ้าหินหลุดปากด่า...ไม่รู้จะหอนหาหอกอะไร...
เสียงของมันขาดหาย ผมเองก็อ้าปากค้าง เมื่อเห็นสาวชุดดำเดินหายเข้าไปที่ต้นโพธิ์ต่อหน้าต่อตาเราดื้อๆ
ยอดโพธิ์ไหวกราวราวกับเสียงใครหัวเราะครืนขึ้นพร้อมๆ กัน ไอ้หินด่าลั่น แต่ผมเผ่นขึ้นสะพานได้ก็วิ่งอ้าวจนลมออกหู รวดเดียวเลี้ยวไปหอบแฮกๆ แทบจะสิ้นใจที่กุฏิหลวงตาจันทร์...ตั้งแต่นั้นเราไม่เคยไปดูหนังรอบค่ำเลยครับ! บรื๋ออออ...
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์