"หลานอ้อ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากรีสอร์ตผีสิง
ชมพู่ มดและดิฉันเป็นเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันมาก พวกเราเป็นสาวโสดแม้จะมีเลขสามนำหน้าแล้วก็ตาม! ชมพู่น่ะทำท่าว่าจะได้แต่งงานอยู่รอมร่อ แต่แล้วเกิดเรื่องสุดช็อก...แฟนเธอโดนคาบไปกินซะงั้น! เราเลยชวนชมพู่ไปปลอบใจถึงพัทยา แต่ก็โดนผีหลอกเอาอีก
พระเจ้าช่วยกล้วยทอด! พวกเรานี่สงสัยว่ากำลังดวงตกแน่ๆ เลย!
เดือนที่แล้วชมพู่กระดี๊กระด๊า บอกว่าคุณเคน-หนุ่มออฟฟิศโน้นเลียบเคียงว่าจะให้แม่มาขอ เขาพาเธอไปที่บ้านแล้วด้วย...งานนี้ชัวร์! แต่ไม่ถึงเดือนต่อมา ไอ้ที่เคยมารับมาส่งก็เปลี่ยนไป คุณเคนเกิดงานยุ่งจนไม่มีเวลามาเอาใจสาวชมพู่เหมือนเดิม
ไม่ช้าความก็แตกว่า ไอ้ที่เขาไปยุ่งๆ อยู่น่ะ คือไปแจกการ์ดแต่งงานค่ะ แต่ไม่ใช่กับชมพู่หรอก ชื่อเจ้าสาวในการ์ดคือสาวในที่ทำงานของเขาเอง!
ชมพู่ไม่ได้รับการ์ดแต่มีผู้หวังดีมาบอก ขณะที่เธอกำลังเปิดหนังสือเกี่ยวกับเจ้าสาวเพื่อดูชุดแต่งงานอยู่เพลิด เพลิน ถึงแม้จะสังหรณ์ใจแต่ชมพู่ก็แทบช็อก เธอไม่มีน้ำตาสักหยด ใบหน้าเรียบเฉย เลิกคิ้วนิดๆ อย่างฉงน "งั้นเรอะ?"
คนมาบอกเหตุหวังว่าจะได้เห็นน้ำตาเม็ดโตๆ และเสียงกรี๊ดกร๊าดแบบละครทีวี แต่เมื่อเห็นท่าทีเฉยเมยก็ต้องจ๋อยแด่วกลับไป...เสียใจด้วยค่ะ แต่ก็ขอบคุณที่บอก
มีแต่มดและดิฉันที่รู้ว่าชมพู่เจ็บลึก เพราะใบหน้าที่เรียบเฉยนั้น เธอยิ้มแบบมีแวววิกลจริตยังไงๆ อยู่...แบบนี้เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนสิคะ!
เราทำแบบ...ช่างมันฉันไม่แคร์! แล้วคว้าชุดบิกินีใส่กระเป๋าไปเที่ยวทะเลกันดีกว่า เอ...ไปไหนดี? หัวหินก็สงบสุขเกินไป...งั้นเลือกสไตล์ครึกครื้นเอามันส์ พัทยา ละกัน
ดิฉันขับรถสปอร์ตคู่ใจ มีมดนั่งข้างๆ ส่วนชมพู่สวาปามลองกองอยู่เบาะหลัง
ไปถึงพัทยาสายวันเสาร์...นั่นไง นึกแล้ว! ไม่มีที่พัก โรงแรมดีๆ เต็มหมด แต่เราอยากค้างนี่นา ไม่รู้โชคดีหรือร้าย...เฮ้อ! ไม่อยากให้เรื่องนี้มีโชคร้ายเล้ย! แต่พวกเราดันได้รีสอร์ตแห่งหนึ่งอยู่ใกล้ชายทะเลเสียด้วย แค่เดินข้ามถนนไปก็ถึง
รีสอร์ตแต่ละหลังเป็นห้องชุด เปิดประตูเข้าไปถึงห้องรับแขก มีโต๊ะรับแขกชุดเล็กๆ ถัดไปคือประตูสู่ห้องนอน ทางขวาเป็นห้องน้ำ ทางซ้ายเป็นโต๊ะเครื่องสำอางถูกๆ และตู้เสื้อผ้าแบบบิวด�อิน ใช้ไม้คุณภาพต่ำ
ประตูเลื่อนทำท่าจะหลุดตกราง ปิดได้แค่ครึ่งๆ กลางๆ
เตียงนอนน่ะรับได้สองคนสบายๆ แต่ถ้าสามคนก็เบียดกันหน่อย เขาตั้งโซฟาหนังเทียมสีขาวไว้ให้ด้วย เจตนาคงให้เป็นเตียงเสริม
เมื่อเก็บของเข้าห้อง เราก็ออกตะลุยพัทยากันสนุก ตกค่ำก็หาล็อบสเตอร์อบเนยหม่ำกันอย่างมีความสุข ชมพู่ไม่เคยแตะต้องเครื่องดองของเมา สั่งเบียร์เข้ามาดื่มอั๊กๆ สองขวดใหญ่ แค่สามทุ่มก็หมดสภาพต้องกลับไปนอน ส่วนมดกับดิฉันออกมานั่งริมทะเลรับลมกัน
รีสอร์ตนี้มีเก้าอี้ให้เช่า ครัวก็เปิดจนดึกดื่น เรานั่งคุยกันตามสบาย ฟังเสียงคลื่นออเซาะหาด...อย่างน้อยชมพู่ก็นอนอยู่ใกล้ๆ ในห้อง!
ราวห้าทุ่มครึ่งเราเดินเอื่อยๆ กลับที่พัก มดไขกุญแจเข้าไป ดิฉันเคาะทรายออกจากรองเท้า กำลังเคาะอยู่ดีๆ ก็เกือบหน้าคะมำเพราะมดถอยหลังมาชน
"อ้อ!" เธอไม่ได้อุทานค่ะ แต่ออกชื่อดิฉัน "ใครนั่งอยู่ในห้องก็ไม่รู้?"
ใจหายวาบ ยังไม่นึกถึงผี มือคว้าประตูเพื่อดูเลขห้องให้ถูกต้อง
"ก็ห้องของเรานี่นา ไม่ได้เข้าห้องผิดซักหน่อย"
"เออ..." มดทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ "ชมพู่ก็นอนอยู่ แต่มีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มานั่งดูชมพู่อยู่ที่โซฟาข้างเตียงน่ะ?"
"เฮ้ย!" ดิฉันรีบพรวดเข้าไปในห้องรับแขกจนถึงประตูห้องนอน...ภาพที่เห็นคือ ชมพู่นอนตะแคงหันหน้ามาหา ราววาเศษเป็นโซฟาที่มีผู้หญิงนั่งพิงพนัก วางมือทั้งสองบนตัก...อายุราวยี่สิบต้น ผมยาว สวมชุดนอนไนลอนสีเนื้อ หน้าเขียวคล้ำก้มนิดๆ กำลังตาคว่ำจ้องชมพู่
ดิฉันถอยกรูด...ดูก็รู้ว่านั่นไม่ใช่คน! มดยืนเอามืออุดปากตัวเอง หน้าย่นยู่อย่างเสียวไส้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามดกำลังคิดอะไร...ว่าแต่จะปลุกชมพู่อีท่าไหน?
นาทีต่อมาดิฉันแทบตะโกน "ไปบอกผู้จัดการ!!"
ผู้จัดการไม่อยู่ แต่คนดูแลได้รับฟังเรื่องของเราแล้วทำหน้าตื่นเอามากๆ รีบไปตามผู้หญิงมาสองคน ทำท่าขนลุกขนชัน แต่ก็ต้องมาที่ห้องเราอยู่ เราเปิดไฟแล้วรีบเก็บข้าวของมือสั่น ชมพู่ตื่นขึ้นมางงๆ เราเก็บของให้เธอจนครบแล้วขึ้นรถ...บึ่งกลับกรุงเทพฯ ทันที
ชมพู่เล่าว่าผีอำ เห็นภาพที่ดิฉันกับมดเห็นแต่ขยับไม่ได้ จนคนมาเยอะก็หายไป
ทุกวันนี้เรายังอยู่กันสามคนสบายๆ ชวนกันไปทำบุญและคิดว่าคราวเคราะห์ของเราหมดไปแล้วนะคะ ต่อไปอย่าให้เจอแบบนี้อีกแล้วกัน...ขนหัวลุกค่ะ! บรื๋ออออ...
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์