'ดำรงรักษ์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากห้องเช่ากลางกรุง
สมัยหนุ่มผมเช่าห้องอยู่กับเพื่อนที่หลังวัดแคนางเลิ้ง เป็นบ้านไม้สองชั้นกั้นเป็นห้องๆ ไม่มีตู้เตียงอะไรเลย ผู้เช่าต้องหาซื้อเอาเอง...นี่ไงครับที่เขาเรียกว่า เสื่อผืนหมอนใบ!
ตอนแรกเราต้องนอนบนพื้นกระดานลุ่นๆ อาศัยเสื้อผ้าแทนหมอน ใช้ผ้าขาวม้าต่างผ้าห่ม มีมุ้งกันยุงได้ก็ดีถมไป ต่อมาถึงได้ซื้อเสื่อจันทบูรกับผ้าห่มสีขี้ม้าของทหารจากตลาดนัดท้องสนามหลวงผืนละ 20 บาทมาห่มนอน
ผมมีเพื่อนชื่อลอนหน้าตาหล่อเหลา สูงใหญ่กำยำ ทำงานด้วยกันอยู่ในโรงงานน้ำอัดลมที่หลานหลวง อาศัยว่าเรายังหนุ่มแน่นก็ใช้แรงแลกเงินไปก่อน...มีข้าวกินกับที่ซุกหัวนอนก็ถือว่าดีแล้วสำหรับคนไร้การศึกษา หรือเด็กที่บ้านนอกอย่างพวกเรา
หลังจากมาเช่าห้องอยู่ที่นั่นได้ไม่นาน ลอนก็รู้จักกับเด็กสาวๆ บ้านใกล้ห้องพักถึงสองคน เขาเอามาเล่าอย่างภูมิใจว่าเอื้องกับม่วยเป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ สองสาวเคยถามแปลกๆ ว่า...นอนห้องริมหน้าบ้านใช่ไหม? ไม่กลัวผีหลอกหรือ?!
ลอนตอบว่าใช่! เขาไม่ใช่คนกลัวผี เกิดมายังไม่เคยโดนผีหลอกซักครั้งเดียว
"ถ้ามีผีสวยๆ อย่างเธอสองคนก็อยากถูกหลอกเหมือนกัน ดูซิว่าผีสาวสวยจะหลอกยังไง? ขอให้มาจริงๆ เลยจะเกี้ยวผีให้ดู"
ลอนเป็นคนเจ้าชู้ปากไวอยู่แล้ว เขาเล่าว่าสองสาวยกมือปิดปากหัวเราะคิกคัก ม่วยหน้าแดง แต่ไม่วายต่อปากต่อคำว่า...ขอให้เก่งเหมือนปากเถอะ ไม่ช้าก็ต้องเจอดีแน่ๆ
เรายืนคุยกันที่หน้าต่าง มองไปเห็นบ้านเล็กเรือนน้อยเรียงรายและสุมทุมพุ่มไม้เขียวขจี หน้าบ้านมีต้นจำปีและมะพร้าวอยู่ใกล้รั้วไม้ระแนง ถัดเข้ามาเป็นโต๊ะสนามทำด้วยไม้แผ่นยาว ตอกติดกับม้านั่งทั้งสองฟาก
มีเสียงใครมาถอนใจแรงๆ อยู่ข้างหลัง ผมหันขวับแต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ นอกจากหลอดไฟที่ห้อยอยู่ข้างฝาหัวเตียงจะแกว่งไกวช้าๆ ก่อนจะหยุดนิ่งตามเดิม
เหตุการณ์สยองเกิดขึ้นในคืนนั้นเอง!
ผมกำลังนอนหลับสนิท จมดิ่งอยู่ในห้วงลึก แต่ความรู้สึกเหมือนกำลังตื่นตัวเต็มที่...อาจจะตกอยู่ในความฝันก็ได้ ที่ทำให้ผมมองเห็นผ้ามุ้งไหวนิดๆ ตามสายลมที่พัดโชยเข้ามาทางหน้าต่าง...มีเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นที่หน้าห้อง คงจะเป็นเพราะความเงียบเชียบของยามดึก จึงทำให้ได้ยินเสียงกระดานลั่นเอี๊ยดๆ ตามจังหวะเดิน
ใครคนหนึ่งอาจหยุดอยู่ตรงหน้าห้อง ครู่เดียวเสียงประตูก็เปิดแอ๊ดดด...ขณะที่ผมนอนตัวแข็งทื่อ จ้องมองแทบไม่กะพริบตา!
ประตูเปิดออกช้าๆ ผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏโดดเด่น และเธอก็ก้าวไปที่มุ้งลอนคล้ายกับผ่านเข้าไปเงียบเชียบ ก่อนจะทรุดลงเอนร่างเคียงข้างกับชายหนุ่มผู้หลับสนิท
เสียงทอดถอนใจดังแว่วมา...ภาพต่างๆ เลือนหายไปในราตรีมืดมิดโดยสิ้นเชิง
รุ่งขึ้นเป็นวันหยุดงาน ผมตื่นสายกว่าทุกวัน แต่ยังเห็นลอนนอนสลบไสลราวเกียจคร้านเต็มประดา จนกระทั่งลงไปล้างหน้าสีฟันที่ห้องน้ำชั้นล่างแล้ว ลอนเพิ่งจะงัวเงียตื่น ท่าทางงุนงง หน้าตาร่วงโรยซีดเซียวเหมือนกับอดหลับอดนอนมาตลอดคืน
ผมถามว่าเกิดอะไรขึ้น? ลอนก็ถอนใจยาว นัยน์ตาเลื่อนลอยไป...
เขาเล่าว่าขณะที่กำลังนอนหลับสนิทก็ต้องสะดุ้งตื่น เมื่อเห็นผู้หญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในมุ้ง เอนร่างลงนอนเบียดเคล้า กลิ่นแป้งน้ำหอมกรุ่นและกลิ่นเนื้อสาวที่ทำให้เลือดหนุ่มแตกตื่น พลุ่งพล่านจนเกินจะระงับใจ!
สาวสวยผมยาว นัยน์ตากลมโตสุกใส กำลังเผยอยิ้มยั่วเย้า ก้มหน้าลงมาหาช้าๆ อกอวบโตคู่นั้นบดเบียดกับอกเขา ลอนป่ายแขนไปโอบรัดแผ่นหลังกลมกลึง คลึงเคล้าและลูบไล้ไปตามสะโพกผึ่งผายงอนงาม ใบหน้าขาวๆ ก็แนบกับใบหน้าเขา ลมหายใจเร่าร้อนไม่ผิดกับเปลวไฟที่กำลังลุกวู่วามและคึกคะนอง...
"เกิดมาข้าไม่เคยมีความสุขอย่างนี้มาก่อนเลย" ลอนยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองแล้วถอนใจยืดยาว "ไม่ว่าจะเป็นภูตผีที่ไหนก็มาเถอะ ข้าไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว..."
แทบจะไม่ขาดคำเสียงถอนใจยาวก็ดังขึ้นในห้องนั้น เล่นเอาผมขนลุกซ่าไปทั้งตัว แม้จะกลัวแสนกลัวก็ไม่รู้จะหลบหนีไปอยู่ที่ไหน ตกค่ำเป็นต้องเข้ามุ้ง สวดมนต์ก่อนนอน...มองดูร่างผีสาวเปิดมุ้งเจ้าลอน หลับนอนแบบผัวเมียทุกๆ คืน
ไม่ถึงสองอาทิตย์ด้วยซ้ำ เพื่อนผมที่เคยกำยำล่ำสันก็ผอมโกรกจนแทบจะเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก นัยน์ตาลึกกลวง หมดแรงไปทำงาน...เด็กสาวสองคนคือเอื้องกับม่วยถามถึง ผมก็บอกไปตามตรงว่าลอนได้เมียผีจนเกือบจะกลายเป็นผีอยู่รอมร่อ! เล่นเอาหน้าซีดขาวทั้งคู่
เย็นหนึ่ง เมื่อกลับถึงห้องพักก็เห็นคนมุงดูอยู่หน้าห้อง บางคนก็หันออกมาเป็นลมเป็นแล้งไป...ลอนกลายเป็นซากศพเน่าเฟะ ส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลเหมือนกับตายมาแล้วเกือบสิบวัน!
ผมต้องไปอาศัยนอนกับเพื่อนที่ตรอกขี้เถ้า ไม่อยากมีเมียผีน่ะซีครับ! บรื๋อออ...
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์