"หนูจ๋า"เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากห้องเช่า
หนูเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เขาว่าผีชุมมาก ผิดกว่ากรุงเทพฯ ที่บ้านเมืองเจริญแล้วแถมคนยังหลอกเก่งกว่าผีด้วยซ้ำ ที่ไหนได้ล่ะคะ หนูมาโดนผีหลอกที่กรุงเทพฯ นี่เอง
เรื่องนี้เกิดขึ้นเกือบสิบปีแล้ว คือพี่สาวหนูไปทำงานกรุงเทพฯ เป็นแคชเชียร์ในคาเฟ่แถวสะพาน ควาย เวลาพี่แอนกลับบ้านหนูชอบฟังพี่เขาเล่าเรื่องกรุงเทพฯ หนุ่มๆ สาวๆ แต่งตัวสวยงามได้เที่ยวเตร่กันน่าสนุกนักหนา หนูถามว่าเหมือนในหนังและทีวีใช่ไหม?
พี่แอนตอบว่าไม่เหมือนหรอก...ของจริงสวยงามกว่าตั้งร้อยเท่า!
บอกตรงๆ ว่าหนูอยากไปเที่ยวกรุงเทพฯ มากเลย พอดีพี่แอนมาตอนปิดเทอมปลาย ก่อนสงกรานต์เกือบเดือน หนูเลยอ้อนวอนขอไปเที่ยวกรุงเทพฯ ด้วย แค่ 3-4 วันก็ยังดี
ตอนแรกพ่อแม่ไม่ยอมเพราะเป็นห่วง พี่แอนทำงานกลางคืน หนูจะอยู่คนเดียวได้ยังไง? แต่พี่แอนก็ช่วยพูดว่าไม่มีปัญหา ห้องเช่าติดๆ กันมีเยอะ พอจะฝากฝังคนที่ไว้ใจได้ ข้อสำคัญอย่าหนีเที่ยวก็แล้วกัน! อารามอยากไปหนูบอก โอ๊ย...สาบานได้เลยว่าไม่ไปไหนคนเดียวเด็ดขาด กับคนอื่นก็ไม่ไปด้วยค่ะ
พี่สาวคงสงสาร เลยบอกพ่อแม่ว่าจะดูแลน้องอย่างดีที่สุด อาจจะหยุดงานต่ออีกสัก 2-3 วันก็ได้ พ่อแม่จะได้หมดห่วง...หนูเลยได้ไปเที่ยวกรุงเทพฯ สมใจจริงๆ
ห้องเช่าพี่แอนอยู่ในซอยลอยมาค่ะ หนูตกใจที่เห็นบ้านตึกสองชั้นมีรั้วรอบขอบชิด แต่มีห้องเยอะแยะเหลือเกิน ส่วนมากเป็นผู้หญิงก๋ากั่น อ้อมห้องชั้นล่างไปขึ้นบันไดจนถึงห้องพักชั้นสอง เป็นห้องแคบๆ ที่มีเตียง พัดลมเพดาน และตู้เสื้อผ้าพลาสติกอยู่ตรงข้ามกับเตียง
ใกล้ๆ นั้นเป็นโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ มีโต๊ะพับได้กับเก้าอี้สองตัว ใช้รับแขกกับกินข้าวเสร็จ ปลายเตียงมีชั้นวางแก้วและถ้วยชาม ขวดกาแฟ น้ำตาล กระติกน้ำแข็ง ขวดน้ำปลาแม็กกี้ หม้อหุงข้าวไฟฟ้ากับกาต้มน้ำอยู่ชั้นล่างสุด
ข้างฝามีภาษิตติดพราว เช่น "ตนเป็นที่พึ่งของตน" "เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายหายาก" "ชีวิตคือความฝัน สิ่งสำคัญคือเงินตรา" "รักแท้คือแม่ข้า" ฯลฯ
วันแรกหนูก็ให้พี่แอนพาเที่ยวกรุงเทพฯ ทันที ทั้งประตูน้ำ สยามสแควร์ ท้องสนามหลวง เดินห้าง ดูหนัง และกินอาหารอร่อยๆ หนูเห็นหนุ่มสาวหล่อๆ สวยๆ แต่งตัวสุดเท่เดินหัวเราะต่อกระซิกผ่านไปมา เผลอมองจนเหลียวหลัง พี่แอนต้องดุเลยล่ะค่ะ
ตกกลางคืนพี่แอนพาไปอาบน้ำห้องรวม ถือขันและสบู่กับผ้าเช็ดตัวไปด้วย...พอเข้านอนก็หลับเป็นตาย!
รุ่งขึ้นเราออกไปกินก๋วยเตี๋ยวผัดไทยเจ้าอร่อยที่ปากซอย แล้วเที่ยวชมกรุงอีกวัน ตอนเย็นกลับห้องพัก พี่แอน ก็บ่นถึงที่ทำงาน หนูก็ยุให้ไปเถอะเพราะอยู่คนเดียวได้ รับรองว่าจะไม่ไปเที่ยวไหน พรุ่งนี้ตอนบ่ายๆ ขอไปดูวัดพระแก้วสักหน่อยก่อนจะขึ้นรถทัวร์กลับบ้าน
คืนสุดท้ายในกรุงเทพฯ หนูต้องนอนคนเดียวค่ะ พี่แอนสัญญาว่าจะกลับมาไม่เกินตีสาม...หนูก็หลับสบายเหมือนคืนแรก
ไม่รู้ว่าได้นอนเต็มอิ่มหรือเพราะเสียงแปลกๆ ที่ได้ยินทำให้หนูตื่นขึ้นมา!
"ช่วย...ด้วย..." เสียงผู้หญิงดังแผ่วๆ อยู่ใกล้หู ตอนแรกหนูนึกว่าหูแว่วไปเอง แต่เสียงสะอื้นเบาๆ ก็ดังตามมาอีก "โอย! ปวดเหลือเกิน ช่วยด้วย..."
ใครน่ะ? หนูนึก หูตาสว่างเต็มที่ เปิดไฟดูนาฬิกาปลุกหัวเตียงก็เห็นตีสองกว่า หนูนอนตั้งแต่สามทุ่มโดยเปิดเทปฟังเพลงจนหลับ ประตูก็ใส่กลอนเรียบร้อย รอให้พี่แอนมาเคาะเรียกราวตีสาม แต่...ในห้องก็ว่างเปล่านี่คะ!
นัยน์ตาหนูมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ ลุกขึ้นมานั่งมองอยู่ใต้พัดลมครางหึ่ง...จู่ๆ ก็หนาวเยือกไปทั้งตัว ขนลุกซู่เมื่อเสียงนั้นดังขึ้นอีก
"ช่วยด้วย...ฉันปวดมาก! โอย..." เสียงครวญครางทำให้หนูอ้าปากค้าง ลืมตาโพลง ขนหัวคล้ายจะลุกชันเมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากตู้พลาสติกข้างฝานั่นเอง หนูถอยกรูดๆ ไปจนหลังพิงฝา กลัวจนอยากจะร้องไห้โฮ...ใครน่ะเข้าไปร้องไห้อยู่ในตู้?
คำตอบคือเสียงรูดซิปเบาๆ จากด้านขวางมาถึงด้านหน้า ฝาพลาสติกทั้งสองข้างเปิดลงมาช้าๆ โอย...หนูกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น อยากจะหลับตาแต่ก็ยิ่งเบิกโพลง มองดูภาพสยองสุดขีดที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา...แล้วหนูก็ได้เห็นภาพนั้นค่ะ
คุณพระคุณเจ้า! ร่างเล็กๆ นั่งขดงอก่อ ผมยาวแทบปิดหน้า ค่อยๆ เบือนมามองด้วยนัยน์ตาลึกกลวงดำมืด เลือดแดงฉานไหลย้อยลงมาตามแก้มและคางช้าๆ ราวกับภาพในคืนฝันร้าย ท่ามกลางความเงียบจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นกระหน่ำ
"โอ๊ย!" หนูแผดร้องสุดเสียง หลับตาปี๋ ร้องลั่นๆ จนแสบแก้วหู มีเสียงทุบประตูโครมคราม แต่หนูลุกไม่ได้ค่ะ...ในที่สุดประตูก็พัง พี่แอนวิ่งนำหน้าเพื่อนเข้ามาหาหนูที่ร้องไห้โฮ โผกอดพี่สาวแล้วหมดสติไปเลย
ทุกวันนี้หนูทำงานอยู่บ้านเดิม นึกถึงคืนผีหลอกที่กรุงเทพฯ แล้วเข็ดจนตายค่ะ!
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์