คนเหนือ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากริมฝั่งแม่น้ำปิง
สมัยเด็กๆ ผมเคยฟังพวกผู้ใหญ่เขาเล่าเรื่องผีๆ สางๆ ต่างๆ นานาสารพัดชนิดไม่ว่าผีโป่ง ผีป่า ผีปอบ ผีกระสือ ผีตายทั้งกลม รวมทั้งผีตายโหงตายห่าสารพัด โดยเฉพาะผีตกน้ำตายที่มาเอาชีวิตคนไปเซ่นแม่น้ำปิงทุกปี!
แม้ว่าจะเกิดและเติบโตริมแม่น้ำที่ตำบลระแหง จังหวัดตาก ว่ายน้ำเก่งเกือบพอๆ กับปลา แต่พวกเราก็กลัวผีน้ำกันทุกคนแหละครับ เพราะไม่รู้นี่นาว่ามันจะแอบซ่อนอยู่ที่ไหน? รอคอยฉุดขาเราจมดิ่งลงไปใต้น้ำจนขาดใจตายเมื่อไหร่?
แต่ผีที่น่าสนใจและชวนให้ตื่นเต้นมากที่สุด ก็คือผีผู้หญิงที่แปลงตัวมาหาผู้ชายหนุ่มๆ แล้วร่วมหลับนอนด้วยตลอดคืน
พูดง่ายๆ ว่า "เมียผี" นั่นแหละครับ!
เล่ากันว่าผีแบบนี้มีเยอะแยะหลายประเภท คือมีทั้งนางตานี ผีป่า นางตะเคียนและนางเงือก เป็นต้น แถมยังมีนิสัยขี้หึง ดุร้ายน่ากลัวยิ่งกว่าผู้หญิงธรรมดาทั่วๆ ไปซะด้วยซ้ำ
ไม่คิดเลยว่าเมื่อเติบโตเป็นหนุ่มฉกรรจ์ มีอาชีพรับจ้างล่องแพไปปากน้ำโพจะเจอะเจอเข้ากับตัวเองอย่างชนิดจังๆ
ตอนนั้นผมยังโสด เพิ่งจะเขยิบจากคนงานทั่วๆ ไปมาเป็นคนลงหลักโทได้ไม่กี่เดือน มองเห็นอนาคตคนลงหลักเอกอยู่ไม่ไกลเกินฝัน...แต่ว่าดันเจอะเจอเรื่องขนหัวลุกเข้าเต็มเปา ไม่ขาดใจตายคาที่ก็นับว่าเป็นบุญเหลือหลายแล้ว
เรื่องเป็นยังงี้ครับ!
เราล่องแพซุงจากระแหงไปตามลำน้ำปิงอันคุ้นเคย เป็นไม้กระยาเลยล้วนๆถึงห้าสิบท่อน ลุงอินเจ้าของแพเป็นคนถือท้ายเรือยนต์และทำหน้าที่นำร่องด้วยตัวเอง เพราะบางช่วงก็น้ำไหลเชี่ยว มีคุ้งคดโค้งน่ากลัวหลายแห่ง แถมใต้น้ำยังมีตอที่ต้องหลบเลี่ยงให้ดีอีกด้วย
ยิ่งถ้าเกิดฝนตกหนัก พายุโหมกระหน่ำอื้ออึง สายน้ำไหลแรงและเชี่ยวกรากปานกำลังคลุ้มคลั่ง ถ้าไม่ช่ำชองกับเส้นทางจริงๆ อาจจะทำให้แพถูกเหวี่ยงไปฟาดกับท้ายเกาะแก่งได้ง่ายๆ ขนาดคนนำร่องปีนขึ้นไปดูอยู่บนพะองแล้วก็เถอะเอ้า!
โอย...ไม่ว่าหัวแพหรือท้ายแพก็เถอะครับ ฟาดตูมเข้าไปก็มีแต่จะแตกกระจายเพราะสายน้ำเชี่ยวควั่กทั้งนั้นแหละ
คนลงหลักเอกกับหลักโทนี่ก็เป็นกำลังสำคัญ ในการปักหลักครูดไถกับพื้นทรายใต้น้ำ จนปักหลักยึดแพได้สำเร็จ...นายจ้างก็ค่อนข้างเกรงอกเกรงใจคนลงหลักพอสมควร
เที่ยวนั้นทำท่าว่าจะไม่มีปัญหาอะไร แม้ว่าจะผ่านคลองขลุงไปแล้วเมื่อตอนบ่าย ดินฟ้าอากาศแจ่มใสทำให้การเดินทางราบรื่นจนแทบจะมั่นใจว่ารุ่งขึ้นคงถึงปากน้ำโพแน่นอน
ตกเย็นเราก็เทียบแพเข้าที่หาดทรายข้างเกาะใหญ่เพื่อค้างคืนที่นั่น
คนงานลงอาบน้ำเล่นน้ำบ้าง เข้าไปพักผ่อนในเพิงที่เรียกว่าทับแถวท้ายแพบ้าง ใครขยันก็ลงไปหากุ้งหาปลา บ้างก็ลุยพงอ้อกอหญ้าขึ้นเกาะ มีทั้งผักบุ้งผักเบี้ยและตำลึง ละหุ่งแดง มะเดื่อ กอไผ่รวกรกครึ้ม ดูเงียบเชียบน่าร่มรื่นดีแท้
ผมอยู่ในกลุ่มหลังเพราะไม่ได้เหน็ดเหนื่อยอะไรมาก เคยได้ยินเขาลือว่าเกาะนี้เคยมีคนอยู่ แต่เดี๋ยวนี้หายหน้าไปหมดแล้ว
เมื่อปีนป่ายขึ้นไปเดี๋ยวเดียวก็เห็นหลังคากระท่อมเก่าแก่จริงๆ จนกระทั่งผ่านรั้วหนามไผ่ที่สะไว้ไม่แน่นหนาอะไร...กระท่อมร้างนั่นคล้ายมีมนต์ดึงดูดใจให้เดินไปหาไม่รู้ตัว
แทบไม่น่าเชื่อที่เห็นแคร่ไม้ไผ่ริมฝาในกระท่อมหลังคาโหว่ ดูเหมือนจะเพิ่งปัดกวาดไปหยกๆ จนผมหย่อนตัวลงนั่ง เหลียวซ้ายแลขวางุนงงว่าจะร้างจริงหรือเปล่า...ก็พอดีมีสาวสวยนุ่งกระโจมอกก้าวเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้ตื่นตะลึงทันใด
คะเนว่าอายุยี่สิบต้นๆ ผิวคล้ำเนียน ผมดำขลับยาวสยายประบ่า อกอวบอัดสะเอวคอดบางแต่สะ โพกกลับผึ่งผาย ยามเยื้องกรายเข้ามาทำให้ก้อนเนื้อไหวกระเพื่อม...มองสบตาด้วยวี่แววหยาดเยิ้มขณะที่นั่งลงเคียงข้าง กลิ่นคล้ายดอกไม้ป่าหอมกรุ่นจนผมตาพร่ามึนจนคิดอะไรไม่ออก ได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ เอียงหน้ามาหาด้วยอาการยั่วยวน
ผมโอบร่างอวบละมุนเข้ามากอดจูบลูบเคล้า ผ้าซิ่นลุ่ยลงมากองอยู่บนตักขณะที่ผมฝังหน้าลงกับความขาวผ่องดีดดิ้น หอมซ่านจนลืมตัวลืมตายโดยสิ้นเชิง!
กาลเวลาผ่านไปช้าเร็วแค่ไหนก็สุดรู้ จนกระทั่งได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อดังแว่วมาจากด้านล่าง ผมลุกขึ้นนั่งสะบัดหัวงุนงง...คิดว่าคงจะเคลิ้มหลับไปก่อนจะก้มลงมองที่แคร่...
ไม่มีสาวสวยอวบอั๋นอยู่ที่นั่น นอกจากหญิงเฒ่าผมหงอกกระเซิง ผอมแห้งมีแต่หนังหุ้มกระดูก แก้มยุบนัยน์ตากลวงลึกกำลังยิ้มคล้ายแสยะ...เล่นเอาผมตาลายพร่า แก้วหูลั่นเปรี๊ยะแทบระเบิดออกมา แผดร้องจ้าสุดเสียง... เผ่นกระเจิงออกจากกระท่อมอุบาทว์นั่นทันใด
เพราะเหตุนี้เองที่ผมบอกว่าไม่หัวใจวายคาที่ก็นับว่าเป็นบุญแล้วครับ! บรื๋อออ...
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์